“Remy Gardner” ยังคงทำผลงานได้ดีกับทีมทดสอบ MotoGP ของ Yamaha

“Remy Gardner” กับการทดสอบของ Yamaha Factory Racing

“Remy Gardner” ยังคงทำผลงานได้ดีกับทีมทดสอบ MotoGP ของ Yamaha Factory Racing ในรายการ Monster Energy British Grand Prix เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นักบิดชาวออสเตรเลียผู้ทำผลงานได้ดีในทุกรอบการแข่งขันในสุดสัปดาห์นี้ เขาจบการแข่งขันในอันดับที่ 18 และด้วยการใช้อุปกรณ์ใหม่ในการแข่งขัน เขาจึงสามารถให้ข้อมูลอันมีค่าแก่ Yamaha ได้

#MotoGP #MotoGP2024 #Yamaha #YamahaFactoryRacing #MonsterEnergyYamahaMotoGP #RemyGardner #Silverstone #BritishGP #TissotSprint

“ก้อง-สมเกียรติ” ซิวกริด 13 โมโตทู ซิลเวอร์สโตน

“ก้อง” สมเกียรติ ควอลิฟาย ออกตัวแถว 4 ซิลเวอร์สโตน
การแข่งขันรอบควอลิฟาย คืนวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพื่อจัดอันดับสตาร์ต ผลการปรากฏว่า “ก้อง” สมเกียรติ หมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ยกระดับความเร็วของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง คว้ากริดที่ 13 ในรุ่น โมโตทู มาครองด้วยเวลาต่อรอบ 2 นาที 3.531 วินาที
นักบิดไทยเจ้าของรถแข่งหมายเลข 35 ได้รับการยกย่องอย่างมากจากสื่อต่างประเทศและผู้บรรยายการแข่งขัน โมโตจีพี ในช่วง 2 สนามที่ผ่านมา จากการออกตัวในกริด 17 ที่ แอสเซ่น และ ซัคเซนริง ก่อนไล่แซงเดือดเข้าเส้นชัยคว้าอันดับที่ 5 และอันดับที่ 6 ส่วนผลงานในปีก่อนหน้านี้ที่ ซิลเวอร์สโตน นักบิดไทยออกตัวจากกริดที่ 14 บิดคว้าอันดับที่ 9
“ก้อง-สมเกียรติ” กล่าวว่า “วันเสาร์ผมทำเวลาต่อรอบดีขึ้นผ่านเข้า Q2 และปรับปรุงเวลาได้เร็วขึ้นอีกครับ แต่ข้างหน้าก็เร็วขึ้นไปอีก เราตามกลุ่มหน้าราว 0.5 วินาที ยังต้องพัฒนาต่อครับ ฝากพี่น้องชาวไทยเป็นกำลังใจให้ด้วย ผมจะสู้อย่างเต็มที่และทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดครับ”
ด้าน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดไทยหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ยกระดับขึ้นอย่างมากในการควอลิฟายของรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ กับครั้งแรกของชีวิตที่ลงบิดในสนาม ซิลเวอร์สโตน ด้วยการคว้ากริดที่ 19 มาครอง 2 นาที 11.514 วินาที โดยนับเป็นกริดสตาร์ตที่ดีที่สุดของเจ้าตัวใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ สร้างโอกาสลุ้นแต้มอย่างเต็มตัว
“ก๊องส์-ธัชกร” กล่าวว่า “วันนี้เป็นการควอลิฟายที่ดีที่สุดสำหรับผม อีกนิดเดียวจะผ่านเข้า Q2 แต่ก็ทำเต็มที่ครับ สำหรับวันพรุ่งนี้จะพยายามเพื่อคว้าแต้มให้ได้”
ทั้งนี้ ศึก บริติช กรังด์ปรีซ์ จะดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคมนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 17.15 น. ต่อด้วย โมโตจีพี 19.00 น. และโมโตทู ในเวลา 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง True SPOTV

“ก้อง-สมเกียรติ” รั้งอันดับ 12 ซ้อมวันแรก โมโตทู ซิลเวอร์สโตน

“ก้อง-สมเกียรติ”ชี้เตรียมยกระดับเซ็ตติ้งให้เหมาะสมกับการแข่งขันในวันอาทิตย์

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” รั้งอันดับ 12 ซ้อมวันแรกในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 สนาม 10 ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต สหราชอาณาจักร เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าตัวชี้เตรียมยกระดับเซ็ตติ้งให้เหมาะสมกับการแข่งขันในวันอาทิตย์มากที่สุด

“ก้อง-สมเกียรติ” เผยว่า “วันแรกเราซ้อมในช่วงเช้า FP และ P1 ทำเวลาได้ค่อนข้างดีครับ เซ็ตติ้งก็ค่อนข้างดีเช่นกัน ผมพยายามขี่ลองรันเก็บรายละเอียดกับยาง ที่จะใช้ในการแข่งขันวันอาทิตย์ ช่วงบ่ายผมพยายามขี่คนเดียวเพื่อหาเวลาต่อรอบให้นิ่งมากที่สุด ถือว่าผลเป็นบวก แต่ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาขึ้นไปอีก ผมจะสู้เต็มที่เหมือนเดิมครับ ฝากพี่น้องแฟนๆ ชาวไทยเป็นกำลังใจเชียร์ด้วยครับ”

ด้าน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดไทยเจ้าของหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ซึ่งรั้งอันดับ 24 จากการซ้อมวันแรกของ โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนขิพ ด้วยเวลาต่อรอบ 2 นาที 13.261 วินาที เผยว่า “รู้สึกสนุกและตื่นเต้นที่ได้ลงขี่ครั้งแรกในสนามนี้ ทำการเก็บข้อมูลและยกระดับความเร็วได้ดีขึ้น”

ทั้งนี้ ศึก บริติช กรังด์ปรีซ์ จะแข่งขันรอบควอลิฟายวันเสาร์ที่ 3 สิงหาคมนี้ และดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคมนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 17.15 น. ต่อด้วย โมโตจีพี 19.00 น. และโมโตทู เป็นรุ่นสุดท้ายในเวลา 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง SPOTV

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #BritishGP

ฉลอง 75 ปี โมโตจีพี ลุยศึก “บริติช กรังด์ปรีซ์”

3 นักบิดยามาฮ่า กับ ลายรถแข่งประวัติศาสตร์

“มอนสเตอร์ ยามาฮ่า” หนึ่งในยอดทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ในประวัติศาสตร์จักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก เปิดตัวรถแข่งลายพิเศษ “ฉลอง 75 ปี โมโตจีพี” ลวดลายสุดคลาสสิก ด้วยแรงบันดาลใจจากตำนานแชมป์โลกอย่าง ยาร์โน ซาริเนน และ จิอาโคโม อกอสตินี เพื่อลุยศึก โมโตจีพี สนาม 10 รายการ บริติช กรังด์ปรีซ์ สุดสัปดาห์นี้ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต สหราชอาณาจักร

