เป็นค่ายน้องใหม่ที่เพิ่งจะมาบุกตลาดเมืองไทย แล้วก็บังเอิญที่เป็นช่วงเวลาแห่งการพัฒนาที่จัดเต็มอย่างล้ำหน้าจริงๆ สำหรับคลาสไทยนิยม FC250 เป็นโมโตครอสในระดับ MX2 จากฮัสควานา ผลิตจากโรงงานในประเทศออสเตรีย ด้วยค่าตัวที่แพงลิบเมื่อเทียบกับโมโตครอสฝั่งญี่ปุ่น ในรายละเอียดมีอะไรที่ทำให้เป็นหนึ่งในรถที่น่าสนใจและคุ้มไหมถ้าต้องจ่ายแพงกว่ามาดูกัน
เฟรมเหล็ก + คาร์บอนไฟเบอร์
แค่งานโครงสร้างก็ล้ำหน้า แม้ว่าเฟรมหลักจะดูเก่าแก่โบราณด้วยการใช้เหล็กโครโมลี่ แต่ฝรั่งเขาก็มั่นใจว่ามีดีจึงเอามาต่อยอดเข้ากับซับเฟรมที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ หล่อขึ้นมาเป็นหม้อกรองอากาศและวางอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างมิดชิด ทั้งเบาและแข็งแรงด้วยการผสานสองวัสดุต่างยุคที่ลงตัว
โช้คหน้า AER 48
ด้านซ้ายจะเป็นแรงดันลมทำงานแทนขดลวดสปริง วัดแรงดันและเติมลมได้ที่ด้านบน (มีสูบมือมาตรวัดดิจิตอลในตัวแถมมาให้กับรถด้วย) แน่นอนว่าน้ำหนักจะต้องเบากว่าแบบขดลวดสปริงแน่นอน ด้านขวาจะเป็นวาล์วน้ำมันสร้างความหนืด ปรับคอมเพรสชั่นที่ด้านบนได้ด้วยมือเปล่าส่วนรีบาวด์ที่ด้านล่างนั้นยังต้องใช้ไขควง โช้คหน้าถูกจับเอาไว้ด้วยแผงคอ CNC พร้อมสีแบบอโนไดซ์มาให้เรียบร้อย ส่วนโช้คหลังเดี่ยวพร้อมกระเดื่องที่เรียกว่า DCC
ซับเฟรมโผล่ปลายมาให้เห็นว่าเป็นคาร์บอนไฟเบอร์
คู่มือและสูบมือสำหรับโช้คหน้าแถมให้มากับรถ
ท่อไอเสียให้มาไม่น้อยหน้าของแต่ง
กรองอากาศซุกอยู่ในซับเฟรมคาร์บอนไฟเบอร์
หน้าตาสวิทช์ที่กดได้แม้ยังบิดคันเร่งอยู่ ระบบ TC เร่งได้ไม่ต้องยั้ง
ไม่ต้องเดาอายุงานกันอีกต่อไป
ผ้าเบาะลายหนามทำให้นั่งได้หนึบ
แผ่นยึดเครื่องยนต์อีกงานที่เห็นความใส่ใจ
แฮนด์โปรเทเปอร์กับนวมแฮนด์เนื้อละเอียดเน้นนุ่ม
เครื่องยนต์หัวฉีด 46 แรงม้า
พื้นฐานเครื่องยนต์ยอดนิยมแบบ DOHC พร้อมวาล์วไทเทเนียมที่พยายามลดความฝืดให้กับชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเพื่อการผลิตแรงม้า วัดที่เพลาได้มากถึง 46 ตัว หัวฉีดใช้บริการ Keihin ติดเครื่องด้วยการกดปุ่มสตาร์ทไฟฟ้าเท่านั้น ท่อไอเสียทรงคุ้นตาพร้อมเพาเวอร์บอมบ์เป็นผลจากการร่วมงานกับ FMF ในสนามแข่งทั่วโลก ระบบส่งกำลังใช้คลัทช์ CSS แบบคอลย์สปริง สั่งงานด้วยระบบไฮดรอลิกของ Magura เกียร์ 5 ระดับจับมาลดความฝืดพร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์เพื่อให้สัมพันธ์กับการจุดระเบิด สเตอร์หน้าให้มาใหญ่ 14 ฟัน กับสเตอร์หลัง 51 ฟัน
แทร็คชั่นคอนโทรล
