Skip to content

ฮอนด้า จัดทัพทางฝุ่น เปิดตัว Motocross bikes 2025

ฮอนด้า เอาใจสาวก Motocorss เปิดไลน์อัพ 2025

ฮือฮาพอควรกับการเปิดไลน์อัพรถ MXer หรือรถ Motocross โมเดลปี2025ของค่ายHonda ที่นำขบวนมาด้วยเรือธง อย่าง CRF450RWE ที่ที่จัดวางไว้ในสถานะของรถ Premium Level ที่ออกมาคู่กับ เวอร์ชั่นมาตรฐานอย่าง CRF450R ขณะที่รุ่นรองพิกัด 250F ก็มาในแนวเดียวกันที่มี Premium Level อย่าง CRF250RWE ควงคู่มากับ เวอร์ชั่นมาตรฐาน CRF250R นอกจากนี้ ยังเสริมด้วยรุ่นเล็กด้วยการนำ CRF150R กลับสู่ตลาดรถโมโตครอสอีกครั้ง โดยในรหัส WE ที่ต่อท้ายรุ่นนั้น มาจากคำว่า Works Edition ที่สื่อถึงรถแข่งรงงาน โดยในที่นี้ทางHondaได้ยกระดับให้เป็นรถ Premium Level ก็เพราะจะมีการตกแต่งด้วยลิสต์รายชื่อของแต่งหรือชิ้นส่วนที่อัพเกรดขึ้นไปใช้อุปกรณ์ในระดับเดียวกับTeamHRCใช้ในการแข่งขัน MXGPและ AMA พูดง่ายๆก็คือเป็นรถที่แต่งมาจากโรงงานพร้อมแข่งนั่นเอง

CRF450R
รถแข่งMotocrossหรือ MXer ที่ยังคงพัฒนาต่อไปด้วยเทคนิคและสไตล์การขี่ใหม่ๆ ที่ช่วยให้นักแข่งสามารถผลักดันไปสู่อีกระดับหนึ่ง กับวิวัฒนาการครั้งล่าสุดที่มีมาใน 2025 CRF450R มีความก้าวหน้าครั้งสำคัญในคุณลักษณะของ การควบคุม การส่งกำลัง และประสิทธิภาพของระบบกันสะเทือน ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่เค้นศักยภาพออกมาได้ดีที่สุด แม้ว่าในสนามจะมีสภาพแย่ที่สุดก็ตามหาได้เป็นอุปสรรคใดๆที่จะกีดขวางสมรรถนะที่มีของMXer โมเดลใหม่นี้  นับระยะเวลาหลายปีต่อเนื่องในการสร้างโมเดลใหม่นี้ด้วยการสะสมและรวมข้อมูลจากนักบิด HRC ในโรงงาน เช่น Jett และ Hunter Lawrence และแชมป์โลก MXGP 5 สมัย Tim Gajser รวมถึงนักขี่ทดสอบมืออาชีพของhonda  จนนำมาซึ่งคุณสมบัติหลายอย่างที่ได้รับการพัฒนาและใช้ในการแข่งขันระหว่างฤดูกาล Pro Motocross ปี 2023 ที่สมบูรณ์แบบของ Jett Lawrence, การแข่งขันชิงแชมป์ SuperMotocross ปี 2023 บนรถ450 ของเขา และตำแหน่งแชมป์ Supercross ปี 2024 รุ่น 450 ของเขา แต่จักรยานยนต์คันนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับมือโปรเท่านั้น วิศวกรของฮอนด้ายังคำนึงถึงคำติชมจากลูกค้าและสื่อวิบากชั้นนำเพื่อนำเสนอแพ็คเกจสมรรถนะและความสามารถในการขับขี่ที่ครอบคลุมในทุกๆด้านเท่าที่จะมีในรถสูตรในปัจจุบัน

