“ไอเดีย-กฤตภัทร” คัมแบ็ก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แท็กทีม “ตี-อนุภาพ” ลุยสนาม 10 อารากอน

“ไอเดีย-กฤตภัทร” คัมแบ็ก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต หลังพักรักษาตัวนานกว่า 3 เดือน

“ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ นักบิดเลือดใหม่ของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม คัมแบ็กจากอาการบาดเจ็บ ลงสนามลุยศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ ได้อีกครั้ง หลังพักรักษาตัวนานกว่า 3 เดือน พร้อมแท็กทีม “ตี” อนุภาพ ซามูล ทีมเมทรุ่นพี่ลงซ้อมครั้งแรกที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน ประเทศสเปน เมื่อช่วงเย็นศุกร์ที่ผ่านมา

ศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 ดวลความเร็วต่อเนื่องเป็นสนามที่ 3 ในรอบ 4 สุดสัปดาห์ โดยเป็นคิวของสนามที่ 10 ซึ่งจะแข่งขันระหว่างวันที่ 27-29 กันยายนนี้ ที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน ประเทศสเปน

สุดสัปดาห์นี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ยอดทีมแข่งไทยได้รับข่าวดีกับการกลับมาลงสนามได้อีกครั้งของ “ไอเดีย” กฤตภัทร ดาวรุ่งประจำทีมเจ้าของหมายเลข 39 ที่พักรักษาตัวนานกว่า 3 เดือน จากอาการบาดเจ็บข้อเท้าหักตั้งแต่ที่ โดนิงตัน พาร์ค สหราชอาณาจักร เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม โดยจะต้องประเมินสภาพร่างกายอีกครั้งหลังซ้อมในวันศุกร์

ส่วน “ตี” อนุภาพ เจ้าของหมายเลข 51 ทำงานอย่างหนักร่วมกับทีมในการหาเซ็ตอัปรถแข่ง และศึกษารายละเอียดสนามที่มีการซ่อมแซมผิวแทร็กไปก่อนหน้านี้ โดยรั้งอันดับ 31 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 56.860 วินาที ส่วน “ไอเดีย” กฎตภัทร จบการซ้อมในอันดับ 33 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 57.949 วินาที

ทั้งนี้ 2 นักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม จะลงจับเวลารอบ “ซูเปอร์โพล” เพื่อจัดอันดับสตาร์ตในคืนวันศุกร์ที่ 27 กันยายน ก่อนจะดวลความเร็วเรซแรกในวันเสาร์ที่ 28 กันยายนนี้ 20.15 น. ตามเวลาประเทศไทย ส่วนเรซ 2 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน ถ่ายทอดสดทาง SPOTV

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaThailandRacingTeam
#RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #No1RacingTeam
#YamahaSocietyThailand #YamahaRidersclubThailand
#RaceMachine #WorldSBK2024
#WSSP600 #YamahaR6 #AS51 #KK39
#YamahaThailandRacingOfficial

‘จงเซิน’ ประกาศบุกตลาดจักรยานยนต์ในไทยเต็มสูบ ประเดิมส่ง CYCLONE RA401

CYCLONE RA401 ปูทางสร้างแบรนด์ ดันไทยสู่ฮับผลิตและส่งออกอาเซียน

จงเซิน อินดัสเทรียลกรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องยนต์และจักรยานยนต์ของจีน ประกาศเดินหน้าบุกตลาดไทยเต็มกำลัง ภายใต้ ‘บริษัท จงเซิน แมชชินเนอรี แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด’ ประเดิมส่ง CYCLONE RA401 จักรยานยนต์ครูสเซอร์ระดับพรีเมียม เปิดเกมรุกสร้างแบรนด์ ควบคู่กับจุดแกร่งด้วยบริการหลังการขายที่เชื่อมั่นได้ ‘มีอะไหล่ไม่ต้องรอ’ และ ‘CYCLONE Assistance’  เป็นหมัดเด็ดพิชิตใจลูกค้า เผยแผนในอนาคตเตรียมผลักดันไทยสู่ฮับผลิตและส่งออกในภูมิภาคอาเซียน

คุณเกา จาน (Mr.Gao Zhan) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จงเซิน แมชชินเนอรี แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2006 และก่อตั้งโรงงานในปี 2011 เพื่อผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กภายใต้แบรนด์ของจงเซินในการจำหน่ายในประเทศ ต่อมาเมื่อตลาดมีความความต้องการรถจักรยานยนต์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ทางบริษัทจึงได้ก่อตั้งแบรนด์ Cyclone ในปี 2016 โดยมุ่งเน้นในการพัฒนารถจักรยานยนต์ที่มีดีไซน์สวยงาม สมรรถนะที่ดีเยี่ยม และคุณภาพที่มั่นคง รวมทั้งตั้งใจที่จะทำให้แบรนด์ Cyclone ก้าวไปสู่ระดับโลก โดยมีโรงงานที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางและครอบคลุมกลุ่มอาเซียน ขยายไปสู่ยุโรปและอเมริกา ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ Cyclone ได้พัฒนารถหลากหลายประเภท ทั้งแนว Touring, Retro, Cruiser, Scooter และแนวสปอร์ต โดยมีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 150cc จนถึง 650cc และในอนาคตจะมีรุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่าออกมาในตลาดเพิ่มเติม โดยโรงงานที่ไทยจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Cyclone อย่างน้อย 1-2 รุ่นต่อปี

ในปี 2024 บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะประกาศการดำเนินธุรกิจและทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วย CYCLONE แบรนด์จักรยานยนต์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม กับรุ่นเรือธง CYCLONE RA401 สุดยอดจักรยานยนต์ Advanced Classic Cruiser ตัวจริงสไตล์อเมริกัน ดีไซน์โดดเด่นสุดคลาสสิคอย่างเหนือระดับ มาพร้อมกับเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นที่ทันสมัยมากขึ้น กับเครื่องยนต์ขุมกำลัง 401CC  44.25 แรงม้า สามารถขับขี่ได้ทั้งในเมือง หรือการออกทริปทางไกล ด้วยสมรรถนะที่พร้อมลุยกับทุกสภาพพื้นผิวถนน มุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ

สำหรับรถจักรยานยนต์ CYCLONE RA401 ประเภทเครื่องยนต์ 8 วาล์ว 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 401 ซีซี, ความเร็วสูงสุด 155 กม./ชม. พละกำลังสูงสุด 44.25 แรงม้า หรือ 33 kW ที่ 9,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 37 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบต่อวินาที ระบบหัวฉีดน้ำมันเชื่อเพลิงอิเล็คทรอนิกส์ (EFI) จาก Bosch, ท่อไอเสียแบบคู่ทรงตอปิโด มีความเท่และคลาสสิค, คลัตช์ F.C.C. แบบ Slipper Clutch ช่วยให้การขับขี่ในทุกจังหวะสมูท ไม่กระชาก , ระบบเกียร์ 6 สปีด, เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดด้วยระบบเบรก ABS แบบ Dual-Channel, ระบบความปลอดภัย TCS (Traction Control System) ป้องกันการลื่นไถลและล้อฟรี ส่วนการดีไซน์ก็มีความโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น เฟรมอะลูมิเนียมอัลลอยด์, ล้อแม็กทั้งล้อหน้าและล้อหลัง โดยขนาดยางหน้าอยู่ที่ 120/80-70 ขนาดยางหลังอยู่ที่ 150/70-17 มีไฟหน้า Full LED รอบคัน, จอ TFT Full Color ปรับแสงอัตโนมัติ และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน มาพร้อมถังน้ำมันทรงหยดน้ำขนาดใหญ่ความจุ 17 ลิตร รับประกันเครื่องยนต์ 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตรอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน CYCLONE RA 401 มีสีให้เลือกถึง 4 สีสะท้อนตัวตนของผู้ขับขี่ ทั้ง Legend Black สีดำ – Gunmetal Gray สีเทา – Jungle Green สีเขียว และ Cornsilk White สีขาว โดยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ CYCLONE RA401 อยู่ที่ 189,900 บาท และพลาดไม่ได้กับแคมเปญสุดพิเศษช่วงเปิดตัว สำหรับลูกค้า 100 ท่านแรกที่จอง CYCLONE RA401 จะได้รับ Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท และฟรีชุดแต่ง มูลค่า 10,000 บาท