การแข่งขันในสุดสัปดาห์นี้ เป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปี ของศึก โมโตจีพี ซึ่งรถแข่งจากทุกทีมจะถูกส่งลงสนามใน “เมนกรังด์ปรีซ์” ด้วยคอนเซ็ปต์ “เรโทร โมโตจีพี” รวมถึง มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ที่มาด้วยลายคลาสสิกในยุค 1961 ซึ่งเป็นปีแรกที่ ยามาฮ่า เข้าร่วมล่าความสำเร็จใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ในสีขาว/แดง

ลายพิเศษนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากนักบิดระดับตำนานของ ยามาฮ่า อย่าง ยาร์โน ซาริเนน และ จิอาโคโม อกอสตินี ที่ลงบิดด้วยรถแข่ง YZR500 ในขณะนั้น ซึ่งถูกใช้เป็นลายสำหรับ 3 นักบิดของทีมอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร, อเล็กซ์ รินส์ และ เรมี การ์ดเนอร์ ที่จะใช้ลงแข่งขันใน ซิลเวอร์สโตน สุดสัปดาห์นี้

สำหรับ ยามาฮ่า นับตั้งแต่ที่ก้าวเข้าสู่ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ในปี 1961 พวกเขาคว้าชัยชนะมาครองได้ถึง 520 กรังด์ปรีซ์, คว้าแชมป์โลกประเภทนักบิดได้ 39 สมัย, ครองแชมป์ประเภทผู้ผลิต 37 สมัย และเป็นแชมป์โลกประเภททีม 7 ครั้ง

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaMotoGP24
#YamahaFactoryRacingTeam #MonsterEnergyYamahaMotoGPteam
#FQ20 #AR42

“ก้อง-สมเกียรติ” ฟอร์มเฉียบ! รั้งรองจ่าฝูงซ้อมแรก โมโตทู สนาม 10 ซิลเวอร์สโตน

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา กดเวลาช่วงท้ายทะยานรั้งรองจ่าฝูง ซิลเวอร์สโตน

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ฟอร์มเฉียบ ประเดิมซ้อมแรกในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 สนาม 10 รายการ บริติช กรังด์ปรีซ์ ได้อย่างยอดเยี่ยม กดเวลาช่วงท้ายทะยานรั้งรองจ่าฝูง ด้วยเวลาต่อรอบ 2 นาที 4.284 วินาที ตามหลังผู้นำเพียง 0.263 วินาทีเท่านั้น ส่งสัญญาณยอดเยี่ยมในการล่าโพเดียมสุดสัปดาห์นี้ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต สหราชอาณาจักร

ขณะ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งชาวไทยจาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ลงบิดในสนาม ซิลเวอร์สโตน ครั้งแรกในชีวิต โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ในการซ้อมครั้งแรกสร้างความคุ้นเคย และเรียนรู้สนาม รั้งอันดับ 24 ด้วยเวลาต่อรอบ 2 นาที 14.049 วินาที

ทั้งนี้ “ก้อง-สมเกียรติ” และ “ก๊องส์-ธัชกร” จะลงซ้อมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในช่วงค่ำวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมนี้ ก่อนจะจับเวลารอบควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ตในวันเสาร์ที่ 3 สิงหาคมนี้ และดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคมนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 17.15 น. ต่อด้วย โมโตจีพี 19.00 น. และโมโตทู เป็นรุ่นสุดท้ายในเวลา 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง SPOTV

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #BritishGP

ยามาฮ่าเดินหน้าสนับสนุนสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต่อเนื่องปีที่ 14

ยามาฮ่าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวสโมสรชุดลุยศึกฤดูกาล 2024/25

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมถ่ายภาพกับ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทัพนักเตะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมด้วยอีก 24 พันธมิตรของทัพปราสาทสายฟ้า ในงานแถลงข่าวเปิดตัวสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชุดลุยศึกประจำฤดูกาล 2024/25 โดย บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถือเป็นพันธมิตรที่ดีมาอย่างยาวนานต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 พร้อมกันนี้ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประกาศเดินหน้าคว้าแชมป์ทุกรายการในปีนี้รวมถึงแชมป์ไทยลีกเป็นสมัยที่ 10

โดยงานแถลงข่าวเปิดตัวสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในครั้งนี้มีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ภายในงาน “ลมหายใจของแผ่นดิน” ณ บริเวณ หน้าสนามช้าง อารีน่า จ.บุรีรัมย์ เมื่อเร็วๆ นี้

“ยามาฮ่า” ต่อสัญญา “รินส์” 2 ปี คัมแบ็กจับคู่ “กวาร์ตาราโร” สุดสัปดาห์นี้

“มอนสเตอร์ ยามาฮ่า” ประกาศต่อสัญญากับ อเล็กซ์ รินส์ อย่างเป็นทางการ

“มอนสเตอร์ ยามาฮ่า” ยอดทีมในศึก โมโตจีพี ประกาศต่อสัญญากับ อเล็กซ์ รินส์ นักบิดสแปนิชอย่างเป็นทางการ 2 ปี นั่นจะทำให้เขาทำงานร่วมกับทีมเมทชาวฝรั่งเศสอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ไปถึงปี 2026 พร้อมคัมแบ็กจากอาการบาดเจ็บลงสนามสุดสัปดาห์นี้ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต, สหราชอาณาจักร

ศึก โมโตจีพี 2024 คัมแบ็กกลับมาดวลความเร็วกันอีกครั้ง หลังพักกันนานถึง 4 สัปดาห์ โดยจะชิงชัยกันในรายการ บริติช กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 2-4 สิงหาคมนี้

ล่าสุดช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ประกาศต่อสัญญาอย่างเป็นทางการกับ อเล็กซ์ รินส์ นักบิดสแปนิช ออกไป 2 ปี โดยเจ้าของรถแข่งหมายเลข 42 จะจับคู่กับ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ทีมเมทชาวฝรั่งเศสในปี 2025-2026

ทั้งนี้ รินส์ ได้รับข่าวดีพร้อมกับการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ คัมแบ็กลงบิดให้กับทีมอีกครั้งในสุดสัปดาห์นี้ที่ ซิลเวอร์สโตน ขณะเดียวกัน เรมี การ์ดเนอร์ นักบิดออสเตรเลียนจะลงทำหน้าที่ไวลด์การ์ด แทนที่ คาล ครัทช์โลว์ นักบิดทดสอบประจำทีมที่มีอาการบาดเจ็บ

ทั้งนี้ ศึก บริติช กรังด์ปรีซ์ จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมนี้ ก่อนจะจับเวลารอบควอลิฟายและแข่งขัน “สปรินต์เรซ” ในวันเสาร์ที่ 3 สิงหาคมนี้ และดวลความเร็วรอบ “เมนกรังด์ปรีซ์” ในวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคมนี้ 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง SPOTV

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaMotoGP24
#YamahaFactoryRacingTeam #MonsterEnergyYamahaMotoGPteam #AR42

Yamaha Moto Challenge Season9 Round 2 Thailand Circuit จากโพลสู่แชมป์ พร้อมเก็บคะแนนขึ้นนำหัวแถว

