ซูซูกิ ใส่ใจผู้ใช้รถใช้ถนน ร่วม “โครงการอาชีวะอาสา เทศกาลปีใหม่ 2561”

บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ ซูซูกิ  ได้เข้าร่วม “โครงการอาชีวะอาสา เทศกาลปีใหม่ 2561” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม พัฒนา และสร้างประสบการณ์ด้านทักษะวิชาชีพ ตลอดจนปลูกฝังให้นักเรียน นักศึกษา มีจิตอาสารู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และสังคม ซึ่งภายในงาน ได้รับเกียรติจาก นายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิด ณ บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ด้านข้างกระทรวงศึกษาธิการ ในวันที่ 21 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ซูซูกิ ยังได้จัดนิทรรศการตรวจสอบรถก่อนการเดินทาง เพื่อความปลอดภัย พร้อมบริการตรวจเช็คสภาพรถ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ฟรีให้แก่ประชาชน และมอบน้ำมันเครื่องสนับสนุนให้แก่ นักเรียน นักศึกษา ไปใช้ประกอบการปฏิบัติงานในศูนย์อาชีวะอาสา และสร้างเป็นสาธารณะประโยชน์ต่อไป ทั่วประเทศ 252 แห่ง เป็นจำนวน 600 ขวด

2018 MOTO GUZZI V85

นับตั้งแต่ก่อกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1921 ของอีกหนึ่งค่ายผู้ผลิตจากอิตาลีที่มีความเป็นมาเกือบ 100 ปี จากแหล่งผลิตใน Mandello del Lario ได้มีเป้าหมายที่จะเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ในปี 2021 ดังนั้นทาง MOTO GUZZI จึงได้ริเริ่มพัฒนารถโมเดลใหม่ๆออกมาเพื่อสานต่ออนาคตของโลโก้ “The Eagle” โดยล่าสุดได้เปิดไลน์การผลิต ใหม่ล่าสุดของค่ายเพื่อให้เป็นรถที่สามารถตอบสนองผู้ขี่แบบไร้ขีดจำกัด แม้ว่าจะถึงจุดสิ้นสุดถนนลาดยาง “The motorcyclists who do not stop when they reach the end of the asphalt” ด้วยรถรุ่นที่เรียกว่า V85

โดยทาง MOTO GUZZI ได้วางตำแหน่งในตลาดของ V85 ไว้อยู่ระหว่าง รุ่น V7 กับ V9 ที่ทั้งสองรุ่นนั้นเป็นรถในประเภทครุยเซอร์เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ของค่าย สำหรับ V85 นี้ถูกกำหนดออกมาให้เป็นรถ modern endure ของ MOTO GUZZI ซึ่งในอดีตที่ผ่านมานั้นก็เคยมีรถในสไตล์ออฟโรดมาก่อนเช่นกันที่เริ่มต้นด้วยรุ่นแรกในตำนานของค่าย ที่ทำเข้าร่วมการแข่งขันในรายการอย่าง Six day ปี 1939 ด้วยรุ่น GT20 จนนำมาสู่รถที่ใช้ขี่ใน Paris-Dakar อย่าง V65 Baja ปี 1985 และ V75 Baja ในปีถัดมา

อาจกล่าวได้ว่า V85 คือรถในสไตล์ Classic Enduro ที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่ง และเทคโนโลยีสมัยใหม่ของ MOTO GUZZI ด้วยโครงสร้างเฟรมที่แข็งแรงจาก steel tubes พร้อม asymmetric aluminium swingarm และระบบกันสะเทือนแบบ mono shock absorber ที่พร้อมรองรับการขี่ในสไตล์ออฟโรดได้มากกว่ารถในกลุ่มครุยเซอร์ของตนเอง สำหรับขุมพลังของ V85 นี้ มาจากพื้นฐานเครื่องยนต์แบบสองสูบ วางเอียง 90 องศา ขนาดปริมาตรเครื่องยนต์ 850 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่ให้กำลังในระดับ 80 แรงม้า ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในทุกๆวัน รวมทั้งการออกทริปในช่วงสุดสัปดาห์ และแม้ว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการระหว่างงาน EICMA 2017 ที่ผ่านมาพร้อมประกาศทำตลาดแล้ว แต่ข้อมูลของตัวรถนั้นยังไม่มีรายละเอียดใดๆ ว่าขนาดและรูปแบบเครื่องยนต์เพิ่มเติมมากไปกว่านี้ สำหรับผู้ที่สนใจ Classic Enduro สไตล์อิตาเลี่ยนอย่าง MOTO GUZZI V85 นี้ ก็รอรายละเอียดเพิ่มเติมของตัวรถจากตัวแทนจำหน่ายในโอกาสต่อไป

 