ข้อมูลไม่ผิดครับ โมโตครอสสมัยนี้ไปไกลถึงขนาดนำเอาระบบแทร็ค ชั่นคอนโทรลมาใช้กันแล้ว เป็นอิเล็กทรอนิกส์ช่วยการขับขี่ที่ก้าวนำคู่แข่งไปอีกก้าว แทร็คชั่นคอนโทรลคือระบบป้องกันปัญหาที่เกิดจากการหมุนฟรีของล้อหลังซึ่งมักจะเกิดขึ้นในขณะเร่งความเร็วอย่างฉับพลัน ใน FC250 จะใช้การวัดรอบเครื่องยนต์ถ้ามีการพุ่งสูงขึ้นทันทีทันใดระบบจะลดรอบให้ต่ำลงเพื่อให้ล้อหลังกลับมาเกาะพื้นได้อีกครั้ง แน่นอนว่าฟังก์ชั่นอื่นอย่างแมปการจุดระเบิดที่เลือกได้ และระบบลันช์คอนโทรลช่วยในการออกตัวนั้นมีให้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว
เลือกแบรนด์ดังมาแต่งตัว
ชิ้นงานที่บอกความคุ้มราคาก็มีหลายอย่างรอบคัน ทั้งแฮนด์เดิ้ลบาร์ของ Pro Taper ที่หุ้มนวมวัสดุเป็นฟองน้ำยางเนื้อละเอียดนุ่มนิ่ม ต่างจากโฟมเม็ดใหญ่อย่างที่คุ้นเคย ปลอกแฮนด์ใช้ของ ODI ดิสก์เบรกทั้งหน้าและหลังใช้งานมาตรฐานโลกของ Brembo กับจานดิสก์แบรนด์ GSK พร้อมกับติดเครื่องนับชั่วโมงทำงานของเครื่องยนต์ (Hour Meter) ที่ไม่เคยมีโมโตครอสค่ายไหนเคยให้มาก่อนการลดน้ำหนักของโช้คหน้า, ซับเฟรมและส่วนต่างๆ ทำให้ FC250 มีน้ำหนักแค่เพียง 98 กิโลกรัม ขณะที่ค่ายอื่นหนักข้ามหลักร้อย จากรายละเอียดดังกล่าวคงจะพอบอกได้ถึงเหตุผลของความต่างในราคาค่าตัวที่จัดเต็มและพร้อมใช้ด้วยของหลายอย่างที่ยังต้องหาเพิ่มในแบรนด์อื่นแต่ FC250 ให้มากับตัวรถเรียบร้อยในราคา 395,000 บาท ขอบคุณเสี่ยต้อง คุณสรรเสริญ เหล่าภักดี เจ้าของรถ สนามเทพวงศาโมโตครอส อำเภอเขมราฐ สนามแข่งริมแม่น้ำโขงของจังหวัดอุบลราชธานี ชุดนักทดสอบจากร้านเดิร์ทช็อพ สนับสนุนการเดินทางโดยเครื่องดื่ม GSD และขาดไม่ได้กับผู้สนับสนุนคอลัมน์คือวงล้อโยโกกับน้ำมันเครื่อง GPR ฉบับหน้าพบกันแน่นอนกับ YZ250F ปี 2017
ข้อมูลเทคนิค
เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 1 สูบ DOHC
ปริมาตร 249.9 ซีซี
กระบอกสูบ 78 มม.
ระยะชัก 52.3 มม.
สตาร์ท ไฟฟ้า
เกียร์ 5 สปีด
อัตราทดขั้นต้น 24:73
สเตอร์ 14:51
คลัทช์ แบบเปียกหลายแผ่น ปั๊มไฮดรอลิก
เรือนลิ้นเร่ง Keihin EMS
เฟรม ท่อเหล็กโครโมลี่ ซับเฟรมคาร์บอนไฟเบอร์
โช้คหน้า หัวกลับ WP AER 48 มม. ช่วงยุบ 310 มม.
โช้คหลัง โช้คเดี่ยว WP ช่วงยุบ 300 มม.
เบรกหน้า คาลิเปอร์ลูกสูบคู่เบรมโบ้ จาน GSK
ขนาด 260 มม.
เบรกหลัง คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยวเบรมโบ้ จาน GSK
ขนาด 220 มม.
องศาคอ 63.9 องศา
ระยะฐานล้อ 1,485 มม.
สูงจากพื้น 370 มม.
สูงถึงเบาะ 960 มม.
ความจุถังน้ำมัน 7 ลิตร
น้ำหนักไม่รวมเชื้อเพลิง 98.8 กก.
ราคา 395,000 บาท
ความเห็นนักทดสอบ “เขมรัฐ สุธรรมวาท”
“อย่างแรกที่อยากเล่นกับมันมากๆ ก็คือปุ่มควบคุมที่แฮนด์ด้านซ้ายครับ นอกจากระบบลันช์คอนโทรลช่วยตอนออกตัว กับแมปจุดระเบิดแล้วมันยังมีแทร็ค ชั่นคอนโทรล (TC) ให้ลองด้วย ลันช์คอนโทรลไม่มีระดับให้เลือกเหมือน RM-Z นะครับ การสั่งงานต้องกดปุ่ม TC กับ MAP พร้อมกัน ไฟ FI ที่หลังป้ายเบอร์จะกระพริบบอกว่ามันอยู่ในสถานะพร้อมทำงานแล้ว แมปจุดระเบิดที่เหมือนเป็นโหมดเลือกความแรงของเครื่องยนต์มีให้แค่ MAP 1 กับ MAP 2 เท่านั้น เท่าที่ลอง MAP 2 ดุดันกว่าครับ สุดท้ายที่ค่ายอื่นยังไม่มี ยกเว้น KTM ที่มาจากฐานผลิตเดียวกันก็คือแทร็คชั่นคอนโทรล สัญลักษณ์คือ TC ไม่ใช่ของใหม่ฝั่งบิ๊กไบค์ใช้กันเกร่อแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีการนำมาใช้กับรถวิบาก ลองเปิดการทำงานแล้วบิดให้ล้อหลังกวาดดูอาการคือล้อหลังจะสไลด์นิดเดียวแล้วพอระบบทำงานมันจะหยุดสไลด์ให้รถตั้งขึ้นมา อารมณ์ประมาณล้อหลังสไลด์ไปชนกองดินแล้วรถตั้ง แต่มันนุ่มนวลกว่านั้น ไม่สะดุดจนเสียจังหวะและไม่เสี่ยงต่อการดีดล้ม ถ้าจะขี่เอาความสะใจคงไม่สนุก แต่ถ้าหวังผลแพ้ชนะก็แนะนำให้ใช้ครับ ที่มันเจ๋งคือสามารถกดสวิทช์สั่งงานทั้ง TC และ MAP ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องจอดรถหรือปิดคันเร่ง สะดวกมากๆ มิติของรถเอื้อต่อการควบคุมรถโดยเฉพาะเวลานั่งเลี้ยวจะอยู่ตอนหน้าได้ง่ายและหนึบด้วยผ้าหุ้มเบาะที่เป็นลายหยาบหนามใหญ่ทำให้นั่งลงไปแล้วไม่ค่อยลื่น โช้คหน้าเป็นอีกจุดที่รู้สึกว่ามันเป็นโช้คลมที่ให้ความยืดหยุ่นของการทำงานที่ลดความแข็งกระด้างไปได้มาก ตั้งแต่ทดลองขี่รถที่ใช้โช้คหน้าแบบอัดอากาศแทนสปริงผมว่าตัวนี้นุ่มและใกล้เคียงธรรมชาติของสปริงมากที่สุดถ้าเทียบเดิมๆ ด้วยกันนะ โช้คหลังออกจะให้รีบาวด์มาไวไปนิดต้องปรับให้หนืดเพิ่มขึ้น 3 คลิกก็ดีขึ้นมาก โช้คหน้าและหลังทำงานประสานกันแล้วให้ความมั่นคงในการทรงตัวที่ดีมาก มันทำให้กล้าที่จะโดดโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเคาะหรือเลย ลงพื้นได้แน่นและนิ่งครับ อ้อ…ยางหลังใหญ่กว่าเพื่อนร่วมพิกัดหนึ่งเบอร์เป็น 110/100-19 ด้วยนะ เครื่องยนต์ให้มา 2 โหมด 1 นุ่มนวล 2 ดุดัน เลือกใช้เอาได้เลยแตกต่างกันชัดเจนที่รอบกลางๆ ขึ้นไป เป็นรถที่แรงบิดดีเรียกใช้กำลังได้ง่ายขนาดสนามเนินเยอะๆ พื้นแข็งลื่นๆ ยังใช้กำลังเครื่องยนต์ง่ายขี่ได้ต่อเนื่อง ตัวนับชั่วโมงการทำงานเครื่องยนต์ที่ให้มาโดนใจผมมากเพราะจำเป็นต่อการดูแลรักษาในระยะยาว ราคาจะว่าแรงก็แรง แต่ถ้าพิจารณาจากตัวรถก็เห็นแล้วว่าต่าง หากได้ลองขี่จะรู้ว่ามีความต่างในฟิลลิ่งเพิ่มขึ้นมาด้วย ถือว่าเป็นการทำความรู้จักที่สร้างความประทับใจได้มากครับ”