นักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ผงาดโพเดี้ยม ศึกชิงแชมป์ประเทศไทย

นักบิด YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM ผงาดโพเดี้ยม ศึกชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ R2M Thailand SuperBikes Championship 2018 สนามที่ 1 แบบสุดมันส์!!!

ซุป-อนุชา นาคเจริญศรี #10 นักบิดซุปตาร์สังกัดทีม YAMAHA RIDERS’ CLUB RACING TEAM กระชากคันเร่งรถแข่งยามาฮ่า YZF-R1 ไล่บี้ขับเคี่ยวกับอดีตนักแข่งโมโตทูแบบสุดมันส์ ก่อนทะยานเข้าเส้นชัยจบการแข่งขันพร้อมผงาดยืนโพเดี้ยมอันดับที่ 2 รุ่น R2M SuperBikes 1000 Professional SB1 ศึกชิงแชมป์ประเทศไทย FMSCT All Thailand SuperBikes Championship 2018 สนามที่ 1 ในรายการ R2M Thailand SuperBikes Championship 2018 สนามที่ 1 ส่วนทีมเมทสุดซ่าส์ โซ่-อานนท์ สังวาลย์ #3 ที่ขยับขึ้นมาแข่งรุ่นใหญ่เป็นปีแรกจบการแข่งขันในอันดับที่ 5นอกจากนี้นักบิดในสังกัด YAMAHA THAILAND RACING ที่ลงทำการแข่งขันในทีมที่ยามาฮ่าให้การสนับสนุน โดยในรุ่น R2M SuperBikes 1000 Professional ST1 ตี – อนุภาพ ซามูล #500 สามารถนำรถแข่ง YZF-R1 คว้าอันดับที่ 1 และ เบิร์ด-ประวัติ ญาณวุฒิ #95 จบอันดับที่ 2

และในรุ่น R2M SuperSports 600 Professional SS1 ต๋ง – พีระพงษ์ บุญเลิศ #55 และ ฟอง – คณาฑัต ใจมั่น #90 ก็สามารถบิดคันเร่งรถแข่ง YZF-R6 คว้าดับเบิ้ลโพเดี้ยมอันดับที่ 1 – 2 ตามลำดับ โดยการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้น ณ สนามไทยแลนด์ เซอร์กิต จ.นครปฐม เมื่อเร็วๆ นี้

RIDINGTest Leoncino

สิงโตแห่งป่าคอนกรีต ขย่มบังลังก์คลาสมิดเดิ้ลสุดคลาสสิค กับรูปลักษณ์ความสวยงามของ Leoncino ได้รับการออกแบบโดย Italian Benelli Design Center การออกแบบที่มีการผสมผสานกับแบบดั้งเดิม (Vintage Retro) พร้อมกับการปรับรูปลักษณ์ที่มีความทันสมัย ด้วยวัสดุที่ดีเยี่ยม บังโคลนด้านหน้ามีการออกแบบโดยประดับโลโก้สิงโตของ PESARO ที่ชาวเบเนลลี่ทุกคนภาคภูมิใจ เพื่อให้คุณร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ Benelli

รายละเอียดของ Benelli “Leoncino เป็นเครื่องยนต์ 2 สูบ ทรงพลังที่มีความทันสมัย ความจุกระบอกสูบ 499.6 ซีซี 4 จังหวะ 4 วาล์วต่อสูบ สร้างพละกำลังได้ถึง 48 แรงม้าที่ 8,500 รอบ/นาที ระบายความร้อนด้วยน้ำ, การจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด (BOSCH EFI) ระบบคลัทช์แบบไฮโดรลิค พร้อมกับระบบเกียร์ 6 สปีด ส่งแรงบิดที่ 45 NM ที่ 4,500 รอบ/นาที บิดได้สนุกในรอบต้นและกลางBenelli Leoncino ที่มุ่งเน้นการขับขี่บนท้องถนน คงความวินเทจด้วยเฟรมและสวิงอาร์มท่อเหล็กถัก พร้อมด้วยน้ำหนักที่เบาแต่มีความแข็งแรงและทนทาน มีระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังแบบปรับแรงซับ (Manual Pre-Load Adjustable) ด้วยโช้คอัพแบบอัพไซด์ดาวน์ (USD) ขนาด 50 มม. โช้คอัพหลังแบบโมโนโช้คที่ยึดด้านข้างแบบเยื้องศูนย์ซึ่งทำงานร่วมกับสวิงอาร์มแบบกลม วงล้อแม็กอลูมินัม หน้า/หลัง ขนาด 17 นิ้ว ยางหน้า 120/70-17 ยางหลัง 160/60-ZR17 ดิสก์เบรกคาลิเปอร์คู่ด้านหน้า จานขนาด 320 มม. ดิสก์หลัง 260 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว ทำให้คุณมั่นใจในทุกสถานการณ์ที่แตะเบรก พร้อมระบบ ABS ทั้งหน้า-หลัง และเทคโนโลยีที่ให้คุณเปิด/ปิด โหมด ABS โดยรวมน้ำหนักรถที่เบาเพียง 170 กก. (Dry Weight) Leoncino มีน้ำหนักเบากว่ารถจักรยานยนต์สไตล์สแคมเบอร์ (Scrambler) รุ่นอื่นๆ ในตลาดที่พิกัด 500cc. ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงความคล่องตัวและสนุกสนานในการบังคับรถ

นอกจากนี้ Leoncino ยังใช้เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ LED และโปรเจคเตอร์ทรงกลมผสมผสานความคลาสสิค แฮนด์บาร์กว้างควบคุมได้อย่างเบาแรง เบาะนั่งกว้างแบบตอนเดียว ถังน้ำมันจุอยู่ที่ 12.7 ลิตร เรียกได้ว่าเดินทางออกทริปกันได้สบายๆ จอแสดงผลแบบดิจิตอลอ่านง่ายครบครัน