คุณ เกา จาน ยังกล่าวเสริมเพื่อความมั่นใจให้กับผู้บริโภคไทยอีกว่า บริษัท จงเซิน แมชชินเนอรี แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด มีจุดแข็งคือเรื่องบริการหลังการขาย ‘มีอะไหล่ไม่ต้องรอ’ บริษัท จงเซิน อินดัสเทรียลกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเรานั้น ผลิตรถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ ส่วนประกอบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และผลิตชิ้นส่วนเองเกือบทุกชิ้น

คุณ เกา จาน ยังกล่าวเสริมเพื่อความมั่นใจให้กับผู้บริโภคไทยอีกว่า บริษัท จงเซิน แมชชินเนอรี แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด มีจุดแข็งคือเรื่องบริการหลังการขาย ‘มีอะไหล่ไม่ต้องรอ’ บริษัท จงเซิน อินดัสเทรียลกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเรานั้น ผลิตรถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ ส่วนประกอบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และผลิตชิ้นส่วนเองเกือบทุกชิ้น

บริษัทฯ จึงมีสต็อกอะไหล่ในทุกรุ่นอย่างเพียงพอ ทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าหากต้องซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่หลังจากใช้งานผ่านไปเป็นเวลานาน ก็ยังมีอะไหล่ที่พร้อมให้บริการได้ทันท่วงที ไม่ต้องรอนานเหมือนกับที่ลูกค้าหลายแบรนด์ในตลาดที่ต้องเจอปัญหานี้และปัจจุบันเรามีดีลเลอร์ครอบคลุมทั่วประเทศ 50 แห่ง และมีจุดบริการครอบคลุมมากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ และเราเองมีแผนขยายดีลเลอร์ผู้แทนจำหน่าย และจุดบริการให้มากขึ้น รวมถึงมีแผนจะเปิดโชว์รูมของตัวเองเพื่อให้ลูกค้าสัมผัสกับตัวสินค้าด้วยประสบการณ์จริงในลำดับต่อไป

ด้านบริการ CYCLONE Assistance เป็นบริการที่ บริษัทฯ ตั้งใจมอบให้กับลูกค้าของ CYCLONE บริการผู้ช่วยส่วนตัวช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. นาน 2 ปี ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคฟรี ตลอด 24 ชม., ฟรี ! บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินไม่จำกัดครั้ง, ฟรี ! ตรวจเช็คแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ภายในระยะทางไม่เกิน 150 กม., ฟรี! บริการยก/ลากรถไปยังศูนย์บริการ CYCLONE ในระยะทางไม่เกิน 150 กม. ลูกค้าสามารถติดต่อได้ 24 ชม. ผ่านทางเบอร์โทรศัพท์ 02-039-5779 ซึ่งบริการนี้จะสร้างความอุ่นใจในทุกการขับขี่ภายใต้รถจักรยานยนต์ CYCLONE

แผนส่งเสริมการตลาดปีนี้ บริษัทฯ จะเน้นการสร้างความรับรู้แบรนด์และสื่อสารกับลูกค้าผ่านสื่อออฟไลน์ และออนไลน์ การทดลองใช้ผ่าน KOL และ KOC ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่จะจัดขึ้นทั่วประเทศ โดยจะโฟกัสไปที่การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าสัมผัสจากการขับขี่จริง อาทิ การจัดทริปให้ได้ทดลองขับขี่และกิจกรรมที่น่าสนใจอีกหลากหลายรูปแบบ “กว่า 10 ปีที่ผ่านมาแม้บริษัทฯและแบรนด์ ไม่ได้มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ทำการตลาด แต่ ‘จงเซิน’ สามารถอยู่ในตลาดรถจักรยานยนต์ของไทย และได้รับการตอบรับที่ดี นั่นสะท้อนให้เห็นศักยภาพของแบรนด์ สินค้าคุณภาพสูงตามมาตรฐานบริษัทแม่ วันนี้ในการเปิดตัว CYCLONE RA401 จะเป็นการย้ำต่อผู้บริโภคว่า เราพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าบุกตลาดในไทยอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าจะได้ใช้รถจักรยานยนต์คุณภาพ มีดีไซน์สวยงามตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานพร้อมบริการหลังการขายที่ดี และเราขอให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่ทอดทิ้งและจะไม่หยุดพัฒนา เพื่อตอบสนองความต้องการและส่งมอบความสุขให้กับคนไทยและคนทั่วโลกต่อไป”  คุณเกา จาน กล่าวปิดท้าย

สามารถติดตามข่าวสารด้านผลิตภัณฑ์ บริการ ตัวแทนจำหน่าย และกิจกรรมของจักรยานยนต์ CYCLONE เพิ่มเติมได้ที่   www.facebook.com/CycloneThailand LINE Official : @zongshenth หรือ โทร. 038-027-397

Kawasaki MEGURO S1 – The Centennial Beat จังหวะแห่งศตวรรษ MEGURO S1

Kawasaki เปิดราคา 2 รุ่นใหม่ ครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย

ในช่วงเริ่มต้นของอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์ของญี่ปุ่น แบรนด์ MEGURO มีบทบาทอย่างมากในวงการแข่งรถ โดยแข่งขันกับคู่แข่งต่างชาติที่มีสมรรถนะสูง โดยแบรนด์นี้วางรากฐานให้กับรถจักรยานยนต์สปอร์ตที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่ผลิตในญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Kawasaki Aircraft แล้ว MEGURO ก็ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนามอเตอร์ไซค์ระดับสูงและความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่นให้กับแบรนด์ W

สโลแกนของแบรนด์ MEGURO คือ “มรดกและความไว้วางใจ: จังหวะแห่งศตวรรษ” รวมไปถึงความภาคภูมิใจของแบรนด์ MEGURO ในฐานะแบรนด์รถจักรยานยนต์สปอร์ตขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น

MEGURO S1 ซึ่งเป็นรุ่นเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์นี้ ไม่เพียงแต่เป็นผู้สืบทอดของ Kawasaki 250 MEGURO SG ที่เปิดตัวในปี 1964 เท่านั้น แต่ยังสืบสานสายเลือดของ “MEGURO Single” มาจากช่วงก่อนสงคราม MEGURO S1 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์คลาส 250 ซีซี SOHC 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ เครื่องยนต์ขนาด 233 ซีซี ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ที่กำลังขับถูกปรับปรุงดีขึ้นในช่วงรอบต่ำถึงกลางทำให้ขับขี่ได้ผ่อนคลายพร้อมอัตราเร่งที่สบาย น้ำหนักเบาเพียง 143 กก. ง่ายต่อการควบคุม ความสูงเบาะ 740 มม. ไม่สูงมากนักทำให้รู้สึกมั่นใจ ไม่ว่าใครก็สามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

นอกจากนี้ยังความสัมพันธ์กับจักรยานยนต์ขนาดใหญ่อย่าง “MEGURO K3” และ “W800” ด้วยถังน้ำมันเชื้อเพลิงรูปหยดน้ำที่ผสมผสานการชุบสีดําและโครเมี่ยมเข้าด้วยกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของ MEGURO โดยตรา MEGURO บนถังน้ำมันจะเหมือนกับ MEGURO K3 ซึ่งเป็นการทำมือโดยช่างฝีมือที่ญี่ปุ่น ตัวหน้าจอผสมผสานระหว่างอนาล็อกและดิจิตอลมีสีขาวตรงกลางพร้อมโลโก้  (MEGURO – เมกุโระ)