มอบน้ำมันเครื่องโครงการอาชีวะอาสา…

นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด มอบน้ำมันเครื่องจำนวน 6,048 ขวด มูลค่า 604,800 บาท ให้กับโครงการอาชีวะอาสา เทศกาลปีใหม่ 61 โดยมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมต.ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้รับมอบ ที่บริเวณข้างกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อ 21 ธ.ค. 60

2018 Yamaha Super Tenere ES

รหัส ES เป็นอีกหนึ่งเวอร์ชั่นของ Yamaha Super Tenere ที่มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาเพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่ทางไกลยิ่งขึ้น พร้อมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับรถในระดับพรีเมี่ยมที่ติดตั้งมาครบถ้วน ทั้ง traction & cruise control , electronic suspension รวมทั้งองค์ประกอบอื่นๆอีกมากที่จะมีส่วนช่วยให้ Tenere ES ก้าวสู่ความเป็นที่สุดในรถประเภท adventure tourer จากค่าย Yamaha

ด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ inline twin 4valve DOHC ขนาด 1,199 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่มาพร้อมกับสองปลั๊กหัวเทียนต่อสูบ ซึ่งเครื่องยนต์ได้รับการออกแบบให้มีความกะทัดรัด พร้อมติดตั้งระบบส่งกำลังด้วยเกียร์แบบ wide-ratio 6 speed transmission ที่สามารถควบคุมการขับขี่ทั้งบนเส้นทางไฮเวย์ และการขับขี่บนทางออฟโรดได้อย่างเหมาะสม ซึ่งในการจ่ายเชื้อเพลิงนั้นได้ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงที่ทันสมัย advanced fuel injection ที่ใช้เรือนลิ้นเร่งคู่ twin downdraft throttle body ที่มาพร้อมกับระบบควบคุม YCC-T หรือ Yamaha Chip Controlled Throttle ที่ติดตั้ง D-Mode หรือ Drive Mode มาให้สองแบบที่ผู้ขับขี่จะสามารถเลือกใช้ mapping ได้ตามความเหมาะสม อีกทั้งยังติดตั้ง traction control ที่สามารถปรับตั้งได้สามระดับหรือสามโหมดการใช้งานมาให้ได้เลือกอีกด้วย เช่นเดียวกับระบบกันสะเทือนไฟฟ้าล่าสุด electronically adjusted suspension ที่สามารถปรับค่า preload และ damping ได้เพียงแค่กดปุ่มก็สามารถทำการเซ็ทติ้งระบบกันสะเทือนโดยไม่ต้องหยุด ซึ่งระบบจะทำงานโดยในเบื้องต้นนั้น ผู้ขี่จะต้องเลือกค่าการเซ็ทเบื้องต้น ซึ่งระบบจะถามข้อมูลการ load หรือ ลักษณะการบรรทุก ที่มีสี่แบบ คือ solo / solo&luggage / dual / dual & luggage หรือ ขับขี่คนเดียว / คนเดียวพร้อมสัมภาระ / ขับขี่สองคน / ขบขี่สองคนพร้อมสัมภาระ และหลังจากเลือกหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งแล้ว ระหว่างการขับขี่นั้นจะสามารถ ทำการปรับจุนเพิ่มเติมได้อีกสามระดับ คือ soft / standard / hard

ของตัวรถมีข้อมูลดังนี้

เครื่องยนต์ : Forward-inclined parallel 2-cylinder,
liquid-cooled, 4-stroke, DOHC, 4-valves
ปริมาตรความจุเครื่องยนต์ : 1,199 ซีซี
กระบอกสูบxช่วงชัก : 98 x 79.5 มม.
อัตราส่วนกำลังอัด : 11.0 : 1
กำลังสูงสุด : 82.4 kW (112PS) @ 7,250 rpm
แรงบิดสุงสุด : 117.0 Nm (11.9 kg-m) @ 6,000 rpm
ระบบหล่อลื่น : Dry sump
คลัทซ์ : Wet, Multiple Disc
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : Electronic Fuel Injection
การจุดระเบิด : TCI
การสตาร์ท : Electric
ระบบส่งกำลัง : Constant Mesh, 6-speed
การส่งกำลัง : เพลา
เฟรม : Steel tube backbone
กันสะเทือนหน้า : Upside-down telescopic fork,
Ø 43 mm
ระยะยุบตัวของกันสะเทือนหน้า : 190 มม.
มุมแคสเตอร์ : 28องศา
ระยะเทรล : 126 มม.
กันสะเทือนหลัง : Swingarm, Adjustable preload and rebound damping, (link suspension), Monoshock
ระยะยุบตัวกันสะเทือนหลัง : 190 มม.
เบรกหน้า : Hydraulic dual disc, Ø 310 mm
wave discs
เบรกหลัง : Hydraulic single disc, Ø 282 mm
wave disc
ยางหน้า : 110/80R19M/C 59V
ยางหลัง : 150/70R17M/C 69V
ความยาว : 2,255 มม.
ความกว้าง : 980 มม.
ความสูง : 1,410 มม.
ความสูงเบาะนั่ง : 845/870 มม
วีลเบส : 1,540 มม.
ระยะห่างจากพื้น : 190 มม.
น้ำหนักรถ(รวมของเหลว) : 265 กก
ความจุถังเชื้อเพลิง : 23 ลิตร
ความจุน้ำมันหล่อลื่น : 4.2 ลิตร

