FMSCT SX 2019 ขนอม ขุนพล CRF ขยับขึ้นรั้งจ่าฝูง หลังผ่านสามสนามซูเปอร์ครอสชิงแชมป์ประเทศไทย สนาม 2 ศรีสัชนาลัย+ สนาม 3

การแข่งขันเก็บคะแนนสะสมชิงแชมป์ประเทศไทย FMSCT Thailand Supercross Championship ประจำปี 2019

กับสองเกมล่าสุดที่สนามพระยาลิไท อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย และ สนามแยกควนเหลง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และแน่นอนว่าไฮไลท์ก็จะอยู่ที่เกมใน Division1 ที่เป็นการชิงชัยของยอดนักแข่งของไทยและดาวรุ่งชั้นนำของวงการเข้ามาชิงชัยกัน หลังประเดิมฤดูกาลด้วยชัยชนะสนามแรกของทัพ Blue Army จากขุนพล YZF โดยเฉพาะ ธนรัตน์ เพ็ญจันทร์ ที่คว้าชัยแรกของฤดูกาลไปได้ ก่อนที่เกมสนามถัดมาที่ ศรีสัชนาลัย เป็นการพลิกสถานการณ์กลับมาของเหล่า Red Riders ที่นำตัวแข่ง CRF เดินหน้าคว้าชัยและก้าวสู่โพเดี้ยม โดยเฉพาะสายขุนพล CRF เลือดใหม่ อย่าง กฤษฎา จำรูญจารีต ที่แก้เกมปรับแผนจนกลับมาแก้มือในเกมนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมจนสามารถขยับขึ้นไปมีคะแนนสะสมนำร่วมเท่ากับเจ้าของตำแหน่งแชมป์เก่าอย่าง เบน ประสิทธิ์ ฮัลเกรน ที่จบเกมนี้ด้วยอันดับสาม จนมี 31 คะแนนเท่ากัน ซึ่งตำแหน่งบนโพ เดี้ยมของ Division2 ที่สุโขทัยนี้เกือบจะ

เป็นนักแข่งฮอนด้าทั้งหมด ซึ่งผลก็คือ กฤษฎา จำรูญจารีต CRF หมายเลข 17 พัสกร ปริยวงศธร CRF หมายเลข 3 ประสิทธิ์ ฮัลเกรน YZF หมายเลข 1 ปิยณัฐ เกิดศิริ CRF หมายเลข 4 และ จักรกฤษณ์ ศุขศรีไพศาล CRF หมายเลข 24 ทว่าผู้ชนะในนัดเปิดฤดูกาลอย่าง ธนรัตน์ นั้นพลาดล้มอย่างหนักจนต้องดูอาการอยู่ที่ ร.พ.หนึ่งคืน ซึ่งหลังจากออกจาก ร.พ. ธนรัตน์ ได้กล่าวว่า

“ผมล้มตอนแข่งเมื่อวานนี้ในจังหวะโดดเนินชุด 5 ลูก เนื่องจากอยู่ในกลุ่มท้ายๆฝุ่นค่อนข้างเยอะทำให้มองไม่ค่อยเห็นเนิน รวมกับความใจร้อนที่อยากจะขยับขึ้นไปในกลุ่มหน้า ทำให้จำจังหวะคันเร่งผิด โดดเคาะลูก 3 ตัวกระเด็นไปลูกที่ 4 ทำให้สลบไปขณะแข่งขัน และมีคิ้วแตกต้องเย็บไปกี่เข็มไม่รู้ จำไม่ได้ หมอให้นอนดูอาการ 1 คืน ตอนนี้ร่างกายดีขึ้นแล้วครับ เดินได้ขยับตัวได้ปกติมีปวดเมื่อกล้ามเนื้อเล็กน้อยสายๆก็กลับบ้านได้ครับ ขอบคุณทุกกำลังใจที่เป็นห่วงกันเสมอครับ สนามหน้าพบกันใหม่แน่นอนครับ”
และไม่ถึงสองสัปดาห์เกมการแข่งขันเก็บคะแนนสะสมชิงแชมป์ประเทศไทยสนาม 3 ก็ต้องล่องใต้สู่อำเภอขนอม ซึ่งใน Division1 นั้นต้องยอมรับว่าเหล่าขุนพล CRF ต่างกำลังคึกคักจากเกมที่ศรีสัชนาลัยที่ กฤษฎา จำรูญจารีต สามารถนำผองเพื่อน Red Riders ก้าวขึ้นสู่โพเดี้ยมได้เกือบครบ ที่มีเพียงแชมป์เก่า เบน ประสิทธิ์ ที่นำ YZF แทรก เข้ามายืนบนโพเดี้ยม ขณะที่ ธนรัตน์ เพ็ญจันทร์ ยังคงไม่เต็มร้อยจากการล้มแรง จนคณะกรรมการควบคุมการแข่งขันต้องมีการประชุมตัดสินใจร่วมกับนักแข่งเพื่อพิจารณาเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ แต่ก็สรุปได้ว่า ธนรัตน์ สามารถลงแข่งขันได้ ตามที่ได้รับการรับรองจากแพทย์และพิจารณาจากสภาพปัจจุบันร่วมกันกับทางผู้ควบคุมการแข่งขันกับนักแข่งและทีมต้นสังกัด ดังนั้นในเกมนี้น่าจะไม่ใช่งานง่ายสำหรับทัพ Blue Army ในการที่จะเปิดเกมไล่ล่าแต้มกับ Red Riders ที่กำลังคึกสุดขีด ซึ่ง เบน ประสิทธิ์ ในฐานะแชมป์เก่าและผู้นำคะแนนร่วมได้กล่าวถึงเกมนี้ว่า