สำหรับ MEGURO S1 ราคาขายปลีกอยู่ที่ 167,900 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเปิดตัว คูปองเงินสดมูลค่า 10,000 บาท เมื่อจองและรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้

The Original Icon เอกลักษณ์แห่งต้นกำเนิด W230

W คือ แบรนด์รถสปอร์ต Kawasaki รุ่นดั้งเดิมที่นิยามความหมายของ “Kawasaki ให้มีความจุกระบอกสูบใหญ่และสมรรถนะสูง” รถรุ่นเหล่านี้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความงดงามเหนือกาลเวลาของรถจักรยานยนต์ Kawasaki ที่มีทั้งความงามอันบริสุทธิ์และเครื่องยนต์อันทรงพลัง ซึ่งสืบทอดมาจาก Meguro โดยตรงและไม่ได้รับผลกระทบจากกระแสแฟชั่น

สโลแกนของแบรนด์ “The Original Icon” สื่อถึงความจริงที่ว่าแบรนด์ W เป็นต้นกำเนิดของจักรยานยนต์ Kawasaki ทุกรุ่นโดยสืบทอดความท้าทายที่ไม่เคยหยุดนิ่งของ Kawasaki นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รวมถึงแบรนด์ Z และ Ninja

W230 เป็นโมเดลสไตล์คลาสสิคที่สืบทอดสายเลือดของซีรี่ย์ Kawasaki W เครื่องยนต์สูบเดียว SOHC 4 จังหวะระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาด 233 ซีซี ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ที่กำลังขับถูกปรับปรุงดีขึ้นในช่วงรอบต่ำถึงกลางทำให้ขับขี่ได้ผ่อนคลายพร้อมอัตราเร่งที่สบาย ไฟหน้าทรงกลมเดี่ยว ถังน้ำมันหยดน้ำ หน้าปัดเรือนไมล์คู่ผสมผสานระหว่างอนาล็อกและดิจิตอล ล้อซี่ลวดและบังโคลนเหล็ก พร้อมกับตราสัญลักษณ์ W ที่ออกแบบใหม่ รวมกันเพื่อรวบรวมความงามของสไตล์สากลของรถจักรยานยนต์คาวาซากิ

โดยตัวรถ ยังมีน้ำหนักเบา เบาะต่ำเพื่อความมั่นใจในการใช้งานและการควบคุมที่ง่าย สืบทอดจิตวิญญาณของแบรนด์ “W” ที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินกับความสุขในการใช้งานและการเป็นเจ้าของได้อย่างง่ายดาย

สำหรับ W230 ราคาขายปลีกอยู่ที่ 149,900 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเปิดตัว คูปองเงินสดมูลค่า 10,000 บาท เมื่อจองและรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้

Kawasaki MEGURO S1 จังหวะแห่งศตวรรษ และ Kawasaki W230 เอกลักษณ์แห่งต้นกำเนิด ในเดือนสิงหาคม ปี 2024 แบรนด์ MEGURO จะเฉลิมฉลองการก่อตั้งครบรอบ 100 ปี

รถจักรยานยนต์ Kawasaki MEGURO S1 และ W230 ใหม่ที่ได้เปิดตัวในปีแห่งการรำลึกนี้ ถือเป็นรถจักรยานยนต์ที่เป็นตัวแทนของแบรนด์อย่างแท้จริง และมีบทบาทสำคัญในการสืบสานประเพณีอันยาวนานของ Kawasaki

แบรนด์ MEGURO ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ.1924 ถือเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน และแบรนด์นี้ยังได้วางรากฐานให้กับรถจักรยานยนต์สปอร์ตบิ๊กไบค์ของประเทศญี่ปุ่น โดยเพื่อสืบทอดสายเลือดต่อไปนั้น รถจักรยานยนต์ตระกูล W จึงได้รับการเปิดตัวในปี ค.ศ. 1965 โดยเป็นรุ่นเรือธงที่ตั้งเป้าที่จะเป็นรถจักรยานยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก และยังเป็นรุ่นที่ทำให้ Kawasaki กลายมาเป็นผู้ผลิตจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่มีชื่อเสียงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

กำเนิด MEGURO

■ 1924 – ก่อตั้งที่เขตเมกุโระ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยได้สร้างชื่อเสียงในด้านผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีสมรรถนะและคุณภาพสูงด้วยเทคโนโลยีชั้นนำของญี่ปุ่น

■ 1937 – รถจักรยานยนต์รุ่น Z97 รถจักรยานยนต์รุ่นแรกของ MEGURO ได้วางรากฐานให้กับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ของญี่ปุ่น โดยได้เข้าร่วมการแข่งขันหลายรายการและได้รับผลงานที่ยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่ผลิตในต่างประเทศ และยังเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาเครื่องยนต์แบบสปอร์ตสูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศขนาด 498 ซม.³ อีกด้วย เครื่องยนต์นี้มีประสิทธิภาพที่น่าประทับใจมากจนถูกนำมาใช้กับรถจักรยานยนต์ของตำรวจ
ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของ MEGURO แบรนด์รถจักรยานยนต์สปอร์ตขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่จนถึงปัจจุบัน
■ 1944 โรงงานย้ายไปที่เมืองคาราสึยามะ ในจังหวัดโทชิกิ (ปัจจุบันคือเมืองนาสึคาราสึยามะ)

■ 1950 – ไม่นานหลังสงคราม รถจักรยานยนต์รุ่น Junior J1 ก็เปิดตัวเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงระบบการออกใบอนุญาตขับขี่ของญี่ปุ่น โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดที่เริ่มมีความต้องการมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก สไตล์ของ Junior Series ได้รับการถ่ายทอดไปยัง Kawasaki 250 MEGURO SG และต่อมายัง Kawasaki Estrella นับเป็นผู้บุกเบิกรถมอเตอร์ไซค์ขนาด 250 ซีซี ในญี่ปุ่น

ความรุ่งโรจน์ในการแข่งขัน

■ 1957 – เข้าร่วมการแข่งขัน Asama Volcano Race ครั้งที่ 2 ในการแข่งขันประเภทที่มีความจุกระบอกสูบสูงสุด (500cc) และชนะการแข่งขัน MEGURO ได้แสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ของตนอย่างชัดเจนในฐานะแบรนด์รถจักรยานยนต์สปอร์ตบิ๊กไบค์ในการแข่งขันทางเรียบระยะทางไกลที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นในขณะนั้น

ความร่วมมือกับ Kawasaki
■ 1960 – ความร่วมมือกับ Kawasaki Aircraft (ปัจจุบันคือ Kawasaki Motors) เกิดขึ้นในช่วงที่ MEGURO ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อแข่งขันกับบริษัทกว่า 100 แห่งที่ผลิตมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก Master of the Skies ซึ่งเป็นผู้สร้างเครื่องบินมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1922 ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตยานพาหนะทางบกชื่อดังเพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและเทคโนโลยีร่วมกัน

หลังการรวมกิจการ/ร่วมพันธมิตรทางธุรกิจ

■ 1964 – Kawasaki 250 MEGURO SG รถจักรยานยนต์แบบสปอร์ตคันนี้สืบทอดสไตล์ของรุ่น Junior Series โดยมีรูปลักษณ์สปอร์ตด้วยเครื่องยนต์เอียงไปด้านหน้า สูบเดียวระบายความร้อนด้วยอากาศที่มีกำลังสูง ซึ่งสืบทอดต่อไปยัง MEGURO S1
4 ปีหลังจากการเริ่มต้นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่าง Kawasaki Aircraft และ MEGURO Manufacturing ทั้งสองบริษัทได้ควบรวมกิจการกันในเดือนกุมภาพันธ์ 1964 เพื่อก่อตั้งเป็นบริษัทเดียว

