GoPro HERO: ของขวัญแทนใจสำหรับเก็บทุกโมเมนต์ที่ดีต่อใจในชีวิต

 GoPro HERO – ไอเทมสำคัญสำหรับเก็บทุกช่วงเวลาสำคัญในชีวิตอย่างมีสไตล์และง่ายดาย

ไม่ว่าจะเป็นงานรวมญาติ การท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ กิจกรรมกีฬา หรือกิจกรรมสร้างสรรค์ GoPro HERO ช่วยให้คุณถ่ายวิดีโอแบบจอกว้าง 16:9 ที่สมจริงด้วยมุมมองกว้างถึง 165 องศา พร้อมคุณภาพวิดีโอระดับ 4K และภาพถ่ายที่คมชัด 12MP ให้เก็บเหตุการณ์ได้ครบทุกฉากอย่างจุใจ

GoPro HERO ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายด้วยเพียง 3 โหมด เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากเปลี่ยนประสบการณ์ให้กลายเป็นความทรงจำระดับ 4K ด้วยตัวเครื่องที่กะทัดรัดและทนทาน แบตเตอรี่ Enduro รุ่นใหม่ในตัว และการเชื่อมต่อกับแอป GoPro Quik HERO พร้อมที่จะบันทึกทุกการผจญภัยของคุณได้ง่ายดาย พร้อมสร้างวิดีโอความทรงจำให้แชร์ได้ทันที

ทำไม GoPro HERO ถึงเป็นของขวัญที่เหมาะที่สุดสำหรับแทนใจของคุณในช่วงเทศกาลนี้

1. สำหรับสายลุยสปอร์ตสุดเท่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่น Pickleball ชิล ๆ กับเพื่อน หรือการปั่นจักรยานในยามบ่าย HERO คือเพื่อนคู่ใจที่พร้อมบันทึกทุกความเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย ด้วยการออกแบบที่รองรับการถ่ายภาพคุณภาพสูง น้ำหนักเบา ติดตั้งง่ายบนหมวกกันน็อก แฮนด์จักรยาน หรือแม้แต่พื้นที่เล็ก ๆ บนอุปกรณ์กีฬา มุมมองภาพกว้างและวิดีโอคมชัดระดับ 4K ช่วยเก็บพลังและความตื่นเต้นของทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นภาพระยะใกล้ วิวทิวทัศน์สุดตระการตา หรือทุกแต้มสำคัญและทุกเส้นทางสวยงามได้อย่างไร้ที่ติ ผ่านแอป Quik ระบบกันสั่น HyperSmooth ทำให้วิดีโอของคุณนิ่งและลื่นไหลแม้ในกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความเร็วเร้าใจ ช่วยให้คุณสร้างคอนเทนต์สุดเท่ พร้อมส่งต่อความมันส์ไม่มีสะดุด

2. สำหรับสายคาเฟ่คอนเทนต์คอนใจ ใครที่ไม่เคยพลาดคาเฟ่ใหม่ ๆ  ต้องมี HERO ตัวจิ๋วที่คุณสามารถพกใส่กระเป๋าหรือกระเป๋าเสื้อออกไปได้ทุกที่ ช่วยบันทึกภาพของคุณคมชัดและสดใสโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพลวดลายลาเต้อาร์ตระยะใกล้ หรือภาพมุมกว้างของคาเฟ่ HERO ก็สามารถช่วยผสานมุมมองทั้งแบบใกล้และกว้างได้อย่างลงตัว ด้วยวิดีโอระดับ 4K และภาพถ่ายความละเอียด 12MP ทุกโมเมนต์ ยกระดับคอนเทนต์อย่างมีคุณภาพ เพิ่มยอดวิว ดึงดูดผู้ชมได้อย่างดี

3. สายเก็บความทรงจำ ในงานรวมตัวครอบครัวและเพื่อนฝูง ไม่ว่าจะเป็นงานวันเกิดหรือดินเนอร์ในช่วงเทศกาล HERO ช่วยบันทึกทุกช่วงเวลาสำคัญได้คมชัด เลนส์มุมกว้างช่วยให้ทุกคนอยู่ในเฟรมได้ครบถ้วน มั่นใจได้ว่าสมาชิกทุกคนในครอบครัวจะเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ นอกจากนี้ แบตเตอรี่ Enduro ใหม่ในตัวที่ใช้งานได้ยาวนานของ HERO ยังช่วยให้คุณถ่ายวิดีโอได้ถึง 100 นาที แม้จะตั้งค่าที่ความละเอียดสูงสุด ทำให้คุณไม่พลาดการบันทึกทุกช่วงเวลาที่ล้ำค่าแม้แต่วินาทีเดียว

4. สำหรับสายประดิดประดอย เก็บทุกรายละเอียดอย่างมืออาชีพ สำหรับคนที่ชอบแบ่งปันงานฝีมือ สูตรอาหาร หรือเคล็ดลับงานประดิษฐ์ อย่าพลาดที่จะมีHERO เป็นผู้ช่วยของคุณ ทำให้ทุกดีเทลมีชีวิตชีวาด้วยความคมชัดระดับ 4K การออกแบบที่ใช้งานง่ายช่วยให้ปรับตั้งค่าได้สะดวก และด้วยอุปกรณ์ติดตั้งแบบในตัว HERO สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ติดตั้งของ GoPro ได้หลากหลาย เปลี่ยนระหว่างการถ่ายมือเปล่าและการตั้งกล้องให้มั่นคงได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายวิดีโอฮาวทู ตัดต่อ Vlog HERO ก็ช่วยบันทึกกระบวนการสร้างสรรค์ของคุณตั้งแต่ต้นจนจบได้อย่างไร้ที่ติ