ความคิดเห็นนักทดสอบ
มันคือมอเตอร์ไซค์ที่มาตอบโจทย์การขับขี่ในเมือง ไม่ว่าจะเป็นขนาดรูปทรงและความจุของเครื่องยนต์กำลังดี 500 ซีซี มีหลายจุดๆ ที่มีความโดดเด่น น่าสนใจ ในสไตล์วินเทจเรโทรการย้อนอดีตแต่มีการเพิ่มเทคโนโลยีความทันสมัยเข้าไปเพื่อตอบโจทย์การขับขี่ที่ดีขึ้น ในเรื่องของวัสดุและงานประกอบถือว่าทำได้ดี สำหรับฟีลลิ่งที่ได้ลองคร่อมลองขี่ครั้งแรกรู้สึกถึงความสบายของท่านั่ง ระดับความสูงที่ไม่มาก ด้วยการดีไซน์ในแบบ Scrembler และ Neked ผสมผสานกัน การควบคุมแฮนด์บาร์ที่กว้างและยกสูงขึ้นไม่ต้องก้มตัวทำให้รู้สึกไม่เมื่อยและเบาแรงในการโยกแฮนด์แต่ละครั้ง ประกอบกับน้ำหนักของตัวรถที่ไม่มากการพลิกเลี้ยวซอกแซกในการจราจรที่ค่อนข้างแออัดคล่องตัว ตำแหน่งการวางเท้าอยู่ที่จุดกึ่งกลางของตัวรถสามารถที่จะหนีบกับถังน้ำมันได้ง่าย จอแสดงผลแบบดิจิตอลอ่านได้ง่ายฃัดเจน สำหรับอัตราเร่งและสมรรถนะของเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซี มีความโดดเด่นมากในช่วงต้นและกลาง ได้อารมณ์ความมันแบบดิบๆ สไตล์เน็กเก็ด ออกตัวได้เร็ว การเร่งแซงหรือต้องการทำความเร็วสามารถกระแทกคันเร่งรอบเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างฉับไว ซุ่มเสียงเครื่องยนต์หนักแน่นจะแผดดังเมื่อ 6,000 รอบ ขึ้นไป ระบบช่วงล่างโช้คอัพหน้าหัวกลับแกนขนาดใหญ่ซับแรงสะเทือนได้แตกต่างจากเทเลสโคปิค รู้สึกได้ถึงความมั่นคงทุกครั้งที่ผ่านทางขรุขระหรือเข้าโค้งหนักๆ ดิสก์เบรกหน้าจานขนาดใหญ่สั่งงานได้รวดเร็วและมีระยะที่สั้นรวมไปถึงระบบ ABS ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้เยอะมากเมื่อขับขี่ในการจราจรที่ติดขัดในรถระดับมิดเดิ้ลคลาสสไตล์นี้ต้องบอกยังไม่มี รูปทรงสวยงาม ออพชั่นเสริมให้มาครบเมื่อเราเทียบกับราคาค่าตัวถือว่าคุ้มค่า น่าจะเหมาะสำหรับไบค์เกอร์ที่ชอบความคลาสสิคที่มีกลิ่นอายของยุโรป ที่สามารถขับขี่ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะขี่ไปทำงานหรือ ออกทริปท่องเที่ยว

ซูซูกิ ตอบรับเปลี่ยนไฟท้ายรถจักรยานยนต์ฟรีทั่วประเทศ

บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ “ซูซูกิ” ร่วมโครงการ “กรุงศรี ออโต้ LET’sponsible ไฟท้ายดับ ชีวิตดับ” โดย บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลิส จำกัด (มหาชน) มุ่งเน้นเป็นส่วนหนึ่งที่รับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการรณรงค์ให้ผู้ขับขี่ตรวจสอบความพร้อมของรถจักรยานยนต์ก่อนการขับขี่โดยเฉพาะ “ไฟท้าย” ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งประเทศไทยมีสถิตการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในปี 2558  เป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย  และเป็นอันดับที่ 2 ของโลก และจากรายงานในปี 2559 มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเกือบ 3,000 คน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก

ทั้งนี้จึงได้จัดทำโครงการ “เปลี่ยนไฟท้าย” โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้นำรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก (ไม่เกิน 150 cc) เข้ามาตรวจสภาพและเปลี่ยนไฟท้ายที่ศูนย์บริการ และผู้แทนจำหน่ายของซูซูกิ ที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 พฤษภาคม 2561 ซึ่งมุ่งหวังเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่และลดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่จะเกิดขึ้น

โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่สานธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลิส จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน และได้รับเกียรติจาก คุณกฤติยา ศรีสนิท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลิส จำกัด (มหาชน) รับมอบช่อดอกไม้, ป้ายสนับสนุนโครงการ และร่วมเปิดไฟในพิธีเปิด จาก คุณสมชาย ศรีสุวรรรณ ผู้จัดการส่วนบริการ บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด เมื่อวันอังคารที่ 24 เมษายน 2561 ณ ห้อง เพรสซิเด็นท์ 1-2 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

 

New Honda CB300R Neo Sport Cafe’

รถจักรยานยนต์ที่ถูกคิดค้นขึ้นด้วยจิตวิญญาณคราฟต์จากญี่ปุ่น และผสมผสานเทคโนโลยีสปอร์ตที่ล้ำหน้า ภายใต้แนวคิด “Japan Crafted คราฟต์ให้สุด เพื่อความเท่…เร้าใจ” มาพร้อมกับเอกลักษณ์ใหม่ในแบบฉบับของ NEO SPORTS CAFÉE หรือ N.S.C คืออะไร เป็นคอนเซ็ปต์จากทางฮอนด้ามีขึ้นในงาน Tokyo Motor Show ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการดีไซน์และผสมผสานระหว่างความสนุกสนานเร้าใจของเครื่องยนต์แบบสปอร์ตยุคใหม่ และความคลาสสิคของแนวคาเฟ่เรเซอร์เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและความโดดเด่นซึ่งทางฮอนด้าเองพยายามที่จะสรรหาสิ่งที่ตอบสนองการขับขี่ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