■ 1965 – บิ๊กไบค์คันแรกของคาวาซากิ คือ Kawasaki 500 MEGURO K2
หลังจากความร่วมมือทางธุรกิจของ Kawasaki และ MEGURO Stamina K1 ได้รับการออกแบบใหม่โดย Kawasaki Aircraft การออกแบบเฟรมและเทคโนโลยีของ MEGURO Manufacturing ถูกนำมาใช้ในการผลิตและ Stamina K1 มีอิทธิพลต่อรถรุ่น Kawasaki ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่หลายรุ่นตามมา
โดยรุ่นนี้ได้เริ่มใช้ตราสัญลักษณ์ Kawasaki River Mark ในโลโก้ของแบรนด์ MEGURO

“W” เข้าสู่วงการ – จาก MEGURO สู่ W

■ 1965 – 650-W1 : รถจักรยานยนต์แบรนด์ W คันแรกและเป็นต้นกำเนิดของรถสปอร์ตบิ๊กไบค์ 4 จังหวะรุ่นปัจจุบันของ Kawasaki
เกิดจากความมุ่งหวังที่จะเป็นรถจักรยานยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก เพื่อตอบสนองความต้องการมอเตอร์ไซค์ที่มีความจุกระบอกสูบใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีความนิยมสูงเป็นพิเศษในช่วงทศวรรษ 1960 รุ่นเรือธงของ Kawasaki จึงเกิดขึ้นโดยเพิ่มความจุกระบอกสูบของ Kawasaki 500 MEGURO K2 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2 สูบ แนวตั้งระบายความร้อนด้วยอากาศ ซึ่งมีความจุกระบอกสูบสูงสุดในญี่ปุ่นในขณะนั้นที่ 624 ลูกบาศก์เซนติเมตร รุ่นระดับโลกนี้เปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจด้วยสีแดงเข้มสดใสและการชุบโครเมียมคุณภาพสูง
Kawasaki จึงได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองไปทั่วโลกในฐานะผู้ผลิตรถบิ๊กไบค์ด้วย W1 รุ่นนี้

เทคโนโลยีที่สืบทอดมา

■ 1972 – กำเนิด Z1 (900 Super Four) ในตำนาน Z1 เป็นเครื่องยนต์ DOHC 4 สูบแถวเรียง รุ่นแรกของญี่ปุ่นที่มีปริมาตรกระบอกสูบที่มากกว่าปกติทั่วไปในขณะนั้นที่ 903 ซม.³ ภายใต้ชื่อ “Z” ซึ่งเป็นอักษรลำดับสุดท้ายในภาษาอังกฤษ อันบ่งบอกถึงประสิทธิภาพ “อันเหนือชั้น ขั้นสุดยอด” นั่นเอง

■ 1984 – สุดยอดรถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ตสำหรับขับขี่บนถนนของ Kawasaki รุ่น GPZ900R (“Ninja” รุ่นแรก) กับเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง 908 ซีซี ระบายความร้อนด้วยของเหลว พร้อมโซ่ราวลิ้นข้าง ด้วยพลังอันล้นหลามและการออกแบบตัวถังอันเป็นเอกลักษณ์ของ Ninja รุ่นแรกนี้ ได้เปิดประตูสู่ยุคใหม่ของกีฬาสำหรับขับขี่บนถนน

 

การกลับมาของ W – ความงามเหนือกาลเวลา
รุ่นต่างๆ ของแบรนด์ W กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของ Timeless Beautiful “ความงามเหนือกาลเวลา” ที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะของรถจักรยานยนต์รุ่น Kawasaki จนถึงปัจจุบัน

■ 1999 – W650 โมเดลแบรนด์ W กลับมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปกว่า 25 ปี นับตั้งแต่ 650-RS (หรือที่เรียกว่า W3) ในปี 1973 โดยมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวโดยใช้เฟืองดอกจอกทำให้รถรุ่นนี้ดูสมกับชื่อ W

■ 2011 – W800 กลับมาอีกครั้งพร้อมพลังที่มากขึ้นยังคงใช้ชื่อ W โดยปริมาตรกระบอกสูบเพิ่มขึ้นเป็น 773 ซม.³ ในขณะที่ยังคงสไตล์คลาสสิกแบบเดียวกับ W650

ตระกูลรถสปอร์ตขนาดใหญ่
MEGURO และ W ถือเป็นต้นกำเนิดและจุดเริ่มต้นของรถจักรยานยนต์สปอร์ต 4 จังหวะที่มีความจุกระบอกสูบขนาดใหญ่ของ Kawasaki ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

■ 2014 Ninja H2R รุ่นเรือธงที่มีเครื่องยนต์ซุปเปอร์ชาร์จรุ่นแรกของโลก สร้างความตื่นตะลึงให้กับโลกด้วยโมเดลสมรรถนะสูงที่ผสมผสานพลังอันล้นหลามและความสนุกในการขับขี่

■ 2015-2020 – Ninja ZX-10R (10RR) คว้าแชมป์ World Superbike Championship (WSBK) 6 สมัยติดต่อกัน

■ 2021 – MEGURO K3 ฟื้นคืนชีพหลังจากห่างหายไปเกือบครึ่งศตวรรษ

Heritage and Innovation
ในขณะที่แบรนด์ MEGURO เฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ในปี 2024 Kawasaki ได้เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฮบริดรุ่นแรกของโลก และทำการทดสอบมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ไฮโดรเจนที่ผลิตโดยโรงงานผลิตหลักเป็นครั้งแรกของโลกต่อสาธารณชน
เห็นได้ชัดว่า 2 แบรนด์ประวัติศาสตร์นี้ ทั้ง MEGURO และ W คือสิ่งที่สร้างรากฐานให้กับมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ 4 จังหวะของ Kawasaki ที่ก้าวล้ำนำสมัยอย่างต่อเนื่อง โดยเป็น 2 แบรนด์ที่สืบทอดและสืบสาน “มรดก” อันเป็นแกนหลักสองประการของ Kawasaki นั่นก็คือ Heritage and Innovation นั่นเอง

การแข่งขัน MotoGP รายการ Gran Premio Pramac dell’Emilia-Romagna จบลงอย่างน่าตื่นเต้นด้วยดราม่าท้ายเกมรุ่นใหญ่

เกมรอบสปริ๊นเริ่มก่อนในช่วงเย็นวันเสาร์ มาร์ตินทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงเริ่มต้นการแข่งขันสปรินต์เรซ โดยรถหมายเลข 89 พุ่งทะยานเข้าโค้งที่ 1 โดยเร่งเครื่องอย่างหนักในรอบแรก และขณะที่ แบรด บินเดอร์ แซงหน้าแชมป์โลกคนปัจจุบันได้เช่นกัน ทำให้ บันญาญ่า ตกไปอยู่อันดับที่ 3 จากนั้น บินเดอร์ ก็ถูกไล่แซงจนตกไปอยู่อันดับที่ 4 ขณะที่ บันญาญ่า และ บาสเตียนีนี่ พุ่งแซงหน้าไป และต่อมาเป็น มาร์เกซ ที่เริ่มขยับขึ้นมาจากตำแหน่งสตาร์ทที่ 7 แซงบินเดอร์ ได้อีก และไม่นาน เปโดร อาคอสต้า ก็แซงหน้าไปได้เช่นกัน

เกมที่มีเพียงครึ่งเรซจากเมนเรซ มีอะไรก็ใส่กันเต็มที่ ยิ่งทำให้มีความทั้งความกดดัน และความตื่นเต้น ให้กับผู้ชมในสนาม มาร์ติน ดูแล้วน่าจะมีโอกาสคว้าวินเนอร์ด้วยระยะห่างพอสมควร บันญาญ่า ต้องเจอกันความกดดันด้วยตำแน่งที่ไม่ดีนัก แต่ที่ดูโดดเด่นขึ้นมาก็คือ เอเนีย ขยับแรงขึ้นมาเรื่อยๆ มาร์เกซ ที่สร้างผลงานคว้าวินเนอร์ในเรซก่อนหน้านี้ยังไม่มวี่แววจะขึ้นมาถึงหัวขบวน