5. สำหรับครีเอเตอร์น้องใหม่ ถ้าคุณเพิ่งเริ่มในสายคอนเทนต์ HERO จิ๋วแต่แจ๋วตัวนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่ต้องการสร้างคอนเทนต์ของตัวเองอย่างง่ายดาย ด้วยการควบคุมที่ใช้งานง่าย เพียง 3 โหมดของHERO ทำให้การเริ่มต้นถ่ายวิดีโอ การลองใช้โหมดสโลว์โมชั่น 2 เท่า หรือการถ่ายภาพนิ่งแบบมืออาชีพให้เป็นเรื่องง่าย HERO ยังเชื่อมต่อกับแอป Quik ให้คุณแก้ไขวิดีโอ เพิ่มเพลง และแชร์ได้อย่างสะดวก พร้อมด้วยแบตเตอรี่ Enduro ที่ใช้งานได้ยาวนาน ถ่ายทำต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง ไม่ว่าจะฝีมือจะอยู่ระดับไหนก็ตาม ทำไม HERO จึงเป็นไอเทมที่ต้องมีสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

HERO เปลี่ยนประสบการณ์ในทุกวันให้กลายเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำและพร้อมแบ่งปัน ด้วยฟีเจอร์ที่ใช้งานง่ายและแบตเตอรี่ในตัวที่ใช้งานได้นานขึ้น กล้องขนาดเล็กและน้ำหนักเบานี้สามารถผสานเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะเก็บภาพการเล่นกีฬา ตะลุยคาเฟ่ บันทึกความทรงจำในงานครอบครัว หรือสร้างคอนเทนต์ที่บ้าน HERO ช่วยเพิ่มสีสันให้ทุกกิจกรรมของคุณได้อย่างมีไสตล์

ในช่วงเทศกาลนี้ อย่าลืมมอบของขวัญแทนใจให้คนพิเศษของคุณด้วย GoPro HERO ที่ผสมผสานนวัตกรรม การใช้งานง่าย และประสิทธิภาพคุณภาพสูงเข้าด้วยกัน พร้อมสำหรับการบันทึกทุกช่วงเวลา

โปรโมชั่นสุดพิเศษในช่วงเทศกาลนี้

เป็นเจ้าของ GoPro HERO ได้ในราคาเพียง 7,190 บาท (จากราคาปกติ 7,900 บาท) ระหว่างวันที่ 1-31 ธันวาคมนี้ ผ่านตัวแทนจำหน่าย GoPro ทั่วประเทศไทย!

เปิดตัวสุดยิ่งใหญ่! Poise Harley-Davidson®

เผยโฉมอาณาจักรโชว์รูมแห่งใหม่สาขาโคราช อลังการครบวงจร

 

พอยส์ ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ออฟ โคราช (Poise Harley-Davidson® of Korat) ผู้แทนจำหน่ายมอเตอร์ไซค์คลาสสิกสุดพรีเมียมสัญชาติอเมริกันอย่างเป็นทางการ ฉลองการเปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่สุดยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยคาเฟ่และไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ครบวงจรสำหรับคนรัก Harley-Davidson ที่ครบครันและทันสมัยที่สุด บนถนนมิตรภาพ ใกล้ตลาดเซฟวัน .นครราชสีมา ภายใต้การบริหารงานของ “ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์” และ “ชัยณรงค์ ปัญญาไวย์” พร้อมด้วยทีมงานคุณภาพที่ได้รับการยอมรับและคว้ารางวัลมาแล้วมากมาย

พอยส์ ฮาร์เล่ย์เดวิดสัน ออฟ โคราช ผู้แทนจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้ บริษัท พีโอ มอเตอร์ไซเคิล จำกัด บริหารงานโดย โอ๊ต-ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ บุคคลสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสนามแข่งรถระดับโลกอย่าง ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และ ป๊อก-ชัยณรงค์ ปัญญาไวย์ ปัจจุบัน พอยส์ ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน มี 2 สาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จ.ขอนแก่น และล่าสุด สาขาโคราช ตั้งอยู่ถนนมิตรภาพ ติดกับตลาดเซฟวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขาออกไปจังหวัดสระบุรี เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์การขับขี่มอเตอร์ไซค์จากทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับจาก Harley-Davidson

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2567 พิธีเปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจร พอยส์ ฮาร์เล่ย์เดวิดสัน ออฟ โคราช อย่างเป็นทางการจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ภายในงานมีการแถลงข่าว โดยได้รับเกียรติจาก มาร์ค โอ ฟลาเฮอร์ตี้ กรรมการผู้จัดการ Harley-Davidson สำหรับตลาดเกิดใหม่เอเชียและอินเดีย ร่วมด้วย เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดและสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พร้อมทัพสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังเข้าร่วมงานมากกว่า 100 คน

ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีโอ มอเตอร์ไซเคิล จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดตัวโชว์รูม พอยส์ ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ออฟ โคราช ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายฐานความสำเร็จสู่เมืองหลักซึ่งเป็นศูนย์กลางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากได้มีการเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการไปตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา โชว์รูมได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าใน จ. นครราชสีมาและพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ ชัยภูมิ บุรีรัมย์  ปราจีนบุรี  สระบุรี และ ลพบุรี

พอยส์ ฮาร์เล่ย์เดวิดสัน ออฟ โคราช มุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการ ภายใต้แนวคิด ดูให้ครบจบที่ Poise” พร้อมนำเสนอและจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson อย่างครบครัน ตั้งแต่กลุ่ม Grand American Touring, Cruiser, Adventure Touring ตลอดจนกลุ่ม Sport รวมถึงศูนย์บริการแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟครบวงจรสำหรับบริการบำรุงรักษา ซ่อมแซม การบริการหลังการขายที่รวดเร็วและวางใจได้ด้วยทีมที่ปรึกษาด้านการขาย และทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมและได้รับการรับรองจาก Harley-Davidson จากสหรัฐอเมริกา พร้อมกันนี้ยังจำหน่ายอะไหล่และชุดแต่งประดับยนต์แท้ 100% ตลอดจนเครื่องแต่งกายลิขสิทธิ์แท้ โชว์รูมยังครบครันด้วยคาเฟ่ และไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้เอาใจผู้ที่ชื่นชอบและรักการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson อย่างแท้จริง