ปตท.สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้คนไทยได้สัมผัส การแข่งขันระดับโลก

ปตท.สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้คนไทยได้สัมผัส การแข่งขันระดับโลก ด้วย การเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ “โมโตจีพี” ครั้งแรกในเมืองไทย ให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบระดับโลก พร้อมนำความเป็นไทยโชว์ศักยภาพสู่สายตาทั่วโลก หวังดึงนักท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปตท. สนับสนุนการจัดการแข่งขันโมโตจีพี เพื่อดึงงานระดับโลกที่คนทั่วโลกให้ความสนใจมาให้คนไทยได้สัมผัสกัน พร้อมแสดงให้คนทั่วโลกได้เห็นศักยภาพของคนไทย ว่ามีสนามแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีความสามารถในการจัดการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลกได้อย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้ชาติใดในโลก และที่สำคัญ ปตท. จะร่วมสร้างความภาคภูมิใจกับคนไทยทั้งประเทศไทยสมตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลในครั้งนี้

 

 

Kawasaki Z900RS Cafe

จักรยานยนต์เรโทรสปอร์ตที่ระลึกและสานต่อจิตวิญญาณของ Z1 ในตำนานคาวาซากิหวนคืนสู่ตลาดของรถจักรยานยนต์ประเภทเรโทรที่แฟนๆ รอคอยมาอย่างยาวนานด้วย All-new Z900RS ที่มีถึง 3 เวอร์ชั่น ภายใต้แนวคิดที่ต้องการระลึกถึงรถจักรยานยนต์ในตำนานอย่างคาวาซากิ Z1 Cafée Model Z900RS CAFE คือรถจักรยานยนต์ที่เพิ่มความหลากหลายทางด้านรูปลักษณ์ให้แก่รุ่น RS ใหม่และเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่แท้จริงของรถในไลน์อัพนี้ Z900RSCAFE คือรถที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่น ไม่เหมือนใครและมีรูปลักษณ์ ที่สามารถแยกสไตล์ของทั้งสองให้แตกต่างกันได้อย่างชัดเจน เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่นาเอาจิตวิญญาณของโมเดลในตำนานอย่าง Z1ปี 1972 มาใช้แต่ได้รับการเติมเต็มอารมณ์แบบคาเฟ่ด้วยเฉดสีและลวดลายกราฟฟิคอันโดดเด่น สะกดทุกสายตา ประกอบกับตำแหน่งท่านั่งที่โฟกัสมากกว่าด้วยแฮนด์บาร์แบบ drop-style สีดำคมเข้ม ท่าในการขับขี่แบบสปอร์ตรับกับคาวริ่งหน้าทรง Bikini และเบาะสไตล์เฉียบพร้อมท้ายแบบตัวแข่งคาเฟ่ เพิ่มความโดดเด่นขึ้นไปอีกด้วยระบบท่อไอเสียที่ได้รับการปรับแต่งเสียงเป็นครั้งแรกจากคาวาซากิและการเก็บงานแบบ brushed satin เหนือระดับทาให้ Z900RS CAFE ออกมาเป็นรถจักรยานยนต์คาเฟ่ที่สมบูรณ์

เครื่องยนต์ทรงพลัง นุ่มนวลไร้การสะดุด ขุมพลัง 4 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 900 ซีซี โครงสร้างของเครื่องยนต์ยอดเยี่ยม ถูกปรับแต่งโดยเน้นกำลังในรอบต่ำถึงกลาง และเป็นครั้งแรกที่คาวาซากิทำการค้นคว้าวิจัยเรื่องเสียงเพื่อปรับแต่งเสียงท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์ให้ออกมาตรงความต้องการ เพื่อกระตุ้นอารมณ์ของผู้ขับขี่ โดยมุ่งเน้นไปที่เสียงคำรามเมื่อเครื่องยนต์ติดขึ้นเป็นครั้งแรก เสียงเดินเบาและเสียงตอนขับขี่ในย่านความเร็วต่ำซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ขับขี่สามารถเพลิดเพลินกับเนื้อเสียงแบบก้องกระหึ่มทุ้มต่ำของท่อไอเสียถังน้ำมันทรงหยดน้ำอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ชวนให้นึกถึง Z1 ตัวเฟรมได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อให้สามารถรองรับตำแหน่งและรูปทรงที่มีความกระชับของตัวถัง ไฟหน้า LED กลมเสน่ห์ของความคลาสสิค ส่วนผสมระหว่างดีไซน์แบบเรโทร เรือนไมล์อนาล็อกคู่พร้อมจอ LCD มัลติฟังก์ชั่น มาตรวัดความเร็วและวัดรอบเข็มสไตล์อนาล็อก มาพร้อมหน้าจอแบบ Negative ที่อ่านง่าย ปิดท้ายด้วยขอบนอกสีเงินเพื่อเสริมให้ความหรูหรา

