DARK FURIOUS Kawasaki Z800 (238)
รถสปอร์ตเน็คเก็ดคลาส 800 ซีซี ค่ายรถจากญี่ปุ่น KAWASAKI สายพันธุ์ดุแห่งตระกูล Z สมรรถนะและราคาค่อนข้างลงตัวไม่แพงจนเกินไป รูปร่างหน้าตาดูเหมือนจะไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ ด้วยความใหญ่โตมโหฬารของเมนเฟรมและเครื่องยนต์ แต่การดีไซน์ถือว่าได้คะแนนนำค่ายอื่นในบ้านเราอย่างชัดเจน
KAWASAKI Z800 ดีไซน์พร้อมออพชั่นของแต่ง จากทาง LIKITO จัดของเล่นเสริมตะแกรงหม้อน้ำสเตนเลส MOTOPLAY เพิ่มความแรงเพื่อตอบสนองขุมกำลังด้วยชุดท่อ Slip on ของ AUSTIN RACING แบบ 4 รวม 1 ออก 1 ปลายท่อขนาดสั้นที่สร้างความดุดันของเสียงและความเร้าใจตามแบบฉบับของเครื่องยนต์ 4 สูบ มือคลัตช์แต่งของ brembo RACING สามารถพับได้ และอุปกรณ์ป้องกันกับชุดสไลด์เดอร์ป้องกันแคร้งของ KAWASAKI ทางด้านของตัวเฟรม Z800 แบบ Tubular Backbone ด้วยวัสดุโลหะแบบพิเศษที่เน้นความปราดเปรียวและแข็งแรง ด้านหน้าเสริมด้วยวินชิลด์ เติมความสปอร์ตกับชุดเคาริ่งล่าง PUIG ไฟเลี้ยวแต่งของ RIZOMA ชุดไฟท้าย Moto Dynamic หลอด LED ที่เป็นไฟเลี้ยวในตัว แฮนด์บาร์อลูมินัมสีดำของ RIZOMA พร้อมด้วยชุดปลอกแฮนด์ รุ่น LUXGRIP ปลายแฮนด์ติดตั้งเป็นชุดกระจกจากค่าย CRG การบังคับควบคุมเพิ่มออพชั่นกับโช้คอัพกันสะบัดของ HYPERPRO รุ่น RSC ระบบกันสะเทือนหน้าด้วยโช้คอัพแบบ Up Side Down ขนาด 41 มม. ของ KAYABA ระบบกันสะเทือนหลังด้วยโช้คอัพเดี่ยว KAYABA กับระบบกระเดื่องรองรับแรงสะเทือนที่เป็นของ UNITRAK
เสริมความเท่พร้อมด้วยสมรรถนะของเบรกอย่างมั่นใจด้วยปั๊มลอย brembo RACING 19RCS มือเบรกแบบพับได้ กระปุกน้ำมันเบรก RIZOMA จานเบรกหน้าแบบคู่ขนาด 310 มม. คาลิเปอร์หน้า brembo RACING RADIAL MONOBLOC หรือ M4 ขนาด 4 ลูกสูบ ขายึดอลูมินัม สายเบรกหน้าถัก EARL’S พร้อมหัวข้อต่อแยก 3 ทาง ระบบเบรกหลังแบบดิสก์เบรกเดี่ยว จานเบรกขนาด 250 มม. คาลิเปอร์ brembo ขนาด 2 ลูกสูบ ชุดล้อแม็ก Y Shape ของ Z800 กับขนาดล้อ 17X3.50 กับ 17X6.00 ยางหน้า-หลัง DUNLOP SPORTMAX ขนาด 120/70ZR17 และ 180/55ZR1
LEATT ADVENTURE LITE FURY (236)
เกราะแข็งที่ได้รับการพัฒนาให้ทันยุคทันสมัยและใช้ร่วมกับการ์ดรองคอได้อย่างลงตัวขณะที่ยอมทิ้งแผ่นกันไหล่เพื่อให้ได้ความคล่องตัวสูงสุดในการเคลื่อนไหว “ลีแอท แอดเวนเจอร์ ไลท์ ฟูรี่”
ลีแอท เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในนามของอุปกรณ์ป้องกันชิ้นใหม่ของโลกในตอนนั้น ก็คือ “การ์ดคอ” ที่ยังไม่มีใครคิดจะทำขึ้นใช้กันจริงๆ จังๆ ลีแอทเป็นผู้เริ่มต้นและทำให้มีอีกหลายยี่ห้อตามออกมา แต่ลีแอทไม่หยุดพัฒนาและยังก้าวหน้าไปยังกลุ่มเครื่องป้องกันอื่นๆ โดยที่ยังไม่ทิ้งสิ่งตั้งต้น แต่ตรงกันข้ามกลับขยายผลไปยังอุปกรณ์ป้องกันที่เกี่ยวเนื่องให้มันเกิดความลงตัวในการใช้งานอย่างพอเหมาะพอดี เนื่องจากเกราะส่วนใหญ่ออกแบบผลิตก่อนจะมีการ์ดคอเกิดขึ้นในโลก เมื่อเอาการ์ดคอมาวางมันจึงหาความพอดีได้ลำบาก จนบางครั้งถึงขนาดต้องเลือกเอาว่าจะใส่การ์ดคอหรือจะใส่เสื้อเกราะ ลีแอทจึงผลิตเสื้อเกราะที่สวมใส่ร่วมกับการ์ดคอได้อย่างพอดีแถมยังเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้น
แอดเวนเจอร์ เป็นตระกูลเกราะแข็งที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย สำหรับรุ่นฟูรี่ที่ทีมงานไรดิ้งมีโอกาสใช้งานนี้ เป็นรุ่นที่ไม่มีแผ่นกันไหล่ติดมาด้วย มีเพียงแผ่นผ้าฟองน้ำรองไหล่นุ่มๆ พร้อมสายยางยืดสำหรับเอาไว้เกี่ยวเข้ากับการ์ดคอของลีแอทได้ทุกรุ่น ซึ่งหากจะให้การ์ดคอกับเกราะสวมกันอย่างพอดี ก็ยังสามารถถอดชิ้นบนของอกด้านหน้าและแผ่นกันหลังออก เพื่อให้ชิ้นหน้าและหลังของการ์ดคอวางลงล็อคอย่างพอดิบพอดีไม่มีขยับไปไหน และการใช้สายรั้งบนไหล่ก็ยังช่วยลดการยกตัวของการ์ดคอเวลาที่กระโจนบนทางวิบากได้ดีอีกด้วย แต่หากไม่ต้องการใช้ร่วมกับการ์ดคอ มันก็คือเสื้อเกราะเต็มตัวที่มีส่วนโค้งรับเข้ากับสรีระลำตัวไม่แข็งเป็นแผ่นตรง และมันจะไม่เกะกะในการขยับแขนเนื่องจากไม่มีชิ้นกันไหล่มาคอยกด การไม่มีแผ่นกันไหล่ที่ใหญ่และหนาก็เป็นข้อดีอีกอย่างที่ทำให้เกราะรุ่นนี้ สามารถสวมใส่เอาไว้ใต้เสื้อลายสวยๆ ได้โดยไม่ดูเทอะทะเกะกะในการถอดหรือใส่