คงความคลาสสิกแต่แฝงด้วยความมันสมัยในยุคดิจิตอล สำหรับตัวเฟรมรถนั้นเป็นแบบ Inner Pivot Type Diamond Frame ซึ่งจะให้รับในเรื่องบาล้านซ์ของรถให้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไฟหน้า LED ทรงกลม โช้คหัวกลับขนาดใหญ่ 41 มม. ของ SHOWA ที่ให้สมรรถนะระดับรถบิ๊กไบค์ แฮนด์ FATBAR ขนาดใหญ่เสริมความแข็งแกร่ง ในส่วนหน้าจอการแสดงผลนั้นจะเป็นแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ โดยจะมีไฟชิฟท์ไลท์ (ที่เอาไว้ช่วยเตือนในการเปลี่ยนเกียร์ เมื่อรอบถึงที่กำหนดไว้), ตัววัดความร้อน และรายละเอียดในการวัดค่าต่างๆ ในขณะที่ตัวถังน้ำมันนั้นจุมาให้อยู่ที่ 10 ลิตร ดิสก์เบรกขนาด 296 มม. และคาลิเปอร์ แบบ เรเดียลเม้าท์ 4 พอร์ท พร้อมระบบ ABS G-Sensor มั่นใจในการเบรกทุกช่วงความเร็ว มีความสมดุลย์ระหว่างล้อหน้าและล้อหลังมากที่สุด โช้คหลังโมโนโช้คปรับได้ 7 ระดับ รองรับทุกสภาพการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือทัวร์ริ่ง

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด PGM-FI ขนาด 300 ซีซี สูบเดี่ยว ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-Fi ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด ให้แรงม้ามาสูงสุดที่ 31 ตัว และทอร์คสูงสุดที่ 27 นิวตันเมตร ในขณะที่น้ำหนักตัวของมันนั้นอยู่ที่เพียง 143 กก. เท่านั้น (แบบรวมของเหลวทุกอย่างแล้ว) จึงถือว่ามันเป็นรถที่มีความคล่องตัวสูงเอามากๆ แม้ว่ามันจะมาในพิกัด 300cc ก็ตาม ทำให้การขับขี่ครั้งแรกในเมืองนั้นก็ทำความคุ้นเคยกันได้ไม่ยาก มาพร้อมกับท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ออกแบบอย่างโดดเด่นและลงตัว ให้เสียงที่ทรงพลังและดุดันแบบสปอร์ต การ์ดกันแคร้งด้านล่างดีไซน์ลงตัว วงล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางเรเดียลขนาดบิ๊กไบค์ หน้า 110/80-17 หลัง 150/60-17 แฮนด์บาร์อลูมิเนียมด้านหน้าที่ยกสูงขึ้นมา และกว้างออกด้านข้างเพื่อให้ควบคุมรถสำหรับการวิ่งอย่างต่อเนื่องได้อย่างง่ายๆ และท่านั่งที่ขาเราสามารถหนีบถังน้ำมันที่ตัวรถนั้นออกแบบมาให้รองรับในจุดนี้เป็นอย่างดี ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับ CBR300R, CB300F และ Rebel 300 นั่นเอง

และห้ามพลาดเด็ดขาดกับ CBR300R คันนี้ ทางทีมงานไรดิ้งวางโปรเจคสำหรับการตกแต่งคัสตอมเพื่อเป็นแนวทางโดยเลือกใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ที่หาได้ร้านอะไหล่ทั่วไป และสามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งแนวทางการตกแต่งจะเป็นอย่างไร ไว้ติดตามในฉบับหน้า

2018 Kawasaki KX85

“big bike in a small package” บทสรุปสั้นๆ สำหรับ KX85 โมเดลล่าสุด ที่ Kawasaki พัฒนาออกมาให้เป็นรถโมโตครอสสำหรับนักบิดระดับเยาวชนที่มีทักษะสำหรับการลงแข่งขัน ด้วยสมรรถนะและศักยภาพที่ได้รับการถ่ายทอดและโนว์ฮาวจากข้อมูลของทีมแข่งแฟคทอรี่

 

ด้วยพื้นฐานเครื่องยนต์แบบสองจังหวะ สูบเดียว ขนาด 85 ซีซี ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะจากประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของระบบ Advance KIPS powervalve system ช่วยให้ได้รับการส่งผ่านกำลังออกมาใช้ได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพในทุกรอบการทำงานของเครื่องยนต์ นี่คือรถโมโตครอสขนาดกลางที่ต่อยอดขึ้นมาจาก KX65 เพื่อรองรับศักยภาพของนักแข่งที่มีทักษะที่เพิ่มขึ้น ด้วยรถแข่งที่เปี่ยมสมรรถนะแต่ได้ย่อส่วนลงมาในบอดี้ของ KX85 ซึ่งมีสเปคของตัวรถดังนี้

ENGINE
Displacement 84cc
Type 2-stroke, Single with KIPS
Bore and stroke 48.5 x 45.8 mm
Cooling Liquid
Compression ratio 10.9 (low speed),
9.0 (high speed)
Fuel system Keihin PWK28 carburetor
Ignition Digital-CDI
Lubrication Petrol mix (32:1),
2-stroke racing oil
Induction 2-petal carbon-fibre
piston reed valve
BRAKES
Front: type Single 220 mm disc
Front: calipers Single-piston caliper
Rear: type Single 184 mm disc
Rear: calipers Single-piston caliper