Honda Motor Expo 2017

ฮอนด้า บิ๊กไบค์โชว์แพชชั่น จัดโปรโมชั่นพิเศษเอาใจสาวกบิ๊กไบค์ตัวจริงพร้อมเปิด Honda 500 Series, 650 Series และ Rebel 500 ที่แรกในงาน Motor Expo 2017 บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าบิ๊กไบค์ในประเทศไทย ยกทัพจัดเต็มสมเป็นผู้นำตลาดจักรยานยนต์ไทย เปิดตัวรถรุ่นใหม่ ได้แก่ Honda 500 Series, 650 Series และ Rebel 500 โชว์เทคโนโลยี DCT ระบบควบคุมคลัตช์อัตโนมัติ และระบบเปลี่ยนเกียร์ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของฮอนด้าที่มี อยู่ในรถรุ่นที่เรือธง อาทิ Africa Twin, NC750X, NM4, CTX700 และ GOLDWING พร้อมจัดโปรโมชั่นสุดพิ เศษในงาน Motor Expo 2017 (มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 34) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม 2560 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “สำหรับตลาดรถบิ๊กไบค์ ในประเทศไทยตลอด 10 เดือนที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 22% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 25,451คัน เป็นฮอนด้าทั้งสิ้น 10,997 คัน คิดเป็นสัดส่วนตลาดอยู่ที่ 43% ครองสัดส่วนตลาดอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง และสิ่งที่ให้ฮอนด้าบิ๊กไบค์ สามารถเป็นที่ 1 ในใจของผู้บริโภคได้นั่นคือ การที่ฮอนด้าให้ความสำคัญกับทุก User Touch Point หรือทุกประสบการณ์ที่ลูกค้าได้พบตั้งแต่ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ หลากหลายและสนองความสนุกและเร้าใจในการขับขี่ การมีคอมมูนิตี้และกิจกรรมการขับขี่ที่หลากรูปแบบ ตลอดจนการส่งมอบมาตรฐานบริการหลังการขายในระดับสูงด้วยมาตรฐาน 6S พร้อมการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายฮอนด้าบิ๊กวิงอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับกลุ่มผู้ใช้ที่ มากขึ้น จนปัจจุบันเรามีศูนย์ฮอนด้าบิ๊กวิง 20 แห่งทั่วประเทศ พิเศษในงาน Motor Expo 2017 ฮอนด้าได้จัดไฮไลท์รถบิ้กไบค์ที่ ได้รับความนิยมและมีกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องมาให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึง Riding Passion ของคนในยุคนี้ กับ Honda 500 Series ที่สุดแห่งความคุ้มค่าของรถบิ๊กไบค์ระดับ New Entry ที่มาพร้อมกับสีและลวดลายใหม่ อย่างรุ่น CBR500R, CB500F และ CB500X โฉบเฉี่ยวเร้าใจ เท่เต็มพิกัดที่สาวกไบค์เกอร์ตัวจริงไม่ควรพลาด นอกจากนี้ ฮอนด้า ยังมีบิ๊กเซอร์ไพรส์กับการ เปิดจอง Honda 650 Series สีใหม่ลายใหม่เป็นที่แรกของโลก ประกอบด้วยรุ่น CBR650F และCB650F ถือเป็นรถบิ๊กไบค์ 4 สูบสำหรับผู้ที่หลงใหลการขับขี่ ระดับโปร พร้อมเอาใจไบค์เกอร์สาย Custom Bobber ที่ passion ในการเป็นตัวเองให้ที่สุดกับ Honda Rebel 500 สีใหม่ และ Rebel Special Edition Midnight Blue สีน้ำเงินเข้มใหม่ เสริมความดุดันลึกลับน่าค้นหาด้วยรายละเอียดชิ้นส่วนโลหะอย่างลงตัว โดยมีจำหน่ายเพียง 200 คันในโลกเท่านั้น ซึ่งจะนำมาเปิดตัวให้ยลโฉมครั้งแรกในประเทศไทยที่งาน Motor Expo 2017 ด้วยเช่นกัน