ติดตามข่าวสาร พอยส์ ฮาร์เล่ย์เดวิดสัน ออฟ โคราช (ถ.มิตรภาพ ติดกับตลาดเซฟวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขาออกไปจังหวัดสระบุรี) Fanpage: Poise Harley-Davidson of Korat ,Line Official : @poiseharley

ยามาฮ่าฉลองครบรอบ 60 ปี ส่งความปลอดภัยมอบหมวกนิรภัยจำนวน 400 ใบ ให้กับ จ.สมุทรปราการ

โครงการผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่ได้มาตรฐาน
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร นางสาวบัวทิพย์ จันทร์ดำรงกุล ผู้จัดการใหญ่ด้านการเงิน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับนายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย พ.ต.ท.พิทยา สุรินต๊ะ รองผู้กำกับการ จราจร สภ.สมุทรปราการ และ คณะผู้บริหารโรงเรียนป้วยฮั้ว ร่วมกันรับมอบในการส่งมอบหมวกกันน็อกเด็กจำนวน 100 ใบ และหมวกกันน็อกขนาดมาตรฐานจำนวน 300 ใบ รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 245,000 บาท เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปี ของบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จึงได้จัดทำโครงการผลิตหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อสังคม และนำส่งมอบทั่วประเทศมากกว่า 7,700 ใบ พร้อมการส่งมอบหมวกกันน็อกขนาดมาตรฐานเพื่อแจกจ่ายใหักับประชาชนในท้องที่ จ.สมุทรปราการ เนื่องในโอกาสปีใหม่ อีกด้วย สำหรับการมอบในครั้งนี้มีขึ้น ณ โรงเรียนป้วยฮั้ว อ.เมืองสมุทรปราการ เมื่อเร็วๆ นี้

ยามาฮ่าฉลองครบรอบ 60 ปี ส่งมอบ 6 ทางม้าลายใน 6 พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ

ทางม้าลาย เพื่อสาธารณประโยชน์ในการลดอุบัติเหตุทางถนน
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร นางสาวบัวทิพย์ จันทร์ดำรงกุล ผู้จัดการใหญ่ด้านการเงิน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมมอบ ทางม้าลายเพื่อสาธารณประโยชน์ ให้กับ จ.สมุทรปราการ โดยมีนายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และคณะผู้บริหารโรงเรียนป้วยฮั้ว ร่วมกันรับมอบ
สำหรับการมอบทางม้าลายทั้ง 6 ที่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการนั้นเพื่อให้เป็นสาธารณประโยชน์ เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปี บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ทางบริษัทฯ จึงได้จัดโครงการ “ทางม้าลาย 6 อำเภอ 6 พื้นที่ ใน จ.สมุทรปราการ” ประกอบด้วย 3 โรงเรียน และ 3 ชุมชนได้แก่ 1.โรงเรียนป้วยฮั้ว อ.เมืองสมุทรปราการ 2.โรงเรียนวัดแหลมฟ้าผ่า อ.พระประแดง 3.โรงเรียนวัดบางโฉลงนอก อ.บางพลี 4.ตลาดคุ้งบางกระเจ้า อ.พระประแดง 5.หน้าตลาดเสริมสุข อ.บางบ่อ 6.หน้าทางเข้าที่ว่าการอำเภอบางเสาธง โดยมีจุดประสงค์สำคัญในการสร้างจิตสำนึก และตระหนักถึงวินัยจราจรในการใช้รถใช้ถนนให้ปลอดภัย พร้อมทั้งปรับปรุง และสร้างทางม้าลายเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยการส่งมอบในครั้งนี้มีขึ้น ณ โรงเรียนป้วยฮั้ว อ.เมืองสมุทรปราการ เมื่อเร็วๆ นี้

ระเบิดศึกชิงเจ้าความเร็วทางน้ำระดับโลก Jet Ski World Cup Grand Prix Thailand 2024 WGP#1

ขนความบันเทิงมาครบครันหวังดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก


​​นายไพรวัลย์ อารมณ์ชื่น รองประธานสภาเมืองเมืองพัทยา พร้อมด้วย พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา นายกสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยฯ, นายปริเขต สืบสหการ ผู้อำนวยการทัวร์นาเม้นท์ WGP#1, มร.ฮิโรโนริ คาโต้ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนา คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น และ มร.แวน ดุง ทรัง กรรมการบริหาร บริษัท สยามวอเตอร์คร้าฟท์ แอนด์ พาวเวอร์สปอร์ต จำกัด ร่วมแถลงข่าว เจ็ตสกีชิงแชมป์โลก รอบชิงชนะเลิศ รายการ WGP#1 Waterjet World Cup 2024 ณ หาดจอมเทียน เมืองพัทยา

​​นายไพรวัลย์ อารมณ์ชื่น รองประธานสภาเมืองเมืองพัทยา กล่าวว่า ตามที่ WGP#1 ได้รับเกียรติจากเมืองพัทยา รับเป็นเมืองเจ้าภาพ ทัวร์นาเม้นท์เจ็ตสกีชิงแชมป์โลก รอบชิงชนะเลิศ รายการ WGP#1 Waterjet World Cup 2024, Thailand Grand Prix ระหว่างวันที่ 11-15 ธันวาคม 2567 ณ หาดจอมเทียน เมืองพัทยา ประเทศไทย

​​นอกจากการแข่งขันเจ็ตสกีชิงแชมป์โลกดังกล่าวแล้ว WGP#1 ได้พยายามเริ่มต้นจัดงานแสดงเจ็ตสกีโลกขึ้น เพื่อเพิ่มความสำเร็จและการสร้างประโยชน์ต่อประเทศไทยและเมืองพัทยา ขยายตัว จากการเป็น “ศูนย์กลางการแข่งขันกีฬาเจ็ตสกีโลก” เพิ่มสู่การเป็น “ศูนย์กลางเวทีการค้ากีฬาเจ็ตสกีโลก”​​

พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา นายกสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสำเร็จที่เริ่มต้นในครั้งนี้ ได้แก่ การที่บริษัท คาวาซากิ สำนักงานใหญ่ของโลก ประเทศญี่ปุ่น ได้ตัดสินใจที่จะเปิดตัวเรือรุ่นใหม่ของโลก 2025 ที่เมืองพัทยา ครั้งนี้ โดยมีการจัดประชุมผู้แทนจำหน่ายนานาชาติ เพิ่มการนำเข้าบุคลากรมายังเมืองพัทยาอีกกว่า 100 คน รวมถึงผู้ค้าเจ็ตสกีอีก 2 แบรนด์ของโลก ก็นำเจ็ตสกีมาจัดแสดงในครั้งนี้ด้วย ร่วมกับผู้ขายผลิตภัณฑ์นานาชาติต่างๆ ทำให้เชื่อมั่นต่อการมุ่งสู่เป้าหมายว่า อนาคตผู้ผลิตเจ็ตสกีและอุปกรณ์ทั่วโลก จะมาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นเวทีพบปะธุรกิจกีฬาเจ็ตสกีโลก ที่เมืองพัทยา เพิ่มการนำเข้าชาวต่างชาติมาสู่เมืองพัทยาจากเฉพาะทีมแข่งระดับ 3,000 คน ขยายตัวเป็น 4,000-5,000 คน ในอนาคต

นายปริเขต สืบสหการ ผู้อำนวยการทัวร์นาเม้นท์ WGP#1 กล่าวว่า นอกจากการแข่งขันแล้ว ในส่วนของกิจกรรมความบันเทิงนอกสนาม ยังอัดแน่นตลอดทุกวัน เริ่มต้นด้วยงาน Waterjet World Exhibition ที่มีการแสดงนวัตกรรมของเจ็ตสกียุคใหม่ ที่มีความน่าตื่นตาตื่นใจ, การเปิดตัวเจ็ตสกีรุ่นใหม่ครั้งแรกในโลก รวมทั้งมีสินค้าจากบริษัทชั้นนำ และของที่ระลึกมาจำหน่ายในงาน โดยงานมีตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของการแข่งขัน

นอกจากพิธีเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ธันวาคม แล้ว ยังมีไฮไลท์ของความบันเทิง อยู่ในวันที่ 14 และ 15 ธันวาคม โดยช่วงเที่ยงวันเสาร์จะเป็นโฟโต้ แอคชั่น ของ 4 สาวนางแบบส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น โพสท่าถ่ายภาพกับเรือเจ็ตสกี แฟนเจ็ตสกีที่มีบัตรเข้าชมบนแกรนด์ สแตนด์ สามารถร่วมถ่ายรูปนางแบบได้ และในช่วงเย็นจะเป็นการโชว์เจ็ตสกีฟรีสไตล์ ที่นักแข่งระดับโปรจะโชว์การเหาะเหินตีลังกามุดน้ำด้วยเรือเจ็ตสกี นอกจากจะเป็นการโชว์แล้ว ยังเป็นการเก็บคะแนนลุ้นถ้วยเวิล์ด คัพ ด้วย

ส่วนวันอาทิตย์ เริ่มช่วงเที่ยงตั้งแต่เวลา 11.20 น. เป็นการแข่งขัน เพาะกาย ร่วมกับ เจ็ตสกี แบ่งเป็นประเภทชาย 3 คน และหญิง 3 คน จากนั้นเป็นกิจกรรม โฟโต้ แอคชั่น กับนางแบบ 4 สาวจากญี่ปุ่น ก่อนที่ในช่วงเย็นจะปิดการแข่งขันด้วยเจ็ตสกีฟรีสไตล์ และช่วงค่ำ 20.00 น. เริ่มงานปาร์ตี้ฉลองแชมป์ที่ริมหาดจอมเทียน

การแข่งขันที่ได้ชื่อว่ากีฬาความเร็วทางน้ำ อันดับ 1 ของโลก “เกมส์ดีที่สุดในโลก ต้องมาชมที่เมืองไทยเท่านั้น” ทั้งภาครัฐและเอกชนตั้งใจร่วมสนับสนุนโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (Amazing Thailand), TOYOTA MOTOR THAILAND, การบินไทย, Siam watercraft, PTT Lubricants, Freedom Racing, Pattaya People Media Group, Jettribe Racing, โรงแรม ดิวารี จอมเทียน บีช พัทยา, เมืองพัทยา, IJSBA สมาคมเจ็ตสกีนานาชาติ, สมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย, WGP#1 Waterjet World Grand Prix, ห้าง makro สาขาพัทยาเหนือและสาขาพัทยาใต้, ห้าง Lotus สาขาพัทยาเหนือและสาขาพัทยาใต้

“ก้อง-สมเกียรติ” ชนะใจชาวไทย! คว้ารางวัล “นักกีฬาแห่งปี 2567”

“ก้อง-สมเกียรติ” เดินหน้าสร้างเกียรติประวัติอย่างต่อเนื่อง 

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรก ผลผลิตจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” เดินหน้าสร้างเกียรติประวัติอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดคว้า “นักกีฬาแห่งปี 2567” จากผลโหวตของแฟนกีฬาทั่วประเทศ

“ก้อง-สมเกียรติ” ครองอันดับ 1 ด้วยอัตราส่วน 29.61%  จากการโหวต “นักกีฬาแห่งปี 2567” LINE TODAY Poll Of The Year 2024 จากแฟนชาวไทยทั่วประเทศ เมื่อระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา

“ก้อง-สมเกียรติ” สร้างผลงานที่โดดเด่นในการแข่งขัน โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา กับชัยชนะ 2 ครั้ง และโพเดียมอีก 6 ครั้ง และเป็นนักบิดไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ก้าวขึ้นสู่ การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ฤดูกาล 2025 ในรุ่น “พรีเมียร์คลาส” ซึ่งถือเป็นคลาสสูงสุดของโลกที่รวมเอาดาวบิดชื่อดังไว้มากมาย โดยเจ้าของหมายเลข 35 จะบิดให้กับ อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ด้วยสัญญา 2 ปี

โดยการทดสอบ โมโตจีพี จะมีขึ้นในวันที่ 31 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2568 ในช่วงเชคดาวน์ ที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย และทดสอบอย่างเป็นทางการที่สนามเดียวกัน ระหว่างวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ 2568 จากนั้นจะกลับมาทดสอบที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ ก่อนจะดวลความเร็วสนามแรกในฤดูกาลหน้าในเมืองไทย ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568

 

แฟนความเร็วชาวไทยติดตามข่าวสาร พร้อมส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream

 

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #LCRHondaTeam #LCRHonda #SC35 #Kong

MOTOR EXPO 2024 ปิดฉากสวย พลิกฟื้นตลาดรถยนต์ ดันยอดจองกว่า 5 หมื่นคัน

“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ร้อนแรงเกินคาด รถสันดาป ไฮบริด ยังฮิท

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” เปิดเผยว่า “งาน MOTOR EXPO 2024 ประสบความสำเร็จอย่างสูง และมีส่วนช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้ที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก พร้อมสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจไทย จึงขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้อุปถัมภ์ ผู้สนับสนุน ค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงผู้เข้าชมงานที่เมืองทองธานี และชมงานผ่านระบบออนไลน์”

สำหรับยอดจองรถในงาน แบ่งเป็นรถยนต์ 54,513 คัน จักรยานยนต์ 7,982 คัน และจากข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม “ซื้อรถ…ชิงรถ” พบว่า มีผู้ร่วมกิจกรรมมากกว่าปีที่แล้ว โดยเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ (สันดาป, ไฮบริด และพลักอิน-ไฮบริด) 58.7 % และรถยนต์ไฟฟ้า 41.3 % รถยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ HONDA, BYD, TOYOTA ส่วนรถเครื่องยนต์ที่มียอดจองสูงสุด ได้แก่ HONDA, TOYOTA, FORD ด้านรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ที่มียอดจองสูงสุด ได้แก่ BYD, AION, GEELY

นอกจากนั้น ประเภทรถที่ได้รับความสนใจ แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้แก่ รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) 60.9 % รถเก๋ง 14.2 % รถท้ายลาด 12.0 % รถอเนกประสงค์ 6.9 % รถกระบะ 5.5 % และอื่นๆ 0.5 %

รถจักรยานยนต์ ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรม “ซื้อมอเตอร์ไซค์…ชิงบิกไบค์” สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ZONTES, EM, ROYAL ALLOY, YAMAHA และ TRIUMPH

ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ที่ขายได้ในงาน 1,259,928 บาท รถจักรยานยนต์เฉลี่ย 191,063 บาท เงินหมุนเวียนในงานราว 5.5 หมื่นล้านบาท ผู้เข้าชมงาน 1,426,044 คน ยอดดาวน์โหลด MOTOR EXPO Application 30,808 คน และมีผู้ชมงานออนไลน์ 2,476,001 วิว

ด้านอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง และ JOIN BOAT PLATFORM สร้างยอดเงินสะพัด รวมกว่า 30 ล้านบาท ส่วนแพคเกจ MOTOR EXPO EXCLUSIVE VISITOR ที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้ชมงานระดับวีไอพีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นอย่างมาก

พบกันใหม่ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” อย่าพลาดติดตามรายละเอียดที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”

สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ประกาศผล พร้อมมอบรางวัล People’s Choice Award 2024

ให้รถโบราณ ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ดังนี้

รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ Mercedes-Benz 190SL ปี 1958 พลโท บรมวิช หิรัณยัษฐิติ รับโล่รางวัล ใบประกาศเกียรติคุณ ฟิล์มกรองแสง Hi-Kool รุ่น Beyond Ceramic และ Gift Voucher จาก บริษัท เอ็ม.จี. เซอร์วิส จำกัด มูลค่า 10,000 บาท

รางวัลรองอันดับ 1 ได้แก่ Mercedes-Benz 300 Cabriolet D ปี 1953 ชาญ พิมลวัฒนา รับโล่รางวัล ใบประกาศเกียรติคุณ ฟิล์มกรองแสง Hi-Kool รุ่น Ceramic Black Edition และ Gift Voucher จาก บริษัท เอ็ม.จี. เซอร์วิส จำกัด มูลค่า 5,000 บาท

รางวัลรองอันดับ 2 ได้แก่ Triumph TR3A Roadster ปี1961 ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ รับโล่รางวัล ใบประกาศเกียรติคุณ ฟิล์มกรองแสง Hi-Kool รุ่น R-series หรือ Ceramic Bluealfa และ Gift Voucher จาก บริษัท เอ็ม.จี. เซอร์วิส จำกัด มูลค่า 5,000 บาท

ผู้โหวตรถที่ชนะ ได้รับรางวัล กระเป๋า Thule น้ำมันหล่อลื่น Idemitsu และ Gift Voucher จาก บริษัท เอ็ม.จี. เซอร์วิส จำกัด มูลค่า 5,000 บาท ได้แก่

  1. วรางคณา โดยอาษา
  2. นันทน์ชนม์ สิทธิรัตน์
  3. สุภัชชา กันสัตรูห่าง

ของรางวัลต่างๆ สนับสนุนโดย บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด บริษัท เอ็ม.จี. เซอร์วิส จำกัด บริษัท เอเนออส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด และบริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://peoplechoices.motorexpo.co.th