“แม้อากาศที่ขนอมจะร้อน แต่ก็ยังดีกว่าสนามก่อนที่ศรีสัชนาลัยที่ร้อนมากกว่านี้ เท่าที่ดูสภาพสนามและได้ลงซ้อมผมคิดว่าจะสามารถทำผลงานได้ดีในเกมนี้เนื่องจากสภาพแทร็คไม่ยากเช่นที่ศรีสัชนาลัย เชื่อว่าน่าจะเอื้อกับสไตล์การขี่ของผม ซึ่งผมเองก็หวังอย่างยิ่งที่จะคว้าชัยแรกของฤดูกาลนี้ให้ได้ ดังนั้นผมจะพยายามให้เต็มที่เพื่อผลงานที่ดี

ที่สุด และแน่นอนว่าผมจะต้องเน้นผลงานที่ดีเพื่อโอกาสในการป้องกันแชมป์ของผมด้วย”
ต้องบอกเลยว่านี่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของฤดูกาลอีกเกมหนึ่งที่เมื่อ เบน ประสิทธิ์ พยายามเน้นไล่ตำแหน่งในกลุ่มสู้เพื่อโพเดี้ยมนั้นก็ต้องออกจากเกมไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อรถแข่งปะทะกับ ธนรัตน์ จนรถของเขานั้นเสียหายไม่สามารถแข่งขันต่อได้ ไร้แต้มจากเกมนี้ไปอย่างน่าเสียดาย เช่นเดียวกับ จักรกฤษณ์ ศุขศรีไพศาล ที่ทะยานขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม ทิ้งห่างคันหลังอย่างเหนือชั้นจนแทบจะการันตีได้ว่าชัยชนะในเกมนี้คงยากที่ใครจะมาแย่งไปจากเขา แต่แล้ว “ยางหน้ารั่ว” ทำให้ความเร็วค่อยๆลดลง เพื่อประคองอันดับก่อนที่จะถูก กฤษฎา จำรูญจารีต ไล่มาทันและแย่งตำแหน่งจ่าฝูงของการแข่งขันไปครอง จนครบรอบการแข่งขัน ชัยชนะในเกมนี้ตกเป็นของ กฤษฎา พร้อมทั้งทำแต้มสะสมขึ้นนำเดี่ยวบนตารางคะแนนสะสม ในขณะที่ตำแหน่งบนโพเดี้ยมนั้นตามมาด้วย จักรกฤษณ์ ศุขศรีไพศาล#24 ตระการ ทั่งทอง#5 ปิยะณัฐ เกิดศิริ#4 ธนรัตน์ เพ็ญจันทร์#71 และที่น่าสนใจก็คือการฟื้นฟูสภาพร่างกายจนสามารถกลับมาชิงชัยได้ในเกมนี้ของ ชัยยันต์ โรมพันธ์#311 แชมป์ประเทศไทยสี่สมัยที่นำรถแข่ง Husqqvarna จบด้วยอันดับที่เจ็ดในเกมนี้ ซึ่ง ชัยยันต์ ได้กล่าวว่า
“อาการก็ดีขึ้นครับหลังจากสนามแรกที่กระดูกนิ้วเท้าแตกและกล้ามเนื้อขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทก ก็พยายามที่จะกลับมาฟื้นฟูร่างกายให้ดีที่สุดครับ แต่ก่อนอื่นต้องบอกว่าการที่ผมกลับมาแข่งอีกครั้งในฤดูกาลนี้นั้นก็อยากจะตอบแทนผู้สนับสนุนตอบแทนแฟนๆที่ยังคงติดตามกันอยู่เสมอ ดังนั้นผมจึงคิดว่าคงจะต้องกลับมาลงแข่งอีกครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับส่วนหนึ่งว่าผลงานคงจะไม่เหมือนกับที่ผ่านมาที่ผมเคยครองแชมป์ประเทศไทยได้สี่สมัย ซึ่งเป้าหมายของผมนั้นก็เพื่อที่จะเรียนรู้เทคนิคการขี่ใหม่ๆในปัจจุบันเพิ่มเติม ซึ่งทุกวันนี้ตัวผมเองเน้นหนักบทบาทไปทางด้านการเป็นโค้ชเป็นเทรนเนอร์ แต่เทคนิคใหม่ๆในวงการแข่งขันนั้นมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ตัวผมจึงต้องรู้จักที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ เพราะผมเชื่อว่าการที่เราจะสอนนักแข่งได้นั้นเราเองก็ต้องเป็นนักแข่งเองด้วยเช่นกัน แม้จะประสบความสำเร็จกับตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยมาแล้ว แต่ตัวผมก็ยังจะต้องเรียนรู้เองตลอดเวลาด้วยเช่นกัน เอาเป็นว่าสำหรับแฟนๆที่ยังคงติดตามยังคงหวังในผลงานที่ดีจากผมนั้น ผมก็ขอขอบคุณซึ่งเวลานี้ผมกำลังพักฟื้นร่างกายก็จะพยายามกลับมาทำผลงานให้ดีที่สุด โดยจะพยายามกลับมาสู้เพื่อโอกาสในการขึ้นโพเดี้ยมให้ได้อีกครั้งครับ”
และนอกจากรุ่นไฮไลท์ในเกมระดับ Division1 (แข่งรวม A+B คิดคะแนนทั้ง
โอเวอร์ออลและแยกรุ่น) แล้ว ในเกม Division 2 ที่เป็นการแข่งขันรวมของบรรดานักแข่งดาวรุ่งแถวหน้า จากคลาส C + Junior+Novice ที่มีการแยกคะแนนสะสมแต่ละคลาส เพียงแต่เพิ่มโอกาสในการฝึกฝนฝีมือด้วยการชิงชัยแบบโอเวอร์ออลใน Division2 ที่น่าสนใจก็คือ นักแข่งวัย 13 ปี อย่าง จิรัฎฐ์ วรรณลักษณ์#77 เจ้าของตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยรุ่น 85 ซีซี ที่ก้าวขึ้นมาแข่งในรุ่น 250Junior ซึ่งต้องพบกับเกมที่ยากลำบากในรูปแบบของ Division2 นี้แม้ว่าภาพรวมจากการแข่งขันในแบบโอเวอร์ออลนั้นจะไม่ง่ายนักที่ต้องเจอกับนักแข่งในเกมที่ประสบการณ์กับรถแข่ง 250F นั้นเหนือกว่า ทว่า จิรัฎฐ์#77 ก็สามารถรั้งผลงานในรุ่นของตนเองได้อย่างน่าพอใจในระดับหนึ่ง เมื่อต้องเจอกับนักแข่งในคลาสจูเนียร์อย่าง วิศรุต ศาลางาม#19 อทิญุต เตียงทองคำ#4 หรือแม้แต่ กฤตภัทร เขื่อนคำ#32 และนักแข่งคนอื่นๆในรุ่น ซึ่งในเกมสนามสามที่นามพระยาลิไทย จิรัฎฐ์#77 สามารถคว้าชัยในรุ่นไว้ได้ก่อนจะมาเจอปัญหาในเกมสนามสี่ที่ขนอม เมื่อล้มจนเกิดปัญหากับมือคลัทซ์ แต่ก็พยายามจัดการรับมือปัญหาด้วยตนเอง ก่อนจะค่อยๆประคองรถแข่งเข้าไปรับการช่วยเหลือในพื้นที่ที่กำหนดไว้จนสามารถกลับมาแข่งขันต่อได้พร้อมทั้งเก็บแต้มสะสมจนรั้งอันดับสามบนตารางคะแนนของรุ่นไว้ได้