สำหรับโปรโมชั่นพิเศษ แน่นอนว่า ฮอนด้า จัดมาให้ร้อนแรงเกินห้ามใจ รับรองว่าสาวกไบค์เกอร์ตัวจริงต้องถูกใจแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวน์เริ่มต้นที่ 10,500 บาท และอัตราดอกเบี้ยพิเศษรถ Domestic (ที่ผลิตในประเทศ) เริ่มต้นที่ 3.75% ผ่อนเริ่มต้นที่ 2,900 บาท และรถ Import (รถนำเข้า) อัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 3.29% ให้สามารถเป็นเจ้าของรถฮอนด้าบิ๊กไบค์ 14 รุ่นยอดนิยมได้ง่ายแค่เอื้อม พร้อมแถมฟรีกล้อง GoPro HERO4 รุ่น Silver มูลค่า 11,999 บาท ตลอดจนฟรีประกันภัยชั้น 1 ทะเบียน พ.ร.บ. และข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่าสูงสุด 255,000 บาท และพิเศษสุดเฉพาะผู้ที่จองรถ Honda CB150R ภายในงาน Moto Expo 2017 เท่านั้น รับโปรโมชั่นพร้อมราคาสุดพิเศษ รุ่น Standard มีสีแดงดำ, ดำ, เทา, เขียวดำ ราคาเงินสด พิเศษสุดเพียง 99,800 บาท ส่วนรุ่น ABS สีเทา, สีดำ ราคาเงินพิเศษเพียง 109,800 บาท รุ่น Street Cafeé (TH1) ราคาเงินสดพิเศษเพียง 135,200 บาท Scramble Cafeé (TH2) ราคาเงินสดพิเศษสุดเพียง 118,400บาท Moriwaki (TH3) ราคาเงินสด พิเศษเพียง 109,800 บาท พิเศษสุดจองเพียง 1,000 บาท ที่งาน Motor Expo เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พ.ย. 11 ธ.ค. 2017 สามารถรับรถได้ที่ร้านผู้จำหน่ายฮอนด้าที่มีไฟแนนซ์ที่ร่วมรายการเท่านั้น ซึ่งจะรับรถได้อย่างรวดเร็วทันใจภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2017 นี้

เอ.พี.ฮอนด้า เนรมิตศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย จัดแข่งทักษะไบค์เกอร์ในคอร์ส “จิมคาน่า”

บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้ริเริ่มการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในประเทศไทย พร้อมทั้งสนับสนุนและผลักดันร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในการทำกิจกรรมปลุกจิตสำนึกด้านการขับขี่ปลอดภัยและจัดทำแคมเปญรณรงค์ลดอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่ท้องถนนเมืองไทยไร้อุบัติเหตุ ได้จัดกิจกรรมฝึกทักษะขับขี่ปลอดภัยการควบคุมรถจับเวลาในชื่อการแข่งขันจิมคาน่า พร้อมเนรมิตศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า 4 แห่งทั่วประเทศ(กรุงเทพฯ-เชียงใหม่-ภูเก็ต-อุบลราชธานี) เป็นสนามแข่งขันจิมคาน่าที่สมบูรณ์แบบสำหรับไบค์เกอร์ทุกเพศทุกวัย ในงาน 1st Honda GYMKHANA SKILL CHALLENGE โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 รุ่น คือรุ่น Honda CB150R กับรุ่น Honda CB500F ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 1 แสนบาท ประเดิมสนามแรกที่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า กรุงเทพมหานคร ย่านรามคำแหง เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 17 ธันวาคม 2560