รอบสุดท้าย มาร์ติน หนีไม่ออกทำให้ เอเนีย ไล่เข้าจ่อติดท้าย และก็ได้จังหวะในรอบสุดท้ายโค้งที่ 4 และมันก็เป็นดราม่า เอเนีย กดเข้าไลน์ในแต่รถมันดันไม่รักดีบานเล็กน้อย ทำให้ มาร์ติน โดนเบียดออกต้องนั่งตัวตรงควบคุมรถเข้าไลน์ เอเนีย พุ่งออกจากโค้งได้ก่อนแล้วผ่านธงตราหมากรุก คว้าชัยในโฮมเรซท่ามกลางกองเชียร์ และเสียงวิพาก์ษวิจารณ์ และนี่คือคว้าชัยชนะในบ้านอย่างดุเดือด เพิ่มสถิติการขึ้นโพเดี้ยม MotoGP™ 100% ที่มิซาโน่ และลดช่องว่างคะแนนให้เพื่อนร่วมทีม บันญาญ่า ไม่ห่างจาก มาร์ติน มากนัก

MotoGP

อีเนีย บาสเตียนีนี่ คว้าชัยชนะในรอบสุดท้าย ทำให้ Ducati คว้าแชมป์ผู้ผลิตประจำปี 2024 และเป็นชัยชนะครั้งที่ 100 ของ Ducati ในรุ่นพรีเมียร์คลาส ฮอร์เก้ มาร์ติน จบอันดับ 2 แต่ยังคงนำในตารางคะแนนรวม โดยทิ้งห่างอันดับ 2 ไป 24 คะแนน ฟรานเชสโก้ บันญาญ่า แชมป์เก่าล้มในขณะที่อยู่อันดับ 3 ทำให้ มาร์ก มาร์เกซ ขึ้นมาครองอันดับ 3 แทน

การแข่งขันเต็มไปด้วยความดุเดือด มีการแซงกันไปมาระหว่างนักบิดดูคาติ แฟคเทอรี่ และแซทเทิลไลท์ มาร์ติน, บันญาญ่า และ บาสเตียนีนี่ ในช่วงต้นเกม Bastianini ทำการแซงอย่างดุเดือดในโค้งที่ 4 ของรอบสุดท้าย เพื่อคว้าชัยชนะ แม้จะมีข้อถกเถียงเรื่องความเหมาะสมของจังหวะการแซงครั้งนี้

สนามนี้นักข่งขันหลายคนประสบปัญหาเรื่องของการเซ็ทติ้ง และล้มไปหลายคัน รวมถึงเจ้าฉลามน้อย เปโดร อาคอสต้า พลาดไปแบบเจ้าตัวยังงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นฟาบิโอ กวาตาราโร่ ผลงานเริ่มขยับขึ้นมาอย่างยอดเยี่ยม และโดดเด่นที่สุดของรถค่ายจากแดนอาทิตย์อุทัย จบอันดับ 7 ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขาและทีม Yamaha ในฤดูกาลนี้ ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับ จัวอัน เมียร์ และ ลูก้า มารีนี่ ของทีม Honda ทำผลงานได้ดีขึ้น จบในอันดับ 11 และ 12

ในจังหวะดราม่ารอบสุดท้าย มาร์ติน ถูกเบียดกระแทกเสียหลังเข้าโค้งไม่ได้ ถึงกับออกอาการโกรธแค้น แต่เมื่อจบเกมก็เฉลิมฉลองกับความได้เปรียบขยับหนีห่างเป็น 24 คะแนน มาร์ค มาร์เกซ ก็ได้รับการเลื่อนขึ้นไปยืนบนโพเดี้ยมหลังจากที่ บาญาญ่า ประสบอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นอีกการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่ออันดับสูงสุดของการแข่งขันชิงแชมป์ ถัดจากนั้น เบียเซกกี้ จบอันดับที่ 4 ทำผลงานได้ดีอีกสัปดาห์ อันดับที่ 5 ในเซกเตอร์สุดท้ายของการแข่งขัน ดูเหมือนจะเป็นของ ฟาบิโอ กวาตาราโร่ แต่ปัญหาในช่วงโค้งสุดท้ายน้ำมันหมด ทำให้นักบิดชาวฝรั่งเศสต้องพยายามรักษาทำให้ ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี  และ มาเวอริค บีญาเลส แซงเขาที่เส้นชัย อย่างไรก็ตาม กวาร์ตาราโร่ ทำผลงานในอันดับที่ 7

Moto2

หลังจากออกตัวได้อย่างยอดเยี่ยม อาร์โบลิโน่ ก็ทะยานขึ้นนำตั้งแต่ช่วงต้น โดย เวียติ และ คาเน็ท ตามมาอย่างรวดเร็ว โอกุระ ผู้นำการแข่งขันชิงแชมป์โลกทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจากอันดั บที่ 7 บนกริดสตาร์ทขึ้นมาที่ 4 ไปได้ในช่วงเปลี่ยนรอบ เมื่อการแข่งขันเข้าสู่ช่วงสุดท้าย ความตื่นเต้นก็เกิดขึ้นกับผู้หวังคว้าแชมป์ทั้งสองราย ขณะที่กำลังเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 7 เจค ดิกสัน ล้มในโค้งที่ 2 และตามมาไม่ไกล เซอร์จิโอ การ์เซีย ก็ล้มไปอีกคัน

อาร์บอลิโน่ ซึ่งเป็นผู้นำถูก เวียติ และ คาเน็ท แซงหน้าไป เกมผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเหลืออีก 6 รอบ เวียติ ได้ทำผิดพลาดในโค้งที่ 2 ทำให้ คาเน็ท ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 เกมยิ่งเดือดขึ้น อาร์บอริโน่ และ คาเน็ท สลับกันขึ้นเป็นที่ 1 ถึงสองครั้งของรอบรองสุดท้าย จนมารอบสุดท้าย! อาร์บอลีโนขึ้นนำ คาเน็ท ขณะที่ เวียติ อยู่อันดับสุดท้ายร่วมกับสองคันแรก อาร์บอลีโน่ รักษาตำแหน่งผู้นำเอาไว้ได้ตลอด แต่ที่เหลือเชื่อคือ อาร์บอลีโน่ บานออกนอกโค้งที่ 14 ไม่ใช่แค่ออกนอกโค้ง แต่ออกนอกโค้งมาก ทำให้คาเน็ท แซงขึ้นนำในช่วงสองโค้งสุดท้ายเพื่อคว้าชัยชนะ แต่ในโค้งสุดท้าย เวียติ ขึ้นมาประกบข้างและก็แซง คาเน็ท แบบเฉียดฉิวคว้าชัยชนะในบ้านได้สำเร็จ อาร์บอลีโน่ เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 3

แต่ไม่น่าเชื่อเลยที่ อาร์บอลิโน่ คร่อมนอกโค้งที่ 14 ทำให้ คาเน็ท ได้โอกาสแซง เวียติ ขึ้นนำในช่วงสองโค้งสุดท้ายเพื่อคว้าชัยชนะ แต่ใครจะเชื่อในโค้งสุดท้าย เวียติ ที่ตามตืดออกมาจากโค้ง ขึ้นปะกบด้านข้าง และก็แซง คาเน็ท ที่หน้าเส้นชัย คว้าวินเนอร์สนามเหย้าได้สำเร็จ อาร์โบลิโนที่เสียหลักเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 3 และ โอกุระ จบในอันดับที่ 4 ซึ่งทำให้ผู้ขับชาวญี่ปุ่นขยับช่องว่างคะแนนนำในแชมเปี้ยนชิพเป็น 22