DIMENSIONS
Overall length 1,830 mm (71.7 in.)
Overall width 765 mm (28.9 in.)
Overall height 1,100 mm (41.5 in.)
Wheelbase 1,265 mm (49.4 in.)
Ground clearance 290 mm (11.4 in.)
Seat height 830 mm (33.1 in.)
Curb mass** 75 kg (152.1 lbs)
Fuel capacity 5 litres (1.2 gal.)
DRIVETRAIN
Transmission 6-speed, constant mesh, return shift
Final drive Chain
Primary reduction ratio 3.400 (68/20)
Gear ratio: 1st 2.538 (33/13)
Gear ratio: 2nd 1.875 (30/16)
Gear ratio: 3rd 1.500 (27/18)
Gear ratio: 4th 1.250 (25/20)
Gear ratio: 5th 1.090 (24/22)
Gear ratio: 6th 0.956 (22/23)
Final reduction ratio 3.571 (50/14)
Clutch Wet multi-disc
FRAME
Type Tubular semi-double cradle,
high tensile steel
Wheel travel: front 275 mm (10.8 in.)
Tire: front 70/100-17
Wheel travel: rear 275 mm (10.8 in.)
Tire: rear 90/100-14
Caster (rake) 29°
Trail 97 mm (3.5 in.)
Steering angle (left/right) 45° / 45°
SUSPENSION
Suspension, front 36 mm inverted telescopic cartridge fork with 20-way compression damping
Suspension, rear Uni-Trak single-shock system with 24-way compression and 21-way rebound damping, plus adjustable spring preload

นอกจากการเปิดตัว KX85 ซึ่งปิดท้ายสายไลน์อัพรถแข่ง โมโตครอส โมเดลปีล่าสุดนี้แล้ว ทางไรดิ้งแมกกาซีนเราได้ถือโอกาสนำภาพ การเปิดตัวทีมแข่งแฟคทอรี่ ในรายการ 2018 MXGP มาฝากกันในโอกาสนี้ด้วย ซึ่งในปีนี้ ทีม Monster Energy Kawasaki Racing Team ได้เปิดตัวทีมแข่งและรถแข่งอย่าง KX450-SR ที่จะมี Clement Desalle (25) กับทีมเมทคนใหม่ คือ Julien Lieber(33) ที่จะร่วมชิงชัยใน 2018 MXGP World Championship โดยรถแข่งทั้งสองคันได้รับการปรับแต่งเพิ่มเติมจากพื้นฐานของรถแข่ง KX450F ที่มีจำหน่ายทั่วไป โดยทีมแข่งแฟคทอรี่

“QBIX DAY – วันรวมพลคนรักคิวบิกซ์”

“QBIX DAY – วันรวมพลคนรักคิวบิกซ์” กิจกรรมไลฟ์สไตล์สำหรับคนวัยมันส์ยุคดิจิตอล!!! อลังการสุดขีด!!! กับกองทัพรถแต่งคิวบิกซ์ขั้นเทพ และกิจกรรมสุดมันส์ พร้อมร่วมมีทแอนด์กรี๊ด ต่อ ธนภพ, เจเจ กฤษณภูมิ และ เติร์ด ลภัส และหนุ่มๆ จากโปรเจ็ค 9×9

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำดิจิตอลไลฟ์สไตล์พร้อมเอาใจสาวกยามาฮ่าคิวบิกซ์อีกครั้ง ด้วยการจัดกิจกรรม “QBIX DAY – วันรวมพลคนรักคิวบิกซ์” ซึ่งได้ยกกองทัพรถแต่ง “ยามาฮ่าคิวบิกซ์” ที่ร่วมประชันในการประกวด “YAMAHA CUSTOM MADE BATTLE 2018” สุดยอดรถแต่งจากไอเดียของ 14 เนทไอดอล บวกฝีมือจากสำนักแต่งขั้นเทพ 14 ร้าน และร่วมลุ้นไปกับการตัดสินรอบชิงชนะเลิศของ “QBIX T-SHIRT DESIGN CONTEST” การประกวดออกแบบเสื้อยืด ภายใต้แนวความคิด Digital Life : DigitalMatic เจเนอเรชั่นใหม่ สไตล์ดิจิตอล จากฝีมือนักศึกษามหาวิทยาลัย พร้อมมีทแอนด์กรี๊ดกับพรีเซ็นเตอร์ยามาฮ่าคิวบิกซ์คนใหม่ล่าสุด ต่อ ธนภพ, เจเจ กฤษณภูมิ, เติร์ด ลภัส พร้อมหนุ่มๆ จากโปรเจ็ค 9×9 ส่งท้ายงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 39 ณ บูธ Yamaha Rev Pavilion อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี

นางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสฝ่ายการตลาด กลุ่มรถออโตเมติก และตราสินค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงกิจกรรม “QBIX DAY – วันรวมพลคนรักคิวบิกซ์” ว่า “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณลูกค้ายามาฮ่าคิวบิกซ์ทุกท่านที่ได้ให้การสนับสนุนในทุกๆ กิจกรรมของคิวบิกซ์เป็นอย่างดี และเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านดิจิตอลไลฟ์ไสต์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ยามาฮ่าจึงได้จัดงาน “QBIX DAY – วันรวมพลคนรักคิวบิกซ์” ให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม YAMAHA CUSTOM MADE BATTLE 2018 ที่รวมพลรถแต่งจากไอเดียของเนทไอดอล 14 คน มาบวกกับฝีมือแต่งรถจากสำนักแต่งขั้นเทพทั้ง 14 ร้าน ซึ่งลูกค้าสามารถร่วมโหวตรถที่โดนใจ เพื่อชิงรางวัลยามาฮ่า คิวบิกซ์ 1 คัน มูลค่า 53,500 บาท ร่วมถึงยอดไลค์สูงสุดเพื่อชิงเงินรางวัล 5,000 บาท และของรางวัลอีกมากมาย นอกจากนี้ยังร่วมชมการตัดสินการประกวดออกแบบเสื้อ T-SHIRT รอบชิงชนะเลิศของ “QBIX T-SHIRT DESIGN CONTEST” และเลือกซื้อเสื้อยืดซึ่งออกแบบโดยนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศไทยทั้ง 5 ทีม และพิเศษสุดสำหรับลูกค้ายามาฮ่าคิวบิกซ์ยังจะได้พบกับพรีเซ็นเตอร์ยามาฮ่าคิวบิกซ์คนใหม่ล่าสุด ต่อ ธนภพ, เจเจ กฤษณภูมิ และ เติร์ด ลภัส ที่มาร่วมมีทแอนด์กรี๊ด พร้อมกับหนุ่มๆ จากโปรเจ็ค 9×9 ใกล้อย่างกันชิด ซึ่งทั้งหมดนี้ยามาฮ่าจัดขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณและคืนกำไรให้กับลูกค้ายามาฮ่าคิวบิกซ์โดยเฉพาะ” สำหรับในงาน “QBIX DAY – วันรวมพลคนรักคิวบิกซ์” นั้น ประกอบได้ด้วยกิจกรรมต่างๆ อย่างมากมายดังต่อไปนี้…

  • กิจกรรม YAMAHA CUSTOM MADE BATTLE 2018 เทศกาลประกวดรถแต่งคิวบิกซ์สุดยิ่งใหญ่ ที่ได้ไอเดียการแต่งจาก 14 เนทไอดอล บวกกับฝีมือการแต่งขั้นเทพจากสำนักแต่ง 14 ร้าน ร่วมโหวตรถคิวบิกซ์โดนใจที่สุด ชิงยามาฮ่าคิวบิกซ์ 1 คัน มูลค่า 53,500 บาท ร่วมกดไลค์สูงสุด ชิงเงินรางวัล 5,000 บาท (โดยยามาฮ่าได้เปิดโหวตและกดไลค์ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2561 ทาง www.yamaha-motor.co.th/qbix-custom-made-battle2018 และประกาศผลผู้โชคดีที่ร่วมโหวต และกดไลค์สูงสุด วันที่ 12 เมษายน 2561 ทาง www.yamaha-motor.co.th)
  • การตัดสินรอบชิงชนะเลิศของ QBIX T-SHIRT DESIGN CONTEST การประกวดออกแบบเสื้อยืด ภายใต้แนวความคิด Digital Life : DigitalMatic เจเนอเรชั่นใหม่ สไตล์ดิจิตอล ซึ่งคัดเลือกมาจาก 200 กว่าผลงาน โดยกูรูด้านแฟชั่น และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ จากฝีมือนักศึกษา 5 ทีม ที่ผ่านร่วมเข้ามาชิงเงินรางวัลกว่า 100,000 บาท พร้อมโอกาสในการถ่ายแฟชั่นในนิตยสาร a day ได้แก่

– ทีม After Shock จากมหาวิทยาลัยรังสิต

– ทีม 987 จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร

– ทีม AD Rookies จากมหาวิทยาลัยรังสิต

– ทีม PTS จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

– ทีม Xerox จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น

โดยทีมที่ชนะเลิศการประกวดออกแบบเสื้อยืดในกิจกกรรม QBIX T-SHIRT DESIGN CONTEST คือ ทีม PTS จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

  • กิจกรรมมีทแอนด์กรี๊ดกับ ต่อ ธนภพ, เจเจ กฤษณภูมิ, เติร์ด ลภัส พรีเซ็นเตอร์ยามาฮ่าคิวบิกซ์คนใหม่ล่าสุด และหนุ่มๆ จากโปรเจ็ค 9×9 เจมส์ ธีรดนย์, กัปตัน ชลธร, ปอร์เช่ ศิวกร, แจ็คกี้ จักริน และ ไอซ์ พาริส พร้อมร่วมลุ้นว่า ยามาฮ่าคิวบิกซ์ จากไอเดียการแต่งจาก 14 เนทไอดอล โดยผลการประกวดประเภท Qool Boy ได้แก่ QBIX จากสำนักแต่ง Murazaki และประเภท Qute Girl ได้แก่ QBIX จากสำนักแต่ง รวมเจริญอะไหล่ (RJ) และรางวัล Popular Vote ได้แก่ นายทยากร จันทร์หอม (ท๊อฟ) และ นางสาวชุติกาญจน์ เหิรอดิศัย (สมาย)

 

​สำหรับกิจกรรม “QBIX DAY – วันรวมพลคนรักคิวบิกซ์” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากสาวกยามาฮ่าคิวบิกซ์ และผู้ที่เดินทางเข้าชมบูธ Yamaha Rev Pavilion ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 เป็นอย่างมาก ทำงานบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยสีสัน ความสนุกสนาน และคึกคักแบบขีดสุด สมกับไลฟ์สไตล์ของคนวัยมันส์ดิจิตอล ตอกย้ำความเป็นผู้นำดิจิตอลไลฟ์สไตล์ให้กับยามาฮ่าได้อย่างแท้จริง!!!