แหล่งผลิต ลีแอทเป็นบริษัทจากแอฟริกาใต้ แต่การผลิตก็ยังใช้โรงงานในประเทศจีนโดยการควบคุมคุณภาพอย่างใกล้ชิด
จำหน่าย ร้านเดิร์ทช็อพ เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลีแอทในประเทศไทย โทร 0-2322-1446, 0-2322-1441



ความเห็น “การจำหน่ายเกราะแบบกล้าถอดแผ่นกันไหล่ออกนับเป็นปรากฏการณ์ที่นักขับขี่มองหามานานเพื่อให้การเคลื่อนไหวของไหล่และแขนมีความคล่องตัวสูงสุด ลีแอท แอดเวนเจอร์ มีความแตกต่างที่โดดเด่นในตัวเองหลายอย่าง จริงอยู่ที่ว่าส่วนหนึ่งของการออกแบบนั้นต้องการให้สอดคล้องกับการ์ดคอที่ตัวเองจำหน่ายเป็นหลัก แต่เมื่อพิจารณาในส่วนแผ่นป้องกันอกและหลังแล้วจะพบว่าเป็นความตั้งใจที่จะป้องกันในมุมอับอย่างด้านข้างของกระดูกซี่โครงซึ่งแผ่นเกราะด้านหน้ายังโค้งไปโอบเอาไว้ วัสดุที่ใช้ในการผลิตดูดีและน่าสวมใส่ แม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าเกราะทั่วไปอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบชิ้นงานกันแล้วจะเห็นถึงความแตกต่างที่เป็นเหตุผลด้านราคาได้อย่างชัดเจน ยิ่งเมื่อได้สวมใส่จะยิ่งรู้สึกได้ชัดเจนถึงความกระชับ คล่องตัว ไม่ติดขัดหรือเกะกะ มันโยนตัวน้อยมากจนแทบไม่รู้สึก ที่สำคัญคือมันสามารถสวมใส่ด้านนอกหรือด้านในเสื้อแข่งก็ได้โดยที่ดูแทบไม่ออกเลย”
FOX COM 5 MX BOOT (235)
รองเท้าวิบากอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ จุดเด่นอยู่ที่ความสบายในการสวมใส่ ราคาไม่แพง ไม่เน้นแกร่งแต่เน้นหล่อสไตล์ ฟ็อกซ์ เอ็มเอ็กซ์

สัมผัสแรกทางสายตาต้องบอกว่ามันหล่อมากๆ การออกแบบของฟ็อกซ์จะไม่หนีกันมาไม่ว่าจะรุ่นท็อปหรือรุ่นประหยัดใส่แล้วก็จะหล่อได้คล้ายๆ กัน รูปทรงเน้นสรีระของข้อเท้าและน่องให้มีสัดส่วนที่น่ามองไม่ทื่อเป็นแท่ง แม้แต่สายรัดและตัวล็อคยังดูมีสัดส่วน พื้นแบบอัดทำให้ดูสำอางไปนิด รายละเอียดในส่วนของโลโก้ Comp 5 ด้านข้างและด้านหลังน่องทำให้ดูมีค่ามีราคา เมื่อสัมผัสหยิบจับตัวจริงจะพบว่าวัสดุในการใช้ทำแต่ละจุดนั้น จะเน้นเป็นประเภทน้ำหนัก เบาและมีความนุ่มนวลไปซะทุกชิ้นส่วน ผลที่ได้คือน้ำหนักของ FOX COM 5 เบามากๆ แต่ก็ต้องแลกด้วยส่วนของข้อเท้าที่ไม่แข็งบังคับ กลับมีความยืดหยุ่นในการ เคลื่อนไหวได้เป็นอย่างดี พื้นรองเท้าแบบอัดกาวมีความหนาจัดว่ามาก ลายบนพื้นละเอียดและเป็นร่องลึกพอสมควร น่าจะช่วยการเดินบนพื้นดินได้มั่นคงไม่ลื่นง่ายๆ ด้านบนของรองเท้าเป็นผ้าเบาดูไปคล้ายกระดาษบางเบาหุ้มยางยืดด้านในให้กระชับกับรอบขา ส่วนป้องกันจุดต่างๆ ทั้งหน้าแข้ง น่อง ส้นเท้า ปลายเท้า เป็นพลาสติกหนาแต่มีความยืดหยุ่น ไม่แข็งกระด้าง แผ่นรองหน้าแข้ง บุรองด้วยวัสดุนุ่ม หนามาก สายรัดเป็นแบบ 4 จุด สายเป็นพลาสติกแต่ตัวล็อคที่เห็นสีตะกั่วนั้นเป็นอลูมินัมเคลือบปลายด้วยพลาสติกอีกที
แหล่งผลิต ประเทศจีน จากการออกแบบที่แคลิฟอร์เนียร์ สหรัฐอเมริกา ราคา 6,900 บาท ที่ร้านเดิร์ทช็อพ โทร 0-2322-1446








สัมผัสนักทดสอบ “น้ำหนักเบา ข้อเท้าอ่อน รองเท้าแบบนี้เน้นใส่สบาย ใส่ได้เป็นวันๆ ครับ สอดเท้า ลงไปนี่ความรู้สึกมันนุ่มลื่นละมุนเท้าไปหมด ตัวรัดสายดูแน่นหนาด้วยการล็อคแบบต้อง ‘ตบ’ ให้แน่น ลองขยับข้อเท้าดูก็ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้ เรื่องน้ำหนักที่เบาก็เช่นกัน แต่ที่เกินคาดคือความนุ่มครับ นุ่มมากจริงๆ พื้นหนาขนาดที่ว่ารู้สึกได้ในตอนเดินว่ามันหนาจริง เมื่อได้ลองใช้ขับขี่ดูกับรถทั้งแบบเอ็นดูโร่และโมโตครอส กับเอ็นดูโร่สบายๆ ผ่านฉลุย แต่ผมก็ต้องพบกับความแปลกใจอีกครั้งเมื่อมันรองรับการขับขี่แบบโมโตครอสที่ต้องรับแรงกระแทกจากเนินโดดสูงๆ ได้ดีเกินคาด นี่มันไม่ธรรมดาซะแล้วนะเนี่ย เกือบจะไร้ที่ติซะแล้วหากว่าไม่เจอกับความรู้สึกของแรงกดบนหลังเท้าในตอนที่ต้องสอดปลายเท้างัดเกียร์ มีบางครั้งที่รู้สึกกดที่โคนเล็บหัวแม่เท้าอย่างรู้สึกได้ จนต้องเพิ่มความระมัดระวังในการวางตำแหน่ง ณ จุดนี้เป็นรองเท้าราคาประหยัดที่เซอร์ไพรส์ผมได้มากทีเดียว อ้อ…แผ่นรองตาตุ่มด้านในใช้เป็นพลาสติกสีขาว ทำใจนิดนึงเมื่อต้องเสียดสีกับเฟรมอลูมินัมจะทำให้เกิดเป็นสีดำทันทีได้ในครั้งแรกที่ขับขี่ ราคาขนาดนี้จัดเป็นอีกรุ่นที่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้นครับ”