Moto3

เกมเริ่มด้วยผลงานสุดแรงของ ไทโย ฟูรุซาโตะ คว้าโฮลช็อตได้สำเร็จหลังจากออกตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่ดราม่าเกิดขึ้นที่โค้งที่ 2 เป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันสำหรับ ดาวิด มูนนอซ นักบิดชาวสเปนไล่ตาม สเตฟาโน่ เนป้า ปะทะกันจนหลุดออกไป ในระหว่างนั้น อลอนโซ่ ค่อยๆ ไต่อันดับขึ้นนำในช่วงสิ้นสุดรอบที่ 1 ขณะที่โฮลกาโดค่อยๆ ไต่อันดับขึ้นมาที่ 5 จากอันดับที่ 11 บนกริดสตาร์ท

เหลืออีก 2 รอบ นักบิด 4 คน 3 ตำแหน่งบนโพเดี้ยม อลอนโซ่ ผู้นำ ฮอลกาโด, ปิเคเรส และ วีเฮร์ โดยที่ โฮลกาโด เปิดก่อนได้เปรียบในโค้งที่ 14 ในรอบรองสุดท้าย แซง อลอนโซ่ และ ปิเคเรส ตามเพื่อนร่วมชาติของเขาไปในรอบสุดท้าย ฮอลกาโด นำอยู่จนกระทั่งถึงโค้งที่ 8 อลอนโซ่ บวกเวลาเข้าจ่อท้าย และเบียดแซงกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง และไม่พลาดเป็นครั้งที่สอง ขึ้นโพเดี้ยมรับวินเนอร์ เก็บคะแนนได้อีก 25 คะแนน ขณะที่ ปิเคเรส จบอันดับที่สองอย่างเฉียดฉิว โฮลกาโด เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 3 แต่หลังจากฝ่าฝืนกฎแทร็กลิมิตที่โค้งสุดท้าย ไวเยอร์ก็เลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ออโทร่า ไม่สามารถแซงหน้า  โจ เคลโซ่ ขึ้นมาได้พร้อมกับ ลูเนทต้า คว้าอันดับที่ 6 และ 7 ตามลำดับ

“ก้อง-สมเกียรติ” คว้าอันดับ 14 โมโตทู มิซาโน

“ก้อง-สมเกียรติ”สตาร์ตจากกริดที่ 18 ในแถว 6 ไล่แซงคู่แข่งบิดคว้าอันดับ 14

“ก้อง-สมเกียรติ” ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่ออกสตาร์ตจากกริดที่ 18 ในแถว 6 ไล่แซงคู่แข่งบิดคว้าท็อป 14 เก็บแต้มสำคัญในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 สนาม 14 รายการ เอมิเลีย-โรมันญ่า กรังด์ปรีซ์ ที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเชลลี ประเทศอิตาลี รั้งอันดับ 11 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ คะแนนสะสม 78 คะแนน หลังผ่านไปทั้งสิ้น 14 สนาม

ส่วน “ก๊องส์-ธัชกร” หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในศึก โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ พยายามอย่างหนักเพื่อขยับอันดับ ก่อนพลาดล้มและต้องนำรถเข้าพิทอย่างน่าเสียดาย

ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2024 สนามถัดไป จะดวลความเร็วระหว่างวันที่ 27-29 กันยายนนี้ ที่ เปอร์ตามิน่า มันดาลิกา เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย ในรายการ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #EmiliaRomagnaGP

“ทีมไทย”​ ทำสำเร็จ! “อนุภาพ-ดิอาซ” ควงคู่แซงโหดคว้าแต้ม “เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต” เรซแรกที่ เครโมนา

คู่หูนักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม สร้างผลงานสุดร้อนแรงไล่แซงนับสิบ

“ตี” อนุภาพ ซามูล และ อัลบาโร ดิอาซ คู่หูนักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม สร้างผลงานสุดร้อนแรงไล่แซงนับสิบ ทะยานคว้าแต้มมาครองได้สำเร็จในศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 9 เรซแรก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ เครโมนา เซอร์กิต ประเทศอิตาลี

เกมเรซนี้ชิงชัยทั้งสิ้น 20 รอบสนาม ถือเป็นความท้าทายอย่างมากของนักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เพราะยังไม่เคยลงบิดที่นี่มาก่อน โดย “ตี” อนุภาพ เจ้าของรถแข่ง YZF-R6 หมายเลข 51 ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 23 ส่วนทีมเมทชาวสแปนิชหมายเลข 80 อย่าง ดิอาซ ออกตัวจากกริดที่ 27

คู่หูนักบิดไทยยามาฮ่าเริ่มเกมได้ยอดเยี่ยม เกาะติดกลุ่มได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการขับเคี่ยวอย่างเข้มข้นในทุกกลุ่ม ทำให้สามารถไล่แซงคู่แข่งขึ้นไปได้หลายคันตลอด 20 รอบสนาม

ผลปรากฏว่า ดิอาซ ขยับเข้าป้ายในอันดับ 13 ตามหลังผู้ชนะ 34.024 วินาที ส่วน “ตี” อนุภาพ บิดเข้าเส้นชัยในอันดับ 15 ตามหลัง 40.439 วินาที หลังไล่บดอย่างดุเดือดตลอดทั้งเรซ คว้าแต้มให้กับทีมได้ทั้งคู่ ถือเป็นผลงานยอดเยี่ยมสำหรับสนามที่ไม่เคยลงแข่งมาก่อน

โดย “ตี” อนุภาพ รั้งอันดับ 23 ของโลกมีทั้งสิ้น 13 คะแนน ส่วน ดิอาซ รั้งอันดับ 31 มี 6 คะแนน ช่วยกันทำให้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม บวกแต้มเพิ่มเป็น 19 คะแนน รั้งอันดับ 17 บนตารางคะแนนสะสมประเภททีม

ทั้งนี้ เรซที่ 2 จะดวลความเร็วในวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายนนี้ 20.15 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง SPOTV

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaThailandRacingTeam
#RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #No1RacingTeam
#YamahaSocietyThailand #YamahaRidersclubThailand
#RaceMachine #WorldSBK2024
#WSSP600 #YamahaR6 #AS51 #KK39
#YamahaThailandRacingOfficial

รุ่นลิมิเต็ด! LAMBRETTA x CARNIVAL ผลิตเพียง 199 คันในโลก!

LAMBRETTA จับมือแท็กทีมกับ CARNIVAL

LAMBRETTA (แลมเบรตต้า) แบรนด์รถสกู๊ตเตอร์ที่มีประวัติยาวนานกว่า 77 ปีจากอิตาลี จับมือแท็กทีมกับ CARNIVAL (คานิวัล) แบรนด์แฟชั่นสตรีทแวร์ชั้นนำของเมืองไทย การคอลแลปส์ครั้งสำคัญของสองแบรนด์สุดคูล สร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหม่ ให้กับวงการยานยนต์และแฟชั่น ด้วยการเปิดตัว LAMBRETTA X300 CARNIVAL LIMITED EDITION รุ่นพิเศษที่ผลิตเพียง 199 คันในโลก!

Concept Design X300 CARNIVAL: Midnight Checker

การผสานระหว่าง DNA อิตาเลียนสไตล์ของรถสกู๊ตเตอร์ LAMBRETTA เข้ากับแฟชั่นสตรีทสุดเท่จาก CARNIVAL ออกมาเป็นความพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในรุ่นลิมิเต็ด X300 CANIVAL ด้วยคอนเซปต์ดีไซน์ “Midnight Checker” แรงบันดาลใจจากธงลายตารางหมากรุกที่เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ การใช้ลายตารางหมากรุกแบบ Black on Black ด้วยความพิเศษของสีดำ แบบ สี Glossy & Matte Black เพิ่มความลึกลับและลุ่มลึก พร้อมดีไซน์ Custom ของชุดแต่ง ตะแกรงท้าย CARNIVAL  เบาะนั่ง และ Shield ด้านหน้าลาย Checkerboard สะท้อนความเป็นสตรีทแฟชั่นอย่างแท้จริงในแบบฉบับของ CARNIVAL สีดำสุดเข้มที่ใช้ ทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทั้งยังคงเอกลักษณ์ของ LAMBRETTA  ไว้อย่างลงตัว

Special Feature – TFT Display

ฟีเจอร์ใหม่ ที่แอดความพิเศษให้กับรุ่น X300 CARNIVAL ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ TFT ครั้งแรกในรถตระกูล X-Series ที่สามารถเลือก Interface ได้ถึง 5 themes สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth กับสมาร์ทโฟนได้  และสามารถ Setting ได้ถึง 3 ภาษา ได้แก่ Italiano , English และ ภาษาไทย

รุ่นลิมิเต็ด มีเพียง 199 คันในโลก!