2018 Yamaha YZ65

คงต้องบอกว่าในปี 2018 นี้ Yamaha เปิดเกมด้วยการส่งรถในกลุ่มออฟโรดเกือบจะครบไลน์มากที่สุดในรอบหลายปี หลังจาก ส่ง PW และ TT-R สำหรับรถในกลุ่ม kid ‘s bikes ออกมาก็ได้ส่ง “All New” YZ65 ออกมา เพื่อรองรับนักแข่งเยาวชนเพื่อที่จะใช้ในการ”เทิร์นโปร”ขึ้นไปอีกเลเวล “ everyone can start out like a Pro rider” ที่สื่อความหมายง่ายๆว่า ด้วย YZ65 นี่เองที่จะทำให้นักแข่งเด็กๆสามารถจะเริ่มต้นได้แบบนักแข่งในระดับโปร นั่นเอง

เครื่องยนต์ 2 จังหวะ ขนาด 65 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ “พัฒนามาใหม่” แต่ก็ยังคงใช้พื้นฐานรถแข่งด้วยแคร้งเคสระบบ reed valve system และ Digital CDI system แน่นอนว่าระบบวาล์วอันขึ้นชื่อของ Yamaha ที่รู้จักกันดี อย่าง Yamaha Power Valve System หรือ YPVS ได้ถูกนำมาใช้กับ YZ65 เพื่อให้มีกำลังที่ยอดเยี่ยมในช่วงรอบการทำงาน ต่ำถึงกลาง พร้อมระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ที่ถือได้ว่าเป็นขุมพลังที่เพียงพอสำหรับนักแข่งในระดับเยาวชนที่จะสามารถเค้นสมรรถนะสูงสุดได้ภายใต้ คำจำกัดความ Smooth , Powerful , Easy หรือ นุ่มนวล เปี่ยมพลังและง่ายในการควบคุม นอกจากเครื่องยนต์ใหม่แล้ว YZ65 ยังมาพร้อมกับ “All New” Semi Double Cradle Frame ที่เมนเฟรมใหม่มาพร้อมกับซับเฟรมอลูมินัม และ สวิงอาร์มอลูมินัม ที่มีน้ำหนักเบา และแกร่ง ซึ่งได้ติดตั้งวงล้อสำหรับยางหน้าขนาด 60/100-14 กับยางหลังขนาด 80/100-12 โดยที่ระบบกันสะเทือนเป็นของ KYB ทั้งหน้าและหลัง อีกทั้งยังมีชุดคิทพิเศษจาก GYTR ไว้รองรับอีกด้วย

ซึ่งข้อมูลพื้นฐานของตัวรถมีรายละเอียดดังนี้

YZ65
Engine Type Liquid-cooled,
2-stroke, reed valve with YPVS
Displacement 65cc
Bore x stroke 43.5mm x 43.6mm
Compression ratio 8.1 : 1
Maximum horse power –
Maximum torque –
Starting system type Kick starter
Lubrication system Premix
Clutch type Wet, Multiple-disc coil spring
Fuel system Keihin PWK28
Ignition system Digital CDI
Transmission system 6-speed
Final transmission system Chain
Front suspension Telescopic forks, Ø 36 mm
Front wheel travel 215mm
Rear suspension Adjustable pre-load and rebound damping, Monocross
Rear wheel travel 270mm
Caster angle 26,25º
Trail 63,5mm
Front brake Hydraulic single disc, Ø 198 mm
Rear brake Hydraulic single disc, Ø 190 mm
Front tyre 60/100-14 Maxxis® Maxxcross SI®
Rear tyre 80/100-12 Maxxis® Maxxcross SI®
Overall length 1,615mm
Overall width 760mm
Overall height 1,000mm
Seat height 755mm
Wheelbase 1,140mm

 

ยามาฮ่าประกาศผลผู้ชนะ Yamaha QBIX T-Shirt Design Contest พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท

นางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก และแบรนด์ดิ้ง บริหารลูกค้าสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์ และสื่อดิจิทัล บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด มอบเงินรางวัลชนะเลิศจำนวน 50,000 บาท ให้กับ ทีม PTS จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในการออกแบบเสื้อทีเชิ้ต จากโครงการ YAMAHA QBIX T-Shirt Design Contest ที่จุดประกายนักศึกษายุคดิจิตอลไลฟ์ ในการประชันไอเดียออกแบบเสื้อทีเชิ้ต โดยโครงการนี้ยามาฮ่าร่วมมือกับนิตยสาร a day และมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งมีผลงานจากนิสิต และนักศึกษาส่งเข้าประกวดมากกว่า 200 ผลงาน พร้อมเข้าร่วมเวิร์คช๊อปกับกูรูด้านแฟชั่นของประเทศไทย ทั้งนี้ผลงานของทีม PTS จะถูกนำไปถ่ายแฟชั่นเซตลงในนิตยสาร a day ต่อไป โดยการประกาศผลการประกวดในครั้งนี้มีขึ้นที่ บูธ Yamaha Rev Pavilion ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เมื่อเร็วๆ นี้

 

2018 Benelli Leoncino 500 Trail

Benelli ส่งรถรุ่น Leoncino Trail ซึ่งจัดอยู่ในประเภท “all terrain” ที่พร้อมลุยในทุกสภาพพื้นผิว ซึ่งเป็นรถ twin cylinder อีกหนึ่งเวอร์ชั่นจาก House of Pesaro ที่ปรับปรุงเสริมแต่งให้มีความเป็นสปอร์ต
มีความปราดเปรียวคล่องแคล่ว เพื่อให้สามารถตอบสนองการขับขี่ “เพื่อความสนุกสนาน” ได้ครบอรรถรส ในทุกสภาพการขับขี่

ซึ่งได้แชร์เครื่องยนต์กับรถในกลุ่มสตรีทไบค์ขนาด 500 ซีซี สี่จังหวะ สองสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่มีกำลังเครื่องยนต์ระดับ 48 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด ขนาด 46 นิวตันเมตร หรือ 4.6 kgm ที่ 6000 รอบต่อนาที โดย Leoncino Trail มาพร้อมด้วยยางแบบ knobby tyres กับวงล้ออลูมินัม ขนาด 19 นิ้ว ในส่วนของล้อหน้า และล้อหลังขนาด 17 นิ้ว โดยใช้ยางขนาด 110/80-R19 กับ 150/70-R17 ที่การันตีว่าพร้อมรองรับการขับขี่ในทุกๆสภาพพื้นผิวถนน