Honda CBR650R Racing Sport On The Track (235)
CBR650R รถซูเปอร์สปอร์ตไบค์ขนาดกลาง เครื่องยนต์ 650 ซีซี ที่กำลังได้รับความนิยมจาก กลุ่มไบค์เกอร์ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ กับรูปทรงและสมรรถนะที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่เร้าใจทั้งบนท้องถนนและในเซอร์กิตในเมื่อการออกแบบทั้งรูปทรงและสมรรถนะเครื่องยนต์ที่เอื้ออำนวยให้สามารถขับขี่ในสนามแข่งได้อย่าเร้าใจ จึงทำให้นักบิดมือใหม่หันมาให้ความสนใจ ปรับเซ็ทช่วงและเพิ่มออพชั่นต่างๆ เพื่อสัมผัสอารมณ์ของซูเปอร์สปอร์ตขนาดกลางในสนามแข่ง ด้วยสมรรถนะ เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาด 650 ซีซี DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ขุมกำลัง 64 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 85.82 แรงม้า ที่ 11,000 รอบ/นาที
ขุมกำลังเครื่องยนต์ให้เต็มสมรรถนะด้วยชุดท่อไททาเนียมของ FIRETORCH ตัวเฟรมแบบ Diamond ที่ทำจากโลหะพร้อมด้วยความสปอร์ตของดีไซน์ตัวรถที่เป็นแบบ
Mass Forward ระบบกันสะเทือนหน้ากับโช้คอัพแบบเทเลสโคปิกแกน ขนาด 41 มม. เพิ่มการปรับเซ็ทค่าความหนืดให้เหมาะต่อการขับขี่ในสนาม ชุดแผงคอดีไซน์แบบเดียวกับในรุ่นของ CBR1000RR เสริมการควบคุมระหว่างตัวเฟรมกับโช้คอัพกันสะบัดของ OHLINS ระบบกันสะเทือนหลังโช้คอัพเดี่ยวของ OHLINS ที่สามารถปรับสปริงพรีโหลด คอมเพรสชั่นดัมพ์ปิ้ง และรีบาวด์ดัมพ์ปิ้งได้ ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มอลูมินัมหล่อขึ้นรูปพร้อมชุดกระเดื่องโปรลิงค์สภาพตัวรถที่ทำการปรับแต่งให้เหมาะกับการขับขี่เพื่อใช้ในการแข่งขันในสนาม ถอดเอาชุดไฟหน้า ไฟท้ายและไฟเลี้ยวออก สร้างตัวครอบหน้ากากเป็นป้ายเบอร์ เรือนไมล์เป็นจอดิจิตอล 2 จอแยกแสดงการทำงานของความเร็วและรอบเครื่องยนต์ ชุดแฮนด์เปลี่ยนใช้เป็นแฮนด์อลูมินัมดีไซน์สปอร์ตเรซซิ่งของ BIKERS ปรับตำแหน่งท่านั่งให้เหมาะต่อการขับขี่ด้วยชุดพักเท้าอลูมินัม MORIWAKI ระบบเบรก ABS ด้านหน้าเป็นแบบดับเบิ้ลดิสก์เบรกชุดปั๊มเบรกแบบเหลี่ยม จานเบรกหน้าขนาด 320 มม. คาลิเปอร์หน้าของ NISSIN ขนาด 2 ลูกสูบ ส่วนระบบเบรกหลังเป็นดิสก์เบรกแบบเดี่ยว คาลิเปอร์ขนาด 1 ลูกสูบของ NISSIN จานเบรกหลังขนาด 240 มม.
BMW S1000RR RACE OPTION WSBK
BMW S1000RR ปี 2012 ด้วยจุดเด่นของตัวรถกับความเบากะทัดรัด ตัวเฟรมอลูมินัม Bridge type เพิ่มเอาชุดครอบเฟรมที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ และซับเฟรมท้ายตัวแข่งของ alpha RACING ซึ่งทำจากวัสดุอลูมินัม เปลี่ยนเอาชุดแฟริ่งสไตล์เรซซิ่งของ alpha RACING มาติดตั้งทั้งคัน ออกแบบคาดลายกราฟฟิกในเทรนด์ WSBK
ติดตั้งชุดวินชิวด์แต่ง MRA ถังน้ำมันเพิ่มกันลื่นแก้มถังน้ำมัน STROMGRIP และกันถังน้ำมันลายคาร์บอนฯ เปลี่ยนฝาถังน้ำมัน alpha RACING ทางด้านเรือนไมล์ที่เปลี่ยนเอาชุดไมล์แบบ Full Digital ในแบบฉบับของ WSBK จากค่าย alpha RACING แสดงค่าการทำงานทุกอย่างผ่านจอ LED พร้อมทั้งยังเก็บบันทึกข้อมูลต่างๆ ของตัวรถเอาไว้เพื่อใช้ในการเรียกดูข้อมูลทั้งหมดอีกด้วย เสริมความกระชับกับปลอกแฮนด์ RENTHAL ปลายแฮนด์ PROGUARD ในรุ่น RACING EDITION เพิ่มเอาชุดสวิตช์โหมดสำหรับควบคุมการทำงาน ชุดพักเท้าอลูมินัมของทาง alpha RACING ด้วยความแรงระดับ 193 แรงม้าของตัวเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC 4 วาล์วต่อสูบในแบบรถสปอร์ต ทางด้านปริมาตรกระบอกสูบ 999 ซีซี วาล์วและกระบอกสูบเคลือบไททาเนียม ควบคุมการจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดอิเล็คทรอนิค เพิ่มเอาชุดกล่อง HP Race Power Kit ECU พร้อมการปรับเซ็ท ระบบคลัทช์ควบคุมการทำงานด้วยสายเคเบิ้ลผ่านมือคลัทช์ GILLESS TOOLING รีดขุมกำลังเครื่องยนต์ผ่านชุดท่อ Full Titanium