นักบิดอีเทค จากโพลสู่แชมป์ พร้อมเก็บคะแนนขึ้นนำหัวแถว

โครงการเรียนรู้วิชาชีพมอเตอร์สปอร์ต Yamaha Moto Challenge Season 9 ได้เดินทางมาถึงภาคปฎิบัติสนามที่ 2 ของซีซั่น 21 ทีมแข่งเด็กช่างอาชีวศึกษาเอกชน โชว์สเต็ปอัพขยับชั้นเชิงเทคนิคการขี่รถแข่ง YAMAHA  R15 สร้างสรรค์เกมน่าสนุกและเร้าใจ บนสนามแข่งไทยแลนด์ เซอร์กิต10 รอบสนามของการแข่งขัน

เริ่มต้นด้วยนักบิดอีเทค ภูริณัฐ ศรีบุรินทร์ (915) ที่ทำโพลโพซิชั่นสตาร์ทหัวแถว พุ่งชิงเก็บโฮลช็อตในโค้งแรก พร้อมกับเดินคันเร่งฉีกหนีเพื่อนร่วมแทร็คที่ตามหลังกันมาเป็นกลุ่มใหญ่ โดยนักบิดยันหว่างทีม สวนแก้ว พระนอนเขต (19) เทคโนโลยีฐานเทคโนโลยี ขึ้นนำในกลุ่มไล่ล่าและตามประกบติดด้วย,นักบิดไดโนซ่าร์ อดิศร ผาลา (5) วิทยาลัยอาชีวศึกษากาฬสินธุ์,ธนาธิป สังสุด (45) อาชีวศึกษาภักดีพณิชยการและเทคโนโลยี กำแพงเพชร,ธนภูมิ เทียบผา (23) พิราบดำมีนบุรีโปลีเทคนิค ส่วนอีกหนึ่งตัวเต็งแชมป์สนาแรก รัฐภูมิ สงมูลนาค (18) เทคโนโลยีมหาชนะชัย ที่มีอาการบาดเจ็บจากการล้มในรอบควอลิฟาย โชว์สุดยอดสปิริตจิตวิญญาณนักกีฬา หลังจากได้รับอนุญาติจากทางแพทย์สนามแล้วตัดสินใจเลือกที่จะฝืนอาการเจ็บลงแข่งขันด้วยความมุ่งมั่นตามสไตล์เด็กช่างอีสาน

ภูริณัฐ ศรีบุรินทร์ (915) หลังจากขึ้นนำแล้วยืนระยะเวลาต่อรอบได้นิ่ง พร้อมทำเบสต์แล็พของการแข่งขันได้ที่ 1:42.303 นาที ส่วนที่เหลือนั้นหลังจากจัดแถวแบ่งกลุ่มกันแล้ว ต่างงัดชั้นเชิงการบิดที่ผ่านการเทรนนิ่งจาก ครูปุ้ย-ธิดารัตน์ แย้มรักษา สร้างเกมความสนุกที่น่าตื่นเต้นจนถึงรอบสุดท้าย โดยเดอะวินเนอร์ของสนามนี้ ตกเป็นของนักบิดอีเทค ภูริณัฐ ศรีบุรินทร์ (915)  แบบไร้ปัญหา

ส่วนอันดับ 2 ตกเป็นของ ธนาธิป สังสุด (45) อาชีวศึกษาภักดีพณิชยการและเทคโนโลยี กำแพงเพชร อันดับ 3 เป็นของ พิราบดำมีนโป ธนภูมิ เทียบผา (23) อันดับ 4 เป็นของ สวนแก้ว พระนอนเขต (19) เทคโนโลยีฐานเทคโนโลยี อันดับ 5 สุริยา คำปลิวเทคโนโลยีพังโคนพณิชยการ

โดยชัยชนะในครั้งนี้ของนักบิดอีเทค ภูริณัฐ ศรีบุรินทร์ (915)  ส่งผลให้คะแนนสะสมขึ้นนำหัวแถวตาราง มี 37 คะแนน โดยมี ธนภูมิ เทียบผา (23) คะแนนไล่ตามหลังมาอยู่ 30 คะแนน สวนแก้ว พระนอนเขต (19) ขยับตามติดที่ 26 คะแนน อันดับ 4 เป็นของ ชยณัฐ (59) โคตรปัญญา เทคโนโลยีวานรนิวาส มี 20 คะแนน และอันดับ 5 เป็นของ รัฐภูมิ สงมูลนาค (18) ที่มี 20 คะแนนเท่ากับนักบิดวานรนิวาส

สำหรับการแข่งขันภาคปฏิบัติสนามที่ 3 จะกลับมาแข่งขันกันที่ สนามไทยแลนด์ เซอร์กิต อีกครั้ง ในวันที่ 31 ส.ค.-1ก.ย. 2567

Husqvarna Norden 901 พร้อมผจญภัยทุกมุมโลก

Husqvarna Norden 901 ยอดเยี่ยมบนถนนและเส้นทางออฟโรด

ค้นหาโลกในแบบของคุณ ด้วย Norden901 รถมาตรฐานสูงจาก Husqvarna ที่พัฒนาและออกแบบมาเพื่อเจาะตลาดรถแอ๊ดเว็นเจอร์โดยเฉพาะ นี่คือรถที่จะช่วยตอบโจทย์การเดินทางให้กับนักเดินทางนักผจญภัยที่พร้อมมุ่งสู่พื้นที่ลับเฉพาะทุกมุมโลกด้วยด้วยคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมในการขับขี่บนถนนและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมในการลุยเส้นทางออฟโรด มันคือรถจักรยานยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อการเดินทางไกลที่พร้อมให้ความสะดวกสบายในการขับขี่จากขุมพลังเครื่องยนต์แบบparallel twin engine ขนาด 889 ซี.ซี. ด้วยเครื่องยนต์ที่แข็งแกร่งและมีแรงบิดที่ดี พร้อมล้อและยางแบบออฟโรด และพื้นที่กว้างขวางสำหรับบรรทุกผู้โดยสาร Norden 901 จึงเป็นรถจักรยานยนต์ที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์และมีความสามารถสูง ได้รับการออกแบบและเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในทุกการผจญภัย อานนั่งที่นุ่มสบายและหลักสรีรศาสตร์สมัยใหม่ พร้อมด้วยระบบกันสะเทือน WP แบบไดนามิก ผสมผสานกันเพื่อมอบความสบายเป็นพิเศษตลอดทุกการเดินทางสร้างประสบการณ์ของคุณ

เพียงตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางของคุณ แล้ว Norden 901 พร้อมจะพาคุณไปที่นั่น นำเสนอระยะทางที่ไกลยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำของเครื่องยนต์ 899 ซีซี แต่ละไมล์จะผ่านไปในพริบตา นอกจากนี้ ด้วยหลากหลายวิธีในการปรับแต่งเครื่องจักรอเนกประสงค์นี้โดยใช้อุปกรณ์เสริมทางเทคนิคที่หลากหลาย ทำให้ Norden 901 สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับสไตล์และความต้องการของนักผจญภัยทุกคนได้Husqvarna Motorcycles มีความยินดีที่จะเปิดตัว Norden 901 รุ่นปี 2024 ซึ่งมาพร้อมประสิทธิภาพและเทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุงด้วยการปรับปรุงทางเทคนิคหลายประการสำหรับปี 2024 Norden 901 ซึ่งเป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างเหลือเชื่อนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2021 ช่วยให้ผู้ชื่นชอบการผจญภัยทุกคนสามารถสำรวจโลกในแบบของตัวเองได้