นอกจากนี้ในฤดูกาลนี้ทั้งสามสนามที่ผ่านมาได้มีการจัดรุ่นการแข่งขัน 85 ซีซี Lady ขึ้นมา ซึ่งในเกมแรกนัดเปิดฤดูกาลนั้นถือว่ามีนักแข่งหญิงค่อนข้างหนาตา แต่เนื่องจากหลายคนเป็นทีมแข่งอิสระจึงไม่ได้เดินทางร่วมชิงชัยครบทุกสนามคงเพราะเรื่องของค่าใช้จ่าย ดังนั้นสองเกมที่ผ่านมา รุ่นเลดี้จึงจัดแข่งร่วมกับรุ่นซัพพอร์เรซอย่าง KLX150 ที่น่าสนใจก็คือ มีนักแข่งหญิงอย่าง นัทชา เสนาภิรมย์ ที่ตามร่วมแข่งขันครบทั้งสามสนามจึงมีคะแนนสะสมรั้งจ่าฝูงของตารางคะแนนสะสมของรุ่น ซึ่งในเกมที่ขนอมก็เป็นไปตามคาดที่ นัทชา#115 คว้าชัยไปตามระเบียบ ซึ่งในเกมนี้ก็มีนักแข่งหญิงอย่าง ปัทมวรรณ กวางทุม #743 ตามมาร่วมชิงชัยด้วย ซึ่งเธอเพิ่งเริ่มต้นฝึกฝนเข้าสู่เกมการแข่งขันได้เพียงปีเดียว ก็กล้าที่จะตัดสินใจก้าวมาลองเสริมประสบการณ์ในเกมระดับชิงแชมป์ประเทศไทยนี้ด้วย
สำหรับสามสนามผ่านไปผลการแข่งขันนั้นก็คงจะทราบกันไปจากการถ่ายทอดสดผ่านจานส้ม IPM หรือ ผ่านทางไลฟ์สตรีมมิ่ง ช่อง WROOMM กันไปแล้ว

A.P.Honda คว้ารางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2019 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8

คุณจุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปส่วนงานสื่อสารการตลาด. บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย รับรางวัลเกียรติยศ ในฐานะแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ในงาน MARKETEER No.1 Brand Thailand 2019 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย โดยมี คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ให้เกียรติเป็นประธานมอบรางวัล ณ ห้องฉัตราบอลรูม โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ลูกค้า XMAX ร่วมพัน บิดชมศึก 2 ล้อที่ พีระฯ

ไทยยามาฮ่าจัดกิจกรรมพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้า โดยในวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้จัดไบค์ทริปชวนลูกค้า XMAX มากกว่า 800 คัน ร่วมเดินทางไปร่วมชมการแข่งขัน ศึกยามาฮ่า แชมเปี้ยนชิพ 2019 สนาม 2 ที่ พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา)

สำหรับการแข่งขันรายการดังกล่าว เป็นเกมความเร็วของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ซึ่งเปิดโอกาสให้นักบิดหน้าใหม่ รวมถึงนักบิดระดับชั้นนำของเมืองไทย เข้าร่วมชิงชัยภายใต้มาตรฐานระดับสากล

โดย ขบวนลูกค้า XMAX ได้เริ่มเดินทางจาก สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (YRA) ก่อนจะเคลื่อนขบวนคาราวาน มุ่งหน้าไปยัง พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งไทยยามาฮ่า ได้อำนวยความสะดวกและดูแลด้านความปลอดภัยตลอดการเดินทาง

หลังจากนั้นคาราวาน XMAX ได้ร่วมชมการแข่งขัน ศึกยามาฮ่า แชมเปี้ยนชิพ 2019 ถึงขอบสนาม โดยมีรุ่น XMAX เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการแข่งขัน ท่ามกลางนักบิดที่ลงชิงชัยถึง 20 คัน

สำหรับผลการแข่งขันในสนามที่ 2 ของฤดูกาล แชมป์ XMAX คลาสโอเพ่น ตกเป็นของ พันธุ์เทพ สอนประสม ที่บิดคว้าชัยไปครอง ขณะที่ นันทกร ปรีชาธรรมรัช ซิ่งซิวแชมป์ คลาสแสตนดาร์ด ไปครอง

นอกจากนี้ ผู้ร่วมคาราวาน XMAX ยังได้รับโอกาสสัมผัสบรรยากาศการลงบิดบนสังเวียนแข่งขันชั้นนำของประเทศไทย เพื่อเสริมทักษะการขับขี่ เพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถบนท้องถนน

โดยมี นักแข่งดีกรีแชมป์ในสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ทำการเทรนนิ่งให้ลูกค้าและร่วมสร้างสีสันให้กับกิจกรรมดังกล่าว

“รอสซี่” ควงคู่ “มอร์บิเดลลี่” ออกสตาร์ทแถว 2 ล่าแชมป์ กรังด์ปรีซ์ เดอ ฟรองซ์

วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 ดาวบิดจอมเก๋า สังกัดมอนสเตอร์ ยามาฮ่า โมโตจีพี บิดคว้ากริดสตาร์ทที่ 5 ศึกกรังด์ปรีซ์ เดอ ฟรองซ์ ขนาบข้างด้วย ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 ดาวรุ่งสังกัดปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ที่ประจำการณ์ในกริดที่ 6 ลุ้นล่าแชมป์ช่วงหัวค่ำวันนี้

ศึกโมโตจีพี 2019 สนามที่ 5 ของฤดูกาล ยกพลดวลความเร็ว ที่ เลอ มองส์ บูกัตติ กรังด์ปรีซ์ เรซ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส ระยะทางต่อรอบ 4.2 กิโลเมตร ในรายการชาร์ค เฮลเมท กรังด์ปรีซ์ เดอ ฟรองซ์

เกมรอบควอลิฟายมีขึ้นในช่วงเย็นที่ผ่านมา โดยขุนพลนักบิดค่ายยามาฮ่า สามารถทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ ควบรถแข่งยามาฮ่า YZR-M1 แย่งชิงตำแหน่งที่ดีที่สุดบนกริดสตาร์ท

และเป็นทางด้าน วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 นักบิดมากประสบการณ์ สังกัดมอนสเตอร์ ยามาฮ่า โมโตจีพี ที่บิคคว้ากริดสตาร์ท ที่ 5 มาครอง ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 41.655 วินาที สร้างโอกาสคว้าแชมป์ในรอบไฟนัล

รวมถึง ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 นักบิดทีมแซทเทิลไลท์ สังกัดปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ขนาบข้างดาวบิดรุ่นพี่ร่วมชาติบนกริดสตาร์ทในกริดที่ 6

ด้าน ฟาบิโอ การ์ตาราโร่ #20 เพื่อนร่วมสังปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 10 ถัดไปเป็น มาเวริค บีญาเลส #12 ดาวบิดสังกัดมอนสเตอร์ ยามาฮ่า โมโตจีพี ในกริดที่ 11

สำหรับเกมรอบชิงชนะเลิศในรุ่นใหญ่ ศึกชาร์ค เฮลเมท กรังด์ปรีซ์ เดอ ฟรองซ์ จะออกสตาร์ทในเวลา 19.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) โดยแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยสามารถร่วมส่งกำลังใจให้กับนักแข่งทีมยามาฮ่าด้วยการติดตามรับชมการถ่ายทอดสดได้ทางช่อง PPTV 36 HD

ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง!!! Suzuki ขึ้นโพเดียม 2 สนามติด MotoGP 2019

สำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “MotoGP” 2019 สนามที่ 4 รายการสแปนิช กรังปรีซ์ ณ สนาม Circuito do Jeresz – Angel Nieto ประเทศสเปน อเล็กซ์ รินส์ นักบิดชาวสเปน หมายเลข 42 สังกัด Team Suzuki Ecstar ได้คว้าชัยในสนามนี้ โดยควบ Suzuki GSX-RR แซงคู่แข่งผ่านธงตราหมากรุกเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 ซึ่งก่อนหน้านี้ในสนามที่ 3 อเล็กซ์ รินส์ ทำผลงานได้น่าทึ่งโดยการคว้าแชมป์สนามมาแล้วเช่นกัน โดยมีคะแนนสะสมรวมอยู่ลำดับที่ 2 ห่างจากผู้นำเพียง 1 คะแนนเท่านั้น ติดตามเชียร์ และเป็นกำลังให้ อเล็กซ์ รินส์ คว้าแชมป์ในสนามที่ 5 ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ณ สนาม Le Mans ประเทศฝรั่งเศส

ไทยยามาฮ่า ร่วมใจสวมเสื้อเหลืองถวายพระพร เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒

มร.ชิเงโอะ ฮายาคาวะ ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงและพนักงาน บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พร้อมกลุ่มบริษัทในเครือ ร่วมใจสวมเสื้อสีเหลืองแสดงความจงรักภักดีและร่วมถวายพระพรเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๒

ในการนี้ นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร และรักษาการผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า ได้เปิดกรวยดอกไม้ถวายราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พร้อมกล่าวนำผู้บริหารและพนักงานถวายพระพรในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ จากนั้นคณะผู้บริหารและพนักงาน ร่วมกันปลูกต้นรวงผึ้ง อันเป็นต้นไม้ประจำรัชกาล จำนวน ๑๐ ต้น เพื่อเป็นสิริมงคลกับบริษัทอีกด้วย

ณ บริเวณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด บางนา-ตราด กม.21 เมื่อเร็วๆ นี้

บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัดถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

คณะผู้บริหาร และพนักงาน บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ได้พร้อมใจยืนถวายความจงรักภักดี พร้อมร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหาร และพนักงาน 
บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด

2019 BENELLI T R E series

จากงาน 2019 MOTOR BIKE EXPO ที่เวโรน่า ในอิตาลี ค่ายรถอย่าง Benelli ได้ร่วมออกบู๊ธจัดแสดงรถโมเดล 2019 หลากหลายรุ่นแบบจัดเต็มไลน์การผผลิต และหนึ่งในไลน์การผลิตที่น่าสนใจก็คือ รถในสายแอดเวนเจอร์ อย่างซีรี่ส์ TRK ซึ่งมีกระแสข่าวมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วกับการเปิดไลน์รุ่นเล็กของซีรี่ส์อย่าง TRK251 ในงาน 2017 EICMA ก่อนที่มีข่าวว่าจะบุกตลาดอินเดียและนำเข้าไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2018 ล่าสุดโฉมใหม่โมเดลปี 2019 อย่างที่เกริ่นจั่วหัวไว้ว่าได้ถูกส่งมาโชว์โฉมอย่างเป็นทางการที่อิตาลี ร่วมกับรุ่นใหญ่ในซีรี่นี้ อย่าง TRK502 กับ TRK502X

คาดว่าสเปคพื้นฐานคงไม่ต่างอะไรจากเวอร์ชั่นประกาศบุกอินเดียในปี 2018 จากพื้นฐานสเปคเครื่องยนต์ขนาด 249 ซีซี 1 ลูกสูบ 4 จังหวะ 4 วาล์ว แบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 25.4 แรงม้าที่ 9,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 21.2 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบ/นาที พร้อมด้วยด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ Upside-Down ขนาด 41 มม. และระบบกันสะเทือนหลังแบบ Monoshock ชิลด์หน้าขนาดใหญ่ในแนวแอดเวนเจอร์ที่มาพร้อมกับไฟ LED รอบขณะที่ จานเบรคมาแบบ Wave Disc หน้าหลัง พร้อมด้วยวงล้อขนาด 17 นิ้ว ที่ติดตั้งยางขนาด 110/70-ZR17 และ 150/60-ZR17 ต้องยอมรับว่าแปลกกับไฟล์พีอาร์ที่เราได้รับจากงาน 2019 Motor Bike Expo จากเวโรน่า ที่เสร็จสิ้นเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น นอกจากภาพรถทุกคันทุกรุ่นที่คาดว่าจะทำตลาดในปี 2019 กับข้อความระบุมาว่าเป็นโมเดล 2019 แล้ว “ไม่มีรายละเอียดใดๆ ให้เลย” กอง บ.ก.ไรดิ้งเรา ก็คงต้องอ้างอิงจากสเปคเดิมที่ได้จากการเปิดตัวใน 2017 EICMA คร่าวๆ ก็แล้วกัน ก็ตามที่กล่าวถึงไปนั้น และเมื่อลองเสิรืชจากเว็บไซด์ของอินเดีย ก็มีข้อความแจ้งกำหนดการเปิดตัว 2019

TRK251 ไว้ ในเดือนมีนาคม 2019 พร้อมกับสเปคบางส่วนที่มีระบุถึงตัวรถดังนี้
Engine Type: Liquid Cooled, Single Cylinder, 4-Valves, DOHC
Engine Displacement (CC): 249 cc
Power (PS@rpm): 25.83 PS @ 9,250 rpm
Torque (Nm@rpm): 21.2 Nm @ 8,000 rpm
Bore: 72 mm
Stroke: 61.2 mm
No Of Cylinders: 1
Drive Type: Chain Drive
Valves (per cylinder): 4
Fuel System: Fuel Injection
Fuel Type: Petrol
Ignition: Delphi MT 05

โดยมีระบบส่งกำลังเกียร์แบบแมนนวล 6 สปีด พร้อมกับระบบกันสะเทือนหลัง Trestle in steel tubes awingarm with central shock absorber กับระบบกันสะเทือนหน้าอย่างที่กล่าวไปแล้ว คือ Upside down fork 41 มม.
ขณะที่ในส่วนของพี่ใหญ่สุดของซีรี่ส์อย่าง TRK502 และ TRK502X นั้น ก็คาดว่าไม่มีรายละเอียดใดๆ แตกต่างไปมากนัก เพราะเมื่อพิจารณาจากไฟล์ภาพแล้ว ก็น่าจะเป็นการส่งรถมาแบบไมเนอร์เช้นจ์แค่นั้น กล่าวคือ น่าจะเป็นสเปคควบระหว่าง 2018-2019 นั่นเอง ที่สำคัญงาน 2019 Motor Bike Expo นี้ แม้จะเป็นงานจัดแสดงจักรยานยนต์ของอิตาลี แต่ก็ไม่น่าจะมีความสำคัญมากไปกว่า EICMA และ Intermot ที่มักจะเป็นเวทีสำคัญในการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในระดับนานาชาตินั่นเอง เราจึงมั่นใจว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ มากนักแม้จะส่งไฟล์ภาพมาพร้อมระบุว่าเป็น 2019 โมเดล โดยไม่มีรายละเอียดใดใดก็ตาม โดยในเพรสคิทมีกล่าวถึง TRK502X ว่าปรับจากพื้นฐานของรถแบบให้สามารถลุยได้มากขึ้นจากพื้นฐานเดิม TRK 502 ด้วยการ เปลี่ยนเป็นวงล้ออลูมิเนียม หน้า 19 นิ้ว หลัง 17 นิ้ว อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว พร้อมกับกล่าวถึงเฟรมแบบ steel trellis ว่ามีความแข้งแกร่งเพียงพอสำหรับการถูกพัฒนาให้เป็นรภใน adventure style นี้ ด้วยพื้นฐานเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 2 สูบ 4 วาล์วต่อสูบ ให้กำลังสูงสุด 47.6 แรงม้าที่ 8,500 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 45 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที มีสมรรถนะมากพอสำหรับการตอบสนองการขับขี่ในแบบแอ๊ดเว้นเจอร์นี้ ซึ่ง โมเดล 2019 ของ TRK502X นี้ จะมี สีขาว กับ สีดำแดง ให้เลือก สำหรับเจ้า TRK502 นั้นจะต่างที่แรงบิดนั้นจะมาพร้อมกับกำลังขนาด 46 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที โดยมีกำลังสูงสุดเท่ากัน นอกจากนี้วงล้อก็ยังคงเดิม คือ มากับขนาดขอบ 17 หน้าหลัง โดยมีสองโทนสีให้เลือกเหมือนกัน

บีญาเลส คืนฟอร์มเก่ง บิด M1 ทะยานคว้าอันดับ 3 สแปนิช กรังด์ปรีซ์ ประเดิมโพเดี้ยม โมโตจีพี 2019

มาเวริค บีญาเลส #12 ดาวบิดสแปนิช สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี รีดฟอร์มเก่ง ควบยามาฮ่า YZR-M1 คว้าอันดับ 3 ที่ เฆเรซ ประเดิมโพเดี้ยมแรกในฤดูกาลให้กับตนเอง จากเกมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ศึกโมโตจีพี 2019 สนามที่ 4 ของฤดูกาล ดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ อังเคล นีอัตโต้ ประเทศสเปน ชิงชัยทั้งสิ้น 25 รอบสนาม ในรายการแกรนด์ พรีมิโอ เรดบูลล์ เดอ เอสปันญ่า

โดย ฟาบิโอ การ์ตาราโร่ #20 นักบิดดาวรุ่งเฟรนช์แมน สังกัด ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ทีมแซทเทิลไลต์ค่ายยามาฮ่า ซิ่งทุบสถิติ เฆเรซ คว้าโพลโพซิชั่นแรกบนเวทีโมโตจีพีให้กับตนเอง

ขนาบด้วย ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 นักบิดอิตาเลียนเพื่อนร่วมสังกัดในกริดที่ 2 ขณะที่ มาเวริค บีญาเลส #12 และ วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 ดูโอ้ทีมโรงงาน สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 5 และ 13

และเป็นทางด้าน มาเวริค บีญาเลส #12 ที่สามารถรีดฟอร์มอันยอดเยี่ยม ควบรถคู่ใจยามาฮ่า YZR-M1 ไล่แซงคู่แข่งทะยานเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 ประเดิมโพเดี้ยมแรกในฤดูกาลให้กับตนเอง

รวมถึง วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 ที่โชว์ความเก๋าไต่จากกลุ่มกลางขึ้นมาจบการแข่งขันในอันดับ 6 ตามด้วย ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ #21 ในอันดับ 7 ขณะที่ ฟาบิโอ การ์ตาราโร่ #20 พลาดท่าออกจากการแข่งขันไปหลังผ่านครึ่งทางของการชิงชัย

ศึกโมโตจีพี 2019 สนามถัดไป จะยกพลไปดวลความเร็วที่ สนามเลอมังส์ ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 19 พฤษภาคม นี้

สุดเอ็กซ์คูลซีฟ ชีวิตมีคลาสสมาร์ทที่หัวหิน

ท่องเที่ยวสไตล์ แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด ขี่สนุก บิดมันส์ เพลิดเพลิน ร่มรื่น จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ.หัวหิน อ.ปรานบุรี และ อ.สามร้อยยอด เต็มอิ่มกับแลนด์มาร์คน่าสนใจ
#GrandFilanoHybridxHuahin
#Liveuptohuahin
#ชีวิตมีคลาสสมาร์ททั่วหัวหิน

รายละเอียดเพิ่มเดิมติดตามได้ในนิตยสารไรดิ้งฉบับ 284 พฤษภาคม 2562 นะคะ

Honda RedMoto : CRF Enduro

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า นี่คือไลน์การผลิตรถสำหรับจำหน่าย “เฉพาะในอิตาลี” ที่ทางตัวแทนจำหน่ายรถในประเภทวิบากนั้นจะเป็นสิทธิ์ของ Honda RedMoto โดยทางกอง บก.ไรดิ้งได้รับไฟล์ภาพชุดรถแข่งสายเอ็นดูโร่จากยุโรปมา โดยระบุว่ามีสี่เวอร์ชั่นหรือสี่โมเดลที่ใช้รหัส Enduro ต่อท้ายก็คือ CRF250RX Enduro , CRF300RX Enduro , CRF400RX Enduro และ CRF450RX Enduro

โดยพื้นฐานแล้ว CRF450RX ก็จะพัฒนาควบคู่กับ CRF450R ตามรูปแบบการผลิต
ที่ทำในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นพื้นฐานจึงมีความแกร่งและสมรรถนะในระดับเดียว
กับรถแข่งโมโตครอสเช่นเดียวกับ CRF250R และ CRF250RX ที่ Honda แบ่งแนวทาง
การพัฒนามาเพื่อตอบสนองคาแรคเตอร์ของการใช้งานหรือใช้ในการแข่งขันระหว่าง Motocross กับ Enduro นั่นเอง ซึ่งมาตรฐานการผลิตและจำหน่ายทั่วโลกก็จะคงมีสองคลาสสี่เวอร์ชั่นระหว่างรหัส RX กับ R ตามที่กล่าวไปแล้ว แต่ความพิเศษสำหรับตัวแทนในอิตาลีนั้นก็คือ การแตกไลน์ย่อยเพิ่มเติมสำหรับรถในกลุ่ม Enduro ที่ Honda RedMoto ได้ป้อนสู่ตลาดเพิ่มเติมด้วยรุ่น 300RX และ 400RX ซึ่งเราได้นำข้อมูลสเปครถภาษาอิตาลีมาลงไว้เพื่อที่จะได้พอดูรายละเอียดบางส่วนของตัวรถหรือเครื่องยนต์ได้ในระดับหนึ่ง กับ
ฝูงรถอ็นดูโร่จากผู้แทนจำหน่ายเฉพาะในอิตาลีอย่าง Honda Red Moto ที่นำมาฝากกัน แน่นอนว่าไฮไลท์คงจะไม่พ้นพี่ใหญ่อย่าง CRF450RX Enduro ที่มาพร้อมกับ ECU พิเศษ ที่ติดตั้งโปรแกรมจากโรงงาน ด้วย HRC Launch Control พร้อมด้วยการปรับเลือกโหมดการใช้งานด้วยการเลือกแมปปิ้งที่เหมาะสม คือ standard – smooth – aggressive สำหรับพื้นฐานของ CRF450RX นั้นจะมีน้ำหนักตัวรถเบากว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้า 1.7 ปอนด์ ถือว่าเป็นรถที่มีน้ำหนักเบาในอันดับต้นๆ ของรถประเภทนี้ ด้วยอานิสสงค์ของการพัฒนารถแข่งโมโตครอส RF450R ที่เป็นพื้นฐานเดียวกันดังนั้นสเปคและสมรรถนะจึงไม่แตกต่างกันมากนัก รวมทั้งการอัพเกรดโครงสร้างแชสซีส์ ทั้งเฟรมและสวิงอาร์ม มาเป็นอิดิชั่นล่าสุดเช่นเดียวกันนอกจากนั้น CRF450RX ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์บางอย่างเพิ่มเติมเช่น ขาตั้งข้าง ระบบไฟส่องสว่างรวมทั้งการเปลี่ยนวงล้อหลังเป็นขนาด 18 นิ้ว มีการปรับเซ็ท
ค่าแมปปิ้งสำหรับการออกตัวใหม่ special launch control ติดตั้งแฮนด์เดิ้ลบาร์ใหม่ new Renthal fatbar รวมทั้งทำการปรับ เซ็ทระบบกันสะเทือนใหม่สำหรับการใช้
งานในการแข่งขันเอ็นดูโร่ special suspention settings ขณะเดียวกันเพื่อให้ได้ระยะทางการขับขี่ที่เพิ่มขึ้นจึงได้เพิ่มขนาดความจุถังเชื้อเพลิงเป็น 2.25 แกลลอน ด้วยถังเรซิน High capacity resin fuel tank ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ย้อนกลับมาที่ส่วนของเฟรมนั้นได้รับการปรับมิติองศาใหม่กับ Next-Gen twin spar aluminum frame ซึ่งมีผลให้ตำแหน่งติดตั้งหรือยึดโช้คอัพหลังอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเดิม อีกทั้งยังมีผลให้พื้นที่ของ
แอร์บ๊อกซ์เปิดมากขึ้นกว่าเดิมและอยู่ในตำแหน่งใกล้ศูนย์รวมน้ำหนักที่ดียิ่งขึ้น
บวกกับการปรับสวิงอาร์มและซัพบเฟรมได้อย่างลงตัวยิ่งขึ้นช่วยให้ตัวรถมีสมดุลที่ดีมากยิ่งขึ้น ในรุ่นเล็กสุดของซีรี่ส์อย่าง CRF250RX ก็มาแนวทางเดียวกัน คือ ใช้พื้นฐานของรถแข่งโมโตครอสอย่าง CRF250R ดังนั้นสิ่งแรกเลยก็คือ New Throttle Body หรือ เรือนลิ้นเร่ง ที่ออกแบบให้อากาศไหลผ่านได้ เร็วขึ้น ซึ่งมีผลที่ดีต่อการขับขี่ในช่วงรอบการทำงานของเครื่องยนต์ต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งทำการ เซ็ทระบบการจ่ายเชื้อเพลิงใหม่กับ New Double Sprey Injector ที่หัวฉีดจะจ่ายเชื้อเพลิงสองครั้งในหนึ่งรอบของการทำงานในจังหวะดูดอากาศอันจะช่วยเพิ่มละอองเชื้อเพลิงโดยที่ไม่เพิ่มน้ำหนักของเชื้อเพลิงที่พ่นเข้าไปในห้องเผาไหม้ เอาเป็นว่าไม่ต้องอธิบายกระบวนการก็แล้วกัน สรุปก็คือ การเซ็ทติ้งในส่วนนี้นั้นจะมีผลให้ได้กำลังที่เพิ่มมากขึ้นในรอบการทำงานเครื่องยนต์ที่ช่วงรอบกลางขึ้นไป ขณะที่วาล์วมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น โดยวาล์วไอดีมีขนาด 33 มม. กับวาล์ว ไอเสีย ขนาด 26 มม. ด้วยการออกแบบเครื่องยนต์ DOHC ที่ใช้แนวทาง big
bore/ short stroke engine ทำให้ได้เรดไลน์ของเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น CRF250RX ใหม่นี้จะมีทั้งกำลังและแรงบิดที่เพิ่มมากกว่าเดิม โดยสรุปพื้นฐานของทั้งสี่โมเดลจาก redmoto นี้ จะมีพื้นฐาน จาก CRF250RX และ CRF450RX ก่อนที่จะขยายไลน์การผลิตด้วยการปรับในส่วนของกระบอกสูบกับช่วงชักซึ่งจะแตกต่างกันเล็กน้อย คือ CRF450RX Enduro จะมีมิติของกระบอกสูบxช่วงชัก ที่ 96×62.1 มม. มีปริมาตรความจุ 449.7 ซีซี ให้อัตราส่วนกำลังอัด 13.5:1 ขณะที่ CRF400RX Enduro จะมีมิติของ กระบอกสูบxช่วงชัก ที่ 92×62.1 มม. มีปริมาตรความจุ 413 ซีซี ให้อัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1

ขณะที่ CRF250RX Enduro มีมิติของ กระบอกสูบxช่วงชัก ที่ 70.9×50.9 มม. มีปริมาตรความจุ 249 ซีซี ให้อัตราส่วนกำลังอัด 13.9:1 ส่วน CRF300RX Enduro มีมิติของกระบอกสูบxช่วงชัก ที่ 86×50.9 มม. มีปริมาตรความจุ 295.5 ซีซี ให้อัตราส่วนกำลังอัดที่ 13.5 มม. และนี่ก็คือไลน์ผลิตและจำหน่ายรถสายเอ็นดูโร่ในอิตาลีจากตัวแทนจำหน่ายอย่าง Honda Redmoto ที่เรานำมาฝากกัน

รอยัล เอนฟิลด์ จัดกิจกรรม ‘One Ride’ ครั้งที่ 9 สาวกรอยัล เอนฟิลด์ เฉลิมฉลองมิตรภาพในการขับขี่พร้อมกันทั่วโลก

รอยัล เอนฟิลด์ จัดกิจกรรม ‘วัน ไรด์’ (One Ride) ครั้งที่ 9 เพื่อเฉลิมฉลองมิตรภาพระหว่างไบค์เกอร์เจ้าของรถรอยัล เอนฟิลด์ ผ่านการขับขี่พร้อมกัน 35 ประเทศทั่วโลกในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2562 • กิจกรรม ‘วัน ไรด์’ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในประเทศไทย โดยมีสาวกรอยัล เอนฟิลด์ว่า 700 ชีวิตใน 9 จังหวัดทั่วประเทศ รวมกลุ่มกันขับขี่ในปีนี้

กรุงเทพฯ, 2 พฤษภาคม 2562: รอยัล เอนฟิลด์ ผู้นำตลาดรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกขนาดกลางระดับโลกจัดกิจกรรม ‘วัน ไรด์’ (One Ride) ครั้งที่ 9 เพื่อเฉลิมฉลองมิตรภาพ และความหลงใหลในการขี่มอเตอร์ไซค์ระหว่างไบค์เกอร์เจ้าของรถรอยัล เอนฟิลด์ ผ่านการขับขี่พร้อมกัน 35 ประเทศทั่วโลกในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2562 ภายใต้ธีมการขับขี่อันเป็นหนึ่งเดียวกันหรือ ‘Ride as One’

กิจกรรม ‘วัน ไรด์’ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในประเทศไทย โดยกิจกรรมปีนี้ถูกจัดขึ้นพร้อมกันใน 9 จังหวัด
ทั่วประเทศได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา (หาดใหญ่) อุบลราชธานี พิษณุโลก ลพบุรี พัทยา นครปฐม และกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีชาวรอยัล เอนฟิลด์กว่า 700 ชีวิตเข้าร่วมกิจกรรมการขับขี่สุดพิเศษพร้อมกันในปีนี้เพิ่มขึ้นจากกิจกรรม วันไรด์ ปีที่แล้วกว่า 300 คน โดยจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น นับเป็นเครื่องสะท้อนการเติบโตของกลุ่มลูกค้ารอยัล เอนฟิลด์ และคอมมูนิตี้ผู้ขับขี่รอยัล เอนฟิลด์ ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

สำหรับกรุงเทพฯ เหล่าไบค์เกอร์นักขี่รอยัล เอนฟิลด์ชาวไทยกว่า 240 คนรวมตัวกันที่ รอยัล เอนฟิลด์ สโตร์ วิภาวดี ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน ก่อนออกเดินทางพร้อมกันไปยังจังหวัดนครปฐม มุ่งหน้าสู่อำเภอนครชัยศรี

ทั้งนี้ กิจกรรม ‘วัน ไรด์’ เป็นหนึ่งในกิจกรรมการขับขี่มอเตอร์ไซค์พร้อมกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสาวก
รอยัล เอนฟิลด์ทั่วโลกจะรวมตัวเพื่อขับขี่มอเตอร์ไซค์พร้อมกันในเช้าวันอาทิตย์ เพื่อเฉลิมฉลองต่อมิตรภาพ และความหลงใหลในการขี่มอเตอร์ไซค์ระหว่างไบค์เกอร์เจ้าของรถรอยัล เอนฟิลด์ด้วยกันเป็นประจำทุกปี รวมถึงให้ผู้ขับขี่ได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่แท้จริงหรือ ‘Pure Motorcycling Experience’ ร่วมกัน ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งเรื่องของผลิตภัณฑ์ ความเป็นมา และกิจกรรมต่างๆ ของรอยัล เอนฟิลด์ 
ได้ที่ www.royalenfield.com/thai หรือโทรสอบถามได้ที่ รอยัล เอนฟิลด์ คอนแทค เซ็นเตอร์ เซอร์วิส