ของ AKRAPOVIC ปลายคาร์บอนไฟเบอร์ระบบกันสะเทือนโช้คอัพหน้าที่เลือกใช้เป็นแบบ Up Side Down แกน 46 มม. OHLINS FG-RT 202 โช้คกันสะบัด OHLINS หน้าของแผงคอล่าง ช่วงหลังสวิงอาร์มอลูมินัมที่รองรับแรงสะเทือนกับโช้คอัพหลังเดี่ยว OHLINS TTX 36 MK II ระบบเบรกหน้าจัดเต็มในเวอร์ชั่นระดับตัวแข่งดิสก์เบรกแบบคู่ ปั๊มลอย brembo RACING โลโก้แดง 19X18 มือเบรกแบบพับได้มาเป็นตัวควบคุมแรงดันน้ำมันเบรก เพิ่มความสะดวกในการปรับระยะของมือเบรกด้วยชุดรีโมทของ alpha RACING กระปุกน้ำมันเบรกของ RIZOMA คาลิเปอร์หน้า brembo RACING GP4-RX ตัวบอดี้ชุบด้วยนิกเกิ้ล ลูกสูบไททาเนียมโคสติ้ง จานเบรก brembo RACING High Performance แบบฟูลโฟลท์ติ้ง ขนาด 320 มม. สายเบรกเป็นสายถักหัวข้อต่อแบบปลั๊ก
ระบบเบรกหลังตัวปั๊มเบรกของ brembo RACING 13 มม. คาลิเปอร์หลัง brembo RACING REAR CNC ขนาด 2 ลูกสูบ ขายึด แบบห้อยตัวคาลิเปอร์อยู่ด้านล่าง จานเบรก หลังของ GALFER ขนาด 220 มม. พร้อมด้วย สายเบรกหลังที่เลือกใช้เป็นสายถักของ EARL’S พร้อมข้อต่อแบบปลั๊ก ชุดล้อแม็กแมกนีเซียมฟอร์จของ OZ RACING รุ่น CATTIVA R น้ำหนักเบาดีไซน์ของล้อแบบ 6 ก้าน หน้า 17X3.50 หลัง 17X6.00
Scoyco Motocross Gear Set (234)
ชุดแข่งสำหรับการขับขี่จักรยานยนต์วิบากทุกประเภท โมโตครอส ซูเปอร์ครอส เอ็นดูโร่ แอดเวนเจอร์ ก็สามารถใช้ได้ เป็นดีไซน์ล่าสุดที่ออกแบบในแนวดุดันด้วยลายเส้นและสีสันที่มากด้วยรายละเอียด รูปทรงเน้นกระชับเข้ากับสัดส่วนของผู้สวมใส่มากขึ้นโดยเฉพาะกางเกง วัสดุเนื้อผ้ายังคงเน้นความแน่นหนาทนทานต่อการเสียดสี ชุดนี้รหัสสินค้าคือ เสื้อ T119 กางเกง P031
Jersey T119
เสื้อโมโตครอส T119 เป็นผ้าพิมพ์ลายที่มีเนื้อผ้าที่หนาในส่วนหน้าและหลัง มีลวดลายในแนวดุดันด้วยรูปหัวกะโหลกกรีดร้อง สีสันเน้นไปทางฉูดฉาดในโทนที่ตัดกันไปมา คอเสื้อ เป็นตัววีสองสีมีโลโก้ Scoyco ตัวเล็กๆ วางด้านซ้าย ด้านหลังคอก็จะเป็นผ้าอีกเนื้อหนึ่งที่มีความยืดหยุ่นและมีเนื้อผ้าที่ละเอียดมากกว่าเพื่อ ป้องกันการเสียดสีที่อาจทำให้ระคายหรือบาดผิวได้เมื่อโดนเหงื่อ ปลายแขนทั้งสองด้านเป็นขอบจั๊มป์ สั้นๆ ไม่เล็กจนรัดข้อ ด้านใต้ของแขนไล่มาตามแนวรักแร้จนถึงเอวเป็นผ้าสีดำล้วนไม่มีลวดลายของสีสัน ทำให้เห็นลายของเนื้อผ้าที่เป็นแนวเส้นได้อย่างชัดเจน
Pant P031
กางเกงแข่งที่ยังคงเน้นแนวของเนื้อผ้าลายหนา ออกแบบให้เข้ารูป กระชับแนบลำตัวมากยิ่งขึ้น แต่ละจุดจะใช้ผ้าที่แตกต่างกันตามความเหมาะสม มีการใช้วัสดุที่เป็นยางในหลายจุด พับในเข่าที่แนบข้างรถเป็นวัสดุคล้ายหนังเทียมที่มีความหนาและสร้างความฝืดในการจับกับข้างรถได้ดีกว่าผ้าทั่วไป เหนือเข่ามีการใช้ผ้าย่นเผื่อแนวเข่าเวลางอจะไม่รั้งดึงให้ตึงเกินไป มีการแทรกผ้ายืดเข้าไปตลอดแนวขา ตั้งแต่ขาหนีบ หัวเข่ายาวถึงสะโพก และน่องจนถึงปลายเท้าแบบปล่อยไม่มีจั๊มป์ ทำให้การสวมใส่ ไม่อึดอัดรัดตึงเกินไป แต่ก็ไม่หลวมโพรก ไม่เล็กไม่ใหญ่ใช้ได้กำลังดี ด้านในเป็นผ้าตาข่ายยาวตลอดขา ยางยืดที่เอวปรับขยายเพิ่มได้นิดหน่อย ห่วงแขวนที่เอวด้านหลังเป็นพลาสติกยาง ซิปมีขนาดใหญ่ เข็มขัดพลาสติกสั้นๆ รัดด้านหน้าตามมาตรฐานสมัยนิยม
แหล่งผลิต
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นสินค้าคุณภาพจากประเทศจีน
ราคา 3,990 บาท
ผู้จำหน่าย
บริษัท เจเอสบี เทรดดิ้ง จำกัด โทร 0-3447-9538
Spidi T-2 Kangaroo Wind Pro suit (234)
ชุดหนังสำหรับขับขี่ทางเรียบในระดับแข่งขันจากสปีดิ รุ่นท็อปที่เลือกใช้หนังจิงโจ้ที่มีน้ำหนักเบา วัสดุและโครงสร้างเช่นเดียวกับชุดของนักแข่งโมโตจีพี มันจึงเป็นชุดแข่งระดับไฮเอ็นด์ ของแบรนด์นี้ “สปีดิ ที-2 แคงการู วินด์ โปร สูท”ชุดหนังระดับโลกมีมากมายหลายยี่ห้อ สำหรับสปีดิเป็นแบรนด์ชุดหนังจากประเทศอิตาลีที่พัฒนาขึ้นมาด้วยแนวคิดในการป้องกันเป็นอันดับแรก รองลงมาคือเรื่องความสบายในการสวมใส่ โดยมีให้เลือกใช้หลายรุ่น ทีมงานไรดิ้งของเราได้รับรุ่นท็อป T-2 ซึ่งเดิมเราก็ได้ใช้อยู่แล้ว แต่ชุดนี้พิเศษตรงที่เป็นหนังจิงโจ้ที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษพร้อมเทคโนโลยีการป้องกันและลูกเล่น พิเศษอีกมากมาย