กล่าวได้ว่านีคือหนึ่งรถในรถที่นักขี่แนวผจญภัยหลายคนเลือกใช้และในเวอร์ชั่น รุ่นปี 2024 Norden 901 แต่งแต้มด้วยกราฟิกสีเทาและเหลืองใหม่ ขณะที่ยังคงใช้เครื่องยนต์สูบคู่ขนานขนาด 889 ซีซี ที่ให้แรงบิดที่ยอดเยี่ยมเช่นเคย เมื่อรวมกับโครงเหล็กบที่เป็นรูปทรงตาข่ายน้ำหนักเบา ระบบกันสะเทือน WP APEX และโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ทำให้ Norden 901 ยังคงมอบความสะดวกสบายที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับขี่ระยะไกลเมื่อต้องนำทางในภูมิประเทศที่ขรุขระและท้าทาย เพื่อตอกย้ำคุณภาพการผลิตระดับพรีเมี่ยมของ Norden 901 ส่วนประกอบต่างๆ ที่ใช้ในเจ้ารถอเนกประสงค์นี้ล้วนได้รับการคัดเลือกจากประสิทธิภาพและความทนทานไม่ว่า ยาง Pirelli Scorpion Rally STR, Bosch Cornering ABS, Power Assist Slipper Clutch (PASC) และโหมดการขับขี่ที่หลากหลายผสมผสานกันเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ขั้นสูงสุด

นอกจากนี้ยัง มีโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย โหมดการขับขี่แต่ละโหมดที่เลือกได้ ได้แก่ Street, Rain, Offroad รวมถึงโหมด Explorer ที่เป็นอุปกรณ์เสริม จะผสานรวมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ดีที่สุดทันที การตอบสนองของคันเร่ง ระดับการควบคุมการยึดเกาะถนน และกำลังสูงสุด ได้รับการตั้งค่าแตกต่างกันไปในแต่ละโหมด โหมด Street ให้การตอบสนองคันเร่งโดยตรงพร้อมการตั้งค่าระบบควบคุมการยึดเกาะถนนเพื่อให้เหมาะกับพื้นผิวลาดยางในขณะที่ Road ABS ทำงานอยู่ โหมดนี้ราบรื่นเพียงพอสำหรับผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์น้อยหรือเมื่อเดินทางโดยมีผู้ซ้อนท้าย แต่ยังมีความไดนามิกเพียงพอที่จะให้แรงบิดที่ใช้งานได้ผ่านถนนบนภูเขาและหุบเขาที่คดเคี้ยว โหมด Rain มีการตอบสนองของคันเร่งที่ควบคุมได้มากพร้อมกำลังสูงสุดที่ลดลงพร้อมระบบควบคุมการยึดเกาะถนนที่เปิดใช้งานที่รอบต่ำกว่ามาก เพื่อเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ในสภาวะที่ท้าทาย โหมดออฟโรดมีการตอบสนองของคันเร่งที่ราบรื่นและช่วยให้ล้อหมุนได้ก่อนที่จะเปิดใช้งานระบบควบคุมการยึดเกาะถนน โหมดนี้ออกแบบมาสำหรับผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์มากกว่า เนื่องจากไม่มีความไวต่อมุมเอียง และป้องกันไม่ให้ฟังก์ชันป้องกันการยกล้อทำงาน นอกจากนี้ โหมดออฟโร้ดยังปรับการตั้งค่า ABS ให้เหมาะสมกับภูมิประเทศโดยอัตโนมัติ ในขณะที่โหมดเสริมอย่าง Explorer ให้การควบคุมฟังก์ชันทั้งหมดที่สามารถปรับเซทได้เต็มรูปแบบ ช่วยให้ผู้ขี่สามารถสร้างโหมดการขี่ส่วนตัวตามความต้องการและระดับทักษะส่วนบุคคลได้ตามความเหมาะสม

ด้วยโครงสร้างแชสซีส์ที่เป็นโครเมียม-โมลิบดีนัมได้รับการออกแบบมาให้สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้และมอบความสบายได้ตลอดทั้งวัน ด้วยแนวคิดการออกแบบที่ให้มีการใช้เครื่องยนต์เป็นตัวรับแรงทำให้เฟรมมีน้ำหนักเบาและกะทัดรัด ออกแบบมาเพื่อให้การตอบสนองที่แม่นยำด้วยความคล่องตัวและการควบคุมที่เบามีความคล่องแคล่ว มีความเสถียรและความสบายตลอดระยะทางที่ขับขี่ และความสามารถทางออฟโร้ดที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน แม้ว่าจะมีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา แต่เฟรมก็มีความทนทาน และมีขีดความสามารถรองรับการบรรทุกไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกสัมภาระ ผู้โดยสาร หรือทั้งสองอย่างตั้งแต่ถนนไปจนถึงเส้นทางที่ห่างไกลที่สุด รูปทรงของ Norden 901 ได้รับการพัฒนาเพื่อสร้างรถจักรยานยนต์สำหรับการเดินทางระดับโลกสำหรับทุกการเดินทางแห่งการค้นพบ ความสูงของเบาะนั่งสามารถจัดการได้สำหรับผู้ขับขี่ทุกคน มีการออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์เพื่อความรู้สึกสบายและการยึดเกาะที่ดีขึ้นบนทุกพื้นผิวไม่ว่าจะเป็นการเดินทางรายวันหรือทัวร์ระยะยาวหนึ่งเดือน รูปแบบเป็นไปตามการใช้งานในตัวถังของรถจักรยานยนต์ สะท้อนสไตล์และประสิทธิภาพที่มุ่งมั่นของ Husqvarna Motorcycles Rally จากทุกมุม Norden 901 ส่งสัญญาณถึงความสามารถในการสำรวจที่ไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งเดียวที่ต้องทำคือขึ้นเครื่องและขี่ นอกจากนี้ พร้อมที่จะพาคุณเดินทางต่อไปตามเส้นทางที่คุ้มค่าที่สุดคือถังน้ำมันที่มีระยะทางมากกว่า 248 ไมล์ คุณเป็นผู้กำหนดจุดหมายปลายทาง ด้วยการออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์แบบเพรียวบางสไตล์ Dakar Rally ทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อการควบคุมที่มีความสมดุลในทุกจังหวะการขับขี่ และด้วยล้อหน้า 21 นิ้วและล้อหลัง 18 นิ้ว จะพาคุณออกจากเส้นทางลาดยางไปจนถึงเส้นทางขรุขระ ที่จะช่วยให้คุณสามารถมั่นใจได้ในยาง Pirelli Scorpion Rally STR ที่สามารถยึดเกาะถนนได้ดี ผสานกับการออกแบบล้อแบบซี่ลวดไร้ยางในทำให้ล้อมีน้ำหนักเบาเพื่อให้ควบคุมได้ง่าย ขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่น ลดความเสี่ยงที่ยางจะแบนและทำให้คุณเสียเวลาอันมีค่าในการขี่น้อยลงที่สำคัญด้วย เส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ของล้อทำให้การกลิ้งบนพื้นผิวที่ขรุขระเป็นเรื่องง่าย

