“ไทยฮอนด้า” ร่วมประกาศขายบัตร “ไทยจีพี”

“จันทราสแตนด์” เชียร์ “ก้อง-สมเกียรติ” ประเดิม โมโตจีพี โฮมเรซ ติดขอบสนาม

“ไทยฮอนด้า” ผู้นำมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย ร่วมเป็นสักขีพยานในงานแถลงข่าวเปิดขายบัตรเข้าชมศึก โมโตจีพี ชิงแชมป์โลก 2025 สนามแรก รายการ พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ โดย ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ชวนแฟนชาวไทยซื้อบัตร “จันทราสแตนด์” ตามเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ประเดิมสนามแรกในโฮมเรซที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในฐานะนักบิดพรีเมียร์คลาส กระทบไหล่ดีกรีแชมป์โลกระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคมนี้

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2025 แถลงข่าวขายบัตรเข้าชมสนามแรกของฤดูกาล ในรายการ พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ อย่างเป็นทางการในเมืองไทย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา โดยมี นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีแถลงข่าว พร้อมด้วยผู้สนับสนุนภาครัฐ-เอกชน นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย, จังหวัดบุรีรัมย์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กรมการขนส่งทางบก, และ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG พร้อมด้วยทัพสื่อมวลชนและผู้สนับสนุนร่วมงานมากมาย

ดร.อารักษ์ พรประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “สำหรับ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2025 จะเป็นครั้งแรกของ “ก้อง-สมเกียรติ” กับ โมโตจีพี แม้เขาจะแข่งในโฮมเรซมาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ครั้งนี้ถือว่าไม่เหมือนเดิม เขายังใหม่กับรุ่นใหญ่ ใหม่กับรถแข่ง Honda RC213V ของ ฮอนด้า แต่ ก้อง มีความมุ่งมั่น ผมเชื่อว่าแฟนชาวไทยจะได้เห็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ ในสุดสัปดาห์นั้น”

“สำหรับ พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ เรื่องที่พักไม่ต้องห่วงเรามีแคมป์ของ ฮอนด้า เตรียมการรอแล้ว ส่วนแฟนๆ ที่ต้องการซื้อตั๋ว อย่าลืมถือกุญแจรถ ฮอนด้า ไปด้วยนะครับ เราะมีส่วนลดพิเศษเช่นกัน โดยวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม ผมหวังว่าแฟนๆ ชาวไทยจะเข้าไปเชียร์ใน จันทรา สแตนด์ และ ฮอนด้า สแตนด์ อย่างล้นหลาม” ดร.อารักษ์ เผย

ด้าน “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” กล่าวว่า “ดีใจมากครับที่สนามแรกของการขยับขึ้นไปบิดในรุ่น โมโตจีพี ได้ขี่ในโฮมเรซที่ บุรีรัมย์ ซึ่งผมมีความคุ้นเคย”

“หลังจากที่ทดสอบครั้งแรกที่ บาร์เซโลน่า ผมกลับมาทำงานอย่างหนักในเรื่องการทำความเข้าใจกับตัวรถ การทำงานกับทีม รวมถึงระบบต่างๆ ของตัวรถซึ่งสำคัญและซับซ้อนมาก นอกจากนี้ก็เร่งฟิตซ้อมเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายเพื่อให้พร้อมกับการทดสอบ โมโตจีพี ทั้งที่ มาเลเซีย และที่ บุรีรัมย์ ก่อนจะเปิดฤดูกาลใหม่ในปีนี้”

“สำหรับการแข่งขันฤดูกาลแรกใน โมโตจีพี ซึ่งเป็นรุ่นใหญ่ที่สุด ที่ไม่ใช่งานง่าย ถ้าผมสามารถเก็บแต้มได้ในปีแรกนี้ได้จะดีใจมากๆ ครับ เพราะทุกคนก็รู้ดีว่าใน โมโตจีพี นักแข่งทุกคนคือหัวแถวของโลกที่แกร่งมากๆ และทุกคนล้วนมีประสบการณ์ อยากให้ทุกคนไปเชียร์กันเยอะๆ นะครับ ซึ่งผมจะสู้และทำผลงานให้เต็มที่อย่างที่สุด ครับ”

ทั้งนี้ “บัตรเข้าชม โมโตจีพี สนามประเทศไทย 2025” แบ่งเป็น 4 ประเภท เข้าชม Pre-Season Test ได้ฟรี และชม Main Race ได้ทั้ง 3 วัน ได้แก่ แกรนด์สแตนด์ (Grandstand) 5,000 บาท, ไรเดอร์ สแตนด์ (Rider Stand) 3,000 บาท สำหรับแฟนๆ กองเชียร์ จันทรา สแตนด์ (พร้อมของที่ระลึกลิขสิทธิ์แท้), แบรนด์ สแตนด์ (Brand Stand ) 2,000 บาท สำหรับแฟนๆ ฮอนด้า (พร้อมสิทธิ์ลุ้นชิงโชคและรับของที่ระลึกจากผู้สนับสนุน) และ ไซด์สแตนด์ (Side Stand) 2,000 บาท)

ส่วนผู้ชมที่ต้องการซื้อเฉพาะบัตรชม Pre-Season Test ทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล วันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2568 ราคาจำหน่ายบัตร แบ่งเป็น บัตร Grand Stand ราคา 500 บาทต่อวัน หรือเหมา 2 วัน 900 บาท, บัตร VIP 5,000 บาท ต่อวัน

สำหรับโมโตจีพี สนามประเทศไทย 2025 แฟนๆ ความเร็วจะได้ร่วมเชียร์นักบิดไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ สังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์” และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี รุ่นโมโตทรี สังกัด ฮอนด้า ทีม เอเชีย รวมทั้งนักบิดเลือดใหม่ภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่จะลงแข่งขันในโฮมเรซกับรายการ อิเดมิตซึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ

โดย “ก้อง-สมเกียรติ” มีคิวทดสอบครั้งต่อไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ก่อนจะเปิดฉากดวลความเร็วสนามแรกในรายการ “พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์” ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568

แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ไปด้วยกัน ส่งกำลังใจให้นักแข่งไทย และนักแข่งฮอนด้า โดยติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : Race to The Dream

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #IdemitsuHondaLCR #LCRHonda #SC35 #Kong #TheFirstThaiRiderInMotoGP #HondaBigBike #ExcitesTheWorld #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #ThaiGP2025

#PTGrandPrixofThailand2025 #AsiaTalent #Motorsport

ไทยฮอนด้า ก้าวสู่ปีที่ 60 เปิดตัว 2 โมเดลใหม่! รุกต้นปี

ไทยฮอนด้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในประเทศไทย

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 60 พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์อันดับหนึ่งในประเทศไทย โดยส่งรถจักรยานยนต์ 2 รุ่นใหม่รุกตลาดต้นปี ในงาน ‘Thai Honda Leading The Future: Press Conference 2025’ ณ โรงแรม Centara Grand and Bangkok Convention Centre นำโดย รถจักรยานยนต์สปอร์ตพรีเมียม ‘All New Honda PCX160’ เอกลักษณ์แห่งความภูมิใจที่ชูเทคโนโลยีไปอีกระดับ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายและประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกกว่าที่เคย ตามด้วย รถจักรยานยนต์เอ.ที. ในสไตล์ High Fashion ‘Honda Giorno+ Disney Fantasia 85 Years Limited Edition’ ที่พร้อมสร้างปรากฏการณ์สุด Magical แก่เหล่าสาวกมิคกี้เมาส์ มาในลวดลายแอนิเมชันระดับตำนานอย่าง ‘Disney Fantasia’ เพื่อฉลองครบรอบ 85 ปี โดยผลิตจำนวนจำกัดเพียง 2,000 คันเท่านั้น

มร.มิโนรุ คาโตะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ส่วนงานรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดของฮอนด้าทั่วโลกว่า “รถจักรยานยนต์ฮอนด้ามุ่งมั่นตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าทุกกลุ่มผ่านผลิตภัณฑ์ บริการที่เปี่ยมคุณภาพ และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันเสมอมา ส่งผลให้ฮอนด้ายังคงได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในปี 2024 ที่ผ่านมา โดยเราสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์กว่า 27.6 ล้านชิ้น ให้กับลูกค้าทั่วโลก ในจำนวนนี้เป็นรถจักรยานยนต์ถึง 19.9 ล้านคัน และคาดว่ายอดขายในปีงบประมาณนี้ ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคม จะทะลุ 20 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาอีก 1.3 ล้านคัน ทำให้ส่วนแบ่งตลาดรถจักรยานยนต์ของฮอนด้าทั่วโลกสูงถึง 40% ธุรกิจรถจักรยานยนต์ยังคงเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จของธุรกิจทั้งหมดของฮอนด้า”
“ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของฮอนด้าในภูมิภาคเอเชียซึ่งเป็นศูนย์กลางของธุรกิจรถจักรยานยนต์ของเรา ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและนวัตกรรมล้ำสมัย รวมถึงการบริการและช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ปีนี้ยังเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยฮอนด้าฉลองครบรอบ 60 ปี และประสบความสำเร็จในฐานะฐานการผลิตเพื่อส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของฮอนด้า โดยผลิตรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์รวมกว่า 90 ล้านชิ้น ส่งออกไปยัง 96 ประเทศทั่วโลก”
ด้าน มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยว่า “ปีที่ผ่านมา ไทยฮอนด้าสามารถจำหน่ายรถจักรยานยนต์ได้ถึง 1.38 ล้านคัน จากตลาดรวม 1.71 ล้านคัน พร้อมครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 36 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือและการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากผู้จำหน่ายทั่วประเทศ”
“สำหรับปี 2025 แม้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความเปราะบาง แต่เราคาดการณ์ว่าตลาดจะเติบโตประมาณ 101% อยู่ที่ 1.70-1.75 ล้านคัน โดยฮอนด้าตั้งเป้าจำหน่ายถึงผู้ใช้อยู่ที่ 1.36-1.40 ล้านคัน หรือเติบโต 102% เรามุ่งมั่นกระตุ้นตลาดด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 9 รุ่นในปีนี้ พร้อมพัฒนากลยุทธ์ด้านการขายและบริการในรูปแบบดิจิทัล เพื่อสร้างโครงสร้างตลาดที่แข็งแกร่ง และเพิ่มความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า”

“จากปีที่ผ่านมา ด้านตลาดในกลุ่มรถเอ.ที. มีแนวโน้มที่เติบโตขึ้น โดยมีสัดส่วนการขายอยู่ที่ 53% เราจึงผลักดันและสานต่อความสำเร็จของรถจักรยานยนต์ในกลุ่มเอ.ที. โดยในวันนี้พร้อมเปิดตัว 2 รุ่น คือ All New Honda PCX160 รถจักรยานยนต์สปอร์ตพรีเมียม มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ และ Honda Giorno+ Disney Fantasia 85 Years Limited Edition ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการคอลแลบฯ กับแอนิเมชันสุดพิเศษ Disney Fantasia เพื่อต่อยอดความสำเร็จและส่งเสริมภาพลักษณ์ของฮอนด้าในฐานะผู้นำตลาดที่ไม่หยุดพัฒนาและตอบโจทย์ทุกความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า”

“ปีนี้ยังเป็นโอกาสสำคัญสำหรับฮอนด้า เนื่องจากเป็นปีที่เราฉลองครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้งบริษัทไทยฮอนด้า ในโอกาสนี้ เราได้จัดทำโครงการมอบหมวกกันน็อค มูลค่า 60 ล้านบาทให้แก่หน่วยงานภาครัฐและสถานศึกษา เพื่อแสดงความขอบคุณต่อสังคมไทยที่ให้การสนับสนุนเราเสมอมา ฮอนด้าพร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพ รวมถึงส่งเสริมสังคมไทยให้เติบโตไปพร้อมกับเราอย่างยั่งยืน”

สำหรับ ‘All New Honda PCX160’ ครั้งนี้มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมในคอนเซปต์ ‘BE THE MARK OF PRIDE อีกระดับของความภูมิใจ ที่ใครก็อยากเป็น’ โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผล TFT ใหม่ ขนาด 5 นิ้ว แสดงผลทุกข้อมูลการขับขี่ได้ครบถ้วนชัดเจน รวมถึงการแสดงผลระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ระบบตรวจจับและควบคุมล้อหน้า-ล้อหลังให้สัมพันธ์กัน ป้องกันรถเสียการทรงตัว สะดวก ปลอดภัยในทุกการขับขี่ พร้อมเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Honda RoadSync เทคโนโลยีอัจฉริยะจากฮอนด้าที่ควบคุมการทำงานด้วยเสียงโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ในการรับสายโทรเข้า-โทรออก, ระบบนำทาง, แอปพลิเคชันฟังเพลง และประวัติการเดินทาง พร้อมควบคุมผ่านปุ่มคอนโทรลเลอร์ดีไซน์ใหม่ในแบบมัลติฟังก์ชันสั่งการได้หลากหลาย ถือเป็นอีกระดับของการเชื่อมต่อระหว่างคนและรถ

All New Honda PCX160 เสริมเอกลักษณ์แห่งความภูมิใจด้วยไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ทรง Victory Shape พร้อมไฟเลี้ยว LED เพิ่มการส่องสว่าง และไฟท้ายดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม ทั้งนี้ มาพร้อมพลังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว 157 ซีซี. ให้สมรรถนะแรงต่อเนื่อง ส่งเต็มกำลัง สมูท ลื่นไหล ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบเบรก ABS ล้อหน้าที่มาพร้อมจานเบรกขนาดใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน นอกจากนั้นยังมีพื้นที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่จุได้ 30 ลิตร และกุญแจรีโมตอัจฉริยะ Honda SMART KEY & CONTROLLER ที่สั่งงานง่ายเพียงบิดสวิตช์

All New Honda PCX160 รุ่น RoadSync มีวางจำหน่ายในเฉดสีใหม่ ทั้งหมด 2 เฉดสี ได้แก่ สีน้ำเงิน Innovate Blue และ สีแดง-ดำ Matt Red ราคาแนะนำที่ 99,900 บาท รุ่น Standard มีวางจำหน่ายทั้งหมด 3 เฉดสีใหม่ ได้แก่ สีดำ Matt Gunpowder Black, สีน้ำเงิน-ดำ Victory Blue และสีเทา-ดำ Pearl Smoky Gray ราคาแนะนำที่ 96,000 บาท

นอกจากรุ่น All New Honda PCX160 รุ่น RoadSync และ Standard ไทยฮอนด้ายังได้นำเสนอ Exclusive Edition จากสำนักแต่ง H2C by Honda ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความเป็นขั้นสุดของรุ่น สะท้อนความหรูหราในคอนเซปต์ ‘MARK UP YOUR PRIDE’ พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งสุดพิเศษดีไซน์โดดเด่น มอบสมรรถนะแรงเร้าใจ ราคาแนะนำที่ 107,500 บาท
พร้อมกันนี้ ไทยฮอนด้ายังมาพร้อมโปรโมชันพิเศษให้กับผู้ทำการจองรถ All New Honda PCX160 ตั้งแต่วันที่ 10 ถึง 31 มกราคม 68 ด้วยแพคเกจ HSP (Honda Service Premium Package) ตรวจเช็คระยะฟรีตลอดระยะเวลา 2 ปี หรือระยะทาง 18,000 กิโลเมตร กดรับสิทธิ์ผ่าน Application “My Honda Moto” ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น : https://myhonda.page.link/invite

ตามด้วย ‘Honda Giorno+ Disney Fantasia 85 Years Limited Edition’ มาพร้อมคอนเซปต์ ‘ENCHANT THE NEW HIGH เสกทุกสไตล์ ให้กลายเป็นดาว’ โดยนำเอาแอนิเมชันระดับตำนานอย่าง ‘Disney Fantasia’ ลวดลายจอมเวทย์มิกกี้เม้าส์มาคอลแลปกับมอเตอร์ไซค์สไตล์ High Fashion อย่าง Honda Giorno+ โดยสร้างปรากฏการณ์สุด Magical พาสไตล์ไปเหนือจินตนาการด้วยเฉดสีน้ำเงินเข้มแซมแดง ผสานความลงตัวด้วยสติกเกอร์ Reach for the stars โดดเด่นท่ามกลางลวดลายดวงดาวที่เรืองแสงได้ในยามค่ำคืน เพิ่มความพิเศษด้วย 3D Emblem สีทองและโลโก้ฉลองครบรอบ 85 ปี แอนิเมชันในตำนาน พร้อมระบุ Serial Number เสริมความลิมิเต็ดให้กับเหล่าสาวก Disney อีกด้วย ที่สำคัญเสริมภาพลักษณ์ความเท่ สะดุดตาไปอีกขั้นด้วยครอบท่อไอเสียสแตนเลส และสติกเกอร์วงล้อ H2C

Honda Giorno+ Disney Fantasia 85 Years Limited Edition ผลิตและวางจำหน่ายเพียง 2,000 คันเท่านั้น ในราคาแนะนำ 73,700 บาท มาพร้อมกับพรีเมียมบอกซ์เซ็ตสำหรับแฟน Disney Fantasia ได้แก่ เสื้อแจ็คแก็ตสุดแฟชั่น ลายจอมเวทย์มิกกี้เม้าส์ รวมถึงพวงกุญแจสุดคูล The Magical Keychain เพิ่มความน่ารักเหนือจินตนาการ ไม่ซ้ำใคร
เตรียมติดตามรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่จากไทยฮอนด้าที่กำลังจะเปิดตัวตลอดปี 2025 นี้ ไทยฮอนด้า
มุ่งมั่นพร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์

ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์: www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า: www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
IG: www.instagram.com/hondamotorcyclethailand
TikTok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha
YouTube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA

#AllNewHondaPCX160 #HondaPCX160 #BeTheMarkOfPride #Giorno+ #DisneyFantasia #EnchantTheNewHigh

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

พิมพ์พิศา รับรอง ฉลองวันเกิดด้วยแชมป์ Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers

คว้าสิทธิ์เข้าดวลวงสวิงกับนักกอล์ฟระดับโลกในศึกฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025

การแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers ณ สยามคันทรีคลับ โรลลิ่งฮิลส์ พัทยา จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 7 – 8 มกราคม 2568  ฝ้าย-พิมพ์พิศา รับรอง คว้าตำแหน่งผู้ชนะ พร้อมรับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 1.7 ล้านดอลลาร์ฯ (ประมาณ 60 ล้านบาท) โดยการแข่งขันจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จ.ชลบุรี

ฝ้าย-พิมพ์พิศา นักกอล์ฟสมัครเล่นทีมชาติไทย วัย 18 ปี จากกรุงเทพมหานคร สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ จากผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 88 คน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มจัดการแข่งขัน ด้วยผลงานยอดเยี่ยม 6 อันเดอร์พาร์ 138 (69-69) ทิ้งอันดับ 2 สรัลพร เกตุสุวรรณ ที่ทำสกอร์เข้ามา 4 อันเดอร์พาร์ 140 (69-71)   ฝ้าย-พิมพ์พิศา ซึ่งคว้าแชมป์ฉลองวันเกิดอายุครบ 18 ปี ในวันที่ 9 มกราคมนี้ กล่าวถึงความรู้สึกในการแข่งขันครั้งนี้ว่า ภูมิใจและดีใจมาก ตนเองได้ลงแข่ง Honda LPGA Thailand National Qualifiers มา 2 ครั้ง ทำให้รู้ว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

ฝ้าย-พิมพ์พิศา ยังย้ำด้วยความมุ่งมั่นว่า จะตั้งใจทำผลงานให้ดีที่สุดในการแข่งขันกับนักกอล์ฟชั้นนำของโลก โดยจะซ้อมให้มากขึ้นโดยเฉพาะที่สนามโอลด์คอร์ส และฝึกควบคุมสมาธิ ขอบคุณครอบครัวที่เป็นกำลังใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ และขอบคุณฮอนด้าที่จัดการแข่งขันนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้นักกอล์ฟไทยได้สัมผัสประสบการณ์การแข่งขันในระดับโลก

นายนคร วิมลจิตรสอาด ผู้จัดการทั่วไป สายงานการสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ได้ผนึกกำลังกับ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด และบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ การได้มาเห็นบรรยากาศการแข่งขัน National Qualifiers ในวันนี้ ก็สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของบรรดานักกอล์ฟไทยทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นที่ตั้งใจก้าวเดินตามความฝันของตนเองในเส้นทางกีฬากอล์ฟ ต้องขอแสดงความยินดีกับพิมพ์พิศา และขอเป็นกำลังใจให้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ และได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจในการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้”

การแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2025 National Qualifiers จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 7 ในปีนี้ สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี (ไทยแอลพีจีเอ) ผู้จัดการแข่งขันกอล์ฟอาชีพสตรี ส่งเสริมและพัฒนากอล์ฟสตรีไทยก้าวสู่ระดับนานาชาติ ได้เข้าร่วมดำเนินการจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยเวทีนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของนักกอล์ฟหลายคน อาทิ พราว-ชเนตตี วรรณแสน แชมป์ National Qualifiers ระดับประเทศ 2 สมัยติดต่อกัน ในปี 2021 และ 2022 ปัจจุบันได้สร้างผลงานยอดเยี่ยมและโลดแล่นในเวทีโลก ด้วยดีกรีแชมป์แอลพีจีเอทัวร์ 2 รายการ ได้แก่ Portland Classic 2023 และ Dana Open 2024  สำหรับนักกอล์ฟสาวไทยที่คว้าแชมป์รายการนี้ ได้แก่ กิฟท์ – เบญญาภา นิภัทร์โสภณ (แชมป์ 2019) รีน่า ทัตเทมัตซึ (แชมป์ 2020) พราว – ชเนตตี วรรณแสน (แชมป์ 2021 และ 2022) ซิม – ณัฐกฤตา วงศ์ทวีลาภ (แชมป์ 2023) ฮัท – สุวิชยา วินิจฉัยธรรม (แชมป์ 2024) และแชมป์คนล่าสุด ฝ้าย-พิมพ์พิศา รับรอง

การแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 จะกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่และความตื่นเต้นเร้าใจให้กับแฟนกอล์ฟอีกครั้งในวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สยามคันทรีคลับ โอลด์คอร์ส พัทยา จ.ชลบุรี สำหรับนักกอล์ฟไทยที่เข้าร่วมแข่งขัน นำโดย จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล ที่คว้า 2 แชมป์แอลพีจีเอ ในปีที่ผ่านมา ทั้ง Dow Championship และ CME Group Tour Championship ก่อนจะก้าวขึ้นสู่อันดับ 4 ของโลก ในฤดูกาล 2024 พร้อมด้วย แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ แชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2024 ที่จะกลับมาป้องกันแชมป์ โดยรายชื่อทั้งหมดของนักกอล์ฟสตรีชั้นนำระดับโลกทั้งไทยและต่างชาติจำนวน 72 คน จะมีการเปิดเผยในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

แฟนกอล์ฟสามารถติดตามชมการแข่งขัน ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2025 ผ่านการถ่ายทอดสดทาง PPTV HD 36 และทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงเว็บไซต์ www.pptvhd36.com  เฟซบุ๊ก www.facebook.com/PPTVHD36  และ YouTube ช่อง PPTV Sports สำหรับบัตรเข้าชมการแข่งขันทั้งแบบทั่วไปและแบบวีไอพี เปิดจำหน่ายแล้ว ทาง hondalpgathailand.com ผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี และอายุมากกว่า 60 ปี สามารถลงทะเบียนเข้าชมการแข่งขันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

HARLEY-DAVIDSON® เผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์รุ่นไฮไลท์ของ ปี 2025

 HARLEY-DAVIDSON® พร้อมเปิดตัวไลน์อัพใหม่ปี 2025 เพิ่มเติม 23 มกราคม นี้

Harley-Davidson เผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุดปี 2025 ผ่านทางเว็บไซต์ H-D.com พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ณ โชว์รูมและศูนย์บริการโดยผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วโลก พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัว Harley-Davidson® Factory Custom Paint & Graphics นำเสนอการตกแต่งด้วยสีและลวดลายกราฟิกสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษ นอกจากนี้ Harley-Davidson ยังประกาศกำหนดการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ปี 2025 เพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงคอลเลกชั่นรถมอเตอร์ไซค์ Custom Vehicle Operation™ (CVO™) รุ่นลิมิเต็ด ครั้งที่ 26 ในวันที่ 23 มกราคม 2568 เวลา 17.00 น. CST (วันที่ 24 มกราคม 2568 เวลา 06.00 น. เมื่อเทียบเวลาประเทศไทย) ผ่านทางเว็บไซต์ H-D.com

ตระกูล Grand American Touring: รถมอเตอร์ไซค์ที่พัฒนาขึ้นจากความเชี่ยวชาญที่ Harley-Davidson มีในการสร้างสรรค์ประสบการณ์การขี่แบบครอสคันทรีสำหรับเหล่านักขับขี่ที่แสวงหาการผจญภัยบนถนน ตระกูล Grand American Touring จะพาเหล่านักขับขี่โลดแล่นออกไปไกลสุดขอบฟ้าด้วยความสะดวกสบาย พร้อมสมรรถนะและเทคโนโลยีเหนือระดับที่ทำให้ทุกการเดินทางคือสุดยอดประสบการณ์การขับขี่ โดยรุ่นที่กลับมาในปีนี้ ประกอบด้วย Street Glide®, Road Glide® และ Road King® Special.

โดดเด่นสะดุดตาด้วย Harley-Davidson® Factory Custom Paint & Graphics

Harley-Davidson Factory Custom Paint & Graphics พร้อมมอบตัวเลือกสีและลวดลายกราฟิกระดับพรีเมียมสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษ เอาใจเหล่านักขับขี่ที่ต้องการความโดดเด่นและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เมื่อลูกค้าสั่งซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ชิ้นส่วนตกแต่งด้วยสีและลวดลายกราฟิกพิเศษติดตั้งตั้งแต่ขั้นตอนการประกอบรถจากโรงงาน โดยลูกค้าจะได้รับรถมอเตอร์ไซค์ที่มีสีและลวดลายสุดโดดเด่น พร้อมการรับประกันจากโรงงานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและประหยัดเวลากว่าการพ่นสีจากภายนอก

ข้อเสนอ Harley-Davidson Factory Custom Paint & Graphics ในปีนี้ จะครอบคลุมเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์บางรุ่น โดยชุดตกแต่งแต่ละสีมาพร้อมกับตราสัญลักษณ์ถังน้ำมันสีดำแบบพิเศษ ตกแต่งด้วยขอบโครเมียม สามารถเลือกสีพื้นหลังได้ทั้งเฉดสีม่วงมุกหรือส้มมุก

  • สี Mystic Shift เพิ่มความโดดเด่นด้วยเฉดสี ตั้งแต่เฉดสีเทาเข้ม Dark Gun Metal ไปจนถึงสีม่วง สีน้ำเงิน และสีส้มอ่อน ซึ่งเสริมให้รถมอเตอร์ไซค์ยิ่งดูโดดเด่นเมื่ออยู่กลางแสงแดด
  • กราฟิกลาย Firestorm ตอบรับกระแสการคัสตอมที่เน้นลวดลายเปลวไฟ โดย Harley-Davidson ได้เปิดตัวกราฟิกลายเปลวไฟจากโรงงานครั้งแรกในรถมอเตอร์ไซค์ รุ่น 1980 Wide Glide® และได้นำกราฟิกนี้กลับมาอีกหลายครั้ง เช่น ในรถรุ่น 2011 Wide Glide® สำหรับลาย Firestorm มีจุดเด่นอย่างเอฟเฟกต์ “ghost fade” หรือ การไล่เฉดสีด้านใน ซึ่งสีที่ไล่เฉดจะสว่างกว่าเบสโค้ทเล็กน้อย เมื่อมองจากมุมหนึ่งลายเปลวไฟจะโดดเด่น ขณะที่ดูเรียบหรูเมื่อมองจากอีกมุม โดยกราฟิกลาย Firestorm นี้มีสียอดนิยมให้เลือก 2 สี
    • Midnight Firestorm เป็นลวดลายเปลวไฟโทนเข้มที่โดดเด่นด้วยลายเปลวไฟที่ซ่อนอยู่บนพื้นสีดำเงา Vivid Black พร้อมเอฟเฟกต์เรืองแสงด้านในสีเทาเข้ม Charcoal
    • Whiskey Firestorm โดดเด่นด้วยการเคลือบชั้นกลางเพื่อให้ได้เฉดสีส้มที่ลึกขึ้น พร้อมลายเปลวไฟ Ember Sunglo ghost และเอฟเฟกต์เรืองแสงด้านในสีส้มที่สว่างกว่า

ลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นรถมอเตอร์ไซค์ และสีที่วางจำหน่าย พร้อมข้อมูลจำเพาะ และกำหนดเวลาการส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Harley-Davidson ใกล้บ้านท่าน

Harley-Davidson ยืนหยัดเพื่อจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยและอิสรภาพเหนือกาลเวลาของเหล่านักขับขี่ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson ตระกูล Grand American Touring ตระกูล Adventure Touring และตระกูล Cruiser รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson มือสองที่ผ่านการรับรอง พร้อมอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งแท้จาก Harley-Davidson สินค้าเครื่องแต่งกายสำหรับนักขับขี่ Harley-Davidson MotorClothes® และบริการด้านการเงินของ Harley-Davidson ได้ที่ H-D.com 

 

 

Benelli TRK 902 Xplorer สายลุย รุ่นใหม่ในปี 2025

Benelli TRK 902 Xplorer 2025

รถจักรยานยนต์สายลุย รุ่นใหม่ในปี 2025 โดยถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ของค่าย เป็นรถจักรยานยนต์ผจญภัยอเนกประสงค์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ TRK ที่มีการออกแบบรูปทรงกะทัดรัดมากขึ้น พร้อมไฟ LED ที่ผสมผสานจาก 702 และเสริมด้วยระบบไฟวิ่งกลางวัน (DRL) หน้าปัด TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทโฟนและระบบนำทางได้, มีไฟตัดหมอกติดรถมาให้ 2 ดวง, ระบบวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ, ถังน้ำมันขนาด 22 ลิตร, และชิลด์บังลมหน้าปรับไฟฟ้า

TRK 902 Xplorer ถูกออกแบบลวดลายสีสัน Jungle Fog พิเศษ ที่พัฒนาโดย Centro Stile ของ Benelli เครื่องยนต์เป็นสองสูบเรียง 904 ซีซี ให้กำลังที่น่าประทับใจถึง 100 แรงม้า และแรงบิด 90 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยอัตราการทดเกียร์ 6 สปีด

ตัวเฟรมเป็นประเภทโครงเหล็กกล้าแบบท่อพร้อมโช้คหน้าหัวกลับ 50 มม. ปรับได้ครบเต็มระบบ รีบาวด์ คอมเพรสเชอร์ และพรีโหลดสปริง ในขณะที่โช้คหลังก็สามารถปรับได้สำหรับ รีบาวด์ และพรีโหลดสปริง ในแง่ของการเบรกที่มั่นใจ ทวินดิสก์หน้าจานขนาดใหญ่ 320 มม. และคาลิเปอร์เรเดียลโมโนบล็อก 4 ลูกสูบ ข้างหลังดิสก์เบรกจานเดี่ยว และคาลิเปอร์สองลูกสูบ พร้อม ABS เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

พร้อมที่จะรับมือกับทุกสภาพเส้นทางที่ท้าทาย ด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้า และด้านหลังมีระยะยุบตัว 200 มม. ในขณะที่ยาง Pirelli Scorpion Rally 110/80-19 นิ้ว ที่ด้านหน้า และ 150/70-17 นิ้ว ที่ด้านหลัง ที่รัดขอบล้อซี่ลวด ระยะห่างจากพื้นถึงท้องเครื่อง 230 มม.

คาดการณ์ว่าจะเปิดตัวที่ฝั่งยุโรปก่อน แล้วจากนั้นก็น่ามาถึงบ้านเรา…แต่เมื่อไหร่ก็ต้องติดตามกันต่อไป

ปิดฤดูกาล 2024 ดาวรุ่ง “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ทำผลงานเยี่ยม!

มุ่งตามรอย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา

นักบิดดาวรุ่ง “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” สร้างผลงานยอดเยี่ยมตลอดฤดูกาล 2024 ตอกย้ำผลงานความสำเร็จ “ไทยฮอนด้า” ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สร้างนักแข่งรุ่นใหม่สู่การเป็นนักแข่งระดับโลกในรุ่นต่อไป ตามรอย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์

เริ่มต้นจาก “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ลุยศึกชิงแชมป์โลกรุ่นโมโตทูต่อเนื่องปีที่ 6 แม้จะพบกับอุปสรรคตลอดทั้งปี แต่ก็พิสูจน์ตัวเองจนได้รับเลือกให้เลื่อนขึ้นสู่ โมโตจีพี ในฤดูกาลหน้า ภายใต้สังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์”

ดันดาวรุ่งไทย “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี อีกหนึ่งนักบิดฝีมือดี ลงแข่งขันโมโตทรี แบบเต็มฤดูกาลเป็นครั้งแรก และได้รับการต่อสัญญาเพื่อลงบิดใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ฤดูกาลหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตามด้วย “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ลุยศึกเยาวชนชิงแชมป์โลก รายการ “จูเนียร์จีพี” และ รายการ “เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” ซึ่งเป็น 2 รายการหลักที่ปั้นนักบิดสู่ โมโตจีพี

ผลักดันดาวรุ่งนักบิดไทยลงแข่งขันในรายการ “เอเชีย ทาเลนต์ คัพ” อีกหนึ่งบันไดขั้นสำคัญในเส้นทาง Road To MotoGP อย่าง “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ ทำผลงานคว้าโพเดียม และครองอันดับ 6 ในตารางคะแนนสะสมเมื่อจบฤดูกาล 2024

ยังรวมถึงดาวรุ่งคนอื่นๆ อย่าง “ออสติน” ธนฉรรต ประทุมทอง, “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ ที่ลงบิดแบบเต็มฤดูกาล และนักบิดดาวรุ่งที่ได้สิทธิ์ไวลด์การ์ดสนามประเทศไทยอย่าง “อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ และ “เฟอร์” ปัญจรุจน์ จิตวิรุฬห์ฉัตร เพื่อเก็บประสบการณ์สำหรับอนาคต

นอกจากนี้ยังเป็นปีแรกที่ “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ตัดสินใจส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันในรายการชิงแชมป์ประเทศมาเลเซีย อย่าง “มาเลเซีย ซูเปอร์ ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ” เพื่อให้นักบิดได้สัมผัสสนามที่มีคาแร็กเตอร์คล้ายคลึงกับสนามส่วนใหญ่ในยุโรป เพื่อการปรับตัวได้ง่ายขึ้นเมื่อก้าวขึ้นสู่การแข่งขันระดับโลก

โดยเห็นผลอย่างชัดเจน เมื่อพี่ใหญ่ของทีมอย่าง “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรีชาวไทย ทะยาน Honda CBR1000RR-R ระเบิดฟอร์มวินเนอร์ สร้างประวัติศาสตร์คว้า “แชมป์ประจำปี” ของประเทศมาเลเซียมาครองได้สำเร็จ ตั้งแต่ปีแรกที่ลงแข่งขันกับรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง MSBK 1000 ในขณะเดียวกันเจ้าตัวยังสร้างผลงานโดดเด่นใน “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2024” กับรุ่น เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี (ASB1000) ที่มีลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวอีกด้วย

นักบิดดาวรุ่งได้โชว์ฝีมือครั้งใหญ่ เมื่อ “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ส่ง “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ และ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว บิดรถแข่ง Honda CBR600RR ลงสู้กับนักบิดแนวหน้าของเอเชียในศึกสองล้อชิงแชมป์แห่งเอเชีย “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2024” ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600) โดยทั้งคู่ทำผลงานคว้าโพเดียมมาครองได้สำเร็จ พร้อมทั้งยังพิสูจน์ให้เห็นการพัฒนาในแต่ละเรซที่มีการยกระดับความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ ทำผลงานคว้า 3 โพเดียม รั้งอันดับ 5 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 125 คะแนน และ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว คว้าอันดับ 2 บนโพเดียม รั้งอันดับ 8 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 92 คะแนน

ขณะเดียวกัน “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว ฉายแววโดดเด่นในการแข่งขัน “มาเลเซีย ซูเปอร์ไบค์ แเชมเปี้ยนชิพ” ทะยานรถแข่ง Honda CBR600RR กวาดโพเดียมอย่างต่อเนื่อง 7 โพเดียม จาก 8 เรซ ครองตำแหน่งรองแชมป์ประจำปีในรุ่น MSBK600 มีทั้งสิ้น 129 คะแนน

ในรุ่น MSBK250 “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ“ ทะยานรถแข่ง Honda CBR250RR ครองอันดับ 3 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ เก็บไปทั้งสิ้น 94 คะแนน แม้จะไม่ได้ลงทำการแข่งขัน 2 เรซแรกก็ตาม ขณะที่ “อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ รั้งอันดับ 9 มีทั้งสิ้น 51 คะแนน

นอกจากนี้ ทัพดาวรุ่งไทย “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว“ และ ”ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ ยังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ผงาดคว้าชัยชนะสุดยิ่งใหญ่ ในศึกเอ็นดูรานซ์นานาชาติสุดโหด Suzuka 4 Hours Endurance 2024 ด้วยรถแข่ง Honda CBR600RR หมายเลข 99 สังกัดทีม Astemo SI Racing With Thai Honda ภายใต้การนำทีมของ “โค้ชมุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ที่สนาม ซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเวลารวม 4 ชั่วโมง 44.797 วินาที

ทั้งนี้ ผลงานนักบิดดาวรุ่ง “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” สามารถพิสูจน์ความมุ่งมั่นของ “ไทยฮอนด้า” ได้อย่างชัดเจน ตอกย้ำความสำเร็จของโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ ” เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” เป็นความสำเร็จที่จับต้องได้จริง และยังคงเดินหน้าสานต่อการผลักดันให้ “เด็กไทย” ก้าวสู่การแข่งขันระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ามอเตอร์สปอร์ตชั้นนำของโลก

สำหรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของนักบิดไทยในโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

#ThaiHonda #MotoGP #Moto2 #Moto3 #SC35 #TB5 #Motorsport #RoadToMotoGP #RaceToTheOne #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #HondaRacingThailand #HondaAcademy #HondaThailandTalentCup #AsiaTalent #ARRC #AllJapan #Malaysiasuperbike #MSBK2024 #TheNewChallenge #HondaBigBike #CBR1000RRR #CBR600RR #CBR250RR #Chip #Maikiw #Mix #Austin #HiPeck #Aum

ฮอนด้าและนิสสัน ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)

เพื่อพิจารณาการรวมธุรกิจ สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์

บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และบริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อเริ่มหารือและพิจารณาการรวมธุรกิจระหว่างสองบริษัทผ่านการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) ร่วมกัน เพื่อมุ่งสู่การสร้างสังคมที่เป็นกลางทางคาร์บอนและสังคมปลอดอุบัติเหตุบนท้องถนน ส่วนบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ได้ร่วมลงนามกับฮอนด้าและนิสสัน โดยตั้งเป้าที่จะพิจารณาและสรุปผลการเข้าร่วมหรือการมีส่วนร่วมในการรวมธุรกิจระหว่างฮอนด้าและนิสสัน ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2568

ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ฮอนด้าและนิสสันได้ลงนามใน MOU เกี่ยวกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์สำหรับด้านเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะและเทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ทั้งสองบริษัทได้มีการหารือเพื่อความร่วมมือในหลายด้าน และในวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ทั้งสองบริษัทได้ลงนามใน MOU เพิ่มเติมเพื่อขยายกรอบความร่วมมือเชิงกลยุทธ์

การรวมธุรกิจนี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันระดับโลก และเพื่อให้ทั้งสองบริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่น่าสนใจมากขึ้นให้กับลูกค้าทั่วโลก และหากการรวมธุรกิจนี้สามารถเป็นจริงได้ ทั้งสองบริษัทจะสามารถจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพในหลายด้าน เช่น องค์ความรู้ ทรัพยากรบุคคล และเทคโนโลยี เพื่อสร้างความร่วมมือในเชิงลึก เพิ่มความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด และพัฒนาการสร้างคุณค่าของบริษัทในระยะกลางไปจนถึงระยะยาว

นอกจากนี้ การรวมธุรกิจนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างฐานอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในฐานะ “บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีการขับเคลื่อนระดับโลก” โดยการรวมธุรกิจของฮอนด้า ทั้งรถยนต์ จักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ของฮอนด้า (Power Products) เข้ากับธุรกิจรถยนต์ของนิสสัน จะช่วยสร้างความน่าสนใจให้แก่แบรนด์ เพื่อให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมที่น่าสนใจ และบริการที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้าทั่วโลก

ตามข้อตกลงระหว่างฮอนด้าและนิสสันในการเริ่มพิจารณาการรวมธุรกิจผ่านการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ได้ร่วมลงนามกับฮอนด้าและนิสสัน โดยตั้งเป้าที่จะพิจารณาและสรุปผลการเข้าร่วมหรือการมีส่วนร่วมในการรวมธุรกิจระหว่างฮอนด้าและนิสสัน ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2568

นายโทชิฮิโระ มิเบะ ผู้อำนวยการ ประธานกรรมการบริหาร และตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้าและนิสสันเริ่มพูดคุยและหารือกันตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อชี้แจงความเป็นไปได้ของการรวมธุรกิจภายในสิ้นเดือนมกราคม 2568 สอดคล้องกับการพิจารณาของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังอยู่ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งยิ่งใหญ่ของรอบศตวรรษนี้ เราคาดหวังว่า การรวมทรัพยากรและจุดแข็งของฮอนด้าและนิสสันเข้าด้วยกัน ทั้งเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่ได้พัฒนาขึ้นมา จะช่วยให้เราสามารถเอาชนะความท้าทายต่าง ๆ ด้านการขับเคลื่อนในระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว ถ้ามิตซูบิชิ มอเตอร์ส ร่วมมือกับเรา การผนึกกำลังทั้ง 3 บริษัท จะช่วยให้เราสามารถก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำในการสร้างคุณค่าใหม่ทางด้านการขับเคลื่อนและเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสังคมผ่านการรวมธุรกิจได้”

นายมาโกโตะ อูชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นก้าวสำคัญของการร่วมมือทางธุรกิจ ที่จะมีส่วนในการกำหนดอนาคตของเรา การที่ทั้งสองบริษัทได้ผนึกกำลังกัน ในครั้งนี้ จะนำไปสู่การสร้างสรรค์และพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ที่สร้างคุณค่าได้มากยิ่งขึ้น โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอันเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละบริษัท เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างและหลากหลายของลูกค้าที่ไม่มีบริษัทใดสามารถทำได้เพียงลำพัง”

นายทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ในยุคของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ เราจะศึกษารูปแบบความร่วมมืออย่างดีที่สุดเพื่อให้เกิดประโยชน์จากจุดแข็งของแต่ละบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การหารือระหว่างฮอนด้าและนิสสันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกันได้ก้าวหน้าไปมาก และเราได้ตัดสินใจเข้าร่วมในกรอบความร่วมมือนี้ เชื่อว่าเราจะสามารถค้นพบความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ได้ในหลากหลายมิติ”

ทั้งนี้ รายละเอียดของการรวมธุรกิจเพื่อสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้ คาดว่าจะสามารถแจ้งเพิ่มเติมได้ในช่วงกลางปี 2568

ฮอนด้า จัดทัพทางฝุ่น เปิดตัว Motocross bikes 2025

ฮอนด้า เอาใจสาวก Motocorss เปิดไลน์อัพ 2025

ฮือฮาพอควรกับการเปิดไลน์อัพรถ MXer หรือรถ Motocross โมเดลปี2025ของค่ายHonda ที่นำขบวนมาด้วยเรือธง อย่าง CRF450RWE ที่ที่จัดวางไว้ในสถานะของรถ Premium Level ที่ออกมาคู่กับ เวอร์ชั่นมาตรฐานอย่าง CRF450R ขณะที่รุ่นรองพิกัด 250F ก็มาในแนวเดียวกันที่มี Premium Level อย่าง CRF250RWE ควงคู่มากับ เวอร์ชั่นมาตรฐาน CRF250R นอกจากนี้ ยังเสริมด้วยรุ่นเล็กด้วยการนำ CRF150R กลับสู่ตลาดรถโมโตครอสอีกครั้ง โดยในรหัส WE ที่ต่อท้ายรุ่นนั้น มาจากคำว่า Works Edition ที่สื่อถึงรถแข่งรงงาน โดยในที่นี้ทางHondaได้ยกระดับให้เป็นรถ Premium Level ก็เพราะจะมีการตกแต่งด้วยลิสต์รายชื่อของแต่งหรือชิ้นส่วนที่อัพเกรดขึ้นไปใช้อุปกรณ์ในระดับเดียวกับTeamHRCใช้ในการแข่งขัน MXGPและ AMA พูดง่ายๆก็คือเป็นรถที่แต่งมาจากโรงงานพร้อมแข่งนั่นเอง

CRF450R
รถแข่งMotocrossหรือ MXer ที่ยังคงพัฒนาต่อไปด้วยเทคนิคและสไตล์การขี่ใหม่ๆ ที่ช่วยให้นักแข่งสามารถผลักดันไปสู่อีกระดับหนึ่ง กับวิวัฒนาการครั้งล่าสุดที่มีมาใน 2025 CRF450R มีความก้าวหน้าครั้งสำคัญในคุณลักษณะของ การควบคุม การส่งกำลัง และประสิทธิภาพของระบบกันสะเทือน ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่เค้นศักยภาพออกมาได้ดีที่สุด แม้ว่าในสนามจะมีสภาพแย่ที่สุดก็ตามหาได้เป็นอุปสรรคใดๆที่จะกีดขวางสมรรถนะที่มีของMXer โมเดลใหม่นี้  นับระยะเวลาหลายปีต่อเนื่องในการสร้างโมเดลใหม่นี้ด้วยการสะสมและรวมข้อมูลจากนักบิด HRC ในโรงงาน เช่น Jett และ Hunter Lawrence และแชมป์โลก MXGP 5 สมัย Tim Gajser รวมถึงนักขี่ทดสอบมืออาชีพของhonda  จนนำมาซึ่งคุณสมบัติหลายอย่างที่ได้รับการพัฒนาและใช้ในการแข่งขันระหว่างฤดูกาล Pro Motocross ปี 2023 ที่สมบูรณ์แบบของ Jett Lawrence, การแข่งขันชิงแชมป์ SuperMotocross ปี 2023 บนรถ450 ของเขา และตำแหน่งแชมป์ Supercross ปี 2024 รุ่น 450 ของเขา แต่จักรยานยนต์คันนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับมือโปรเท่านั้น วิศวกรของฮอนด้ายังคำนึงถึงคำติชมจากลูกค้าและสื่อวิบากชั้นนำเพื่อนำเสนอแพ็คเกจสมรรถนะและความสามารถในการขับขี่ที่ครอบคลุมในทุกๆด้านเท่าที่จะมีในรถสูตรในปัจจุบัน

CRF450RWE
เครื่องจักรที่พัฒนาสำหรับใช้ในการแข่งขันที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ 2025 CRF450RWE เหมาะสำหรับนักขี่ที่กำลังมองหา MXer ขั้นสุดยอด ในระดับที่ใกล้เคียงกับรถแข่ง Honda HRC แบบเดียวกับรถของ Jett และ Hunter Lawrenceโดยจะนำเสนอรายการอัปเกรดส่วนประกอบมากมายที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการแข่งขันชิงแชมป์ในซีรีส์ AMA Supercross, AMA Pro Motocross และ SuperMotocross นอกเหนือจากส่วนประกอบชั้นนำแล้ว RWE ยังได้รับประโยชน์จากแชสซี ระบบกันสะเทือน และเครื่องยนต์ที่ล้ำหน้าของแพลตฟอร์มหรือพื้นฐานของ CRF450R โมเดลปี 2025 ซึ่งปรับปรุงคุณภาพการขับขี่ การควบคุมรถ และการส่งกำลังให้ดียิ่งขึ้น นี่คือเทคโนโลยี นี่คือข้อมูลการปรับแต่งบางส่วนของรถแข่งที่มีสมรรถนะจากขั้นบนสุดของโพเดี้ยมในสนามแข่งขัน ส่งตรงไปยังพื้นโชว์รูมในภาพลักษณ์ของ CRF450RWE รถสูตรในระดับ Premium Level นี้

CRF250R
หลังจากคว้าแชมป์ AMA Pro Motocross 250 Championship ปี 2023 และทั้งสองภูมิภาคของ AMA Supercross 250 Championship ด้วยน้ำมือของ Jett และ Hunter Lawrence แล้ว CRF250Rก็ไม่ได้อยู่นิ่งกับความสำเร็จ พวกเขายังคงพัฒนาต่อเนื่อง ดังนั้นสำหรับรุ่นปี 2025 ก็จำเป็นต้องมีการปรับแต่งอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ดีพอที่จะแข่งขันในระดับสูงสุด เนื่องจากนักขี่และสนามแข่งยังคงต้องการเครื่องจักรที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ดังนั้น 2025 CRF250R จึง ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นในวิวัฒนาการที่รุดหน้า ด้วยการอัพเดทในด้านแชสซี ระบบกันสะเทือน และเครื่องยนต์ มีการผสมผสานระหว่างความเสถียรของชิ้นส่วนองค์ประกอบต่างที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ กับแนวคิดที่จะให้มีความสะดวกสบายที่มากขึ้น และยังรวมถึงคุณลักษณะด้านกำลังที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม ส่งผลให้สามารถทำเวลาต่อรอบเร็วขึ้นและการขับขี่ที่สร้างมั่นใจให้ผู้ขี่ ตั้งแต่นักแข่งอายุน้อยที่มีความมุ่งมั่น ไปจนถึงนักแข่งมืออาชีพที่จะได้รับจาก CRF250Rใหม่นี้

CRF250RWE

โมเดลใหม่ล่าสุดสำหรับรุ่นปี 2025 CRF250RWE นำส่วนประกอบระดับพรีเมียมที่ Team Honda HRC ใช้มาสู่รถในกลุ่ม250Fเป็นครั้งแรกโดยได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งจากโรงงานของ Jo Shimoda และ Chance Hymas  ซึ่งเจ้ารถรุ่นพิเศษนี้นำเสนอสมรรถนะระดับสูงตั้งแต่แกะกล่อง ด้วยข้อมูลที่นำมาใช้ในการอัพเกรดล้วนเป็นองค์ความรู้ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วจากการแข่งขันมากมายในระดับมืออาชีพ นอกจากนี้ ด้วยการอัปเดตแชสซี ระบบกันสะเทือน และเครื่องยนต์ทั่วทั้งแพลตฟอร์มสำหรับรุ่นปี 2025 ทำให้ CRF250RWE เป็นมอเตอร์ไซค์วิบากที่ขนาดความจุ 250cc ที่ล้ำหน้าที่สุดของ Honda ในปัจจุบัน

CRF150R

เป็นรถที่เล็กที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ CRF Performance ของ Honda CRF150R ยังคงมีสมรรถนะสูง ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักแข่งรถวิบากรุ่นเยาว์ มีคุณสมบัติหลายอย่างแบบเดียวกับที่พบในมอเตอร์ไซค์วิบากในกลุ่มcompetition หรือรถที่ผลิตเพื่อใช้แข่งขันของ Honda ไม่ว่าระบบกันสะเทือนของ Showa® (โช๊คแบบกลับหัวและโช้คเดี่ยวที่จับคู่กับระบบด้านหลัง Pro-Link®) และเครื่องยนต์สี่จังหวะแบบ Unicam® ที่เป็น ให้การส่งกำลังที่แข็งแกร่งแต่ราบรื่นนุ่มนวลตลอดทุกช่วงรอบการทำงานของเครื่องยนต์ และเจ้ารถวิบากที่ลดขนาดลงตัวนี้มีจำหน่ายทั้งรุ่นมาตรฐานและรุ่นล้อใหญ่ โดยรุ่นหลังเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ขับขี่ตัวสูง เนื่องจากมีล้อที่ใหญ่ขึ้น เบาะนั่งที่สูงขึ้น และระยะยุบตับของระบบกันสะเทือนหลังที่เพิ่มขึ้น

ลองมาไล่ดูไฮไลท์ที่น่าสนใจของรถMXer ในกลุ่ม450Fโมเดลล่าสุดกัน แน่นอนว่าพื้นฐานหรือรถสแตนดาร์ดก็คือ CRF450R ที่ส่วนประกอบเฟรมประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์เป็นของใหม่เพื่อประสิทธิภาพการเลี้ยวที่ยอดเยี่ยมและตอบสนองได้ดี และทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบใหม่ เป้าหมายในการพัฒนาคือการควบคุมการขับขี่หรือ control  ซึ่งมีคำกล่าวว่า การบังคับรถที่ดีเริ่มต้นด้วยเฟรมที่เหนือกว่า และนั่นคือคำตอบที่มีการมุ่งเน้นการอัพเดทไปที่โครงสร้างแชสซี ซึ่งCRF450R รุดหน้ากว่าเดิม มันเบากว่ารุ่นก่อนกว่าครึ่งปอนด์ ด้วยการทำให้เสากระโดงหลักของเฟรมแคบลง จึงลดน้ำหนักได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือทำให้แชสซีตอบสนองการขับขี่ได้ดีขึ้น เช่นกันในส่วนของซับเฟรมก็เบากว่าเดิมสามส่วนสี่ปอนด์ ซึึ่งลงตัวกับสวิงอาร์มใหม่ที่แคบกว่าเดิมซึ่งพวกเขาบอกว่ามันช่วยให้เข้าโค้งได้เร็วขึ้น  แต่ถ้าต้องการมองหา ความสุดยอดที่เหนือกว่าก็ให้เลือกตัวเลือกในแบบ Premium Level ด้วยรุ่นพิเศษอย่าง CRF450RWE โดยเจ้าWorks Edition จะมีของแต่งจากโรงงานออกมา  เช่น ท่อไอเสีย Yoshimura สุดพิเศษ, ไส้กรองอากาศคู่, ที่หุ้มเบาะนั่ง Throttle Jockey, ตะกร้าและฝาครอบคลัตช์ Hinson, ขอบล้อ DID DirtStar LT-X ระดับพรีเมียม, ตะเกียบเคลือบ Kashima และไทเทเนียมออกไซด์, ฝาครอบฝาสูบสีแดง – กระบอกสูบแบบพิเศษเป็นต้น

โดยสเปคของ CRF450RWEมีรายละเอียดดังนี้

ENGINE
Engine Type 450cc liquid-cooled single-cylinder four-stroke
Bore And Stroke 96.0mm x 62.1mm
Compression Ratio 13.5:1
Valve Train Unicam SOHC; four valves per cylinder
Induction Programmed Fuel Injection (PGM-FI), 46mm downdraft throttle body

DRIVE TRAIN
Transmission Close-ratio five-speed
Final Drive #520 Chain; 13T/49T

CHASSIS SUSPENSION BRAKES
Front Suspension 49mm inverted Showa fork with titanium oxide-coated lower legs; 13-position
rebound and 15-position compression-damping adjustability; 12.2-inch travel
Rear Suspension
Pro-Link Showa single shock with adjustable spring preload, 11-position rebound
and six-position high- and low-speed compression-damping adjustability; 12.4-inch travel
Front Brake Single 260mm disc with twin-piston caliper
Rear Brake Single 240mm disc
Front Tire Dunlop MX33 80/100-21
Rear Tire Dunlop MX33 120/80-19

DIMENSIONS
Wheelbase 58.3 inches
Rake 27.3°
Trail 4.5 inches
Seat Height 37.8 inches
Ground Clearance 13.1 inches
Fuel Capacity 1.7 gallons
Curb Weight 249 pounds (Includes all standard equipment, required fluids and full tank of fuel)

ต่อด้วยไฮไลท์ในรุ่นพิกัดถัดมาอย่างรถในขนาด 250F  โดยระบุว่า 2025 CRF250R ใหม่ของเรามีพื้นฐานมาจากการเปลี่ยนแปลงที่เราพัฒนาในรถแข่งในโรงงานที่ชนะการแข่งขัน ในรายการของ AMA National Championship จนนำมาซึ่งแนวทางในการอัพเดทรถเวอร์ชั่นใหม่นี้ โดย 2025 CRF250R มีเฟรมใหม่ที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อการตอบสนองในการเลี้ยว ส่วนประกอบระบบกันสะเทือนใหม่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้ความรู้สึกสม่ำเสมอมั่นคงมากขึ้นตลอดช่วงทุกจังหวะการทำงานของระบบกันสะเทือน รวมถึงชุดแผงคอหรือtriple clampตัวใหม่ ระบบเชื่อมต่อระบบกันสะเทือนหรือsuspension linkageใหม่ , ระบบควบคุมการออกตัว หรือ HRC Lunch Control ใหม่  รวมทั้งสามารถเลือกโหมดการขี่ได้สามโหมดเพื่อส่งกำลังตามสภาพเส้นทางการขับขี่ พร้อมทั้ง มีกราฟิก CRF ใหม่ด้วย เช่นเดียวกับในคลาส 450F คือจะมีเวอร์ชั่นพิเศษ Premium Levelด้วยรุ่น อย่าง CRF250RWE Works Edition ใหม่ ที่ได้รับการปรับแต่งทั้งหมดด้วยอุปกรณ์เสริมระดับโรงงานที่จะต่อยอดจากพื้นฐานของ CRF250Rโมเดลล่าสุดที่ส่งออกมาในปีนี้  เช่น คลัตช์ไฮดรอลิก (ครั้งแรกในรถพิกัด 250 ของHonda), ท่อไอเสีย Yoshimura, ไส้กรองอากาศคู่, ที่หุ้มเบาะนั่ง Throttle Jockey, ขอบล้อ DID DirtStar LT-X ระดับพรีเมียม, Kashima และไทเทเนียม ตะเกียบเคลือบออกไซด์ ฝาครอบฝาสูบสีแดง และ ฝาสูบแบบพิเศษ ทั้งหมดนี้ทำการปรับแต่งมาจากโรงงานโดยตรง ซึ่งองค์ประกอบของคำว่า all-new ใน 2025CRF250Rมีดีเทลเบื้องต้นดังนี้

อัปเดตเฟรมหลักที่สร้างด้วยการมีส่วนประกอบโครงสร้างใหม่ถึง 70% จากเดิม เพื่อปรับความแข็งแกร่งให้เหมาะสมและปรับปรุงลักษณะการจัดการต่างๆบนตัวรถ จุดติดตั้งซับเฟรมใหม่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งด้านข้างให้เหมาะสม และลดการส่งผ่านพลังงานหรือรถการถ่ายน้ำหนักจากด้านหลังของรถแข่งไปยังด้านหน้า ความแข็งแกร่งของsteering stemตุ๊กตาแฮนด์, triple clampแผงคอ , outer fork tubesท่อโช้คด้านนอก และfront axle เพลาหน้าได้รับการแก้ไขทั้งหมดเพื่อให้เหมาะสมกับการอัปเดตเฟรม ตะเกียบหน้าหรือforkชิ้นส่วนภายในที่อัพเดทก็ มีสปริงใหม่ วาล์วควบคุม ซีล และน้ำมันเพื่อให้สัมผัสที่สม่ำเสมอตลอดทุกจังหวะจังหวะการเคลื่อนไหวได้อย่างมีเสถียรภาพ อีกทั้งลดแรงกระแทกจากพื้นสู่ตัวรถ สปริงโช้ค กระปุกน้ำมัน เพลา และซีลน้ำมัน ใหม่ ช่วยให้รู้สึกถึงระยะชักที่สม่ำเสมอเพื่อให้เข้ากับโช้คที่อัปเดตใหม่ ชุดกระเดื่องได้รับการปรับปรุงที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง และมีความมั่นคง เพิ่มสเถียรภาพให้กับการขับขี่ คาลิปเปอร์เบรกหน้ามีลูกสูบและร่องซีลที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อประสิทธิภาพที่ยืนระยะได้สม่ำเสมอตลอดการแข่งขัน แอร์บ็อกซ์ที่ออกแบบใหม่ให้ทางเดินที่ตรงขึ้นเพื่อการไหลเวียนของอากาศ ปรับปรุงการควบคุมคันเร่งได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และสามารถส่งกำลังได้เต็มกำลัง ความแข็งแกร่งของข้อเหวี่ยงที่เพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มแรงบิดในช่วงกลาง ท่อไอเสียและการออกแบบท่อเฮดเดอร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่มีการส่งกำลังออกมาอย่างนุ่มนวลยิ่งขึ้น พร้อมช่วยเพิ่มอัตราเร่ง

เซทค่าแมปปิ้งใน ECU ใหม่ให้การส่งผ่านที่นุ่มนวลยิ่งขึ้นในขณะที่ยังคงรักษาแรงบิดและกำลังที่แข็งแกร่งตลอดทุกรอบการทำงานเครื่องยนต์

ตัวถังหรือบอดี้เวิร์คที่ออกแบบใหม่มีพื้นผิวเรียบช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และมีจุดสัมผัสขนาดใหญ่สำหรับการยึดเกาะกับตัวรถได้อย่างมั่นคง

สวิตช์เปลี่ยนแมปปิ้งใหม่ให้การตั้งค่าการควบคุมแรงบิดหรือ Honda selectable torque control เซทติ้งมาแบบเช่นเดียวกับ CRF450R เวลาในการถอดโช๊คหลังลดลงครึ่งหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องถอดซับเฟรมเพื่อเข้าถึงโช้ค อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าHondaได้ส่งตัวแต่งจากโรงงานออกมาทำตลาดคู่กัน โดยวางตำแหน่งของ Honda CRF250R Works Edition จะถือเป็นสุดยอดรถวิบากของ Honda ที่เน้นเป้าหมาย สำหรับผู้ขับขี่ในระดับที่จริงจัง เน้นโฟกัสการปรับปรุงสมรรถนะของแรงบิดช่วงรอบการทำงานต่ำและกลางของเครื่องยนต์ มาพร้อมท่อไอเสียที่ให้ความดุดันเพิ่มขึ้น รวมถึงแชสซีที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ด้านความเสถียรที่ดีขึ้น พร้อมด้วยประสิทธิภาพของระบบกันสะเทือนที่ปรับให้เหมาะสม พร้อมกับมีการควบคุมที่ดีขึ้น ซึ่งมีองค์ประกอบระดับพรีเมี่ยมที่เสริมเข้าไป อาทิ

New hydraulic clutch

New Yoshimura exhaust with stainless-steel header pipe and titanium muffler

Twin Air air filter

Throttle Jockey Team Honda HRC graphics

Throttle Jockey seat cover

Matte Red Metallic cylinder-head cover

Hand-polished cylinder ports

D.I.D DirtStar LT-X rims

Kashima-coated outer fork tubes

Titanium oxide-coated fork legs

Black anodized axle holder

Titanium oxide-coated 18mm shock shaft

Hand-operated fork-compression adjuster

 

ซึ่งสเปคข้อมูลของ 2025CRF250RWEมีรายละเอียดดังนี้

Engine
Bore × Stroke (mm)
96.0mm x 62.1mm

Carburation
CDI Electronic Fuel injection

Compression Ratio
13.5 : 1

Engine Displacement (cc)
449.7cc

Engine Type
Liquid-cooled 4-stroke single cylinder uni-cam

Starter
Electric

Oil Capacity (Litres)
1.25 Litres

Wheels
Brakes Front
Single 260mm disk

Brakes Rear
Single 240mm disk

Suspension Front
Showa 49mm USD fork

Suspension Rear
Showa monoshock using Honda Pro-Link

Tyres Front
Dunlop MX33F

 

Tyre Size Front
80/100-21-51M Dunlop MX33F

Tyre Size Rear
120/80-19-63M Dunlop MX33

Tyres Rear
Dunlop MX33

Wheels Front
Aluminium spoke

Wheels Rear
Aluminium spoke

Dimensions and Weights
Caster Angle
27°19′

Dimensions (L×W×H) (mm)
2,183 x 827 x 1,265mm

Frame type
Aluminium twin tube

Fuel Tank Capacity (Litres)
6.3 litres

Ground Clearance (mm)
333mm

Kerb Weight (kg)
110.6kg

Seat Height (mm)
961mm

Trail (mm)
115mm

Weight (kg)
108kg

Wheelbase (mm)
1,482mm

Transmission
Clutch
Wet type multi-plate

Final Drive
Chain

Transmission Type
Constant mesh

ฮอนด้าบิ๊กไบค์ พาสายสปอร์ตสัมผัสความเร้าใจส่งท้ายปี ในกิจกรรม ‘CBR INTERNATIONAL 2024’ ณ สนามเซปังฯ ประเทศมาเลเซีย

ฮอนด้าบิ๊กไบค์ พาไปสัมผัสความเร็วเต็มรูปแบบบนสนามแข่งระดับโลก 

ฮอนด้าบิ๊กไบค์ ส่งท้ายปี 2024 อย่างยิ่งใหญ่ด้วยกิจกรรมสุดเร้าใจ ‘CBR INTERNATIONAL 2024’ มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้ลูกค้าสายสปอร์ตในตระกูล CBR Series ทุกรุ่น โดยพาไปสัมผัสความเร็วเต็มรูปแบบบนสนามแข่งระดับโลก สนาม Sepang International Circuit ประเทศมาเลเซีย ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมช่างมืออาชีพและนักแข่งมากประสบการณ์จาก Honda Racing Thailand เมื่อวันที่ 8-10 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดสอบสมรรถนะของรถจักรยานยนต์ในสนามแข่งระดับโลกที่ใช้จัดการแข่งขัน MotoGP ซึ่งได้สัมผัสประสบการณ์ขับขี่เต็มกำลังทั้งทางตรงและโค้ง พร้อมคำแนะนำสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากโค้ชระดับโปร เช่น ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์, มุกข์-มุกข์ลดา สารพืช, และ ดรีม-สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง ที่มาร่วมถ่ายทอดเทคนิคการขับขี่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในสนามอย่างใกล้ชิด

สำหรับกิจกรรม ‘CBR INTERNATIONAL 2024’ ได้แบ่งผู้ขับขี่ตามระดับความเชี่ยวชาญ โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ OPEN, EXPERIENCED, ADVANCE และ PRO ทั้งนี้ สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ ทีมโค้ชมืออาชีพจะให้คำแนะนำตั้งแต่พื้นฐานการควบคุมรถในสนาม การใช้คันเร่ง การเปลี่ยนเกียร์ ไปจนถึงการอ่านสัญลักษณ์ธงและป้ายในสนาม ส่วนผู้ขับขี่ในกลุ่มที่มีประสบการณ์จนถึงระดับโปร จะได้รับการปรับเทคนิคเฉพาะตัว เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจและเต็มศักยภาพยิ่งขึ้น

‘CBR INTERNATIONAL 2024’ ไม่เพียงแต่มอบความเร้าใจบนสนามแข่งระดับโลก แต่ยังช่วยยกระดับทักษะการขับขี่ในสไตล์ Racing ที่แตกต่างจากการขับขี่บนท้องถนนทั่วไป อีกทั้งส่งมอบแรงบันดาลใจและประสบการณ์สุดพิเศษให้กับผู้ขับขี่สายสปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์: https://bit.ly/thaihondabigbike
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า: www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์: www.facebook.com/HondaBigBikeTH

#CBRinternational2024
#HondaBigBike #HondaBigBikeThailand #ExcitesTheWorld

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ทำผลงานทางดิจิทัลยอดเยี่ยม คว้า 2 รางวัลระดับโลก

 “W3 Award 2024” รางวัลผลงานสร้างสรรค์ดีเด่นทางดิจิทัลบนเว็บไซต์ จากองค์กรสื่อดิจิทัลมืออาชีพ
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และ บริษัท มายรัม (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมคว้ารางวัลระดับ Silver “W3 Awards 2024” จากองค์กรสื่อดิจิทัลมืออาชีพ Academy of Interactive and Visual Arts (AIVA) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับผลงานด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ทางดิจิทัลที่โดดเด่นด้านการออกแบบเว็บไซต์การตลาด และการพัฒนา โดยมุ่งเน้นผลงานดิจิทัลที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด ซึ่งผลงานทางดิจิทัลที่โดดเด่นของยามาฮ่าที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้มาจาก 1) Yamaha LINE Marketing Automation 2) Yamaha Sales Application
2024 W3 Awards Winners:
1. Yamaha LINE Marketing Automation
Award: Silver, General Marketing-Innovative & Experimental
Brand: Thai Yamaha Motor
Case VDO:

2. Yamaha Sales Application
Award: Silver, Mobile Apps & Sites-Workflow & Productivity
Brand: Thai Yamaha Motor
Case VDO:

ซึ่ง 2 ผลงาน เป็นผลงานที่ร่วมกันพัฒนาระหว่างทั้ง 2 บริษัท แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์อย่างลงตัว และสำหรับรางวัลระดับ Silver “W3 Award 2024” ครั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถึงเป็นบริษัทหนึ่งเดียวในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้

รางวัล W3 Awards 2024 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยยามาฮ่ามอเตอร์ และ มายรัม (ประเทศไทย) ในการผลักดันขอบเขตของประสบการณ์ดิจิทัล และบทบาทของทั้ง 2 บริษัทในฐานะผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เชียร์ให้กระหึ่มที่สนาม!!! บัตรชม ThaiGP2025 ซื้อ 1 ได้ถึง 2

ประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับโลกสุดจึ้ง-เตรียมกดให้ทัน!!

เคาะราคาบัตร! ซื้อบัตรโมโตจีพี ได้ชมฟรี Pre-Season Test กับปีแห่งความยิ่งใหญ่ที่ประเทศไทยเตรียมรับบทเจ้าภาพ โมโตจีพี รายการ PT Grand Prix of Thailand 2025 ทั้งการทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล (Pre-Season Test) และ การแข่งขัน (Main Race) สนามที่ 1 ของฤดูกาลที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ล่าสุดฝ่ายจัดฯ ประกาศราคาบัตรสุดพิเศษ กับความสนุกแบบจัดเต็มทั้งในและนอกสนาม เปิดจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลก 9 ม.ค.ศกหน้า ผ่านช่องทางออนไลน์ ร่วมส่งเสียงเชียร์นักบิดคนโปรด แสดงพลังเชียร์นักบิดสายเลือดไทย “ก้อง-สมเกียรติ”ที่ลงแข่งขันในรุ่นพรีเมียร์คลาสครั้งแรกในประวิติศาสตร์ ประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับโลกบนผืนแผ่นดินไทยที่แฟนตัวจริงต้องห้ามพลาด

การจัดการแข่งขัน “โมโตจีพี สนามประเทศไทย” รายการ PT Grand Prix of Thailand 2025 ความภาคภูมิใจของคนไทยในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ซีรีส์ศึกสองล้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีผู้ติดตามชมมากที่สุดของโลก ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2568 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพปีที่ 6 ล่าสุดได้มีการเผยจาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะเจ้าภาพหลักฝ่ายจัดการแข่งขันว่า คณะทำงานได้กำหนดราคาจำหน่าย “บัตรเข้าชม โมโตจีพี สนามประเทศไทย 2025” ดังนี้

สิทธิพิเศษสำหรับ “บัตรชมโมโตจีพี” สุดคุ้ม 2 ต่อ ได้ชม “Pre-Season Test” ฟรี โดยราคาบัตร Main Race สนามที่ 1 ของฤดูกาล วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นบัตรชมงานแบบ 3 วัน แบ่งเป็น

1.แกรนด์ สแตนด์ (Grand Stand) 5,000 บาท (เห็นทุกโค้งทั่วสนาม)

2.ไรเดอร์ สแตนด์ (Rider Stand) 3,000 บาท สำหรับกองเชียร์นักแข่ง 3 คน ได้แก่ มาร์เกซ สแตนด์, กวาร์ตาราโร สแตนด์, จันทรา สแตนด์ สำหรับแฟน ก้อง-สมเกียรติ จันทรา (พร้อมของที่ระลึก ลิขสิทธิ์แท้จากนักบิดคนโปรด)

3.แบรนด์ สแตนด์ (Brand Stand ) 2,000 บาท สำหรับกองเชียร์จากค่ายรถจักรยานยนต์ชั้นนำ ประกอบด้วย Honda, YAMAHA และ DUCATI (พร้อมสิทธิ์ลุ้นชิงโชคของรางวัลจากผู้สนับสนุน)

4.ไซด์สแตนด์ 2,000 บาท (ราคาสบายกระเป๋า)

ส่วนผู้ชมที่ต้องการซื้อเฉพาะบัตรชม Pre-Season Test ทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล วันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2568 ราคาจำหน่ายบัตร แบ่งเป็น บัตร Grand Stand ราคา 500 บาทต่อวัน หรือเหมา 2 วัน 900 บาท, บัตร VIP 5,000 บาท ต่อวัน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสถิติการเปิดจำหน่ายบัตร “โมโตจีพี สนามประเทศไทย” ได้สร้างปรากฎการณ์และสถิติที่น่าสนใจอย่างมากในแต่ละปี โดยในครั้งนี้ก็มีกระแสเสียงเรียกร้องจากแฟนความเร็วในส่วนการเปิดจองบัตรแข่งขันในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

กกท.และคณะทำงาน ร่วมกับ “allticket” จึงได้กำหนดวันจำหน่ายบัตรอย่างเป็นทางการทั่วโลก ในวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม 2568 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซด์ allticket และในประเทศไทย ยังสามารถจับจองผ่าน Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ

คณะทำงานฯได้เตรียมการระบบต่างๆ เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกให้แฟนๆ ที่จะจองบัตรในวัน เวลาดังกล่าวอย่างดีที่สุด โดยในปี 2024 ที่ผ่านมา หลังเปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขัน ประเภทแกรนด์ สแตนด์ Sold Out ด้วยเวลา 03.12 นาที โดยในปี 2025 นี้

คาดการณ์ว่า ด้วยความพิเศษของ “บัตรชมโมโตจีพี” ที่สุดคุ้มถึง 2 ต่อ ได้ชม “Pre-Season Test” ฟรี รวมทั้งปรากฎการณ์แห่งการร่วมใจเชียร์นักบิดไทย จะทำให้บัตรชมการแข่งขันสนามประเทศไทย ประสบความสำเร็จในแง่ยอดจัดจำหน่ายสูงสุด เต็มทุกสแตนด์ที่นั่งอย่างรวดเร็ว สามารถสร้างสถิติใหม่ขึ้นได้อีกครั้งแน่นอน

ราคาจำหน่ายบัตรในประเทศไทย จัดว่าถูกและคุ้มค่าที่สุด เนื่องจากทุกภาคส่วนจัดเต็มมหกรรมความสนุก-ความบันเทิงทั้งในและนอกสนาม คอนเสิร์ต มวย ช้อป ชิม ศิลปวัฒนธรรม ด้วยเสน่ห์แบบไทยไทย ประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับโลกบนผืนแผ่นดินไทยที่แฟนตัวจริงต้องห้ามพลาด

#PTGrandPrixofThailand2025

#ThaiGP #SportsAuthorityofThailand

โค้งสุดท้าย! 2 งานระดับโลก ต้อนรับศักราชใหม่ที่ จ.บุรีรัมย์ “บุรีรัมย์มาราธอน-โมโตจีพี”

ปี 2025 กับวันประวัติศาตร์ของมหานครแห่งกีฬา

รัฐ-เอกชน-ท้องถิ่น ผนึกกำลังความร่วมมืออย่างเต็มระบบ สานต่อโปรเจ็คต์ยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติที่จะระเบิดศึกบนผืนแผ่นดินไทย นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมเตรียมความพร้อม “บุรีรัมย์ มาราธอน 2025” และ “โมโตจีพี สนามประเทศไทย 2025” ที่ไทยรับบทหนักพ่วง 3 อีเว้นต์สำคัญของดอร์น่าสปอร์ต ซึ่งเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและแฟนความเร็วทั่วโลก

17 ธันวาคม 2567 ที่ ราชพฤกษ์คลับ นอร์ทปาร์ค กรุงเทพฯ : กิจกรรมในช่วงเช้าเป็น “การประชุมเตรียมความพร้อมบุรีรัมย์ มาราธอน 2025” ที่จะขึ้นในวันที่ 25 มกราคม 2568 ไนต์รันอันดับหนึ่งขวัญใจคนไทย “สวรรค์ของนักวิ่ง” มีปอดเหล็กไทย-เทศสมัครลงแข่งขันมากกว่า 30,000 คน โดยมีนายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการแข่งขัน หรือ Race Director เป็นประธานในพิธี

ขณะที่ในช่วงบ่ายเป็น “การประชุมความพร้อมในการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโตจีพี ประจำปี 2568” ภายใต้ชื่อรายการ PT Grand Prix of Thailand 2025 นำโดยตัวแทนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. นางสาวสิวาณี เซ็ม หัวหน้างานส่งเสริมและมาตรฐานกีฬาอาชีพ ร่วมกับนายฉลอง ติรไตรภูษิต ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ไตเติ้ล สปอนเซอร์ และนายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับนายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

โดยในปีนี้ประเทศไทยรับบทหนักพ่วง 3 อีเว้นต์สำคัญของดอร์น่าสปอร์ต ซึ่งเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและแฟนความเร็วทั่วโลก ได้แก่ 1.การจัดแถลงข่าวเปิดฤดูกาลครั้งแรกในประเทศไทย วันที่ 9 ก.พ.68 โดยดอร์น่าสปอร์ต ซึ่งจะเป็นข่าวใหญ่กระหึ่มโลก จะมีการเปิดตัวนักแข่ง, รถแข่ง, ทีมแข่ง ฯลฯ สื่อมอเตอร์สปอร์ตเจ้ายักษ์จากทุกมุมโลกจะบินลัดฟ้ามาร่วมทำข่าวหลายร้อยคน รวมทั้งการเปิดตัวในฐานะนักแข่งโมโตจีพีของ ก้อง-สมเกียรติ จันทรา คาดว่าจะเป็นอีเว้นต์แถลงข่าวที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดในไทย 2.การทดสอบก่อนเปิดฤดูกาลครั้งสำคัญ วันที่ 12-13 ก.พ.68 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่นักแข่งภายใต้รถแข่งใหม่ จะได้นำรถ ทีมแข่ง มาลงสนามจริงครั้งแรก 3.วันแข่งขัน วันที่ 28 ก.พ.-2 มี.ค.68 จะเป็นครั้งแรกที่ไทยได้เป็นสนามที่ 1 จากทั้งหมด 22 สนามใน 18 ประเทศทั่วโลก

โดยในที่ประชุมทั้ง 2 กิจกรรมที่ถือเป็นวันประวัติศาตร์ของจังหวัดบุรีรัมย์ ที่เป็นเสมือน “มหานครแห่งกีฬา” ของไทย ที่ต้องอาศัยการจัดการชั้นยอด ผนึกกำลังความร่วมมืออย่างเต็มระบบ ของหน่วยงานภาครัฐ-เอกชนและส่วนท้องถิ่น จ.บุรีรัมย์ ในการสานต่อโปรเจ็คต์ยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติที่จะระเบิดศึกบนผืนแผ่นดินไทยที่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ภายใต้ปีกของสนับสนุนชั้นเลิศของ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ กองทุนพัฒนาการกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.), จังหวัดบุรีรัมย์ ฯลฯ ภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็น น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด ( ดูคาติ ไทยแลนด์ ), สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และผู้สนับสนุนอื่นๆมากมาย

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการแข่งขัน หรือ Race Director บุรีรัมย์ มาราธอน 2025 เปิดเผยว่า บุรีรัมย์ มาราธอนประจำปี 2568 มีนักวิ่งสมัครร่วมงานมากกว่า 30,000 คน ภายในงานยังมีร้านสตรีทฟู้ด ยกทัพเข้ามาบริการนักวิ่งมากกว่า 280 บูธ อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่กว่า 7,000 คน กองเชียร์และผู้ติดตามนักวิ่งมากกว่า 6.5 หมื่นคน ซึ่งการจัดมหกรรมกีฬาที่รองรับผู้ร่วมงาน รวมทั้งทีมงานที่มากกว่า 100,000 คน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งในเรื่องการจราจรที่ต้องปิดถนน 100% จึงเป็นโจทย์ที่ยากขึ้นทุกปี เพื่อให้บุรีรัมย์ มาราธอน เป็น “สวรรค์ของนักวิ่ง” เป็นพลังดึงดูดผู้คนจากทั่วประเทศทั่วโลกให้มาบุรีรัมย์ เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นเมืองกีฬา อันดับ 1 ของประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ บุรีรัมย์ มาราธอน จะขึ้นในวันที่ 25 ม.ค.ปีหน้า แข่งขันกันตั้งแต่เวลา 18.30-02.00 น. ออกสตาร์ตปล่อยตัวจากสนามแข่งรถระดับโลก “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” โดยมี จุด Finish เข้าเส้นชัยที่ “สนามฟุตบอลช้าง อารีนา” แบ่งเป็น 4 ระยะการแข่งขัน ได้แก่ ระยะมาราธอน (42.195 กม.), ระยะฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.),ระยะมินิมาราธอน (10.0 กม.), ระยะฟันรัน (4.554 กม.) และมีการจัดงานเอ็กซ์โป 2 วันเต็ม ระหว่างวันที่ 24-25 ม.ค. เวลา 10.00-20.00 น. ขนทัพสินค้าแบบจัดเต็มมากกว่า 100 บูธ ทั้งสินค้ากีฬาและสุขภาพ เอาใจนักวิ่งปอดเหล็กจากทั่วโลก

ส่วนการประชุมแผนงานรองรับมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่ “โมโตจีพี” ฤดูกาล 2025 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ สนามที่ 1 ภายใต้ชื่อรายการ PT Grand Prix of Thailand 2025 นั้น การกีฬาแห่งประเทศไทย นำทัพจัดประชุมแผนงานช่วงโค้งสุดท้าย โดยหัวข้อการประชุมเป็นภาพรวมของการจัดการ และการผนึกกำลังร่วมกัน สร้างความเข้าใจในส่วนต่างๆ เช่น ผังการจัดงานที่มีการปรับเปลี่ยนในการอำนวยความสะดวกมากขึ้น, การจัดการจราจรทั้งภายในและนอกสนาม, พื้นที่กิจกรรม(Commercial Area) ไม่ว่าจะเป็นโซน PT Grand Prix of Thailand 2025 EXPO ที่ผู้สนับสนุนและร้านค้ารายย่อยต่างๆ จะต้องจัดเตรียมการณ์ต่างๆเพื่อรองรับแฟนความเร็วหลายแสนคน ตลอด 3 วัน เริ่มตั้งแต่ 09.00-20.00 น.ของทุกวัน, จุดจอดรถ, จุดบริการอาหารและเครื่องดื่ม, บริการชัตเติ้ลแต๋น, รถบริการรับ-ส่งจากนอกสนามสู่สนามแข่งขัน ฯลฯ คาดว่าโมโตจีพี สนามประเทศไทยในปี 2025 นี้จะมีแฟนความเร็วทั่วโลกร่วมงานมากกว่า 2 แสนคน เงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมากกว่า 5 พันล้านบาท ตอกย้ำความเป็นมหานครแห่งอีเว้นต์กีฬาระดับโลกอย่างแท้จริง