การแข่งขัน 1st Honda GYMKHANA SKILL CHALLENGE สนามที่1 ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากไบค์เกอร์ที่เข้าร่วมการแข่งขันผ่านทางเว็ปไซต์ของแผนกขับขี่ปลอดภัย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ในงานไม่เพียงทำให้มีสนามที่พร้อมสมบูรณ์แบบสำหรับการแข่งขันเท่านั้น ยังมีบรรยากาศที่สนุกสนานท่ามกลางซุ้มบูธผู้สนับสนุนมาร่วมจัดกิจกรรมสร้างสีสันให้การแข่งขันคึกคักยิ่งขึ้น อาทิ H2C, alpinestars, KUSHITANI, IDMITSU, IRC และ The PIZZA Company พร้อมทั้งลานทดสอบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าที่มีรถให้ลองบิดหลายรุ่น ตั้งแต่ Africa Twin, CRF250RALLY, CB500F และ CB150R การแข่งขันทักษะนักบิดในรูปแบบจิมคาน่านี้ เป็นเกมที่สร้างความท้าทายให้กับไบค์เกอร์ได้มาพิสูจน์ทักษะในการควบคุมรถที่ต้องมีทั้งความรวดเร็ว คล่องตัว ภายใต้กฎกติกาที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก คือ จะเฉี่ยวชนกรวยยางหรืออุปสรรคที่จัดวางเป็นเส้นทางขับขี่ไม่ได้ ห้ามเอาเท้าลงสัมผัสพื้นหรือหลุดจากพักเท้า หรือถ้ารถล้มก็จบการแข่งขันทันที ไบค์เกอร์คนไหนขับขี่โดยไม่มีข้อผิดพลาดและใช้เวลาน้อยที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะเลิศ ซึ่งแต่ละรุ่นมีรางวัลให้แก่ผู้ชนะ 5 รางวัล โดยผู้ชนะเลิศในรุ่น CB150R ได้รับโล่ห์รางวัลพร้อมเงินรางวัลถึง 10,000 บาท และผู้ที่ชนะเลิศในรุ่น CB500F ได้รับโล่ห์รางวัลพร้อมเงินรางวัล 15,000 บาท สำหรับการแข่งขัน Honda GYMKHANA SKILL CHALLENGE ครั้งที่1นี้ จะมีอีก 3 สนามให้ร่วมสนุกกัน ได้แก่ สนามที่2 – วันอาทิตย์ ที่ 24 ธ.ค. 2560 ที่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า Honda Safety Riding Park จังหวัดเชียงใหม่ สนามที่3 – วันอาทิตย์ ที่ 7 ม.ค. 2561 ที่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า Honda Safety Riding Park จังหวัดภูเก็ต สนามที่4 – วันอาทิตย์ ที่ 14 ม.ค. 2561 ที่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า Honda Safety Riding Center จ.อุบลราชธานี โดยผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน สามารถติดต่อสอบถามหรือติดตามภาพกิจกรรมที่ผ่านมาได้ที่เว็ปไซต์ https://www.facebook.com/hondasafetythailand

Honda BigWing จัด BigTrip ส่งท้ายปี ASIAN XPERIENCE THE PRIVILEGE สัมผัสมรดกโลก “ปราสาทหินวัดภู ปากเซ”

บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ในประเทศไทย เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับกิจกรรม ASIAN XPERIENCE THE PRIVILEGE สัมผัสมรดกโลก “ปราสาทหินวัดพู ปากเซ” ทริปการเดินทางสุดตื่นเต้นที่รวมเหล่าไบค์เกอร์มากกว่า 100 ชีวิต ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์กว่า 50 คัน ผ่านเส้นทางสายธรรมชาติและสัมผัสกับวัฒนธรรมที่สวยงามของสาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาว อาทิ ปราสาทหินวัดพู โบราณสถานที่เป็นมรดกโลกแห่งที่2ของประเทศลาวและถือว่าเป็นปราสาทหินที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศ ,  น้ำตกหลี่ผี น้ำตกที่ไหลตกลงมาด้วยกำลังแรง เกิดเป็นละอองสีขาว สวยงามตื่นตาแก่ผู้พบเห็น  โดยการเดินทางในทริปนี้มีจุดหมายอยู่ที่เมืองปากเซ ตอนใต้ของลาว ที่ถือว่าเป็นดินแดนอีกแห่งหนึ่งที่หลายคนอยากเข้าไปสัมผัส เส้นทางที่ขับผ่านทั้ง2ข้างทางเป็นการเปิดประสบการณ์การขับขี่ที่สัมผัสได้ถึงเรื่องราวที่เป็นวัฒนธรรมที่เก่าแก่และสถานที่ที่เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศลาวที่ยังรักษาไว้อย่างดีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทริปนี้ยังถือเป็นการต่อยอดจากกิจกรรมการขับขี่ท่องเที่ยวภายในประเทศและต่างประเทศที่มีอย่างต่อเนื่องให้กับลูกค้าฮอนด้าบิ๊กไบค์อีกด้วย

ทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จัดขึ้นในครั้งนี้ไบค์เกอร์ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์รวมระยะทางทั้งสิ้นมากกว่า 700 กิโลเมตร เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่วันที่ 9 – 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา สำหรับภาพบรรยากาศและรายละเอียดกิจกรรมในครั้งต่อไป สามารถติดตามได้ที่เว็ปไซต์ www.hondabigbike.com และ www.facebook.com/hondabigbikeTH

“เอ.พี.ฮอนด้า” จุดพลังฝันครั้งยิ่งใหญ่ “ความเท่ที่แท้จริง มาจากใจที่รู้จักให้” ชวนคนไทยร่วมบริจาคโลหิต ต่อเนื่องกว่า 14 ปี รวม 176 ล้านซีซี

บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด  ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับสภากาชาดไทยและโรงพยาบาลทั่วประเทศ พร้อมทั้งร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั้ง 77 จังหวัด จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 14 ปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2547 – 2560 โดยปัจจุบันมียอดโลหิตที่ได้รับการบริจาคสะสมแล้วกว่า 176 ล้านซีซี กิจกรรมบริจาคโลหิตเป็นหนึ่งในโครงการ เอ.พี.ฮอนด้า จุดพลังฝัน ชวนประชาชนชาวไทยร่วมจุดพลังฝันสู่การเป็น คนดี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักการให้ บริษัท ฯ จึงอาสาเป็นหน่วยงานที่จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต เพื่อส่งมอบโลหิตให้ได้ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศที่มีมากกว่า 1,000 สาขา ซึ่งจัดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 หรือกว่า 14 ปี ซึ่งคอนเซ็ปต์ในปี 2560 นี้คือ ความเท่ที่แท้จริง      มาจากใจที่รู้จักให้”  โดยได้รับเกียรติจาก ณอน บูรณะหิรัญ นักคิดและนักปรัชญารุ่นใหม่ มาร่วมเผยพลังความเท่ที่แท้จริงภายในงาน

ทั้งนี้ เอ.พี.ฮอนด้า จะจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตทั่วไทย ทั้งหมด 3 ครั้ง คือในเดือน ส.ค. 60, ธ.ค. 60 และ ช่วงเดือน มี.ค. 61 ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน “การให้ที่ยิ่งใหญ่” โดยการบริจาคโลหิต เพียง 1 ยูนิต สามารถช่วยชีวิตได้ถึง 3 ชีวิต  ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ฮอนด้าวิงเซ็นเตอร์ใกล้บ้านท่าน หรือที่คอลเซ็นเตอร์ 02-725-4000

 

“ฮอนด้า” สร้างโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่!!! ตั้งเป้าปั้นเด็กไทยสู่โมโตจีพี ภายในปี 2025

เอ.พี.ฮอนด้า ค่ายจักรยานยนต์เบอร์หนึ่งของไทย ผู้บุกเบิกวงการกีฬามอเตอร์สปอร์ตมาอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าเฟ้นเด็กไทยกว่า 100 คน คัดหาสุดยอดนักบิดวัยเยาว์เพียง 15 คน ที่ผ่านบททดสอบสุดโหด เพื่อเข้าโครงการยักษ์ใหญ่ “เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์” สานฝันสู่การเป็นนักบิดระดับโลก ขณะ มร.โยอิจิ มิซึทานิ ประธานกรรมการบริหาร ชี้ต้องมีหลักการพัฒนานักแข่งที่เป็นระบบ ประกาศตั้งเป้ามีนักแข่งไทยโลดแล่นในศึกโมโตจีพีภายในปี 2025

มร.โยอิจิ มิซึทานิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดถึงโครงการล่าฝันของเด็กไทยสู่เวทีโมโตจีพีว่า “เรากำลังพูดถึงการเฟ้นหาและการพัฒนานักแข่งไทยให้ก้าวสู่การแข่งขันระดับสูงสุดของโลก ซึ่งในการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” นักบิดจะมีอายุเฉลี่ยเพียง 26 ปี เท่านั้น ตอนนี้ “มาร์ค มาร์เกซ” แชมป์โลกจากฮอนด้า เพิ่งจะอายุเพียง 24 ปี ขณะที่นักบิดที่อายุน้อยที่สุดที่เข้าแข่งขันในโมโตจีพีคือ 21 ปี เมื่อดูจากอายุเฉลี่ยแล้วจะเห็นได้ว่าจุดสูงสุดของอาชีพนักแข่งรถมืออาชีพนั้นอายุไม่ได้สูงเลย”

“ฮอนด้า มีความตั้งใจที่จะปั้นนักแข่งโมโตจีพีชาวไทยให้ได้ภายในปี 2025 นั่นหมายว่าเราต้องเฟ้นหานักบิดอายุไม่เกิน 19 ปี และพัฒนาตัวเขาอย่างต่อเนื่องเพื่อการก้าวเข้าสู่โมโตจีพีในอีก 7 ปี ให้หลัง เขาจะมีอายุราว 26 ปี เมื่อโลกของความเป็นมืออาชีพมีความเข้มข้นเช่นนี้ เอ.พี.ฮอนด้า จึงได้ก่อตั้งโครงการ “เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์” ขึ้นมาเพื่อพัฒนานักแข่งที่จะเป็นอนาคตของประเทศไทยในการแข่งขันในสนามระดับโลกต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะพยายามเฟ้นหานักแข่งที่มีไหวพริบ มีพัฒนาการรวดเร็ว และสามารถสื่อสารถ่ายทอดให้ทีมช่างเข้าใจได้อย่างถูกต้อง เพื่อทำให้รถแสดงสมรรถนะได้ดีที่สุดตามที่นักแข่งต้องการ”