 

 

2018 HRC WORKBIKES CRF450RW-CRF250RW

ทีมแข่ง HRC เดินหน้าเตรียมความพร้อมสำหรับ 2018 MXGP ที่กำลังจะมาถึง ด้วยการเปลี่ยนไลน์นักแข่งในทีมใหม่สำหรับ รุ่น MXGP และ MX2 ซึ่งจะเหลือนักแข่งเก่าดีกรีแชมป์โลกสองสมัยอย่าง Tim Gajser(243) ที่จะนำทัพ CRF450RW ลงชิงชัย

โดยจะมีทีมเมทคนใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามาคือ Brian Bogers(5) และในฤดูกาล 2018 นี้ก็จะนักแข่งอย่างเป็นทางการในรุ่น MX2 ที่จะนำ CRF250RW ลงชิงชัยก็คือ Calvin Vlaanderen (10) ดังนั้น รถแข่งทั้งสามคัน จึงถือว่าเป็น Workbikes พันธ์ุแท้ที่พัฒนาภายใต้การดูแลของทีมวิศวะกรของ HRC โดยตรงซึ่ง Honda ส่งทีมลงแข่งในนาม Team HRC อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2014 ในรายการโมโตครอสชิงแชมป์โลก แม้จะเป็นพื้นฐานจากรถโมโตครอสรหัส CR-F ที่ผลิตออกมาจำหน่ายทั่วไป แต่ด้วยการดูแลของ HRC จึงอาจกล่าวได้ว่า นี่คือ CRF ที่เบาที่สุดและแรงที่สุดในโลก ด้วยชิ้นส่วนพิเศษที่เรียกว่า custom performance part รวมทั้งชิ้นส่วนจากวัสดุ titanium และที่สำคัญคือ ฝาสูบพิเศษ factory spec cylinder head และ camshaft รวมทั้งยังใช้ชุดท่อไอเสีย custom US-Yoshimura exhausts ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กน้อยที่เปิดเผยถึงชิ้นส่วนพิเศษ ในขณะที่ข้อมูลพื้นฐานของ ทั้ง CRF250RW และ CRF450RW

 

มีสเปคที่เปิดเผยได้เบื้องต้นดังนี้

CRF450RW : Machine Specs
Engine Liquid-cooled 4-stroke 4-valve OHC single
Displacement 449.7cm
Bore x Stroke 96.0 x 62.1
Max Power Restricted Information
Transmission 5-speed
Fuel System Fuel Injection
Ignition Factory Honda
Exhaust & Air filter US Yoshimura / Twin Air
Spark Plugs NGK
Clutch Hinson
Final Drive (Chain) D.I.D 520 ERT2
Suspension Showa Factory
Wheels & Tyres D.I.D Dirt Star/Pirelli
Brakes Factory Nissin
Fuel Capacity Restricted Information

CRF250RW : Machine Specs
Engine Liquid-cooled 4-stroke 4-valve OHC single
Displacement 249.4cm3 / 15.21 cu-in
Bore x Stroke 76.8mm x 53.8mm
Max Power Restricted Information
Transmission 5-speed
Fuel System Fuel Injection
Ignition Factory Honda
Exhaust & Air filter US Yoshimura / Twin Air
Spark Plugs NGK
Clutch Hinson
Final Drive (Chain) D.I.D 520 ERT2
Suspension Showa Factory
Wheels & Tyres D.I.D Dirt Star/Dunlop
Brakes Factory Nissin
Fuel Capacity Restricted Information

CB150R ByRJ

สำหรับสังคมของคนชอบความโดดเด่นและแปลกตาในสไตล์ที่ไม่เหมือนใครกับไอเดียการเสริมเติมแต่งด้วยอุปกรณ์เพิ่มความสวยงามกับรถจักรยานยนต์ที่มีอยู่หลากหลายรุ่น ยิ่งทำให้สำนักแต่งได้โชว์ศักยภาพในการนำเสนอความสวยงามและต่อยอดไปยังการจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งมากมาย

กับความฮอตของรถสไตล์ใหม่ Modern Cafée จากค่ายปีกนกที่ CB150R นอกจากจะได้เทคโนโลยีความสวยงามของรถบิ๊กไบค์มาเสริมแล้ว แต่ถ้าจะให้มันเด่นกว่าเดิมก็ต้องเพิ่มเติมลวดลายสีสันบนถังน้ำมันโดยใช้พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสีขาวคาดด้วยสีแดง และดำ ตัวเมนเฟรมสีแดงแก้วดูสว่างสะดุดตา และเสริมด้วยการ์ดกันแคร้งด้านล่างสีเรียบๆ ส่วนออพชั่นหรืออุปกรณ์แต่งที่นำเข้ามาตกแต่งก็ให้ความสวยงาม ชุดปั๊มแรงดันดิสก์เบรกและปั๊มคลัทช์แบบตู้ปลาทรงกลมของ RCB แฮนด์เดิ้ลบาร์อลูมินัมติดกระจกที่ปลายพร้อมตัวครอบตุ๊กตา วินชิลด์หน้ากันลม เบาะนั่งครอบท้ายสไตล์คาเฟ่ และป้ายทะเบียนสั้น ปีกข้างหม้อน้ำเน้นความดุดันสีดำด้าน โช้คอัพหน้า USD แกน 41 มม. ขนาดเท่ากับบิ๊กไบค์ในรถไซส์เล็ก ตำแหน่งที่พักเท้าแบบเกียร์โยงเป็นชุดอลูมินัมระบบดิสก์เบรกหน้าจานเดี่ยวขอบหยัก คาลิเปอร์ 4 พอร์ท เรเดียลเม้าท์ Nissin ต่อเชื่อมกับสายถักสแตนเลสหัว 90 องศา วงล็อแม็กขนาด 17 นิ้ว ดิสก์เบรกหลังเดี่ยวคาลิเปอร์ ลูกสูบเดี่ยว โช้คอัพหลังเดี่ยวแบบมีซับแท้งค์แยกฝาครอบแคร้งทั้งสองข้างติดกันล้มด้านข้างและที่ตัวเฟรม พร้อมกับเพิ่มสมรรถนะความเร้าใจของการขับขี่ของเครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี ให้สนุกมากยิ่งขึ้นด้วยกรองเปลือยและท่อไอเสียสแตนเลสปลายแบบสปอร์ต EVO Racing