CRF450RWE
เครื่องจักรที่พัฒนาสำหรับใช้ในการแข่งขันที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ 2025 CRF450RWE เหมาะสำหรับนักขี่ที่กำลังมองหา MXer ขั้นสุดยอด ในระดับที่ใกล้เคียงกับรถแข่ง Honda HRC แบบเดียวกับรถของ Jett และ Hunter Lawrenceโดยจะนำเสนอรายการอัปเกรดส่วนประกอบมากมายที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการแข่งขันชิงแชมป์ในซีรีส์ AMA Supercross, AMA Pro Motocross และ SuperMotocross นอกเหนือจากส่วนประกอบชั้นนำแล้ว RWE ยังได้รับประโยชน์จากแชสซี ระบบกันสะเทือน และเครื่องยนต์ที่ล้ำหน้าของแพลตฟอร์มหรือพื้นฐานของ CRF450R โมเดลปี 2025 ซึ่งปรับปรุงคุณภาพการขับขี่ การควบคุมรถ และการส่งกำลังให้ดียิ่งขึ้น นี่คือเทคโนโลยี นี่คือข้อมูลการปรับแต่งบางส่วนของรถแข่งที่มีสมรรถนะจากขั้นบนสุดของโพเดี้ยมในสนามแข่งขัน ส่งตรงไปยังพื้นโชว์รูมในภาพลักษณ์ของ CRF450RWE รถสูตรในระดับ Premium Level นี้

CRF250R
หลังจากคว้าแชมป์ AMA Pro Motocross 250 Championship ปี 2023 และทั้งสองภูมิภาคของ AMA Supercross 250 Championship ด้วยน้ำมือของ Jett และ Hunter Lawrence แล้ว CRF250Rก็ไม่ได้อยู่นิ่งกับความสำเร็จ พวกเขายังคงพัฒนาต่อเนื่อง ดังนั้นสำหรับรุ่นปี 2025 ก็จำเป็นต้องมีการปรับแต่งอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ดีพอที่จะแข่งขันในระดับสูงสุด เนื่องจากนักขี่และสนามแข่งยังคงต้องการเครื่องจักรที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ดังนั้น 2025 CRF250R จึง ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นในวิวัฒนาการที่รุดหน้า ด้วยการอัพเดทในด้านแชสซี ระบบกันสะเทือน และเครื่องยนต์ มีการผสมผสานระหว่างความเสถียรของชิ้นส่วนองค์ประกอบต่างที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ กับแนวคิดที่จะให้มีความสะดวกสบายที่มากขึ้น และยังรวมถึงคุณลักษณะด้านกำลังที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม ส่งผลให้สามารถทำเวลาต่อรอบเร็วขึ้นและการขับขี่ที่สร้างมั่นใจให้ผู้ขี่ ตั้งแต่นักแข่งอายุน้อยที่มีความมุ่งมั่น ไปจนถึงนักแข่งมืออาชีพที่จะได้รับจาก CRF250Rใหม่นี้

CRF250RWE

โมเดลใหม่ล่าสุดสำหรับรุ่นปี 2025 CRF250RWE นำส่วนประกอบระดับพรีเมียมที่ Team Honda HRC ใช้มาสู่รถในกลุ่ม250Fเป็นครั้งแรกโดยได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งจากโรงงานของ Jo Shimoda และ Chance Hymas  ซึ่งเจ้ารถรุ่นพิเศษนี้นำเสนอสมรรถนะระดับสูงตั้งแต่แกะกล่อง ด้วยข้อมูลที่นำมาใช้ในการอัพเกรดล้วนเป็นองค์ความรู้ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วจากการแข่งขันมากมายในระดับมืออาชีพ นอกจากนี้ ด้วยการอัปเดตแชสซี ระบบกันสะเทือน และเครื่องยนต์ทั่วทั้งแพลตฟอร์มสำหรับรุ่นปี 2025 ทำให้ CRF250RWE เป็นมอเตอร์ไซค์วิบากที่ขนาดความจุ 250cc ที่ล้ำหน้าที่สุดของ Honda ในปัจจุบัน

CRF150R

เป็นรถที่เล็กที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ CRF Performance ของ Honda CRF150R ยังคงมีสมรรถนะสูง ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักแข่งรถวิบากรุ่นเยาว์ มีคุณสมบัติหลายอย่างแบบเดียวกับที่พบในมอเตอร์ไซค์วิบากในกลุ่มcompetition หรือรถที่ผลิตเพื่อใช้แข่งขันของ Honda ไม่ว่าระบบกันสะเทือนของ Showa® (โช๊คแบบกลับหัวและโช้คเดี่ยวที่จับคู่กับระบบด้านหลัง Pro-Link®) และเครื่องยนต์สี่จังหวะแบบ Unicam® ที่เป็น ให้การส่งกำลังที่แข็งแกร่งแต่ราบรื่นนุ่มนวลตลอดทุกช่วงรอบการทำงานของเครื่องยนต์ และเจ้ารถวิบากที่ลดขนาดลงตัวนี้มีจำหน่ายทั้งรุ่นมาตรฐานและรุ่นล้อใหญ่ โดยรุ่นหลังเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ขับขี่ตัวสูง เนื่องจากมีล้อที่ใหญ่ขึ้น เบาะนั่งที่สูงขึ้น และระยะยุบตับของระบบกันสะเทือนหลังที่เพิ่มขึ้น