มาที่ส่วนของระบบกะนสะเทือนด้วยระยะยุบ 220 มม. ของโช้คหน้าแบบกลับหัว WP APEX 43 มม. ที่สามารถรับประกันประสิทธิภาพและความสบายที่ไร้ข้อผิดพลาดในทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะต้องควบคุมรถบนถนนลาดยางหรือทาง ออฟโร้ด คุณสามารถปรับเปลี่ยนคุณลักษณะการขับขี่ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของคุณและสภาวะที่แตกต่างกันด้วยการปรับการหน่วงการยุบตัวและการคืนตัวของโช้ค ในทำนองเดียวกัน โช๊คหลัง WP APEX ให้ระยะยุบตัวที่กว้างถึง 215 มม. และสามารถปรับได้สำหรับการหน่วงการคืนตัวและพรีโหลดสปริง เพื่อรองรับถนนที่คุณขี่และน้ำหนักบรรทุกที่คุณบรรทุก การปรับการตั้งค่าทำได้ง่ายและรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อเงื่อนไขเปลี่ยนแปลง คุณจึงสามารถตั้งค่าระบบกันสะเทือนให้ตรงกันได้ ด้วยความสบายและการควบคุมจากระบบกันสะเทือนที่เป็นไปตามข้อกำหนด ทำให้ระยะทางในการเดินทางของคุณมีขีดจำกัดน้อยลง ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของดีเทลที่มีมาใน Norden901 ขณะที่สเปคพื้นฐานของตัวรถมีรายละเอียดดังนี้

Engine
• Torque 100Nm
• Transmission 6-speed
• Battery capacity 10Ah
• Cooling Liquid cooled with water/oil heat exchanger
• Power in KW 77kW
• Starter Electric starter
• Stroke 68.8mm
• Bore 90.7mm
• Clutch PASC™ antihopping clutch, mechanically operated
• CO2 emissions 105g/km
• Displacement 889cm³
• EMS Bosch EMS with RBW
• Design 2-cylinder, 4-stroke, parallel twin
• Fuel consumption 4.5l/100 km
• Lubrication Forced oil lubrication with 2 oil pumps

Chassis
• Weight (without fuel) 204kg
• Tank capacity (approx.) 19l
• ABS Bosch 9.1 MP (incl. Cornering-ABS and offroad mode, disengageable)
• Front brake disc diameter 320mm
• Rear brake disc diameter 260mm

  • Front brake 2x radially mounted 4 piston caliper
    • Rear brake 2 piston floating caliper
    • Chain 520 X-Ring
    • Frame design Chromium-Molybdenum-Steel frame using the engine as stressed element, powder coated
    • Front suspension WP APEX 43
    • Ground clearance 252mm
    • Rear suspension WP APEX – Monoshock
    • Seat height 854/874 mm
    • Steering head angle 64.2°
    • Suspension travel (front) 220mm
    • Suspension travel (rear) 215mm

Honda Thailand Talent Cup 2024 Round 3 @ Chang International Circuit BURIRAM.

น้องกัน-พชรกร ทองเกิดหลวง โชว์สกิล เก็บ 25 แต้มเต็ม พลิกขึ้นนำหัวตารางคะแนนสะสม

รอบจับเวลาจัดตำแหน่งสตาร์ท ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเล้นท์ คัพ 2024  กลุ่มนักบิดเยาวชนที่ทำเวลามาเป็นอันดับหนึ่งเป็น โทนี่-เหงียน ตัน อานห์ ฟู หมายเลข19 เยาวชนเวียดนาม ทำเบสต์แล็ป 1:48.093 นาที เฉียดที่จะทุบเวลา 1 นาที 47 วินาทีแค่นิดเดียว แย่งเอาตำแหน่งออกสตาร์ทโพลโดยเวลาดีกว่า ไฮเป็ก เพียง 0.248 วินาที และกริดสตาร์ทที่3 เป็นของ เฟอร์-ปัญจรุจน์ ที่ตามหลังโทนี่ 0.281 วินาที

ส่วนน้องใหม่จากฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์ ที่ขึ้นมาแข่งเป็นฤดูกาลแรก น้องชินโจ-ณภัทร จาตูม หมายเลข 3 ทำเวลา 1:48.673 นาที ออกสตาร์ทกริดที่ 6 น้องมะมายด์-ปองคุณ เอี่ยมน้อย หมายเลข 6 เวลา 1:48.843 นาที ออกสตาร์ทกริดที่ 9 และน้องภูมิ-กิตติพงศ์ สุนทรวิทย์ หมายเลข4 ออกสตาร์ทกริดที่17 เวลา 1:50.615 นาที

Race1 รถแข่ง Honda NSF250R ของ 20 เยาวชนนักบิด ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเล้นท์ คัพ 2024 เรียกเสียงกรี๊ดตั้งแต่จังหวะออกสตาร์ท เมื่อ น้องเฟอร์-ปัญจรุจน์ จิตร์วิรุฬฉัตร์ หมายเลข12 บิดรถแข่งทะยานนำต่อเนื่อง 2 รอบ ก่อนจะถูกนักบิดรุ่นพี่ กัน-พชรกร ทองเกิดหลวง หมายเลข17 แซงวงในที่โค้ง 5 จากนั้นอันดับของน้องเฟอร์ก็ค่อยๆ ถอยหลังแต่ก็ยังเกาะอยู่ในกลุ่มลุ้นโพเดี้ยม

ขณะที่ตำแหน่งจ่าฝูง ก็เปิดตำราทักษะการบิดที่ฝึกฝนแบบอัดแน่นกันมาตั้งแต่ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์ แย่งชิงแบบสลับสับเปลี่ยนโฉมหน้าผู้นำตลอดเกือบทุกโค้งและเกือบทุกรอบ ตั้งแต่ กัน-พชรกร ทองเกิดหลวง หมายเลข17, ไบรท-เตชินท์ อินทร์อภัย หมายเลข11, โทนี่-เหงียน ตัน อานห์ ฟู หมายเลข19 และ ไฮเป็ก-กฤษฎา ธนะโชติ หมายเลข18

กระทั่งเข้าสู่รอบที่ 15 ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย ขณะที่ พชรกร ผู้นำช่วงเซ็คเตอร์แรก มาเสียตำแหน่งจ่าฝูงให้ ไฮเป็ก ที่โค้ง 5 และพชรกรพยายามที่จะมายกลึกและควบคุมไลน์เข้าโค้งสุดท้าย แต่ ไฮเป็ก ก็เค้นทักษะคุมรถยกลึกกว่าอีก พร้อมคุมรถสปีดในเรซซิ่งไลน์ชนิดต้องฝีมือเหนือชั้นจริงๆ ทะยานผ่านธงตราหมากรุกเฉือน พชรกร 0.083 วินาที คว้าเดอะ วินเนอร์ไปครอง ส่วนอันดับที่ 3 เป็นของ อุ้ม-นพรุจน์พงศ์ บุญประเวศน์ หมายเลข8 ที่มาฉายความแรงในช่วง 5 รอบสุดท้าย ทะยานผ่านเส้นชัยตามหลังผู้ชนะ 0.452 วินาที