Biomachanic Protectors
ไบโอแมคคานิคโปรเทคเตอร์ เทคโนโลยีในการป้องกันจากเซฟตี้แลปของสปีดิ ด้วยวัสดุซับแรงกระแทกพิเศษในส่วนของไหล่ ศอก และแขน มีแผ่นรองด้านข้างของสะโพกทั้งซ้ายและขวา ส่วนป้องกันหัวเข่านั้น ออกแบบให้สามารถปรับเลื่อนตำแหน่งขึ้นหรือลงได้อีกเล็กน้อยเพื่อการสวมใส่ที่พอดีกับสรีระอย่างลงตัวที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์คือความสบาย
ความสะดวกสบาย
อย่างแรกคือน้ำหนักที่เบาจากการใช้หนังจิงโจ้ที่มีความหนาเพียง 0.9-1.0 มม. เท่านั้น การเจาะรูระบายอากาศเล็กๆ เอาไว้ ทำให้เหมาะกับเมืองร้อนอย่างประเทศไทยเป็นที่สุด แถมที่ไหล่ทั้งสองข้างยังมีช่องรับเอาลมที่ปะทะตัวเข้าไปด้านในให้รู้สึกสบายขึ้นด้วย ด้านในเป็นผ้าตาข่ายเหมือนชุดซับอีกชั้นที่สามารถถอดแยกออกมาได้ ที่หลังคอ ข้อมือ น่อง และข้อเท้าเป็นผ้า Neoprene ที่มีความยืดหยุ่น แนบกระชับและไม่เสียดสีระคายเคือง ทั้งยังมีความเหนียวที่ช่วยป้องกันผู้สวมใส่ได้อีกด้วย มีพื้นที่สำหรับความยืดหยุ่นเพื่อการขยับของสรีระที่สบายทั้งส่วนของต้นแขน ไหล่ เข่า ขยับได้ง่ายไม่รัดตึง







รองรับอุปกรณ์เสริม
อาจจะแปลกใจที่ชุดในระดับสูงอย่างนี้ทำไมถึงไม่มีแผ่นรองหลังมาให้ ซึ่งการออกแบบของสปีดิเน้นประสิทธิภาพในการป้องกันเป็นหลัก อุปกรณ์รองป้องกันแผ่นหลังและอกจึงมีให้เลือกใช้เป็นอุปกรณ์เสริมที่ทรงประสิทธิภาพมากกว่าฟองน้ำนุ่มๆ ป้องกันแรงกระแทกในจุดสำคัญนี้ได้เพียงระดับหนึ่ง อีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจก็คือชุด Hydroback สำหรับขับขี่ในวันที่อากาศร้อนหรือขี่ยาวๆ แบบเอ็นดูรานซ์จะมี ถุงน้ำใส่ไว้ที่โหนกด้านหลังแล้วมีสายดูดมาที่ปกเสื้อ ปลายสายสามารถซุกเก็บไว้ที่ปกเสื้อด้านขวาไม่เกะกะ เป็นการออกแบบอย่างตั้งใจ ราคา 69,900 บาท ที่ร้านเดิร์ทช็อพ ผู้แทน จำหน่าย SPIDI ในประเทศไทย โทร 0-2322-1441
ความเห็นนักทดสอบ
“ก่อนหน้านี้เราใช้ชุด T2 อยู่เหมือนกัน แต่น่าจะเป็นหนังคนละชนิดแล้วก็ไหล่จะแน่นมาก กังวลเหมือนกันว่าจะเป็นเหมือนชุดนั้นที่ขาพอดี ตัวหลวมแต่ไหล่ตึง แต่พอสวมชุดนี้ในขนาดที่พอดีตัวแล้วพบว่า เป็นชุดที่สวมใส่ได้เข้ารูปแล้วกระชับมาก ไม่มีตรงไหนที่รู้สึกเป็นส่วนเกินเลย ผ้านีโอพรีนนี่ช่วยได้เยอะในการขยับคอและแขนที่มันจะไม่เสียดสีเหมือนขอบรองคอหรือปลายแขนในชุดรุ่นเก่าๆ ชุดตาข่ายรองด้านในของรุ่นนี้ออกแบบให้ถอดแยกจากชุดหนังได้ดังนั้นต้องตรวจสอบหมุดล็อคและแถบหนามเตยตีนตุ๊กแกปลายขาและแขนดีๆ นะครับก่อนใส่ ก็ถือว่าดีช่วยเพิ่มการดูแลเรื่องสุขอนามัยได้ง่ายขึ้น ใส่ครั้งแรกลำตัวเหมือนจะแน่นๆ แต่เอาเข้าจริงก็ยังใช้ Evo Back & Chest ที่เป็นการ์ดกันหลังและหน้าอกสวมใส่เข้าไปแบบพอดี ราคาของการ์ดหลังแบบแข็งก็ไม่แพงมากครับ เทียบกับประสิทธิภาพการป้องกันแล้วดีกว่าแผ่นฟองน้ำแน่นอน เป็นชุดคุณภาพสูงราคาก็สูงตาม แต่ความแตกต่างคุณจะรู้สึกได้ทันทีที่สวมใส่เลยครับว่าหนังนิ่ม ใส่ง่ายแล้วก็เบาสบายจริงๆ”
[HD] RidingMagazine#232 : Test on Track – Ninja 250 Endurance Version
https://www.youtube.com/watch?v=GNXIcOX3n34
NINJA 250 Endurance Version By PFR Racing Team (232)
เกมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ นอกจากการแข่งขันแบบโรดเรซซิ่งที่เราคุ้นเคยกันแล้ว ยังมีอีกหนึ่งประเภทของการแข่งขันที่ยังไม่นิยมแพร่หลายนักในเมืองไทย “เอ็นดูรานซ์” การแข่งขันที่มีเวลาเป็นปัจจัยหลัก ทีมเวิร์คเป็นเรื่องรอง ส่วนความแรงและอึดของนักแข่งคือส่วนประกอบที่จำเป็นเหนือกว่าเกมวนรอบธรรมดา คาวาซากิได้จัดการแข่งขันเอ็นดูรานซ์ 3 ชั่วโมงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่ม KSR และเพิ่งเริ่มเพิ่มรุ่นใหญ่ NINJA 250 ขึ้นมาเป็นปีที่สอง ทำให้เกิดทีมแข่งน้องใหม่ที่ตั้งใจรวมตัวเพื่อเกมแข่งขันอันทรหดนี้โดยเฉพาะ มีหลายประเด็นน่าสนใจไม่เฉพาะแค่ตัวรถ แต่บุคลากรในทีมนี้ยังมีปูมหลังไม่ธรรมดา พวกเขาปลีกเวลามาสานฝันแล้วก็ทำมันได้ไม่เลวสำหรับ PFR Racing Team
นักแข่ง…นักข่าว!