แฟนความเร็วได้เฮ! การกีฬาฯ ประกาศเปิดขายบัตร 𝗧𝗵𝗮𝗶𝗚𝗣𝟮𝟬𝟮𝟱 อย่างเป็นทางการทั่วโลก 9 ม.ค.นี้

ยิ่งใหญ่ไปกับการเปิดฤดูกาลโมโตจีพีครั้งแรกในไทย

โมโตจีพี สุดยอดอีเว้นต์มอเตอร์สปอร์ตระดับพรีเมียม เตรียมระเบิดศึกพรี-ซีซั่นและสนามเปิดฤดูกาล 2025 ในประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ศกหน้า แฟนความเร็ววอร์มนิ้วให้พร้อม กดจองบัตรให้ทัน การกีฬาแห่งประเทศไทยเตรียมแถลง-เปิดจำหน่ายบัตรชมการแข่งขันในวันที่ 9 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป “ผู้ว่า กกท.” ชี้ความนิยมพุ่งสูง กระแสเชียร์นักบิดไทย กระหึ่มทุบทุกสถิติความนิยม เต็มทุกที่นั่งทุกแสแตนด์แน่นอน

รัฐบาลไทยนำโดย “กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา” ร่วมกับ “การกีฬาแห่งประเทศไทย” หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน เตรียมจัด แถลงข่าวการจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ของโลก “โมโตจีพี” ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2025” (พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์) พร้อมเปิดจำหน่ายบัตรอย่างเป็นทางการ วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม 2568 โดยการแข่งขันรายการนี้จะระเบิดศึกในประเทศไทย เป็นสนามที่ 1 เปิดฤดูกาล ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้รับบทบาทสำคัญในการเป็นสนามทดสอบ-เปิดฤดูกาลโมโตจีพี ประจำปี 2025 หลังจากได้ประกาศศักดาและศักยภาพฝีมือการรังสรรค์บิ๊กอีเว้นต์กีฬาระดับนานาชาตินี้ ด้วย Thai Power ที่ทรงพลัง สอดผสานกีฬาและศิลปวัฒนธรรม การท่องเที่ยว เชื่อมต่อกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างลงตัวในทุกมิติ จากความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ตั้งแต่จัดการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 2018 คว้ารางวัลการจัดการแข่งขันที่ดีที่สุดของปีไปครอง ยอดผู้ชมตลอด 3 วัน ทะลุ 222,535 คน และในปี 2019 ประเทศไทยมีสถิติผู้ชมตลอดทั้งงานที่ 226,655 คน ถือเป็นสนามที่มียอดผู้ชมสูงที่สุดของโมโตจีพีทุกสนามในปีนั้น โดยตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สนามประเทศไทยถือว่าได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่สนามหนึ่งของโลก

“การจัดศึกพรี-ซีซั่นโมโตจีพี รวมถึงเปิดฤดูกาล สนามแรกที่ประเทศไทยในปี2025 นี้ จะเป็นที่จับตาและได้รับความสนใจอย่างสูงสุดของแฟนความเร็วจากทั่วทุกมุมของโลกก็ว่าได้ ทั้งจากคุณลักษณ์พิเศษ เสน่ห์ของการเป็นสนามที่ 1 ของฤดูกาล การจัดทดสอบก่อนแข่งขัน เฝ้าติดตามเชียร์นักบิดที่ชื่นชอบในรถคันใหม่ เทคโนโลยีใหม่ หรือแม้แต่ทีมใหม่ รวมถึงการก้าวสู่รุ่นพรีเมียร์คลาสครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของนักบิดไทย “ก้อง-สมเกียรติ จันทรา” จะสร้างกระแสความนิยม-ความภาคภูมิใจของคนไทย รวมทั้งแฟนความเร็วทั่วโลกที่คอยติดตามอย่างมาก”

“เชื่อว่าเราอาจจะได้เห็นภาพการจองบัตรแบบทุบทุกสถิติ ความนิยมถล่มทลาย โดยคาดว่าที่นั่งจะเต็มในทุกสแตนด์ ภายในระยะเวลาอันสั้น เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า สนามช้างฯ นั้นมีการออกแบบให้เชียร์สนุกในทุกมุมมอง รวมถึงความเต็มอิ่มกับ 3 วันคุณภาพที่แฟนความเร็วได้รับ จากทั้งในและนอกสนาม สิทธิประโยชน์จัดเต็ม สนุกกับกิจกรรมความบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ครบครัน คอนเสิร์ต มวย ช้อป ชิม เป็นประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าที่สุดและชนะใจแฟนจากทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ “โมโตจีพี” ยังมีแผนที่จะจัดงานเปิดตัว MotoGP ฤดูกาล2025 ที่กรุงเทพ ประเทศไทย โดยจะเป็นการแถลงข่าวโหมโรงเปิดตัวนักแข่ง ทีมแข่ง รถแข่ง ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 จากนั้นต่อด้วย ศึกพรี-ซีซั่น เทสต์ หรือการทดสอบก่อนเปิดสนาม ในวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568 เป็นวันแข่งขัน สนามประเทศไทย

สำหรับช่องทางการเปิดจำหน่ายบัตรโมโตจีพี 2025 ได้แก่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซด์ allticket เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม 2568 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram

ยามาฮ่าฉลองยอดจอง 1,088 คัน ส่งท้ายปีงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2024