สำหรับ LAMBRETTA X300 CARNIVAL LIMITED EDITION รุ่นพิเศษนี้ ผลิตเพียง 199 คันในโลก! ซึ่งทุกคันจะมีเพลทรัน Serial Number ตั้งแต่  001-199   นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับคอลเลกชันพิเศษ CARNIVAL x LAMBRETTA EXCLUSIVE BOX SET  ประกอบด้วย License Plate Frame, Tube Tax Holder, Mini Glove Box Bag , Scooter Cover , Club Banner  และ Carnival x Lambretta Scooter Helmet  ที่มีมาให้พิเศษเฉพาะผู้ที่เป็นเจ้าของรถรุ่นนี้เท่านั้น ตอกย้ำความเป็นแรร์ไอเทม ที่เหล่านักสะสมและแฟนๆของทั้งสองแบรนด์ไม่ควรพลาด!

ฟีเจอร์อื่นๆในรถรุ่น X300 CARNIVAL

– เทคโนโลยีเครื่องยนต์ LSP  (Lambretta Super Performance) ขนาด 275 ซีซี จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด, ระบายความร้อนด้วยน้ำ

– ระบบ Smart Key ที่เพียงแค่พกพา Smart Key ใกล้ตัวรถ ก็สามารถบิดสตาร์ทได้ทันที

– โช๊คอัพหน้า-หลัง สามารถปรับ Pre-load ได้ถึง 7 ระดับ เพื่อความสมูทและนุ่มนวลให้กับผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น

– ระบบช่วงล่างเอกลักษณ์จากรุ่นตำนานกับชุดกันสะเทือนหน้าแบบ Double Arm-Link ทั้งสองข้าง เพื่อให้การควบคุมบาลานซ์ของตัวรถเป็นไปอย่างมั่นใจ

ตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ในการขับขี่

– การออกแบบโครงสร้างตัวรถแบบ Low & Long  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ LAMBRETTA มาตั้งแต่อดีต สู่รุ่นปัจจุบัน

– ดิสก์เบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ทำงานพร้อมกับระบบเบรกแบบ Dual-channel ABS

– ไฟหน้า และไฟท้ายในระบบ FULL LED กับโคมไฟหน้ารูปทรงหกเหลี่ยม อีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นยอดฮิตของแลมเบรตต้า ออกแบบมาให้แฝงโลโก้ไว้ภายใน  และส่วนของไฟท้ายที่บึกบึนดูแข็งแกร่งแตกต่างไม่ซ้ำใคร กับดีไซน์ในรูปทรงคริสตัล 7 แท่ง ที่เพิ่มเลเยอร์ในการซ้อนโคมด้านนอกอีกชั้น มาพร้อมกับระบบ IFS (Integrate-Function Signals) ที่ออกแบบให้ทั้ง ไฟเลี้ยว/ไฟฉุกเฉิน/ไฟเบรก build-in อยู่ภายใต้โคมไฟท้ายเดียวกัน

ราคาและการวางจำหน่าย X300 CARNIVAL

LAMBRETTA X300 CARNIVAL LIMITED EDITION  พร้อมให้เป็นเจ้าของความลิมิเต็ดได้แล้ววันนี้ กับราคาค่าตัวที่ 177,000 บาท  ซึ่งจะจัดจำหน่ายเฉพาะหน้าสาขา LAMBRETTA SHOP เท่านั้น!  สามารถดูข้อมูลติดต่อสาขา ได้ที่นี่  https://lambretta.co.th/dealer และดูรายละเอียดรถเพิ่มเติมได้ที่ https://lambretta.co.th/lambretta-x-carnival

นอกจากจะมีการเปิดตัวรถสกู๊ตเตอร์รุ่นลิมิเต็ดแล้ว ก็ยังเปิดตัวไอเทมสุดแรร์ กับคอลเลกชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ‘CARNIVAL x LAMBRETTA COLLECTION ‘ คอลเลคชันเครื่องแต่งกายสุดคูลที่นำ Identity ของทั้งสองแบรนด์ผสานเข้าด้วยกัน  ใครที่สนใจหามาไว้ครอบครองก็สามารถหาซื้อได้ที่ร้าน CARNIVAL ทุกสาขา

ไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จังหวัดเชียงราย

นำรถจักรยานยนต์ เข้ารับบริการตรวจเช็กฟรี !

ไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย และตัวแทนร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ผนึกกำลังร่วมใจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยเปิดให้ลูกค้ารถจักรยานยนต์ฮอนด้า สามารถนำรถเข้ารับการตรวจเช็กสภาพรถได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย บริการนี้จะจัดขึ้นในหน่วยบริการชั่วคราว 2 จุด ระหว่างวันที่ 18-20 กันยายน 2567 นี้
โดยไทยฮอนด้า ได้คำนึงถึงผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าทุกท่าน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเชียงรายที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ทำให้รถจักรยานยนต์ของลูกค้าฮอนด้าอาจได้รับความเสียหาย ในส่วนของอุปกรณ์และเครื่องยนต์ที่อาจถูกน้ำท่วม จึงเปิดบริการให้ลูกค้านำรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาตรวจเช็กสภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยครอบคลุมบริการหลัก ได้แก่ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรอง เปลี่ยนหัวเทียน เปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้าย รวมถึงบริการอื่น ๆ ที่จำเป็นตามสภาพรถ
จุดที่เปิดให้บริการ วันที่ 18-20 กันยายน 2567  ตั้งแต่ เวลา 9.00 – 15.00 น.
จุดที่ 1 ศูนย์ฮอนด้ากรีนวิง สาขาน้ำลัด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
จุดที่ 2 สินธานี อิเล็คทรอนิกค์ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
ทั้งนี้ ทางไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัย และขยายการเข้าช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบริการนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยในพื้นที่ และทำให้ทุกท่านสามารถใช้รถจักรยานยนต์ได้อย่างปลอดภัย
ติดตามรายละเอียดการให้บริการได้ที่
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda #HowWeMoveYou #ไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย

“แสตมป์-อภิวัฒน์” คว้าท็อปไฟว์ส่งท้าย เซปังฯ

“แสตมป์-อภิวัฒน์” รั้งจ่าฝูงเดินหน้าลุ้นแชมป์เอเชียใน “โฮมเรซ”

“แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ยอดนักบิด “ไทยยามาฮ่า” เดินหน้ารั้งจ่าฝูงในศึกสองล้อเอเชีย หลังประคองคว้าท็อปไฟว์เรซ 2 ของรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ในศึก อเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 5 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย

“แสตมป์” อภิวัฒน์ นักบิดไทยดีกรี “เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต” ลงบิดในฤดูกาลนี้ภายใต้สังกัด ยามาฮ่า เทคนี เรซซิ่ง ทีม เอเชีย เข้าสู่เรซนี้ในฐานะจ่าฝูงบนตารางแชมเปียนชิพของรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี มีคะแนนนำคู่แข่งในอันดับ 2 ถึง 23 คะแนน และได้ออกตัวจากตำแหน่งโพล

นักบิดชาวไทยเจ้าของรถแข่ง YZF-R6 หมายเลข 24 ทะยานขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว แต่ด้วยสถานการณ์ลุ้นแชมป์ที่ได้เปรียบอยู่จึงไม่เสี่ยงแลกมากนัก ประคองเข้าเส้นชัยในอันดับ 5 ด้วยเวลารวม 22 นาที 2.794 วินาที ตามหลังผู้ชนะเพียง 0.993 วินาที และเพียงพอให้รั้งจ่าฝูงต่อไป มีทั้งสิ้น 155 คะแนน เหนือคู่แข่งอย่าง อเดนันดา พูตร้า นักบิดอินโดนีเซีย 14 คะแนน

จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้การลุ้นแชมป์ประจำปีในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี จะต้องมาตัดสินในสนามสุดท้าย ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaThailandRacingTeam
#RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #No1RacingTeam
#YamahaSocietyThailand #YamahaRidersclubThailand
#RaceMachine #ARRC2024
#YamahaR6 #RW56 #AW24 #SuperSport600
#YamahaThailandRacingOfficialTest #AsiaRoadRacing

“ชิพ-นครินทร์” บิด Honda CBR1000RR-R ครองดับเบิ้ลโพเดียม “เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี”

 “มิกซ์-ธนัช” ทะยานจากกริด 12 คว้าอันดับ6 “ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี” ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง 2024 สนาม 5

ทัพนักบิด “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” พร้อมรถแข่ง Honda CBR Series โชว์ศักยภาพต่อสู้กับคู่แข่งอย่างแข็งแกร่งใน ศึก FIM Asia Road Racing Championship 2024 สนามที่ 5 เรซที่ 2 ที่สนาม ปิโตรนาส เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ใน 2 รุ่นท็อปของรายการ “เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี” “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ บิด Honda CBR1000RR-R บดคู่แข่งผงาดขึ้นโพเดียม 2 เรซติดต่อกัน ด้านดาวรุ่งไทย “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว บิด Honda CBR600RR ต่อสู้ในรุ่น “ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี” ออกสตาร์ตจากกริดที่ 12 ไล่แซงคู่แข่งคว้าท็อป 6 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา

รุ่น “เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี” (ASB1000) “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ สังกัด “ฮอนด้า เอเชีย ดรีม เรซซิ่ง วิท แอสติโม” บิด Honda CBR1000RR-R หมายเลข 41 ออกสตาร์ตจากกริดที่ 4 ทะยานขึ้นมารั้งกลุ่มนำต่อสู้สุดเข้มข้นตั้งแต่ต้นเกม ไล่แซงคู่แข่งขยับอันดับทำผลงานยอดเยี่ยมคว้าโพเดียมอันดับที่ 2 มาครอง ด้วยเวลา 25:29.138 นาที ซึ่งนับเป็นการขึ้นโพเดียม 2 เรซติดต่อกันของการแข่งขันสนามนี้

รุ่น “ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี” (SS600) ดาวรุ่งไทย “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว และ “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ บิดรถแข่ง Honda CBR600RR ทำผลงานท้าทายกับสภาพอากาศและต่อสู้กับคู่แข่งแนวหน้าของรุ่น โดย “มิกซ์-ธนัช” หมายเลข 31 สามารถบิดขยับตำแหน่งจากกริด 12 เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 6 ด้วยเวลา 22:03.850 นาที ด้าน “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” หมายเลข 85 บิดตามเข้าเส้นชัยมาในอันดับที่ 7 ด้วยเวลา 22:04.479 นาที

ทั้งนี้ โปรแกรมการแข่งขัน FIM Asia Road Racing Championship 2024 สนามที่ 6 ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาล จะไปดวลกันในระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม นี้ ที่สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศไทย

แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

#ThaiHonda #Motorsport #RaceToTheOne #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #ARRC #ARRC2024 #AsiaRoadRacingChampionship2024 #Chip41 #Mix31 #Maikiw85 #HondaRacingThailand #Idemitsu #Sittipol #KrungsriAuto #Kushitani #KELA #SKF #KOWA #NGK #DID #Arai #RCB #DiosDesign #FMSCT #SAT

“แสตมป์-อภิวัฒน์” เข้าป้ายที่ 2 คว้าโพเดียมเรซแรก เซปังฯ

“แสตมป์-อภิวัฒน์”รั้งจ่าฝูง “ซูเปอร์สปอร์ต เอเชีย” โกยแต้มหนี 28 คะแนน

“แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ยอดนักบิดไทยยามาฮ่าโชว์ผลงานระดับโลก ผงาดคว้าโพเดียมอันดับ 2 จากเรซแรกในศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชียสนาม 5 ที่ประเทศมาเลเซีย รั้งจ่าฝูงรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เหนียวแน่น เส้นทางลุ้นแชมป์ประจำฤดูกาลสดใส หลังจบเรซสุดมันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 5 ดวลความเร็วเรซแรกเมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา ที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ระยะทางต่อรอบ 5.543 กิโลเมตร

เกมเรซนี้ดวลทั้งสิ้น 10 รอบสนาม “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ยอดนักบิดไทยเจ้าของรถแข่ง YZF-R6 หมายเลข 24 จาก ยามาฮ่า เทคนี เรซซิ่ง ทีม เอเชีย จ่าฝูงบนตารางแชมเปียนชิพ ได้เริ่มเกมจากตำแหน่งโพลของรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี

นักบิดหนุ่มชลบุรีออกสตาร์ตยอดเยี่ยม ทะยานขึ้นเป็นผู้นำอย่างรวดเร็ว แต่เพื่อความแน่นอนของคะแนนสะสมในการลุ้นแชมป์ประจำปี ส่งผลให้ “แสตมป์” อภิวัฒน์ เลือกประคองบิดคว้าอันดับ 2 มาครอง พร้อมผงาดขึ้นโพเดียมได้อีกครั้ง รั้งจ่าฝูงบนตารางแชมเปียนชิพอย่างเหนียวแน่น เก็บไปทั้งสิ้น 144 คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 28 แต้ม

ทั้งนี้ ศึก เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 5 จะแข่งขันเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน ถ่ายทอดสดทาง https://www.facebook.com/AsiaRoadRacing

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaThailandRacingTeam
#RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #No1RacingTeam
#YamahaSocietyThailand #YamahaRidersclubThailand
#RaceMachine #ARRC2024
#YamahaR6 #RW56 #AW24 #SuperSport600
#YamahaThailandRacingOfficialTest #AsiaRoadRacing

“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” ทะยาน Honda CBR600RR คว้าโพเดียม “ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี” เรซแรก

“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” โชว์ผลงานเยี่ยม  ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง 2024 สนาม 5 ที่มาเลเซีย

“ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ ดาวรุ่งนักบิดไทย “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” บิดรถแข่ง Honda CBR600RR ทำผลงานต่อเนื่อง คว้าโพเดียม รุ่น “ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี” เรซที่ 1 ศึก FIM Asia Road Racing Championship 2024 สนามที่ 5 ณ ปิโตรนาส เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา

“ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ บิดรถแข่ง Honda CBR600RR หมายเลข 85 สังกัดทีม “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ออกสตาร์ตจากกริดที่ 3 สามารถดวลความเร็วต่อสู้กับนักแข่งระดับท็อปของเอเชียอย่างยอดเยี่ยม เข้าเส้นชัยคว้าโพเดียมในอันดับที่ 3 ด้วยเวลา 22.04.425 นาที โดยเป็นโพเดียมที่ 2 ติดต่อกันหลังจากที่ทำได้ในสนามล่าสุดที่ประเทศอินโดนีเซีย ด้าน “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 31 โชคร้ายไม่จบการแข่งขัน

ทั้งนี้ ศึก FIM Asia Road Racing Championship 2024 สนามที่ 5 จะดวลการแข่งขันเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน นี้

แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

#ThaiHonda #Motorsport #RaceToTheOne #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #ARRC #ARRC2024 #AsiaRoadRacingChampionship2024 #Maikiw85 #Mix31 #HondaRacingThailand #Idemitsu #Sittipol #KrungsriAuto #Kushitani #KELA #SKF #KOWA #NGK #DID #Arai #RCB #DiosDesign #FMSCT #SAT