GSX-S1000GX ผสมผสานเทคโนโลยี และ สไตล์ที่โดดเด่น
สมาชิกใหม่ในซีรีส์GSXของSuzukiที่ทำการเปิดตัวออกมาในฐานะ new model สำหรับปี2024ก็คือ GSX-S1000GX ที่จะมาเป็นสมาชิกที่ต่อจาก GSX-S1000 กับ GSX-S1000GTที่ส่งออกมาก่อนหน้านี้ โดยสมาชิกใหม่ที่มาพร้อมรหัสต่อท้ายด้วย GX แม้จะอยู่ในกลุ่มรถที่พัฒนามาเพื่อตอบสนองความต้องการในการเดินทางไกลแต่ด้วยรหัส GX นี้มันจะสื่อถึงคุณสมบัติความเป็นรถในแบบ crossover หรือรถที่มีการผสานระหว่าความเป็นทัวริ่งกับแอ๊ดเว็นเจอร์นั่นเอง
อย่างไรก็ตามความแตกต่างหรือการแยกความต่างของความเป็น GX กับ GTนั้ นอยู่ที่ระบบกันสะทือน โดยใน GX จะมีระยะยุบตัวของระบบกันสะเทือนหน้าและหลังที่มากกว่า อีกทั้งยังมีความสูงหรือระยะห่างจากพื้นเพิ่มขึ้นอีก อีกทั้งการจัดวางท่าทางการขับขี่จะให้ความรู้สึกที่สะดวกสบายมากกว่าเพราะการจัดวางท่าทางที่นั่งขี่ที่ให้ลำตัวตั้งตรงมากกว่า โดยรวมแล้วกล่าวได้ว่า GSX-S1000GX มีความเป็นรถครอสโอเวอร์ที่ผสมผสานองค์ประกอบหรือคุณสมบัติของรถแบบแบบสปอร์ตทัวเรอร์กับรถสายการผจญภัยแบบแอ๊ดเว็นเจอร์เข้าด้วยกัน พร้อมกันนี้ได้มีการนำเครื่องยนต์จากซีรีส์ GSX-S1000 มาใช้ เพื่อที่จะได้สืบทอดสมรรถนะด้านกำลังที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ในแบบสปอร์ต พร้อมกันนี้ก็เสริมคุณสมบัติที่ต้องการด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีและติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในแบบรถทัวริ่ง ด้วยสไตล์โดดเด่นด้วยสมรรถภาพที่ดุดันซึ่งรวบรวมสมรรถนะของความเป็นรถสปอร์ตไบค์ ผสมผสานกับการออกแบบที่ทันสมัยซึ่งจัดวางตำแหน่งท่าทางการขับขี่ที่ให้ฟิลลิ่งสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกล
ที่น่าสนใจคือ GSX-S1000GX จะเป็นรถจักรยานยนต์คันแรกของ Suzuki ที่ติดตั้ง Suzuki Advanced Electronic Suspension (SAES) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระบบกันสะเทือนแบบอิเล็กทรอนิกส์และปรับค่าพรีโหลดให้เหมาะสมตามความเร็วของรถ สภาพพื้นผิวถนน และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเบรก นอกจากนี้ยังได้พัฒนาและติดตั้งโปรแกรม Suzuki Road Adaptive Stabilization (SRAS) ซึ่งจะช่วยตรวจจับพื้นผิวถนนที่ขรุขระแล้วทำการควบคุมช่วงล่างโดยอัตโนมัติโดยการรวบรวมข้อมูลจาก SAES เป็นผลให้ระบบกันสะเทือนบรรลุเป้าหมายในการปรับค่าที่เหมาะสมช่วยให้ได้รับความรู้สึกการขับขี่ที่นุ่มนวลพร้อมการลดการสั่นสะเทือนบนถนนที่ขรุขระ และขณะเดียวกันก็ได้รับสมรรถนะแบบสปอร์ตที่คล่องแคล่วว่องไวบนถนนลาดยาง
ตามที่ทราบกันไปแล้วว่า GSX-S1000GX ได้รับการจัดให้ร่วมกลุ่มผลิตภัณฑ์ตระกูล GSX ของ Suzuki ในปี 2024 และนำเสนอฟีเจอร์และเทคโนโลยีใหม่ พร้อมกำหนดสถานะเป็นโมเดลครอสโอเวอร์ของ Suzuki และเป็นสมาชิกในตระกูล GSX เช่นเดียวกับ GSX-S1000 และ GSX-S1000GT จึงได้ใช้เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะระดับรถซูเปอร์ไบค์ที่มีขุมพลังแบบสี่จังหวะสี่สูบแถวเรียงปริมาตรความจุ 999ซี.ซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ DOHC ที่ใช้ใน GSX-R มาเป็นขุมพลัง ขับเคลื่อน GSX-S1000GX ดังนั้นจึงเชื่อมั่นได้ในประสิทธิภาพ
พื้นฐานเครื่องยนต์ GSX-R ที่ได้รับการปรับช่วงชักที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับการนำมาใช้ในของ GSX-S1000GXได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ได้แรงบิดที่เพิ่มขึ้นพร้อมด้วยการตอบสนองการขับขี่ที่นุ่มนวล รวมถึงยังให้การตอบสนองของคันเร่งที่คาดเดาและควบคุมได้ง่าย
เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ GSX-S1000 รุ่นก่อนหน้า ได้มีการปรับโปรไฟล์แคมชาพท์หรือเพลาลูกเบี้ยวของ GXในส่วนของการลดองศาการจัดวางจังหวะการเปิดปิดวาล์วใหม่ ไม่เพียงแต่ช่วยในด้านการปรับปรุงค่าการปล่อยไอเสียเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับสมดุลสมรรถนะของเครื่องยนต์และความสามารถในการขับขี่อีกด้วยให้มีความเหมาะสมกับจุดประสงค์การออกแบบรถเวอร์ชั่นนี้
สปริงวาล์วได้รับการปรับให้มีความเหมาะสมกัยกับโปรไฟล์ใหม่ของเพลาลูกเบี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความทนทาน
ตัวปรับความตึงโซ่ลูกเบี้ยวหรือ cam chain tensioner และตัวปรับความตึงหรือtension adjuster ได้รับการออกแบบด้วยวัสดุที่คัดสรรมาเพื่อลดแรงเสียดทานและปรับปรุงความทนทาน
การออกแบบในส่วนของ Twin Swirl Combustion Chamber (TSCC) ที่ตัดว่าเป็นตำนานของ Suzuki ได้รับการปรับแบบฝาสูบซึ่งมีการทำงานร่วมกับลูกสูบแบบแบนหรือflat-top piston ทำให้ได้อัตราส่วนกำลังอัดที่เหมาะสมที่สุดของเครื่องยนต์เวอร์ชั่นนี้ที่ 12.2:1 ซึ่งช่วยให้กำลังเครื่องยนต์ที่เหมาะสมลงตัวกับแต่ละรอบการทำงานของเครื่องยนต์ในแต่ละช่วง
ลูกสูบอะลูมิเนียม ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมโดยใช้กระบวนการวิเคราะห์Finite Element Method (FEM) หล่อขึ้นเพื่อให้ได้ความแข็งแกร่งและน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด โดยสรุปก็คือได้ทำการออกแบบเพื่ออัพเกรดเครื่องยนต์ที่มีแคแรกเตอร์ความเป็นสปอร์ตให้ตอบสนองได้อย่างเหมาะสมเมื่อนำมาติดตั้งบนรถจักรยานยนต์สำหรับขับขี่ทางไกล
ในส่วนของโหมดการขับขี่ที่ตั้งไว้ล่วงหน้าจากโรงงานทั้ง 3 โหมด (A, B และ C) ช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับเปลี่ยนคุณลักษณะการส่งกำลังของ GSX-S1000GXได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพื่อให้เข้ากับสไตล์การขี่ หรือปรับตามสภาพอากาศหรือสภาพถนนที่เปลี่ยนแปลง
โหมด A (active ) มีไว้สำหรับการใช้งานแบบสปอร์ตที่ปราดเปรียวซึ่งให้การตอบสนองของคันเร่งที่เฉียบคมที่สุดเมื่อผู้ขับขี่เปิดคันเร่ง คุณลักษณะแรงบิดของโหมด A ได้รับการปรับแต่งอย่างประณีตเพื่อมอบอัตราเร่งที่น่าตื่นเต้นเมื่อเปิดคันเร่งอย่างดุดัน เช่น เพลิดเพลินกับการวิ่งแบบสปอร์ตบนถนนที่สะอาดและคดเคี้ยวในสภาพอากาศที่ชัดเจน
ในโหมด A โหมดกำลังเครื่องยนต์หรือengine powerจะถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “1” ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนหรือtraction control system ถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “2” และระดับการควบคุมการหน่วงแบบแอ็คทีฟของระบบกันสะเทือนเป็น “hard”
โหมด B (basic)ใช้สำหรับการขับขี่ทั่วไป เนื่องจากมีการตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มนวลขึ้น โหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นการตั้งค่าสำหรับการเดินทางแบบทัวริ่ง เพื่อให้สามารถควบคุม GX ได้มากขึ้น และปลูกฝังความมั่นใจให้กับผู้ขี่เมื่อเร่งความเร็ว และให้ความลงตัวที่ดีสำหรับสไตล์การขี่และสภาพถนนที่หลากหลายขับขี่แบบสบายๆ
ในโหมด B โหมดกำลังเครื่องยนต์จะถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “2” ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “4” และระดับการควบคุมการหน่วงแบบแอ็คทีฟของระบบกันสะเทือนอยู่ที่ “medium ”