ทางด้านน้องใหม่ที่ขึ้นชั้นมาปีแรกจาก ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์ น้องมะมายด์-ปองคุณ เอี่ยมน้อย หมายเลข6 มีโอกาสแซงขึ้นนำฝูงครั้งแรกในรอบสุดท้ายจากโค้งที่ 3 มาโค้งที่ 5 และจบเรซนี้ด้วยตำแหน่งที่ 6 ตามหลังผู้ชนะ 0.708 วินาที น้องชินโจ-ณภัทร จาตูม หมายเลข3 ที่วาดลวดลายบิดรถแข่งปะทะฝีมือกับรุ่นพี่ในกลุ่มลุ้นโพเดี้ยมได้สุดมันส์ในช่วงครึ่งแรกของการแข่งขัน 15 รอบ จบการแข่งขันด้วยตำแหน่งที่9 ตามหลังผู้ชนะ 1.377 วินาที และน้องภูมิ-กิตติพงศ์ สุนทรวิทย์ หมายเลข4 จบเรซนี้ในตำแหน่งที่19

การแข่งขันเรซที่2 จำนวน 15 รอบ ซึ่งจะมีการจัดอันดับออกสตาร์ทใหม่ ด้วยเวลาเบสต์แล็ปของนักแข่งจากเรซที่จบไปที่ตำแหน่งจ่าฝูงในเกมชิงโพเดี้ยมเปลี่ยนโฉมได้ตลอดเกือบทุกโค้งเกือบทุกรอบตลอด 15 รอบการแข่งขัน ซึ่งเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทักษะการขับขี่ของเยาวชนนักบิดในโครงการฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเล้นท์ คัพ 2024

แน่นอนที่ไฮไลท์สุดๆ ต้องมาลุ้นกันในรอบสุดท้ายคล้ายทุกเรซที่ผ่านๆ มา ซึ่งผู้นำจ่าฝูงขณะนั้นเป็น เฟอร์บี้-ปัญจรุจน์ จิตร์วิรุฬฉัตร์ หมายเลข12 ที่แซงขึ้นมานำยาวต่อเนื่องตั้งแต่รอบที่11 แต่ถูก พชรกรเร่งสปีดขึ้นมาทันในเซ็คเตอร์สุดท้ายตีคู่ก่อนเข้าโค้งสุดท้าย และ พชรกร อาศัยความแข็งแกร่งและประสบการณ์ที่เหนือกว่า บิดคว้าเดอะวินเนอร์ไปครองครั้งแรกสมความตั้งใจ โดยเฉือน เฟอร์บี้ 0.049 วินาที ที่ได้ยืนโพเดี้ยมในโครงการฯนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน

ตำแหน่งที่ 3 ตกเป็นของ คาเครุ เอนโดะ หมายเลข22 เยาวชนนักบิดญี่ปุ่นจากโครงการ ซูซูกะ ฮอนด้า เรซซิ่ง สคูล ตามหลังผู้ชนะ 0.586 วินาที และอีก 3 น้องใหม่ที่เลื่อนชั้นมาจาก ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์ เรซนี้ น้องชินโจ-ณภัทร จาตูม หมายเลข3 เบียดขึ้นมาจบอันดับที่ 6 และน้องมะมายด์-ปองคุณ เอี่ยมน้อย หมายเลข6 จบในอันดับที่ 7 ขณะที่ น้องภูมิ-กิตติพงศ์ สุนทรวิทย์ หมายเลข4 สามารถจบการแข่งขันในอันดับท็อปเท็น

ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเล้นท์ คัพ 2024 สนามที่4 จะกลับมาแข่งที่สนามช้างฯ อีกระหว่างวันที่ 5-8 กันยายน 2567

Suzuki GSX-S1000GX พัฒนามาเพื่อตอบสนองการเดินทาง

GSX-S1000GX ผสมผสานเทคโนโลยี และ สไตล์ที่โดดเด่น

สมาชิกใหม่ในซีรีส์GSXของSuzukiที่ทำการเปิดตัวออกมาในฐานะ new model สำหรับปี2024ก็คือ GSX-S1000GX ที่จะมาเป็นสมาชิกที่ต่อจาก GSX-S1000 กับ GSX-S1000GTที่ส่งออกมาก่อนหน้านี้ โดยสมาชิกใหม่ที่มาพร้อมรหัสต่อท้ายด้วย GX แม้จะอยู่ในกลุ่มรถที่พัฒนามาเพื่อตอบสนองความต้องการในการเดินทางไกลแต่ด้วยรหัส GX นี้มันจะสื่อถึงคุณสมบัติความเป็นรถในแบบ crossover หรือรถที่มีการผสานระหว่าความเป็นทัวริ่งกับแอ๊ดเว็นเจอร์นั่นเอง

อย่างไรก็ตามความแตกต่างหรือการแยกความต่างของความเป็น GX กับ GTนั้ นอยู่ที่ระบบกันสะทือน โดยใน GX จะมีระยะยุบตัวของระบบกันสะเทือนหน้าและหลังที่มากกว่า อีกทั้งยังมีความสูงหรือระยะห่างจากพื้นเพิ่มขึ้นอีก อีกทั้งการจัดวางท่าทางการขับขี่จะให้ความรู้สึกที่สะดวกสบายมากกว่าเพราะการจัดวางท่าทางที่นั่งขี่ที่ให้ลำตัวตั้งตรงมากกว่า โดยรวมแล้วกล่าวได้ว่า GSX-S1000GX มีความเป็นรถครอสโอเวอร์ที่ผสมผสานองค์ประกอบหรือคุณสมบัติของรถแบบแบบสปอร์ตทัวเรอร์กับรถสายการผจญภัยแบบแอ๊ดเว็นเจอร์เข้าด้วยกัน พร้อมกันนี้ได้มีการนำเครื่องยนต์จากซีรีส์ GSX-S1000 มาใช้ เพื่อที่จะได้สืบทอดสมรรถนะด้านกำลังที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ในแบบสปอร์ต พร้อมกันนี้ก็เสริมคุณสมบัติที่ต้องการด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีและติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในแบบรถทัวริ่ง ด้วยสไตล์โดดเด่นด้วยสมรรถภาพที่ดุดันซึ่งรวบรวมสมรรถนะของความเป็นรถสปอร์ตไบค์ ผสมผสานกับการออกแบบที่ทันสมัยซึ่งจัดวางตำแหน่งท่าทางการขับขี่ที่ให้ฟิลลิ่งสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกล

ที่น่าสนใจคือ GSX-S1000GX จะเป็นรถจักรยานยนต์คันแรกของ Suzuki ที่ติดตั้ง Suzuki Advanced Electronic Suspension (SAES) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระบบกันสะเทือนแบบอิเล็กทรอนิกส์และปรับค่าพรีโหลดให้เหมาะสมตามความเร็วของรถ สภาพพื้นผิวถนน และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเบรก นอกจากนี้ยังได้พัฒนาและติดตั้งโปรแกรม Suzuki Road Adaptive Stabilization (SRAS) ซึ่งจะช่วยตรวจจับพื้นผิวถนนที่ขรุขระแล้วทำการควบคุมช่วงล่างโดยอัตโนมัติโดยการรวบรวมข้อมูลจาก SAES  เป็นผลให้ระบบกันสะเทือนบรรลุเป้าหมายในการปรับค่าที่เหมาะสมช่วยให้ได้รับความรู้สึกการขับขี่ที่นุ่มนวลพร้อมการลดการสั่นสะเทือนบนถนนที่ขรุขระ และขณะเดียวกันก็ได้รับสมรรถนะแบบสปอร์ตที่คล่องแคล่วว่องไวบนถนนลาดยาง

ตามที่ทราบกันไปแล้วว่า GSX-S1000GX ได้รับการจัดให้ร่วมกลุ่มผลิตภัณฑ์ตระกูล GSX ของ Suzuki ในปี 2024 และนำเสนอฟีเจอร์และเทคโนโลยีใหม่ พร้อมกำหนดสถานะเป็นโมเดลครอสโอเวอร์ของ Suzuki และเป็นสมาชิกในตระกูล GSX เช่นเดียวกับ GSX-S1000 และ GSX-S1000GT จึงได้ใช้เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะระดับรถซูเปอร์ไบค์ที่มีขุมพลังแบบสี่จังหวะสี่สูบแถวเรียงปริมาตรความจุ 999ซี.ซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ DOHC ที่ใช้ใน GSX-R มาเป็นขุมพลัง ขับเคลื่อน GSX-S1000GX ดังนั้นจึงเชื่อมั่นได้ในประสิทธิภาพ

พื้นฐานเครื่องยนต์ GSX-R ที่ได้รับการปรับช่วงชักที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับการนำมาใช้ในของ GSX-S1000GXได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ได้แรงบิดที่เพิ่มขึ้นพร้อมด้วยการตอบสนองการขับขี่ที่นุ่มนวล รวมถึงยังให้การตอบสนองของคันเร่งที่คาดเดาและควบคุมได้ง่าย

เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ GSX-S1000 รุ่นก่อนหน้า ได้มีการปรับโปรไฟล์แคมชาพท์หรือเพลาลูกเบี้ยวของ GXในส่วนของการลดองศาการจัดวางจังหวะการเปิดปิดวาล์วใหม่  ไม่เพียงแต่ช่วยในด้านการปรับปรุงค่าการปล่อยไอเสียเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับสมดุลสมรรถนะของเครื่องยนต์และความสามารถในการขับขี่อีกด้วยให้มีความเหมาะสมกับจุดประสงค์การออกแบบรถเวอร์ชั่นนี้

สปริงวาล์วได้รับการปรับให้มีความเหมาะสมกัยกับโปรไฟล์ใหม่ของเพลาลูกเบี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความทนทาน

ตัวปรับความตึงโซ่ลูกเบี้ยวหรือ cam chain tensioner และตัวปรับความตึงหรือtension adjuster ได้รับการออกแบบด้วยวัสดุที่คัดสรรมาเพื่อลดแรงเสียดทานและปรับปรุงความทนทาน

การออกแบบในส่วนของ Twin Swirl Combustion Chamber (TSCC) ที่ตัดว่าเป็นตำนานของ Suzuki ได้รับการปรับแบบฝาสูบซึ่งมีการทำงานร่วมกับลูกสูบแบบแบนหรือflat-top piston ทำให้ได้อัตราส่วนกำลังอัดที่เหมาะสมที่สุดของเครื่องยนต์เวอร์ชั่นนี้ที่ 12.2:1 ซึ่งช่วยให้กำลังเครื่องยนต์ที่เหมาะสมลงตัวกับแต่ละรอบการทำงานของเครื่องยนต์ในแต่ละช่วง

ลูกสูบอะลูมิเนียม ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมโดยใช้กระบวนการวิเคราะห์Finite Element Method (FEM) หล่อขึ้นเพื่อให้ได้ความแข็งแกร่งและน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด โดยสรุปก็คือได้ทำการออกแบบเพื่ออัพเกรดเครื่องยนต์ที่มีแคแรกเตอร์ความเป็นสปอร์ตให้ตอบสนองได้อย่างเหมาะสมเมื่อนำมาติดตั้งบนรถจักรยานยนต์สำหรับขับขี่ทางไกล

ในส่วนของโหมดการขับขี่ที่ตั้งไว้ล่วงหน้าจากโรงงานทั้ง 3 โหมด (A, B และ C) ช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับเปลี่ยนคุณลักษณะการส่งกำลังของ GSX-S1000GXได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพื่อให้เข้ากับสไตล์การขี่ หรือปรับตามสภาพอากาศหรือสภาพถนนที่เปลี่ยนแปลง

โหมด A (active ) มีไว้สำหรับการใช้งานแบบสปอร์ตที่ปราดเปรียวซึ่งให้การตอบสนองของคันเร่งที่เฉียบคมที่สุดเมื่อผู้ขับขี่เปิดคันเร่ง คุณลักษณะแรงบิดของโหมด A ได้รับการปรับแต่งอย่างประณีตเพื่อมอบอัตราเร่งที่น่าตื่นเต้นเมื่อเปิดคันเร่งอย่างดุดัน เช่น เพลิดเพลินกับการวิ่งแบบสปอร์ตบนถนนที่สะอาดและคดเคี้ยวในสภาพอากาศที่ชัดเจน

ในโหมด A โหมดกำลังเครื่องยนต์หรือengine powerจะถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “1” ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนหรือtraction control system ถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “2” และระดับการควบคุมการหน่วงแบบแอ็คทีฟของระบบกันสะเทือนเป็น “hard”

โหมด B (basic)ใช้สำหรับการขับขี่ทั่วไป เนื่องจากมีการตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มนวลขึ้น โหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นการตั้งค่าสำหรับการเดินทางแบบทัวริ่ง เพื่อให้สามารถควบคุม GX ได้มากขึ้น และปลูกฝังความมั่นใจให้กับผู้ขี่เมื่อเร่งความเร็ว และให้ความลงตัวที่ดีสำหรับสไตล์การขี่และสภาพถนนที่หลากหลายขับขี่แบบสบายๆ

ในโหมด B โหมดกำลังเครื่องยนต์จะถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “2” ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “4” และระดับการควบคุมการหน่วงแบบแอ็คทีฟของระบบกันสะเทือนอยู่ที่ “medium ”

โหมด C (comfort )มุ่งหวังที่จะให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและการควบคุมโดยให้การตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้นและลักษณะแรงบิดที่นุ่มนวลขึ้น โดยวัตถุประสงค์หลักของ โหมดนี้มีประโยชน์เมื่อขี่บนพื้นผิวที่เปียกหรือลื่น หรือขี่พร้อมผู้โดยสารและมีสัมภาระ หรือเมื่อผู้ขี่ต้องการการเดินทางที่ผ่อนคลายและสะดวกสบายหลังจากออกไปเที่ยวระยะไกลต่อเนื่อง