ยามาฮ่าปลื้มคนล้นบูธแห่ชม Y/AI มอเตอร์ไซค์แห่งอนาคต
นายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า นายกัมพล พรสูงส่ง รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขาย บริการ และอะไหล่ นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า และการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับพนักงานบริษัทฯ และผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า พื้นที่ กทม. และปริมณฑล ในการฉลองยอดจองรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าส่งท้ายปี ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 44 หรืองาน Thailand International Motor Expo 2024
โดยในปีนี้ยามาฮ่าขนทัพรถจักรยานยนต์พร้อมโปรโมชันเด็ดส่งท้ายปีจนมียอดจองสูงถึง 1,088 คัน พร้อมกันนี้ยังมียอดจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งพร้อมเครื่องแต่งกายสูงถึง 403,745 บาท และยอดผู้เข้าร่วมชมบูธ YAMAHA Revs With Passion สูงถึง 16,017 คน ที่เข้าร่วมชมรถจักรยานยนต์แห่งอนาคต YAMAHA Y/AI คันเก่งจากซีรีส์ Tokyo Override ทาง Netflix ที่นำมาเปิดตัวครั้งแรกของโลกภายในงานนี้อีกด้วย
สำหรับการฉลองยอดจองในครั้งนี้มีขึ้น ณ บูธ YAMAHA Revs With Passion ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 44 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้
ดูข้อมูลเชิงลึกและโฆษณา

โปรโมทโพสต์
ความรู้สึกทั้งหมด

7

“ชิพ-นครินทร์” บิด Honda CBR1000RR-R บู้เกมหิน คว้าท็อป 8 ASB1000

“ชิพ-นครินทร์” สู้อย่างดุเดือดที่ได้ใจกองเชียร์

“ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ยอดนักแข่งไทยหัวใจนักสู้ บิดบู้เกมสุดหิน คว้าท็อป 8 เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี (ASB1000) ศึก FIM Asia Road Racing Championship 2024 สนามที่ 6 เรซที่ 2 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา

การแข่งขันเรซปิดท้าย รุ่นใหญ่สุด เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี (ASB1000) “ชิพ-นครินทร์” ด้วยยอดรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 41 สังกัดทีม ฮอนด้า เอเชีย ดรีม เรซซิ่ง วิท แอสติโม ออกสตาร์ตกริดที่ 2 เริ่มต้นเกมอย่างร้อนแรงเกาะในกลุ่มลุ้นอันดับผู้นำได้ทันที ด้วยสไตล์บู้สู้อย่างดุเดือดที่ได้ใจกองเชียร์

โดยยอดนักแข่งไทยต่อสู้อย่างเต็มที่ ช่วงท้ายเกมเกิดอุบัติเหตุอย่างน่าเสียดาย เข้าเส้นชัยมาในอันดับที่ 8 บวกแต้มสะสมในตารางคะแนน ปิดผลงานการแข่งขันในฤดูกาล 2024 ด้วยการคว้าทั้งหมด 5 โพเดียม

แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว และส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

#ThaiHonda #Motorsport #RaceToTheOne #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #ARRC #ARRC2024 #AsiaRoadRacingChampionship2024 #HondaCBR #Chip41 #HondaRacingThailand #Idemitsu #Sittipol #KrungsriAuto #Kushitani #KELA #SKF #KOWA #NGK #DID #Arai #RCB #DiosDesign #FMSCT #SAT

ความมันส์ระดับโลก! “ศึกสองล้อเอเชีย” ฉลองแชมป์ที่ไทย

 “อภิวัฒน์” ผงาดเแชมป์ซูเปอร์สปอร์ต “ยูกิ” ครองบัลลังก์รุ่นใหญ่

ศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2024” ปิดฉากสนามสุดท้ายของปีที่ประเทศไทย ด้วยความมันส์ดีกรีระดับโลก ผลรุ่นใหญ่ “ยูกิ คูนิ” นักบิดญี่ปุ่นจาก เอสดีจี ทีม ฮาร์ค-โปร ฮอนด้า พีเอช บิดเข้าวินพร้อมพลิกคว้าแชมป์ประจำฤดูกาลไปครอง ขณะ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ นักบิดไทยจาก ยามาฮ่า เทคนี เรซซิ่ง ทีม อาเซียน เหมาชัยในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต ทะยานครองบัลลังก์แชมป์เอเชียอย่างยิ่งใหญ่ต่อหน้าแฟนความเร็วในบ้านเกิด โดยสองดาวรุ่งจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ อย่าง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว และ “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ แจ้งเกิดเต็มตัวขนาบข้างบนโพเดียมโฮมเรซ เพลงชาติไทยกระหึ่มสนาม

การแข่งขัน เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2024 สนามที่ 6 ดวลความเร็วเรซที่ 2 ส่งท้ายปี วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2567 ท่ามกลางการติดตามของแฟนความเร็วทั่วโลก กับสถานการณ์ลุ้นแชมป์ที่ต้องตัดสินกันถึงเรซสุดท้าย โดยมีแฟนมอเตอร์สปอร์ตเข้าชมในสนามและติดตามการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์และช่องทางออนไลน์มากมาย

ไฮไลต์อยู่ที่รุ่นใหญ่อย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ที่ยังคงมี แอนดี้ ฟาริด อิซอิฮาห์ นักบิดอินโดนีเซียจ่าฝูงบนแชมเปียนชิพจาก ฮอนด้า เอเชีย-ดรีม เรซซิ่ง วิท เอสเตโม เป็นเจ้าของโพล ขนาบข้างด้วย “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ทีมเมทชาวไทยในกริดที่ 2 ส่วน ยูกิ คูนิ นักบิดชาวญี่ปุ่นจาก เอสดีจี ทีม ฮาร์ค-โปร ฮอนด้า พีเอช ที่มีลุ้นแชมป์อยู่นั้นได้เริ่มเกมจากกริดที่ 3

เกมเรซนี้ดวลกันทั้งสิ้น 13 รอบสนาม และมีความพลิกผันอย่างมาก แม้ว่า แอนดี้ ฟาริด อิซอิฮาห์ ออกนำได้ก่อน แต่ท้ายที่สุดก็โดน ยูกิ คูนิ ขยับแซงได้ในรอบที่ 3 ก่อนที่นักบิดญี่ปุ่นจะบิดคว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 20 นาที 47.479 วินาที โดยตัวแปรสำคัญอยู่ที่การไล่แซงขึ้นมาคว้าอันดับ 2 ของ เท็ตซูตะ นากาชิม่า อดีตนักบิดโมโตทูชาวญี่ปุ่นจาก เอสเตโม เอสไอ เรซซิ่ง วิท ไทย ฮอนด้า ตามหลังผู้ชนะ 0.936 วินาที เบียดให้ แอนดี้ ฟาริด อิซอิฮาห์ ตกไปจบการแข่งขันในอันดับ 3 ตามหลัง 3.448 วินาที ด้าน “ชิพ” นครินทร์ จบเรซในอันดับ 8 ตามหลัง 29.166 วินาที

จากผลในเรซสุดท้าย ส่งผลให้ “ยูกิ คูนิ” นักบิดชาวญี่ปุ่นพลิกกลับมาคว้าแชมป์ประจำปีในรุ่น เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีคะแนนเหนือ “แอนดี้ ฟาริด อิซอิฮาห์” เพียง 2 แต้มเท่านั้น ขณะที่ “ชิพ” นครินทร์ จบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 ของเอเชียในรุ่นใหญ่ที่สุด

ด้านเกมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ก็เข้มขันไม่แพ้กัน และต้องตัดสินผู้ชนะในเรซสุดท้ายถึงโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน โดย “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ยอดนักบิดไทยจาก ยามาฮ่า เทคนี เรซซิ่ง ทีม อาเซียน กวาดชัยชนะไปครองทั้ง 2 เรซ ด้วยเวลา 20 นาที 0.313 วินาที เถลิงแชมป์เอเชียในรุ่นนี้ไปครองอย่างยิ่งใหญ่

โดยในเรซนี้ 2 นักบิดดาวรุ่งชาวไทยจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ สร้างผลงานอย่างน่าประทับใจ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว และ “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ ตามเข้าป้ายในอันดับ 2 และ 3 อย่างเฉียดฉิว ตามหลังผู้ชนะเพียงคนละ 0.118 วินาที และ 0.256 วินาที ส่งผลให้โพเดียมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ตกเป็นของนักบิดไทยทั้ง 3 อันดับ ส่วน “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม จบเรซในอันดับ 7 ตามหลังผู้ชนะเพียง 1.582 วินาทีเท่านั้น

ส่วนเกมในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ที่ต้องตัดสินแชมป์ในเรซสุดท้ายเช่นกัน ปรากฏว่าชัยชนะตกเป็นของ “เชา เวียดนาม” นักบิดเวียดนามจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง เวียดนาม ทีม ที่บิดเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยด้วยเวลา 19 นาที 2.009 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง “เฮอร์จุน แอทน่า เฟอร์ดาอุส” นักบิดอินโดนีเซียจาก แอสตร้า ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม เพียง 0.580 วินาที พร้อมกับคว้าแชมป์ประจำปีไปครอง ส่วนอันดับ 3 เรซนี้เป็นของ “มูฮัมหมัด แฟโรซี” นักบิดอินโดนีเซียจาก ยามาฮ่า เรซซิ่ง อินโดนีเซีย ตามหลัง 1.913 วินาที ด้านนักบิดไทยที่ผลงานดีที่สุดคือ “ไฮเป็ค” กฤษฎา ธนโชติ ดาวรุ่งจาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม ที่ลงแข่งด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ด จบเรซในอันดับ 6 ตามหลัง 2.138 วินาที

ขณะที่ผลการแข่งขันในรุ่น อันเดอร์โบน 150 ซีซี ชัยชนะตกเป็นของ “ฟาห์มี บาซัม” นักบิดอินโดนีเซียจาก ยามาฮ่า แอลเอฟเอ็น เอชพี969 อินโดนีเซีย เรซซิ่ง ทีม ด้วยเวลา 16 นาที 27.758 วินาที โดยจากการคว้าชัย 2 เรซที่ บุรีรัมย์ ส่งผลให้เขาคว้าแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้ไปครองได้สำเร็จ ส่วนอันดับ 2 ในเรซนี้เป็นของทีมเมทอย่าง “มูร็อบบิ วิตโตนี” ตามหลัง 0.352 วินาที อันดับ 3 ได้แก่ “ดิมาส จูลี แอตโมโก” นักบิดอินโดนีเซียจาก วัน ฟอร์ ออลล์ ตามหลัง 0.803 วินาที ด้านนักบิดไทยอย่าง “เติ้ล” พีรพงศ์ หลุยบุญเป็ง จาก วัน ฟอร์ ออลล์ จบเรซในอันดับ 9 ตามหลัง 1.442 วินาที

สำหรับเกมในรุ่น ทีวีเอส วันเมค แชมเปียนชิพ เรซสุดท้าย ชัยชนะเป็นของ ฮิโรกิ โอโนะ นักบิดชาวญี่ปุ่นด้วยเวลา 14 นาที 59.946 วินาที พร้อมกับการผงาดคว้าแชมป์ประจำปีไปครอง โดยอันดับ 2 เป็นของนักบิดไทยอย่าง “อาทิตย์ กังแฮ” ตามหลัง 0.402 วินาที ได้ฉลองโพเดียมทั้ง 2 เรซ ตามด้วยนักบิดรุ่นพี่ชาวไทยอย่าง “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล ในอันดับ 3 ตามหลัง 2.388 วินาที

ทั้งนี้ ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2024 นับเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่ลุ้นแชมป์อย่างเข้มข้น จนต้องมาตัดสินกันถึงสนามสุดท้ายในประเทศไทย โดยในฤดูกาล 2025 สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ได้รับการยืนยันให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชียรายการนี้ ทั้งการทดสอบสนามก่อนเปิดฤดูกาลหรือ “พรี-ซีซั่นเทสต์” เป็นเจ้าภาพสนามแรกและสนามสุดท้ายเช่นเคย