โหมด C (comfort )มุ่งหวังที่จะให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและการควบคุมโดยให้การตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้นและลักษณะแรงบิดที่นุ่มนวลขึ้น โดยวัตถุประสงค์หลักของ โหมดนี้มีประโยชน์เมื่อขี่บนพื้นผิวที่เปียกหรือลื่น หรือขี่พร้อมผู้โดยสารและมีสัมภาระ หรือเมื่อผู้ขี่ต้องการการเดินทางที่ผ่อนคลายและสะดวกสบายหลังจากออกไปเที่ยวระยะไกลต่อเนื่อง
ในโหมด C โหมดกำลังเครื่องยนต์ถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “3” ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “6” และระดับการควบคุมการหน่วงแบบแอ็คทีฟของระบบกันสะเทือนเป็น “soft”
จากโหมดการขับขี่ก็มาที่เรื่องของการส่งกำลังหรือ power mode ที่ติดตั้งมาช่วยให้ผู้ขับขี่เลือกระหว่างสามระดับที่ให้คุณลักษณะกำลังของเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ตรงกับสภาพถนน สภาพอากาศ หรือความต้องการของผู้ขับขี่
ลักษณะการส่งกำลังของแต่ละระดับจะสังเกตได้ชัดเจนเมื่อใช้คันเร่ง แต่ละระดับได้รับการปรับแต่งและทดสอบอย่างละเอียดเพื่อให้ประสบการณ์การขับขี่โดยรวมของ GX สนุกสนานยิ่งขึ้น
โหมดกำลังระดับ 1ให้การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจที่สุดเมื่อเปิดคันเร่ง ได้รับการปรับแต่งเพื่อให้มีอัตราเร่งที่เร้าใจและดึงพลังของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเพลิดเพลินกับการวิ่งแบบสปอร์ตบนถนนเรียบ
โหมดกำลังระดับ 2ให้กำลังสูงสุดเดียวกันกับระดับ 1 แต่มีการตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มนวลกว่า จุดมุ่งหมายคือการส่งมอบการตั้งค่าที่สมดุลที่น่าพึงพอใจ ซึ่งเหมาะสมกับสไตล์การขี่และสภาพถนนที่หลากหลาย
โหมดกำลังระดับ 3ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและการควบคุมโดยเสนอการตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มนวลที่สุดและลักษณะแรงบิดที่นุ่มนวลยิ่งขึ้นไม่ดุดันรุนแรง การตั้งค่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อขี่ระยะทางไกล หรือเมื่อบรรทุกผู้โดยสารและอุปกรณ์ ซึ่งรายละเอียดข้อมูลตัวรถมีสเปคเบื้องต้นดังนี้
ENGINE
Type | 4-stroke, 4-cylinder, liquid-cooled, DOHC |
Displacement | 999 cm3 (61.0 cu. in.) |
Bore x Stroke | 73.4 mm x 59.0 mm (2.9 in. x 2.3 in.) |
Compression Ratio | 12.2: 1 |
Fuel System | Fuel injection |
Starter | Electric |
Lubrication | Forced feed circulation, wet sump |
Ignition | Electronic ignition (transistorized) |
Oil Capacity | 3.4 L (3.6 / 3.0 US/lmp qt) |
ELECTRONICS
Traction Control | Suzuki Traction Control System |
ABS | Suzuki Antilock Braking System |
DRIVE TRAIN
Transmission | 6-speed constant mesh |
CHASSIS
Length | 2,150 mm (84.6 in.) |
Width | 925 mm (36.4 in.) |
Height | 1,350 mm (53.1 in.) |
Wheelbase | 1,470 mm (57.9 in.) |
Seat Height | 845 mm (33.3 in.) |
Curb Mass | 232 kg (511 lbs.) |
Suspension Front | Inverted telescopic, coil spring, oil damped |
Suspension Rear | Link type, coil spring, oil damped |
Brakes Front | Disc, twin |
Brakes Rear | Disc |
Tires Front | 120/70ZR17M/C (58W), tubeless |
Tires Rear | 190/50ZR17M/C (73W), tubeless |
Fuel Tank | 19.0 L (5.0 / 4.2 US/Imp gal) |
WARRANTY
12-month unlimited mileage limited warranty