ทีมแข่งทีมนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวของสื่อมวลชน หรือเรียกสั้นๆ ว่า “นักข่าว” ทำงานคลุกคลีในสายสื่อนิตยสารรถจักรยานยนต์ที่มีความใกล้ชิดอยู่แล้ว และยิ่งมีความชอบส่วนตัวทำให้การรวมตัว ง่ายขึ้น อันประกอบไปด้วย พิสิทธิ์ ภาระก้านตรง (นิตยสารทูฟาส) เขมรัฐ สุธรรมวาท (นิตยสารไรดิ้ง) ทศพล ฮาบเมืองซอง (นิตยสารเพอร์ฟอร์มานซ์ไบค์) สาธิต สถิตย์ดี (นิตยสารโมโตครอส) ถวิล ใจถา (นิตยสารไซเคิลโรด) พลสิทธิ์ นาคใจเสือ (นิตยสารโรดเรซซิ่ง) ทั้ง 6 นี้คือตัวหลักของทีมที่ต่างก็มีประสบการณ์และความถนัดในแต่ละด้าน แต่ละคนทำหน้าที่ต่างๆ กันในการแข่งขันเอ็นดูรานซ์ 3 ชั่วโมง ในนาม PFR (Press Family Racing) Team
ทำไมต้องเอ็นดูรานซ์
ประเด็นแรกคือเรื่องของเวลาที่งานนักข่าวจะมีช่วงเวลาของการทำงานไม่แน่นอน การแข่งขันเอ็นดูรานซ์นั้นหนึ่งปีจะมีเพียง 2 สนาม ช่วงต้นปีกับปลายปีเท่านั้น จึงพอมีโอกาสที่จะปลีกตัวมาทำกิจกรรมนี้ได้ และความแตกต่างของเอ็นดูรานซ์กับโรดเรซซิ่งทั่วไปคือการทำงานเป็นทีมที่ต้องสอดคล้องสัมพันธ์กันระหว่างนักแข่งที่ต้องรอสลับเปลี่ยนตัว และทีมงานในพิทที่ต้องสื่อสารและพร้อมเซอร์วิสอยู่ตลอดเวลา เป็นความท้าทายที่ทุกคนในทีมใช้โอกาสนี้เพิ่มทักษะในงานไปพร้อมกับเชื่อมความสัมพันธ์ ถ่ายทอดประสบการณ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องในสายสื่อมวลชนซึ่งหาโอกาสร่วมงานกันได้ยาก โดยมีเป้าหมายที่การนำเอารูปแบบการจัดการและกติกาสากลมาใช้อย่างเคร่งครัด เป็นแบบอย่างให้กับทีมทั่วไป




Kawasaki Ninja 250 Stock
ด้วยข้อจำกัดทางด้านเวลาและงบประมาณ PFR จึงส่งเข้าแข่งขันในรุ่นสต๊อค หมายถึงรถที่มีสภาพเดิมมากที่สุด โดยเฉพาะเครื่องยนต์ ทำให้การปรับแต่งเป็นงานชิ้นส่วนภายนอกเสียส่วนใหญ่ กำลังเครื่องยนต์สแตนดาร์ดอนุญาตให้ใช้เพียงท่อไอเสียแต่งทั้งเส้นจากน้ำบาน กับการปรับอัตราทดสเตอร์ให้เหมาะกับสนามเท่านั้นโดยใช้การขับเคลื่อนของโซ่ D.I.D ตัวรถได้มีการถอดอุปกรณ์ส่วนควบเพื่อลดน้ำหนัก เปลี่ยนพักเท้าเกียร์โยงเป็นของ Moth Racing ที่ให้ตำแหน่งในการขับขี่ดีกว่า พร้อมทั้งชุดกันล้มของจำเป็นจากค่ายเดียวกัน ยางแข่งทั้งหน้าและหลังเป็นหน้าที่ของ IRC IZ-003 เบรกเดิมเพิ่มเพียงสายถักที่ด้านหลังส่วนเบรกหน้าลองไปลองมาพบว่าดีสุดที่สายเดิม โช้คหน้าเดิมตามกติกาส่วนโช้คหลังเพิ่มความมั่นใจจากมืออาชีพด้วย Ohlins และเพิ่มความมั่นคงให้กับตัวรถอีกชั้น ด้วยกันสะบัดปรับ 22 ระดับจาก TDR ด้วยการปรับแต่งเพียงเท่านี้ นินจา 250 ก็พร้อมรบในสนามได้แล้วด้วยพลังหล่อลื่นจากน้ำมันเครื่อง Sun’soil และเชื้อเพลิงจาก PTT
ผลงาน
เขมรัฐ สุธรรมวาท และ ทศพล ฮาบเมืองซอง คือสองนักข่าวที่ถูกวางตัวให้ควบขี่ Ninja 250 คันนี้ สนามแรกของปีที่โบนันซ่าสปีดเวย์เกิดปัญหาทางเทคนิคทำให้ผ่านเส้นชัยได้เพียงอันดับ 4 พร้อมประสบการณ์ที่นำมาแก้ไข จนมาคว้าชัยชนะได้ในสนามที่ 2 พีระอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต ด้วยการทำหน้าที่นักบิดที่สองของ สาธิต สถิตย์ดี แทนทศพลซึ่งพักรักษาตัวจากแผลผ่าตัดเป็นแนวทางสำหรับเจ้าของรถเดิมที่อยากจะลองหรือชื่นชอบการขี่ในสนามโดยไม่ต้องลงทุนมากมาย ของแต่งก็มีขายหาซื้อได้ง่ายใส่แล้วไม่เสียของ หากสนใจร่วมแข่งขันเอ็นดูรานซ์ 3 ชั่วโมง ก็สามารถติดตามกำหนดการสำหรับปี 2015 ได้ที่ www.kawasaki.co.th

ความเห็นนักทดสอบ “จตุรงค์ หมื่นทิพย์”
“นานๆ ที จะได้ขับขี่ทดสอบรถแข่ง และมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ในการแข่งขัน Kawasaki Endurance 3hrs. 2014 ก็เรียกเหงื่อเสียพลังงานไปเยอะ กับรถสปอร์ตขนาดเล็ก Ninja 250 ซีซี ซึ่งถ้าดูจากรูปลักษณ์แล้วเหมือนไม่ได้เปลี่ยนรูปทรงไปมาก เพียงมีการปรับเซ็ทช่วงให้เหมาะกับการแข่งขึ้นเท่านั้น แต่มันก็เรียกพลังออกมาได้อย่างสนุกติดมือ ด้วยย่านกำลังในรอบช่วงกลางและปลายที่บิดติดมือ ตั้งแต่ 8,000 – 12,000 รอบ/นาที แต่อัตราการทดสเตอร์กับสนามไทยแลนด์ 13-46 (ใช้สำหรับสนามพีระฯ) จังหวะชาร์ตออกจากโค้งจะช้านิดหน่อย ความเร็วที่เพิ่มขึ้นมาด้วยการรีดผ่านด้วยท่อไอเสีย โช้คอัพที่เซ็ทใหม่ก็พอที่จะไว้ใจได้กับจังหวะเปิดคันเร่งในโค้งที่ไม่เจออาการย้วยหรือส่าย แต่สำหรับอาการของเบรกลึกในโค้งยังไม่ตอบสนองได้เต็มที่ รถยังคงไหลเข้าไปทำให้การพลิกเลี้ยวยากต้องปรับอาการยกคันเร่งและเบรกล่วงหน้าและไหลเข้า ก็พอที่จะทำให้ความเร็วไม่หายไปมากนัก ตำแหน่งการควบคุมแฮนด์มันยังขืนๆ กับท่าการขับขี่ เพราะองศาไม่กดลงให้แขนงอได้มากกว่าปกติทำให้จังหวะบิดข้อมือลงไม่เต็มที่ พักเท้านั่งยกสูงขากอดรับกับตัวถังช่วยให้การเอียงไปกับตัวรถโหนได้เยอะ มีส่วนช่วยให้เข้าและออกจากโค้งได้เร็ว เป็นรถแข่งที่ขี่ได้สนุก ขี่ง่ายด้วยรอบที่ควบคุมได้ไม่ยากและรูปทรงที่เหมาะสำหรับการแข่งขันเพียงการปรับเซ็ทเพียงไม่กี่จุด”