เป็นอีกหนึ่งสไตล์การตกแต่งจากสำนักแต่งชั้นนำของประเทศไทยที่ผ่านการประกวด Motorbike Idea Challenge 2017 ที่ผ่านมา การันได้ถึงความสวยงามและความใส่ใจในรายละเอียดการตกแต่ง ใครชอบสไตล์นี้ก็สามารถเอาไปปรับแต่งได้เลย

2018 Yamaha YZ450F Motocross “Workbikes

จากรถโปรดักชั่นในกลุ่มโมโตครอสอย่าง YZ450F ได้รับการนำไปตกแต่งเพิ่มเติมพิเศษเพื่อใช้ในการแข่งขันสำหรับทีมแฟคทอรี่ Yamaha Racing Factory ที่พัฒนาออกมาเป็น YZ450FM

ซึ่งข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยถึงรายละเอียดการปรับแต่งของ YZ450FM ก็คือการโมดิฟายด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนพิเศษภายในเครื่องยนต์ที่ต่างไปจากรถโปรดักชั่น ก็ได้แก่ cam และ piston รวมถึงการเปลี่ยนชุดคลัทซ์ใหม่ อีกทั้งยังมีการปรับแต่งชุดเกียร์ มาเป็น 4speed factory gearbox และเพื่อคงสมรรถนะเครื่องยนต์ให้สามารถทำงานที่รอบการทำงานสูงๆโดยที่ไม่เกิดความร้อนจนมากเกินไปนั้น จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของระบบระบายความร้อนด้วยน้ำจากของเดิมเป็นชุดตกแต่งพิเศษ ด้วยพื้นฐานการพัฒนาจากรถโปรดักชั่น 2018 YZ450F ที่ออกแบบให้เครื่องยนต์มีความกะทัดรัดและตัวรถมีความคล่องตัวมากขึ้นนั้น จึงส่งผลให้ YZ450FM สามารถต่อยอดพัฒนาจนเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น “มีสเถียรภาพมากขึ้น” ในทุกสภาพพื้นผิว

รายละเอียดเพิ่มเติมของ YZ450FM 

YZ450FM
Engine type: Liquid-cooled, 4-stroke,
DOHC, 4-valves
Displacement: 449.7cc
Bore x stroke: 97.0 mm x 60.8 mm
Compression ratio: 13.8 : 1
Lubrication system: Wet sump
| Hydraulic clutch
Clutch type: Wet, Multiple Disc
Fuel system: Fuel Injection
Ignition system: TCI
Starter system: Electric
Transmission system: Constant Mesh, 4-speed
Final transmission: Chain
Frame: Semi double cradle
Front suspension system: Upside-down
telescop KYB Factory spring front fork
Front travel: 310 mm
Trail: 118 mm
Rear suspension system: Swingarm,
(link suspension) KYB factory rear shock
Rear travel: 315 mm
Front brake: Hydraulic single disc, Ø 270 mm
for Febvre / 280 mm for Van Horebeek
Rear brake: Hydraulic single disc, 220 mm
Front tyre: 80/100-21
Rear tyre: 110/90-19
Overall length: 2,170 mm
Overall width: 825 mm
Overall height: 1,280 mm
Seat height: 965 mm
Wheel base: 1,475 mm
Minimum ground clearance: 330 mm
Wet weight (including full oil): 104 kg
Fuel tank capacity: 7 litres
Oil capacity: 0.9 litres

 

 

นอกจากการเปิดตัว 2018 YZ450FM ของทีมแฟคทอรี่แล้ว ทาง Yamaha Motor Europe ยังได้เปิดตัวทีมแข่งซัพพอร์ทในรุ่นการแข่งขันระดับรุ่น MX2 ด้วยการสนับสนุนทีมแข่งอย่าง Kemea Yamaha Official MX2 Team ซึ่งพื้นฐานหลักนั้นก็จากการปรับแต่งเพิ่มเล็กน้อยจากรถโปรดักชั่นอย่าง 2018 YZ250F

ละเอียดเบื้องต้นของรถแข่งในรุ่น MX2 ดังนี้

YZ250F
Engine type: Single cylinder, liquid-cooled,
4-stroke, DOHC, 4-valves
Displacement: 250cc
Bore x stroke: 77.0 mm x 53.6 mm
Compression ratio: 13.5 : 1
Lubrication system: Wet sump
Clutch type: Wet, Multiple Disc
Fuel system: Fuel Injection
Ignition system: TCI
Starter system: Kick
Transmission system: Constant Mesh, 5-speed
Final transmission: Chain
Frame: Semi double cradle
Front suspension system: Upside-down
telescopic fork
Front travel: 310 mm
Trail: 118 mm
Rear suspension system: Swingarm,
(link suspension)
Rear travel: 315 mm
Front brake: Hydraulic single disc, Ø 270 mm
Rear brake: Hydraulic single disc, Ø 245 mm
Front tyre: 80/100-21 MS32
Rear tyre: 100/90-19 MS32
Overall length: 2,170 mm
Overall width: 825 mm
Overall height: 1,280 mm
Seat height: 965 mm
Wheel base: 1,475 mm
Minimum ground clearance: 330 mm
Wet weight (including full oil): 105 kg
Fuel tank capacity: 7.5 litres
Oil capacity: 0.9 litres