ลองมาไล่ดูไฮไลท์ที่น่าสนใจของรถMXer ในกลุ่ม450Fโมเดลล่าสุดกัน แน่นอนว่าพื้นฐานหรือรถสแตนดาร์ดก็คือ CRF450R ที่ส่วนประกอบเฟรมประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์เป็นของใหม่เพื่อประสิทธิภาพการเลี้ยวที่ยอดเยี่ยมและตอบสนองได้ดี และทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบใหม่ เป้าหมายในการพัฒนาคือการควบคุมการขับขี่หรือ control  ซึ่งมีคำกล่าวว่า การบังคับรถที่ดีเริ่มต้นด้วยเฟรมที่เหนือกว่า และนั่นคือคำตอบที่มีการมุ่งเน้นการอัพเดทไปที่โครงสร้างแชสซี ซึ่งCRF450R รุดหน้ากว่าเดิม มันเบากว่ารุ่นก่อนกว่าครึ่งปอนด์ ด้วยการทำให้เสากระโดงหลักของเฟรมแคบลง จึงลดน้ำหนักได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือทำให้แชสซีตอบสนองการขับขี่ได้ดีขึ้น เช่นกันในส่วนของซับเฟรมก็เบากว่าเดิมสามส่วนสี่ปอนด์ ซึึ่งลงตัวกับสวิงอาร์มใหม่ที่แคบกว่าเดิมซึ่งพวกเขาบอกว่ามันช่วยให้เข้าโค้งได้เร็วขึ้น  แต่ถ้าต้องการมองหา ความสุดยอดที่เหนือกว่าก็ให้เลือกตัวเลือกในแบบ Premium Level ด้วยรุ่นพิเศษอย่าง CRF450RWE โดยเจ้าWorks Edition จะมีของแต่งจากโรงงานออกมา  เช่น ท่อไอเสีย Yoshimura สุดพิเศษ, ไส้กรองอากาศคู่, ที่หุ้มเบาะนั่ง Throttle Jockey, ตะกร้าและฝาครอบคลัตช์ Hinson, ขอบล้อ DID DirtStar LT-X ระดับพรีเมียม, ตะเกียบเคลือบ Kashima และไทเทเนียมออกไซด์, ฝาครอบฝาสูบสีแดง – กระบอกสูบแบบพิเศษเป็นต้น

โดยสเปคของ CRF450RWEมีรายละเอียดดังนี้

ENGINE
Engine Type 450cc liquid-cooled single-cylinder four-stroke
Bore And Stroke 96.0mm x 62.1mm
Compression Ratio 13.5:1
Valve Train Unicam SOHC; four valves per cylinder
Induction Programmed Fuel Injection (PGM-FI), 46mm downdraft throttle body

DRIVE TRAIN
Transmission Close-ratio five-speed
Final Drive #520 Chain; 13T/49T

CHASSIS SUSPENSION BRAKES
Front Suspension 49mm inverted Showa fork with titanium oxide-coated lower legs; 13-position
rebound and 15-position compression-damping adjustability; 12.2-inch travel
Rear Suspension
Pro-Link Showa single shock with adjustable spring preload, 11-position rebound
and six-position high- and low-speed compression-damping adjustability; 12.4-inch travel
Front Brake Single 260mm disc with twin-piston caliper
Rear Brake Single 240mm disc
Front Tire Dunlop MX33 80/100-21
Rear Tire Dunlop MX33 120/80-19

DIMENSIONS
Wheelbase 58.3 inches
Rake 27.3°
Trail 4.5 inches
Seat Height 37.8 inches
Ground Clearance 13.1 inches
Fuel Capacity 1.7 gallons
Curb Weight 249 pounds (Includes all standard equipment, required fluids and full tank of fuel)