2015 YZ250F (232)
ปีที่สองของเวอร์ชั่นหัวฉีดใน YZ250F ยามาฮ่ายังคงรักษาน้ำใจทั้งแฟนเก่าและสหายใหม่ให้ได้ชื่นชมกับเทคโนโลยีเดียวกันต่อไปอีกปี ต่างกันเพียง สีสันกับรายละเอียดเล็กน้อยเพื่อการดูแลรักษาที่สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น
ถือว่ามาแรงมากกับการเปิดตัวที่ได้รับความสนใจและจับตาในเวอร์ชั่นแรกปี 2014 ที่ผ่านมา ผลงานที่เห็นชัดมากจากทั้งสองซีกโลกก็คือการคว้าแชมป์ในรายการเอเอ็มเอโมโตครอสรุ่น 250F โดย เจเรมี่ มาร์ติน คว้าแชมป์ให้กับยามาฮ่ากลับมาผงาดอีกครั้งหลังจากทิ้งระยะห่างไป 22 ปี (เจฟ อีมิก เป็นคนก่อนหน้าในปี 1992 ด้วย YZ125 สูตร 2 จังหวะ) อีกหนึ่งผลงานไม่ต้องไปดูอื่นไกลที่ไหน แชมป์ประเทศไทยสมัยที่ 3 ของชัยยันต์ โรมพันธ์ นักแข่งที่ผ่านมาหลายสังกัดแต่ประสบความสำเร็จมากที่สุดบนอาน YZ250F แม้ว่าจะเริ่มต้นปีแบบขลุกขลักแต่ก็ตั้งหลักได้ดีและคว้าแชมป์มาได้ด้วยเทคโนโลยีหัวฉีดล่าสุดใน YZ250F มาดูกันว่ามีเทคโนโลยีใดบ้างที่ทำให้ม้าศึกสีน้ำเงินพลิกกลับมาสร้างผลงานแบบก้าวกระโดดได้ขนาดนี้






เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ออกแบบให้กะทัดรัดลงด้วยการหันหลังให้กับเทคโนโลยีฝาสูบ 5 วาล์วที่ถือกำเนิดมาพร้อมกับโมเดล YZF ด้วยการใช้ฝาสูบแบบ 4 วาล์วไททาเนียมมาแทนที่ แถมการจัดวางเครื่องยนต์ก็ยังวางเอียงไปทางด้านหลังของตัวรถ เพื่อให้สอดคล้องกับไอเดียการจัดวางทางเดินของอากาศให้เข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ตรงและสั้นที่สุด ทางเดินของท่อไอเสียสุดประหลาดด้วยการมีพอร์ทไอเสียไว้ด้านหลังแล้วเดินคอท่อวนรอบเสื้อสูบก่อนหลบปลายสั้นที่ใต้ซับเฟรมโดยไม่โผล่ออกมาให้เกะกะสายตา จากห้องเครื่องที่เคยอัดแน่นก็กลับกลายเป็นโปร่งโล่งดูปราดเปรียวขึ้นมามากมาย ส่วนรายละเอียดของเครื่องยนต์ก็ยังคงใช้สเปคเดียวกับปี 2014 รวมทั้งระบบหัวฉีด YFI เรือนลิ้นเร่ง 44 มม.
กรองหนีฝุ่น
YZ250F ย้ายตำแหน่งของกรองอากาศมาไกลและสูงด้วยการวางแทนที่ถังน้ำมันในรถทั่วไป แล้วย้ายถังน้ำมันลงมาไว้ใต้เบาะช่วงกลางรถแทน นอกจากจะได้กรองอากาศที่เสี่ยงต่อการรบกวนโดยฝุ่นและโคลนน้อยลงแล้ว ยังช่วยทำให้มีพื้นที่เปิดโล่งด้านล่างของถังน้ำมันให้เซอร์วิสและตรวจเช็คปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงได้สะดวกง่ายดายเช่นกัน สำหรับปี 2015 ใช้การล็อคฝาปิดกรองอากาศแบบปลดได้ด้วยมือเปล่า (Quick-release) แทนที่หัวน็อตที่ต้องใช้ประแจ และนี่เป็นจุดใหญ่ไม่กี่อย่างที่ดูแล้วทำให้ 2015 แตกต่างจาก 2014 ชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม
เฟรมโปร่งปราดเปรียว
ตำแหน่งของเครื่องยนต์และส่วนควบต่างๆ ได้ถูกวางในตำแหน่งที่แตกต่างออกไป ทำให้เฟรมที่เป็นแกนหลักในการติดตั้งต้องออกแบบมาให้สอดคล้องตามไปด้วย การแก้ไขครั้งนี้นอกจากจะเพื่อการจัดวางชิ้นส่วนแล้วยังถือโอกาสแก้ไขคาแรคเตอร์ของรถเพื่อช่วยในการเลี้ยวและควบคุมได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย
ช่วงล่างรอก่อน
เป็นอย่างเดียวที่ทำให้ YZ250F ดูน้อยหน้ากว่าค่ายอื่น สองสามปี มาแล้วที่แทบทุกยี่ห้อประชันเทคโนโลยีกันสะเทือนอย่างหนักหน่วงโดยเฉพาะโช้คหน้า แต่ยามาฮ่ายังนิ่งอยู่ในส่วนนี้ด้วยการใช้โช้คหน้าหัวกลับน้ำมันสปริงธรรมดาๆ ของ Kayaba ที่ได้รับการปรับเซ็ตการทำงานในช่วงกึ่งกลางถึงยุบสุดให้ดีขึ้น โช้คหลังเดี่ยวที่ต้องดีไซน์ให้วางกระปุกแก๊สและสกรูในการปรับหันออกมาด้านซ้ายของตัวรถ การทำงานของมัน ไม่มีอะไรน่าตำหนิเพียงแต่อาจจะทำให้เสียคะแนนไปบ้าง
ขอบคุณการเอื้อเฟื้อรถและสนามทดสอบโดยเสี่ยโอ สนธยา พืชผล เสี่ยหลัวร้อยเอ็ด สำหรับการประสานงาน ขอบคุณทีมงานโรงกลึงเจริญยนต์ร้อยเอ็ดทุกท่าน ชุดนักทดสอบโดยร้านเดิร์ทช็อพ และการสนับสนุนคอลัมน์โดยยางรถจักรยานยนต์ควิกและวงล้อโยโก แล้วพบกันใหม่กับการรีวิวรถโมโตครอสปี 2016 แน่นอน!
ข้อมูลเทคนิค 2015 YZ250F
เครื่องยนต์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
4 จังหวะสูบเดียว DOHC 4 วาล์ว ไททาเนียม
ปริมาตรกระบอกสูบ 252cc
ลูกสูบ x ระยะชัก 77.0 x 53.6 มม.
ระบบเชื้อเพลิง YFI เรือนลิ้นเร่งเคฮิน 44 มม.
อัตราส่วนการอัด 13.5:1
ระบบจุดระเบิด TCI
ระบบส่งกำลัง เกียร์ 5 สปีด คลัทช์แบบหลายแผ่น
ระบบขับเคลื่อน โซ่ 520
โช้คหน้า หัวกลับ KYB ปรับได้เต็มรูปแบบ ช่วงยุบ 12.2 นิ้ว
โช้คหลัง โช้คเดี่ยว KYB ปรับได้เต็มรูปแบบ ช่วงยุบ 12.4 นิ้ว
ยางหน้า 80/100-21
ยางหลัง 100/90-19
เบรกหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยว 250 มม.