โครงการ เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์ หรือโปรเจกต์บิดล่าฝัน ปั้นนักบิดไทยสู่ศึกการแข่งขันรถจักรยานยนต์ระดับเวิล์ดกรังด์ปรีซ์ ก่อนต่อยอดสนับสนุนไปสู่รายการแข่งขันสูงสุด รุ่นโมโตจีพีในอนาคต จึงมีวัตถุประสงค์ในการเฟ้นหาดาวรุ่งดวงใหม่ อายุระหว่าง 9-14 ปี จำนวน 15 คน  เข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์มืออาชีพ เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยที่ใช้รถสูตร ฮอนด้า เอ็นเอสเอฟ100 (Honda NSF100) นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน ซึ่งผลิตและพัฒนาขึ้นมาเพื่อขับขี่ในสนามแข่งขันโดยเฉพาะเป็นรถสำหรับฝึกสอน

โดยตลอดช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ได้จัดการแข่งขันเพื่อคัดเลือกตัวเยาวชนจากทั่วประเทศ 93 คน ให้เหลือ 33 คน ซึ่งในวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคมนี้ จะเป็นการคัดตัวรอบสุดท้าย เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักแข่งเยาวชนไทยฝีมือดีเพียง 15 คน เข้าสู่โครงการ ผ่านการควบคุมและฝึกสอนโดย “โทรุ อูกาว่า” อดีตนักบิดญี่ปุ่นคนแรกที่คว้าแชมป์โมโตจีพี และแชมป์ ซูซูกะ เอ็นดูรานซ์ 8 ชั่วโมงถึง 5 สมัย รวมถึง “มาโกโตะ ทามาดะ” นักแข่งชาวญี่ปุ่นผู้มีประสบการณ์บนเวทีระดับโลกในศึกโมโตจีพี และหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีม เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ นอกจากนี้ยังมี  “ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์” นักบิดชาวไทยคนแรกที่เคยโลดแล่นในรายการโมตีจีพี รุ่นโมโตทู เป็นหนึ่งในทีมผู้ฝึกสอนและคัดเลือกตัวเยาวชนฝีมือดีทั่วประเทศด้วย เด็กไทยทั้ง 15 คนที่ผ่านการคัดเลือกคือตัวเต็งนักแข่งโมโตจีพีในอนาคต โดยหลังจบหลักสูตรจาก เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี่ ก้าวต่อไปคือโครงการ ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ และก้าวเข้าสู่การแข่งขันรายการคัดเลือกดาวรุ่งของทวีปเอเชียอย่าง “เอเชีย ทาเลนต์ คัพ” หลังจากนั้นนักแข่งที่ฉายแววโดดเด่น ก็จะได้รับการผลักดันให้ก้าวขึ้นสู่การแข่งขันระดับโลกในอนาคต เอ.พี.ฮอนด้า วางเส้นทางไว้เพื่อพัฒนานักแข่งด้วยความเป็นธรรมและโปร่งใส เพราะเราอยากก้าวไปสร้างความท้าทายในการแข่งขันระดับโลก ซึ่งแน่นอนว่าเยาวชนทั้ง 15 คนนี้จะถือเป็นนักบิดดาวรุ่งสายเลือดใหม่ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ที่มีการเปลี่ยนถ่ายกับนักบิดอาชีพในปัจจุบัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นวัฏจักรของวงการมอเตอร์สปอร์ต เพื่อสร้างความเติบโตของบุคลากรจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก แฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารและร่วมส่งแรงใจเชียร์เยาวชนไทย ได้ทางเว็บไซต์ http://www.aphondaracingthailand.com/

โซ่-อานนท์ สังวาลย์ ฮึดสู้หลังพลาดล้ม ก่อนบิดคันเร่ง R1 ยืนโพเดี้ยม ST1 รายการ R2M สนามสุดท้าย ผงาดครองแชมป์ประเทศไทย

โซ่-อานนท์ สังวาลย์ #3 นักบิดมาดแบดบอยสังกัด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM สวมหัวใจนักสู้ ฮึดเต็มเหนี่ยวหลังพลาดล้ม ลุกขึ้นมากระชากคันเร่งรถแข่ง YZF-R1 ทะยานเข้าเส้นชัยคว้าอันดับที่ 2 รุ่น Professional ST1 ในการแข่งขันรายการ R2M THAILAND SUPERBIKES CHAMPIONSHIP 2017 สนามที่ 5 เก็บคะแนนสะสมสูงสุด ผงาดคว้าแชมป์ประจำรายการได้สำเร็จ พร้อมครองบัลลังก์แชมป์ประเทศไทยศึก ALL THAILAND SUPERBIKES CHAMPIONSHIP 2017 ได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้น ณ สนามไทยแลนด์ เซอร์กิต นครชัยศรี จ.นครปฐม เมื่อเร็วๆ นี้