ต่อด้วยไฮไลท์ในรุ่นพิกัดถัดมาอย่างรถในขนาด 250F  โดยระบุว่า 2025 CRF250R ใหม่ของเรามีพื้นฐานมาจากการเปลี่ยนแปลงที่เราพัฒนาในรถแข่งในโรงงานที่ชนะการแข่งขัน ในรายการของ AMA National Championship จนนำมาซึ่งแนวทางในการอัพเดทรถเวอร์ชั่นใหม่นี้ โดย 2025 CRF250R มีเฟรมใหม่ที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อการตอบสนองในการเลี้ยว ส่วนประกอบระบบกันสะเทือนใหม่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้ความรู้สึกสม่ำเสมอมั่นคงมากขึ้นตลอดช่วงทุกจังหวะการทำงานของระบบกันสะเทือน รวมถึงชุดแผงคอหรือtriple clampตัวใหม่ ระบบเชื่อมต่อระบบกันสะเทือนหรือsuspension linkageใหม่ , ระบบควบคุมการออกตัว หรือ HRC Lunch Control ใหม่  รวมทั้งสามารถเลือกโหมดการขี่ได้สามโหมดเพื่อส่งกำลังตามสภาพเส้นทางการขับขี่ พร้อมทั้ง มีกราฟิก CRF ใหม่ด้วย เช่นเดียวกับในคลาส 450F คือจะมีเวอร์ชั่นพิเศษ Premium Levelด้วยรุ่น อย่าง CRF250RWE Works Edition ใหม่ ที่ได้รับการปรับแต่งทั้งหมดด้วยอุปกรณ์เสริมระดับโรงงานที่จะต่อยอดจากพื้นฐานของ CRF250Rโมเดลล่าสุดที่ส่งออกมาในปีนี้  เช่น คลัตช์ไฮดรอลิก (ครั้งแรกในรถพิกัด 250 ของHonda), ท่อไอเสีย Yoshimura, ไส้กรองอากาศคู่, ที่หุ้มเบาะนั่ง Throttle Jockey, ขอบล้อ DID DirtStar LT-X ระดับพรีเมียม, Kashima และไทเทเนียม ตะเกียบเคลือบออกไซด์ ฝาครอบฝาสูบสีแดง และ ฝาสูบแบบพิเศษ ทั้งหมดนี้ทำการปรับแต่งมาจากโรงงานโดยตรง ซึ่งองค์ประกอบของคำว่า all-new ใน 2025CRF250Rมีดีเทลเบื้องต้นดังนี้

อัปเดตเฟรมหลักที่สร้างด้วยการมีส่วนประกอบโครงสร้างใหม่ถึง 70% จากเดิม เพื่อปรับความแข็งแกร่งให้เหมาะสมและปรับปรุงลักษณะการจัดการต่างๆบนตัวรถ จุดติดตั้งซับเฟรมใหม่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งด้านข้างให้เหมาะสม และลดการส่งผ่านพลังงานหรือรถการถ่ายน้ำหนักจากด้านหลังของรถแข่งไปยังด้านหน้า ความแข็งแกร่งของsteering stemตุ๊กตาแฮนด์, triple clampแผงคอ , outer fork tubesท่อโช้คด้านนอก และfront axle เพลาหน้าได้รับการแก้ไขทั้งหมดเพื่อให้เหมาะสมกับการอัปเดตเฟรม ตะเกียบหน้าหรือforkชิ้นส่วนภายในที่อัพเดทก็ มีสปริงใหม่ วาล์วควบคุม ซีล และน้ำมันเพื่อให้สัมผัสที่สม่ำเสมอตลอดทุกจังหวะจังหวะการเคลื่อนไหวได้อย่างมีเสถียรภาพ อีกทั้งลดแรงกระแทกจากพื้นสู่ตัวรถ สปริงโช้ค กระปุกน้ำมัน เพลา และซีลน้ำมัน ใหม่ ช่วยให้รู้สึกถึงระยะชักที่สม่ำเสมอเพื่อให้เข้ากับโช้คที่อัปเดตใหม่ ชุดกระเดื่องได้รับการปรับปรุงที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง และมีความมั่นคง เพิ่มสเถียรภาพให้กับการขับขี่ คาลิปเปอร์เบรกหน้ามีลูกสูบและร่องซีลที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อประสิทธิภาพที่ยืนระยะได้สม่ำเสมอตลอดการแข่งขัน แอร์บ็อกซ์ที่ออกแบบใหม่ให้ทางเดินที่ตรงขึ้นเพื่อการไหลเวียนของอากาศ ปรับปรุงการควบคุมคันเร่งได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และสามารถส่งกำลังได้เต็มกำลัง ความแข็งแกร่งของข้อเหวี่ยงที่เพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มแรงบิดในช่วงกลาง ท่อไอเสียและการออกแบบท่อเฮดเดอร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่มีการส่งกำลังออกมาอย่างนุ่มนวลยิ่งขึ้น พร้อมช่วยเพิ่มอัตราเร่ง

เซทค่าแมปปิ้งใน ECU ใหม่ให้การส่งผ่านที่นุ่มนวลยิ่งขึ้นในขณะที่ยังคงรักษาแรงบิดและกำลังที่แข็งแกร่งตลอดทุกรอบการทำงานเครื่องยนต์

ตัวถังหรือบอดี้เวิร์คที่ออกแบบใหม่มีพื้นผิวเรียบช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และมีจุดสัมผัสขนาดใหญ่สำหรับการยึดเกาะกับตัวรถได้อย่างมั่นคง

สวิตช์เปลี่ยนแมปปิ้งใหม่ให้การตั้งค่าการควบคุมแรงบิดหรือ Honda selectable torque control เซทติ้งมาแบบเช่นเดียวกับ CRF450R เวลาในการถอดโช๊คหลังลดลงครึ่งหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องถอดซับเฟรมเพื่อเข้าถึงโช้ค อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าHondaได้ส่งตัวแต่งจากโรงงานออกมาทำตลาดคู่กัน โดยวางตำแหน่งของ Honda CRF250R Works Edition จะถือเป็นสุดยอดรถวิบากของ Honda ที่เน้นเป้าหมาย สำหรับผู้ขับขี่ในระดับที่จริงจัง เน้นโฟกัสการปรับปรุงสมรรถนะของแรงบิดช่วงรอบการทำงานต่ำและกลางของเครื่องยนต์ มาพร้อมท่อไอเสียที่ให้ความดุดันเพิ่มขึ้น รวมถึงแชสซีที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ด้านความเสถียรที่ดีขึ้น พร้อมด้วยประสิทธิภาพของระบบกันสะเทือนที่ปรับให้เหมาะสม พร้อมกับมีการควบคุมที่ดีขึ้น ซึ่งมีองค์ประกอบระดับพรีเมี่ยมที่เสริมเข้าไป อาทิ

New hydraulic clutch

New Yoshimura exhaust with stainless-steel header pipe and titanium muffler

Twin Air air filter

Throttle Jockey Team Honda HRC graphics

Throttle Jockey seat cover

Matte Red Metallic cylinder-head cover

Hand-polished cylinder ports

D.I.D DirtStar LT-X rims

Kashima-coated outer fork tubes

Titanium oxide-coated fork legs

Black anodized axle holder

Titanium oxide-coated 18mm shock shaft

Hand-operated fork-compression adjuster

 

ซึ่งสเปคข้อมูลของ 2025CRF250RWEมีรายละเอียดดังนี้

Engine
Bore × Stroke (mm)
96.0mm x 62.1mm

Carburation
CDI Electronic Fuel injection

Compression Ratio
13.5 : 1

Engine Displacement (cc)
449.7cc

Engine Type
Liquid-cooled 4-stroke single cylinder uni-cam

Starter
Electric

Oil Capacity (Litres)
1.25 Litres

Wheels
Brakes Front
Single 260mm disk

Brakes Rear
Single 240mm disk

Suspension Front
Showa 49mm USD fork

Suspension Rear
Showa monoshock using Honda Pro-Link

Tyres Front
Dunlop MX33F

 

Tyre Size Front
80/100-21-51M Dunlop MX33F

Tyre Size Rear
120/80-19-63M Dunlop MX33

Tyres Rear
Dunlop MX33

Wheels Front
Aluminium spoke

Wheels Rear
Aluminium spoke

Dimensions and Weights
Caster Angle
27°19′

Dimensions (L×W×H) (mm)
2,183 x 827 x 1,265mm

Frame type
Aluminium twin tube

Fuel Tank Capacity (Litres)
6.3 litres

Ground Clearance (mm)
333mm

Kerb Weight (kg)
110.6kg

Seat Height (mm)
961mm

Trail (mm)
115mm

Weight (kg)
108kg

Wheelbase (mm)
1,482mm

Transmission
Clutch
Wet type multi-plate

Final Drive
Chain

Transmission Type
Constant mesh