เบรกหลัง ดิสก์เบรกเดี่ยว 245 มม.
ยาว 2,164 มม.
กว้าง 825.5 มม.
สูง 1,280 มม.
ฐานล้อ 1,475 มม.
สูงจากพื้น 325 มม.
สูงถึงเบาะ 965 มม.
น้ำหนัก 103 กก.
ถังน้ำมันจุ 9.5

ความเห็นนักทดสอบ : เขมรัฐ สุธรรมวาท
“อย่าเชื่อในส่วนที่ตาเห็นทั้งหมด มองด้านข้างมันดูโปร่งตาจากเครื่องยนต์ที่เล็กและปลายท่อที่เก็บเรียบร้อย แต่พอมาเจอตัวจริง คุณจะอึ้งกับขนาดของกรองอากาศแทนที่น้ำมันที่ดูอ้วนใหญ่เมื่อมองจากด้านหลัง แต่พอได้ขี่คุณกลับไม่รู้สึกถึงสิ่งนั้นมากนัก ตัวรถไม่ต้องเอ่ยถึงมากครับ เหมือนเดิมกับปี 2014 ยกเว้นน็อตล็อคฝาหม้อกรองที่เปลี่ยนใช้แบบปลดด้วยมือ กับกราฟฟิคใหม่ในเฉดเดิมด้วยเทคโนโลยีอินโมลกราฟฟิค มีแค่ 2 ค่ายที่ใช้ตอนนี้คือยามาฮ่ากับเคทีเอ็ม อ้อ…วงล้อเปลี่ยนจากเงินเป็นดำด้วยครับ เดิมมาเบาะสูงมากๆ และโช้คหลังปรับรีบาวด์มาน้อยไปหน่อย ขี่แล้วท้ายโยนๆ การสตาร์ทเครื่องยนต์ง่ายมากขนาดเขย่งยืนด้านซ้ายไม่เต็มเท้าก็ยังกดเท้าขวาสตาร์ทได้ไม่ยากเย็นนัก ร้อนหรือเย็นก็ไม่ต้องไปยุ่งกับคันเร่งตรงนี้น่าจะได้รับการแก้ไขมาเพราะจำได้ว่าปี 2014 ไม่ง่ายขนาดนี้ เครื่องยนต์ตอบสนองด้วยการทำงานที่ละเอียดในทุกจังหวะเร่ง ให้กำลังที่แน่นหนักสั่งง่ายในมือครับ การขี่ในสนามทรายทำให้พบว่ามิติของตัวรถให้มุมเลี้ยวที่แคบคม หมุนรถได้เบามาก ช่วงกรองอากาศที่ดูใหญ่แทบไม่รู้สึกในเวลาที่ขี่จริงๆ สมดุลของรถในการกระโจนขึ้นเนินคล่องมาก การเปลี่ยนเกียร์ง่ายดายเบาแรง กันสะเทือนถึงจะเป็นเทคโนโลยีที่ยังก้าวไม่ทันเพื่อนๆ แต่ก็ไม่พบข้อตำหนิอะไร ต้องมาดูกันต่อไปว่าปีไหนที่จะได้รับการอัพเกรดในส่วนของกันสะเทือน แต่ผมว่าน่าจะเซอร์ไพรส์ได้อีก ‘มาทีหลังต้องดังกว่า’ สไตล์ยามาฮ่า อยู่แล้วครับ”
YZF-R3
R U READY FOR R-SERIES
ความแรงเหนือชั้นแห่งยนตรกรรมสายพันธุ์แชมป์โลกสายพันธุ์ R-Series
สัญชาตญาณสปอร์ตเรซซิ่ง สายพันธุ์ R-SERIES
สปอร์ตไบค์สายพันธุ์ระดับแชมป์โลก ความเร้าใจที่เหนือกว่ารถในคลาสเดียวกัน แรงทิ้งขาด
ด้วยสมรรถนะขุมพลัง 321 ซีซี 42 แรงม้า เหนือชั้นด้วยสไตลิ่งใหม่ภายใต้เอกลักษณ์ตระกูล R-Series
321cc 6 SPEED…แรงทิ้งขาดเหนือคลาสเดียวกัน
เครื่องยนต์หัวฉีด 321 ซีซี สูบคู่ 4 จังหวะ DOHC 4 วาล์ว เกียร์สปอร์ต 6 สปีด 42 แรงม้า เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีที่วิเคราะห์การเผาไหม้อย่างแม่นยำ พร้อมกระบอกสูบไดอะซิลที่ได้รับการติดตั้งเป็นครั้งแรกในเครื่องยนต์ 2 สูบ
แผงหน้าปัดจัดเต็ม พร้อม Shift Light
แผงหน้าปัด Multi Function จัดเต็มทุกฟังก์ชั่น ตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์พร้อมไฟเตือนเปลี่ยนเกียร์ดีไซน์ Shift Light ที่ถอดแบบมาจาก YZF-R1 และ YZR-M1
ไฟหน้าคู่ Dual Reflector Headlight แบบฉบับสายพันธุ์สปอร์ต
เรซซิ่งระดับโลก ดุดัน เร้าใจ ได้ฟีลสปอร์ตในทุกมุมมอง ส่องสว่างทุกองศา พร้อมไฟ Position Lamp
ระบบเบรก ABS ควบคุมแรงดันเบรกอัตโนมัติ ช่วยหยุดรถให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ยางหลังเรเดียลขนาดใหญ่ ยึดเกาะถนนได้ดีในทุกองศาการขับขี่ พร้อมดิสก์เบรกหน้า-หลังแบบ Floating หยุดรถได้อย่างมั่นใจ
เครื่องยนต์ | |
แบบ | ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด 4 จังหวะ/ 2 สูบ |
ปริมาตรกระบอกสูบ | 321 cc |
อัตราส่วนกำลังอัด | 11.2:1 |
กระบอกสูบ x ระยะชัก | 68.0 * 44.1 mm |
ระบบหล่อลื่น | แบบเปียก |
ระบบจ่ายน้ำมัน | หัวฉีด |
ระบบจุดระเบิด | จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์ |
ระบบคลัทช์ | ครัทช์เปียก |
ระบบเกียร์ | 6 เกียร์ |
ระบบสตาร์ท | สตาร์ทมือ |
น้ำมันเชื้อเพลิง | E20,91,95 |
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง | 14.0 ลิตร |
ความจุน้ำมันเครื่อง | 2.1 ลิตร |
กว้าง*ยาว*สูง | 745 * 2090 * 1035 มิลลิเมตร |
น้ำหนักรวม | 169 กิโลกรัม |
ระบบกันสะเทือน |
หน้า : โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิก หลัง : โช้คอัพเดี่ยวแบบปรับระดับได้ |
ระบบเบรก |
หน้า : ดิสก์ หลัง : ดิสก์ |
ยาง/ล้อ |
หน้า : 110/70-17 M/C 54P หลัง : 140/70-17 M/C 66P |