ในโหมด C โหมดกำลังเครื่องยนต์ถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “3” ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “6” และระดับการควบคุมการหน่วงแบบแอ็คทีฟของระบบกันสะเทือนเป็น “soft”

จากโหมดการขับขี่ก็มาที่เรื่องของการส่งกำลังหรือ  power mode  ที่ติดตั้งมาช่วยให้ผู้ขับขี่เลือกระหว่างสามระดับที่ให้คุณลักษณะกำลังของเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ตรงกับสภาพถนน สภาพอากาศ หรือความต้องการของผู้ขับขี่

ลักษณะการส่งกำลังของแต่ละระดับจะสังเกตได้ชัดเจนเมื่อใช้คันเร่ง แต่ละระดับได้รับการปรับแต่งและทดสอบอย่างละเอียดเพื่อให้ประสบการณ์การขับขี่โดยรวมของ GX สนุกสนานยิ่งขึ้น

โหมดกำลังระดับ 1ให้การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจที่สุดเมื่อเปิดคันเร่ง ได้รับการปรับแต่งเพื่อให้มีอัตราเร่งที่เร้าใจและดึงพลังของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเพลิดเพลินกับการวิ่งแบบสปอร์ตบนถนนเรียบ

โหมดกำลังระดับ 2ให้กำลังสูงสุดเดียวกันกับระดับ 1 แต่มีการตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มนวลกว่า จุดมุ่งหมายคือการส่งมอบการตั้งค่าที่สมดุลที่น่าพึงพอใจ ซึ่งเหมาะสมกับสไตล์การขี่และสภาพถนนที่หลากหลาย

โหมดกำลังระดับ 3ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและการควบคุมโดยเสนอการตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มนวลที่สุดและลักษณะแรงบิดที่นุ่มนวลยิ่งขึ้นไม่ดุดันรุนแรง การตั้งค่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อขี่ระยะทางไกล หรือเมื่อบรรทุกผู้โดยสารและอุปกรณ์ ซึ่งรายละเอียดข้อมูลตัวรถมีสเปคเบื้องต้นดังนี้

ENGINE

Type 4-stroke, 4-cylinder, liquid-cooled, DOHC
Displacement 999 cm3 (61.0 cu. in.)
Bore x Stroke 73.4 mm x 59.0 mm (2.9 in. x 2.3 in.)
Compression Ratio 12.2: 1
Fuel System Fuel injection
Starter Electric
Lubrication Forced feed circulation, wet sump
Ignition Electronic ignition (transistorized)
Oil Capacity 3.4 L (3.6 / 3.0 US/lmp qt)

ELECTRONICS

Traction Control Suzuki Traction Control System
ABS Suzuki Antilock Braking System

DRIVE TRAIN

Transmission 6-speed constant mesh

CHASSIS

Length 2,150 mm (84.6 in.)
Width 925 mm (36.4 in.)
Height 1,350 mm (53.1 in.)
Wheelbase 1,470 mm (57.9 in.)
Seat Height 845 mm (33.3 in.)
Curb Mass 232 kg (511 lbs.)
Suspension Front Inverted telescopic, coil spring, oil damped
Suspension Rear Link type, coil spring, oil damped
Brakes Front Disc, twin
Brakes Rear Disc
Tires Front 120/70ZR17M/C (58W), tubeless
Tires Rear 190/50ZR17M/C (73W), tubeless
Fuel Tank 19.0 L (5.0 / 4.2 US/Imp gal)

WARRANTY

12-month unlimited mileage limited warranty

ฮอนด้า ส่งมอบประสบการณ์ขั้นสุดให้ไบค์เกอร์สายสปอร์ต กับกิจกรรม ‘Honda Track Xperience’

พร้อมประชันฝีมือชิงถ้วย ‘CBR TROPHY 2024’

ฮอนด้าบิ๊กไบค์ จัดกิจกรรม ‘Honda Track Xperience 2024’ มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้ลูกค้ารถจักรยานยนต์สายสปอร์ตในตระกูล CBR Series ทุกรุ่น ได้ทดลองขับขี่ และเข้าร่วมการแข่งขันจริงเพื่อชิงถ้วยรางวัลในกิจกรรม ‘CBR TROPHY 2024’ บนสนามแข่งระดับโลก ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

สำหรับกิจกรรม ‘Honda Track Xperience 2024’ มีผู้ขับขี่สายสปอร์ตเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 100 คน ทั้งนี้ฮอนด้าบิ๊กไบค์พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าทุกระดับ แบ่งผู้ขับขี่ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ ROOKIE กลุ่มที่เพิ่งเริ่มขับขี่ กลุ่ม EXPERIENCED สำหรับนักบิดที่มีประสบการณ์ รวมถึงกลุ่ม ADVANCE สำหรับผู้ขับขี่ที่มีทักษะการแข่งขัน ไปจนถึงกลุ่ม Pro ที่มีความเชี่ยวชาญในการลงสนาม

ผู้ขับขี่ทุกกลุ่มจะได้เรียนรู้ทักษะการขับขี่ และการควบคุมรถในสนามแข่ง ซึ่งจะได้รับคำแนะนำจากเหล่าโค้ชมืออาชีพในสังกัด Honda Racing Thailand อย่างใกล้ชิด นำทีมโดย ‘ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์’ อดีตนักบิดเวิล์ดกรังด์ปรีซ์คนแรกของไทยในรุ่นโมโตทู ร่วมด้วยนักบิดมืออาชีพจากทีม Honda Racing Thailand อีกคับคั่ง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ก่อนลงสนามจริง และสามารถนำเทคนิคไปปรับใช้กับการขับขี่ของตนเองต่อไปได้

ทั้งนี้ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ นำประสบการณ์จากกิจกรรม Track Xperience มาต่อยอดในการลงแข่งขันจริง เพื่อชิงถ้วย ‘CBR TROPHY 2024’ ภายใต้กติกามาตรฐานสากล บนสนามแข่งระดับโลก โดยการประชันความเร็วและทักษะครั้งนี้ มีเงินรางวัล พร้อมถ้วยเกียรติยศ CBR Trophy ทั้งหมด 5 รุ่น รุ่นละ 5 รางวัล เพื่อให้ผู้ขับขี่สายสปอร์ตได้สัมผัสความสนุกเต็มพิกัดและเก็บประสบการณ์การเป็นนักแข่งอย่างเต็มตัว
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม Honda Track Xperience และ CBR TROPHY ที่ครบทั้งการฝึกทักษะการขับขี่ ความสนุก และการแข่งขันสุดเร้าใจ อย่าลืมติดตามกิจกรรมครั้งต่อไป โดยติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://bit.ly/thaihondabigbike
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : www.facebook.com/HondaBigBikeTH/

#CBRSeries #TRACKXPERIENCE2024 #CBRRTrophy #HondaBigBike #ExcitesTheWorld #HondaBigBikeThailand
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou