Honda Riding Assist-e

ฮอนด้า ไรด์ดิ้ง แอสซิสต์-อี (Honda Riding Assist-e) เปิดตัวครั้งแรกของโลกในงาน โตเกียว มอเตอร์โชว์ 2017ครั้งที่ 45 ที่ประเทศญี่ปุ่น สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับที่เข้ามาร่วมชมงานภายในบูธฮอนด้า ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีรถยนต์และรถจักรยานยนต์รถมอเตอร์ไซค์ Honda Riding Assist-e มันคือนวัตกรรมยานยนต์ที่ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีการทรงตัว (unique balance control technology) ที่ได้รับการพัฒนาผ่านหุ่นยนต์ฮิวมานอยด์ที่ออกแบบให้มีการเคลื่อนไหวคล้ายมนุษย์ หรือที่เราคุ้นชื่อกับ ASIMO นั่นเอง

รถมอเตอร์ไซค์รุ่นดังกล่าวสามารถทรงตัวได้ด้วยตัวเองเมื่อวิ่งในความเร็วต่ำเพื่อช่วยลดน้ำหนักตัวรถให้กับผู้ขับขี่ ซึ่งจะช่วยให้การขับขี่ง่ายขึ้นและสนุกมากขึ้น โดยที่การทำงานในช่วงความเร็วต่ำ ฐานของล้อจะยืดห่างออกทำให้มีความยาวง่ายต่อการทรงตัว แต่เมื่อใช้ความเร็วที่สูงขึ้นฐานล้อจะถูกดึงกลับเข้ามาสั้นลงทำให้สามารถควบคุมรถในการเลี้ยวทางแคบได้สะดวกง่าย Riding Assist-e วิ่งด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังวัตต์สูง โดยถ้าเทียบกับรถจักรยานยนต์ที่ใช้เครื่องแล้วมีขนาดถึง 700 ซีซี เป็นก้าวสำคัญที่บ่งบอกถึงวิสัยทัศน์ของฮอนด้าที่จะช่วยให้คุณ “สนุกสนานไปกับอิสระของการขับขี่” และ “ช่วยนำพาสังคมก้าวสู่ สังคมไร้คาร์บอน” ตัวรถถูกออกแบบมาด้วยชิ้นส่วนที่ใช้งานได้ดีและมีอยู่ทั่วไป ชุดแบตเตอรี่วางอยู่กลางเฟรมเหมือนกับเครื่องยนต์ โช้คอัพหน้า แผงคอ แฮนด์เดิ้ลบาร์ จัดมาเต็มๆ จอแสดงผลแบบฟูลดิจิตอล เบาะนั่งอาจจะดูแปลกๆ ตา แต่สามารถนั่งได้คนเดียว วงล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว ระบบดิสก์เบรกหน้า/หลัง ชุดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ดีไซน์แบบโปรอาร์ม โช้คอัพหลังเดี่ยว และมีช่องสำหรับเสียบชาร์ทไฟฟ้าด้านข้าง

แต่นี่เป็นเพียงรถคอนเซ็ปต์เท่านั้น ถึงอย่างไรการควบคุมสั่งการด้วยมนุษย์แบบแมนน้วลก็คงคลาสสิคและสร้างความสนุกเร้าใจมากกว่า…

เอ.พี. ฮอนด้า เตรียมเปิดศูนย์ฝึกฯ ภูเก็ต คัดดาวรุ่งร่วมโปรเจกต์บิดล่าฝัน 25-26 พ.ย. นี้

น้องๆ นักบิดเตรียมตัวให้พร้อม เอ.พี.ฮอนด้า เตรียมเปิดศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย ฮอนด้า เซฟตี้ ไรด์ดิ้ง พาร์ค จ.ภูเก็ต เฟ้นหานักบิดเยาวชนเข้าร่วมโครงการ “เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี” หรือโปรเจกต์บิดล่าฝัน รอบคัดเลือก สนามที่ 3 ระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน นี้ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย หนึ่งในฐานะผู้นำที่พัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่อง ประกาศพร้อมต้อนรับเยาวชนนักบิดที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี (A.P. Honda Academy) รอบคัดเลือก สนามที่ 3 ซึ่งกำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน นี้ ณ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย ฮอนด้า เซฟตี้ ไรด์ดิ้ง พาร์ค จ.ภูเก็ต


สำหรับโครงการ เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี หรือโปรเจกต์บิดล่าฝัน ปั้นนักบิดไทยสู่ศึกการแข่งขันรถจักรยานยนต์ระดับเวิล์ดกรังด์ปรีซ์ ก่อนต่อยอดสนับสนุนไปสู่รายการแข่งขันสูงสุด รุ่นโมโตจีพีในอนาคต โดยเป็นกิจกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในเมืองไทย มีวัตถุประสงค์ต้องการเฟ้นหาดาวรุ่งดวงใหม่ อายุระหว่าง 9-14 ปี จำนวน 20 คน เข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์มืออาชีพ สังกัด เอ.พี.ฮอนด้า เป็นระยะเวลา 2 ปี

ผ่านการควบคุมและฝึกสอนโดย “มาโกโตะ ทามาดะ” และ “โทรุ อูกาว่า” อดีตสองนักแข่งชาวญี่ปุ่นผู้มีประสบการณ์บนเวทีระดับโลกในศึกโมโตจีพี พร้อมด้วย “ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์” นักบิดชาวไทยคนแรกที่เคยโลดแล่นในรายการเดียวกันรุ่นโมโตทู

ขณะที่รถจักรยานยนต์ที่ใช้ฝึกสอนจะไม่ใช่รถตลาดที่มีวางจำหน่ายทั่วไป แต่เป็นรถสูตรที่ผลิตและพัฒนาขึ้นมาเพื่อขับขี่ในสนามแข่งขันโดยเฉพาะ สำหรับ ฮอนด้า เอ็นเอสเอฟ100 (Honda NSF100) นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน

โดยกำหนดการรอบคัดเลือก รอบแรกมีจำนวน 4 ครั้ง ล่าสุด เดินทางมาถึงสนามที่สามแล้ว ระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งจะมีขึ้นที่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย ฮอนด้า เซฟตี้ ไรด์ดิ้ง พาร์ค จ.ภูเก็ต

ทั้งนี้ ในการคัดเลือกรอบแรก แต่ละสนามจะถูกแบ่งออกเป็นสองวัน วันแรกเป็นการประเมินความสมบูรณ์ทางด้านร่างกาย ผ่านการทดสอบจาก 5 สถานี ได้แก่ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขนและมือ, ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา, ความยืดหยุ่นอ่อนตัว, ความทนทานแข็งแรงของกล้ามเนื้อท้อง และสุดท้ายที่ความคล่องตัวของร่างกาย โดยรูปแบบวิธีการทดสอบทั้งหมดเป็นหลักสูตรที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองโดยตรงจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ส่วนในวันที่สองจะเป็นการทดสอบทักษะการขับขี่ ภายใต้คอร์สที่คณะกรรมการตัดสินและผู้ฝึกสอนในโครงการฯ เป็นผู้จัดเตรียมไว้

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.aphonda.co.th   หรือโทร 02-725-4000 ติดต่อฝ่ายมอเตอร์สปอร์ต

เปิดตัวมอเตอร์ไซค์สายพันธุ์ดุรุ่นใหม่ล่าสุด “เคทีเอ็ม 390 ดู๊ค

บริษัท เบิร์นรับเบอร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์พรีเมียมสัญชาติออสเตรีย แบรนด์ “เคทีเอ็ม” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำของมอเตอร์ไซค์สายสตรีทประเภท เน็กเก็ด (Naked Bike) พร้อมปลุกสัญชาตญาณนักสู้บนท้องถนนภายใต้ปรัชญาของแบรนด์เคทีเอ็ม อย่าง “Ready To Race” ด้วยการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์สายพันธุ์ดุรุ่นใหม่ล่าสุด “เคทีเอ็ม 390 ดู๊ค” (KTM 390 DUKE) โฉมใหม่ ภายใต้บรรยากาศที่ตื่นตาตื่นใจไปกับความมัน สนุก และท้าทายที่เต็มไปด้วยเลือดนักสู้ ณ เวทีมวย ราชดำเนิน พร้อมชวนเหล่าบรรดาสาวกสีส้มและนักสู้สายสตรีทร่วมเปิดประสบการณ์สุดเร้าใจในกิจกรรมต่อเนื่อง “ARE YOU DUKE ENOUGH? ปีศาจสีส้ม หรือ The Beast ซึ่งเป็นสมญานามของมอเตอร์ไซค์รุ่นดู๊ค (Duke) ที่เปี่ยมด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลัง น้ำหนักที่เหมาะสม คล่องตัว และการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แข็งแกร่ง ปราดเปรื่อง และดุดันนั้น ได้เวลาที่จะพบกับ “KTM 390 DUKE” โฉมใหม่ ที่แฟนๆ ชาวไทยหลายๆ คนต่างรอคอย ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่โดดเด่นและพกพาดีกรีความสนุกในการขับขี่ที่จัดจ้านเกินพิกัดความจุของตัวเองอีกเช่นเคย เพื่อตอบสนองการขับขี่ของบรรดาสุดยอดนักสู้บนท้องถนน กับราคาที่ต้องตะลึงเพียง 199,000 บาท ช่วงแนะนำ

 

XMAX 300

เครื่องยนต์
 แบบ สูบเดียว  4 จังหวะ, SOHC, 4 วาล์ว
 ปริมาตรกระบอกสูบ 292 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  10.9:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  70.0 x 75.9 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์ TCI
 ระบบคลัทช์  คลัทช์แห้ง
 ระบบเกียร์  ออโต้
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  13 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง  1.5 ลิตร
กว้าง*ยาว*สูง  775 x 2185 x 1415 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม 179 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิก

หลัง : ยูนิตสวิง

ระบบเบรก

หน้า : Disc ABS

หลัง : Disc ABS

ยาง/ล้อ

หน้า : 120/70-15 M/C 56P

หลัง : 140/70-14 M/C 62P

2018 Yamaha WR450F

สมบูรณ์แบบสำหรับการขับขี่ในแบบเอ็นดูโร่และออฟโรด ด้วยพัฒนาการของเครื่องยนต์ที่ก้าวหน้า และเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมในการพัฒนาโครงสร้างเฟรมตัวถังของรถที่ Yamaha ได้นำมาบรรจุอยู่ใน WR450F เวอร์ชั่นล่าสุด ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมในแบบ ไมเนอร์เช้นจ์ แต่ก็เพียงพอที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับเรือธงในไลน์การผลิตของ WR-F จนมีเพอร์ฟอร์ม้านซ์ที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสิทธิภาพในการควบคุมที่ยกระดับสูงขึ้น มากเพียงพอสำหรับตอบสนองความต้องการของนักแข่งเอ็นดูโร่ในระดับจริงจังหรือระดับอาชีพ รวมทั้งนักขี่ประสบการณ์สูงบนทางไกลในเส้นทางออฟโรด ที่จะได้รับความรู้สึกที่เบาสบายในทุกจังหวะการควบคุมรถที่มีความลงตัวของโครงสร้างที่มีการจัดการเรื่องการออกแบบให้มีศูนย์รวมน้ำหนักที่ดี ผสานกับรอบการทำงานที่กว้างของระบบส่งกำลังแบบ 5 สปีด อีกทั้งได้รับการติดตั้งระบบกันสะเทือนใหม่ล่าสุดจาก KYB รวมทั้งการพัฒนาองค์ประกอบต่างๆ ที่จะมีส่วนช่วยให้ WR450F เวอร์ชั่นล่าสุดนี้ ยกระดับสู่ความเป็นรถที่เรียกว่า ready to win หรือมีความพร้อมสำหรับชัยชนะ ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นเป็นผลมาจากการปรับปรุงเพิ่มเติมให้กับเฟรมล่าสุดที่มีความกะทัดรัดยิ่งขึ้นด้วยโครงสร้าง Bilateral Beam aluminum frame

โดยพื้นฐานแล้ว WR450F ได้นำเครื่องยนต์ที่พัฒนาจากรถสูตรอย่าง YZ450F เพียงแต่มีการปรับคาแรกเตอร์ให้มีความเหมาะสมกับการขับขี่ในสไตล์เอ็นดูโร่ด้วยการจูนนิ่งและออกแบบระบบการจ่ายเชื้อเพลิงให้มีความเหมาะสม นอกจากนี้ยังได้เพิ่มความสะดวกให้กับนักแข่งที่จริงจังกับการขับขี่ด้วยการเพิ่มชุดคิทพิเศษสำหรับการปรับแต่ง ECU ได้โดยสะดวกเช่นเดียวกับ รถในไลน์ YZF ด้วยการทำออฟชั่นที่เรียกว่า GYTR Power Tuner

สำหรับพื้นฐานเครื่องยนต์ของ WR450F เวอร์ชั่นใหม่นี้ได้รับการเสริมให้มีพละกำลังและการตอบสนองที่ดีขึ้น แต่ในความรุนแรงของขุมพลังนั้นได้จำกัดการพัฒนาไว้ภายใต้เงื่อนไขคือ easy-to-use power กล่าวคือ สามารถควบคุมจังหวะการขับขี่ได้นุ่มนวล รวดเร็ว คล่องตัว หรือหัวใจสำคัญคือการพัฒนาให้มีความเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการผสานความเป็น Man and Machine ได้อย่างลงตัวนั่นเอง โดยสรุปในการอัพเกรดของ 2018 WR450F นั้น อยู่ที่การเพิ่มคุณสมบัติต่างๆให้กับ New ECU เพื่อให้ได้การจ่ายเชื้อเพลิงและการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดกับการแข่งขันในเกมเอ็นดูโร่และการขับขี่ในสไตล์ออฟโรดอย่างจริงจัง ซึ่งส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นใน 2018 WR450F นั้นก็มาจากองค์ความรู้จากทีมแข่ง Yamaha ใน World Enduro ที่ฤดูกาล 2017 นี้ ยังคงกำลังร่วมลุ้นชิงแชมป์ในระดับ EnduroGP ที่ในปีนี้สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม(ระหว่างปิดต้นฉบับนี้ ผ่าน 6 จาก 8 สนาม ทีมแข่ง Yamaha ยังคงรั้งอันดับสองของตารางคะแนนสะสม ซึ่งเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบหลายปีของการแข่งเอ็นดูโร่ชิงแชมป์โลก)

ซึ่งข้อมูลสเปคพื้นฐานของ 2018 WR450F มีดังนี้

เครื่องยนต์ Single cylinder, liquid-cooled,
4-stroke, DOHC, 4-valves
ปริมาตรความจุ 449cc
กระบอกสูบ x ช่วงชัก 97.0 mm x 60.8 mm
อัตราส่วนกำลังอัด 12.5 : 1
ระบบการหล่อลื่น Wet sump
คลัทซ์ Wet, Multiple Disc
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง Fuel Injection
ระบบจุดระเบิด TCI
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ Electric and kick
ระบบส่งกำลัง Constant Mesh, 5-speed
การส่งกำลัง Chain
รูปแบบของเฟรม Semi double cradle
กันสะเทือนหน้า Telescopic forks
ระยะยุบตัวของกันสะเทือนหน้า 310 mm
กันสะเทือนหลัง Swingarm, (link suspension)
ระยะยุบตัวกันสะเทือนหลัง 318 mm
เบรกหน้า Hydraulic single disc, Ø 270 mm
เบรกหลัง Hydraulic single disc, Ø 245 mm
ยางหน้า 90/90-21 54M
ยางหลัง 130/90-18 69S+M
มิติรถ (ยxกxส) 2,165x825x 1,280 mm
ความสูงเบาะ 965 mm
วีลเบส 1,465 mm
ระยะห่างจากพื้น 325 mm
น้ำหนักรถ(พร้อมเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น) 123 kg
ความจุถังเชื้อเพลิง 7.5 litres
ความจุน้ำมันหล่อลื่น 0.95 litres

Multistrada 1200 Enduro

 

เครื่องยนต์
 แบบ  L-TWIN สูบ 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
 ปริมาตรกระบอกสูบ  1198  cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  12.5:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  106.00 x 67.9 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  ครัทช์เปียก
 ระบบเกียร์  6 เกียร์
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 30  ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง   –
กว้าง*ยาว*สูง  –
น้ำหนักรวม 254 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : Shachs 48 มม. พร้อมสปริงปรับ Payload ได้ และ Rebound ได้ พร้อม Ducati Skyhook Supension (DSS)

หลัง : สวิงอาร์มคู่ Shachs ปรับความแข็งสปริง Payload และ Rebound ได้ พร้อม Ducati Skyhook Supension (DSS)

ระบบเบรก

หน้า : ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกคู่ ขนาด 320 มม. แม่ปั้ม 4 ลูกสูบ + ABS)

หลัง : ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกขนาด 265 มม. แม่ปั้ม 2 ลูกสูบ + ABS)

ยาง/ล้อ

หน้า :  120/70 ZR-19

หลัง : 170/60 ZR-17

G 310 GS

 

 

เครื่องยนต์
 แบบ 4 จังหวะ สูบเดียว 4 วาว์ล
 ปริมาตรกระบอกสูบ 313 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด 10.6:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก 80 x 62.1 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  คลัทช์เปียก
 ระบบเกียร์  6 เกียร์
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  11 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง   –
กว้าง*ยาว*สูง  880 x 2,075 x 1230 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม 169.5 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : เทเลสโคปิคหัวกลับ ขนาด 41 มม.

หลัง : เป็นช็อคอับเดี่ยวที่ปรับตั้งค่าการทำงานได้ ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม

ระบบเบรก

หน้า :  คาลิเปอร์ BYBRE 4 ลูกสูบ ABS

หลัง : คาลิเปอร์ BYBRE 1 ลูกสูบ ABS

ยาง/ล้อ

หน้า : 110/80 R 19

หลัง : 150/70 R 17

 

RM-Z 250

เครื่องยนต์
 แบบ 4 จังหวะ สูบเดี่ยว DOHC
 ปริมาตรกระบอกสูบ 249 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด 13.5 : 1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก 77.0 x 53.6 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  ครัทช์เปียก
 ระบบเกียร์  5 สปีด
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ / สตาร์ทเท้า
น้ำมันเชื้อเพลิง  91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  6.5
ความจุน้ำมันเครื่อง  –
กว้าง*ยาว*สูง 830 x 2,170 x 1,270 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม 106 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : โช๊คอัพเทเลสโคปิคหัวกลับ

หลัง : โช๊คอัพหลังเป็นโช๊คอัพเดี่ยว

ระบบเบรก

หน้า : จานเบรคหน้าแบบเดี่ยว คาลิเปอร์ขนาด 2 ลูกสูบ

หลัง : จานเบรคหลังแบบเดี่ยว คาลิเปอร์ขนาด 1 ลูกสูบ

ยาง/ล้อ

หน้า : 80/100-21 51M

หลัง : 110/90-19 57M

Honda CB150R Exmotion

กำลังมาแรงกับเทรนด์ใหม่สไตล์คาเฟ่ กับ Honda CB150R Exmotion ในรูปแบบของรถขนาด 150 ซีซี ที่ฉีกแนวออกมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มลูกค้าที่ชอบความแปลกใหม่ และการพัฒนาของเครื่องยนต์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ

CB150R มาพร้อมกับความโดดเด่นของดีไซน์และการนำเอาเทคโนโลยีจากรถบิ๊กไบค์เข้ามาผสมผสานกันอย่างลงตัว นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมให้กับสำนักแต่งได้นำเสนอไอเดียการปรับแต่งเพิ่มความสวยงามในแต่ละรูปแบบ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจหรือเป็นแนวทางการปรับแต่งให้กับลูกค้าทั่วไป ด้วยรูปลักษณ์ของตัวรถเป็นแนวของ โมเดิร์น คาเฟ่ ก็มีการปรับเติมเสริมแต่งเพิ่มความเป็นคาเฟ่พันธุ์แท้ จากวงล้อแม็กเปลี่ยนมาใช้เป็นวงล้ออลูมินัมแบบซี่ลวดหน้ากว้างพร้อมกับดุมแต่งดิสก์เบรกหน้าตัวคาลิเปอร์เรเดียลเม้าท์ 4 พอร์ท ของ CBR1000RR ที่ติดมากับตัวรถอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยน และที่สำคัญมันลงตัวกับโช้คอัพหน้าที่ใช้แบบหัวกลับ Upside Down ซึ่งก็เป็นตัวเดียวกับที่ใส่อยู่กับ X-ADV750 ขนาดแกน 41 มม. เพียงพอสำหรับการใช้งานและความสวยงามขยับขึ้นมาที่ชุดบนดูเท่ล้ำนำสมัยด้วยชุดแฮนด์ที่เปลี่ยนการควบคุมจากแฮนด์บาร์เป็นแผงคอแบบสปอร์ตโดยที่ยึดจากแผงคอเดิม ได้อารมณ์แบบแฮนด์จับหัวโช้คส่วนด้านปลายติดตั้งกระจกมองข้างทรงกลม ปั๊มแรงดันดิสก์เบรกกระปุกลอย และปั๊มคลัทช์น้ำมันที่แปลงใส่ใหม่ ชิวหน้าปิดแผงเรือนไมล์ดูเก๋าแนวเรโท เบาะนั่งแนวทรงท้ายตูดมด ซึ่งต้องมีการตัดเชื่อมต่อช่วงท้ายใหม่ บอกเลยว่าไม่ได้ทำง่ายๆ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและใช้งานได้จริงด้วย พักเท้าแบบเกียร์โยงอลูมินัม

ช่วงหลังเสริมความนุ่มนวลด้วยโช้คอัพ Gazi แบรนด์ดังยอดฮิต ระบบแก๊สและน้ำมันที่มีซับแท้งค์บิ้วท์อิน ดิสก์เบรกหลังคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว เครื่องยนต์เสริมความจัดจ้าดด้วย
การเดินท่อไอเสียใหม่มุดอยู่ใต้ท้อง ภายนอกก็สวมการ์ดกันล้มที่แคร้งทั้งสองข้าง อกไก่ด้านล่างออกแบบใหม่ ซึ่งรายละเอียดส่วนอื่นๆ ก็ดูได้จากภาพ

GSX-S 750

เครื่องยนต์
 แบบ 4 จังหวะ  4 สูบ DOHC, 16-วาล์ว
 ปริมาตรกระบอกสูบ 749 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด 12.3:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก 72.0 x 46.0 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด PGM-FI
 ระบบจุดระเบิด  จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  คลัทช์เปียก
 ระบบเกียร์ 6 เกียร์ Constant Mesh
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  16 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง  –
กว้าง*ยาว*สูง 785 x 2,125 x 1,055  มม.
น้ำหนักรวม 213 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : โช้คหัวกลับแบบ coil spring; TBD in. travel

หลัง : โช้ค coil spring; TBD in. travel

ระบบเบรก

หน้า :  จานดิสก์เบรกแบบคู่ 310 พร้อมด้วยคาลิปเปอร์ Brembo

หลัง : จานดิสก์เบรกแบบเดี่ยว

ยาง/ล้อ

หน้า : 120/70ZR17M/C 58W Tubeless

หลัง : 180/55ZR17M/C 73W Tubeless

 

เอ.พี. ฮอนด้าจุดพลังฝันสู่ความสามัคคีให้เด็กไทย “วิ่ง 31 ขา สามัคคี 13 ปี สร้างผู้นำ” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ

21 พฤศจิกายน 2560, ณ สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย สนามราชมังคลากีฬาสถาน เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย สานต่อกิจกรรม สพฐ.-เอ.พี. ฮอนด้า วิ่ง 31 ขาสามัคคีปี 13 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ภายใต้แนวคิด “วิ่ง 31 ขา สามัคคี 13 ปี สร้างผู้นำ” นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ภายใต้โครงการ เอ.พี. ฮอนด้าจุดพลังฝัน เรามีปณิธานที่จะจุดพลังสามัคคีให้กับเยาวชนไทย เพราะเราเชื่อว่าการปลูกฝังความสามัคคีในหมู่เยาวชนจะก่อให้เกิดผลดีต่อสังคมในอนาคต แนวคิดดังกล่าวจึงกลายเป็นที่มาของกีฬาวิ่ง 31 ขาสามัคคีในเมืองไทยที่เริ่มมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 ก่อนที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจะมองเห็นความสำคัญและได้เข้ามาให้การส่งเสริมและสนับสนุนในเวลาต่อมา โดยรายการนี้จัดมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปีนี้เป็นปีที่ 13 แล้ว น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นเยาวชนกว่า 400,000 คน เข้าร่วมการแข่งขันกับเราเพื่อรับการปลูกฝังเรื่องความสามัคคีตลอด 12 ปีที่ผ่านมา” “กีฬาวิ่ง 31 ขา เป็นกีฬาที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร นอกจากความสนุกสนานแล้วยังแฝงไปด้วยกลยุทธ์มากมาย เพราะสมาชิกในแต่ละทีมทั้ง 30 คนจะต้องมีความพร้อมเพรียงเป็นหนึ่งเดียว มีความสามัคคีเป็นที่ตั้ง และที่สำคัญคือต้องมีผู้นำทีมที่ดีจึงจะพาทีมไปสู่ความสำเร็จได้ โดยในการแข่งปีที่ 13 นี้ เรายังคงได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทางสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ การกีฬาแห่งประเทศไทย” สำหรับกีฬาวิ่ง 31 ขาสามัคคี เปิดโอกาสให้นักเรียนระดับประถมศึกษาอายุระหว่าง 10-12 ปี เข้าแข่งขันในรูปแบบทีม แต่ละทีมมี 30 คนผูกขาติดกันวิ่งเป็นระยะทาง 50 เมตรโดยไม่ล้ม แบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 รอบได้แก่ รอบชิงแชมป์เขต รอบชิงแชมป์ภูมิภาคตามกำหนดการดังนี้ 25-26 พฤศจิกายน 2560 คัดเลือกตัวแทน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ สนามกีฬากลางจังหวัดร้อยเอ็ด, 16 ธันวาคม 2560 คัดเลือกตัวแทนภาคเหนือ ณ สนามกีฬาบุญสม มาร์ติน จังหวัดสุโขทัย, 20 มกราคม 2561 คัดเลือกตัวแทนกรุงเทพฯภาคกลาง ณ สนามฟุตบอล 1 กกท., 3 กุมภาพันธ์ 2561 คัดเลือกตัวแทนภาคใต้ ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี และรอบชิงแชมป์ประเทศไทยวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 ณ สนามฟุตบอล 1 กกท. กรุงเทพฯ ผู้สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของการแข่งขันได้ที่ www.facebook.com/honda31legs