อัพเดทเรือธงลำใหม่ออกมารุกตลาดรถแอ๊ดเว็นเจอร์
ถึงคราวอัพเดทเรือธงลำใหม่ออกมารุกตลาดรถแอ๊ดเว็นเจอร์และทัวรริ่งอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ด้วยการเปิดไลน์อัพใหม่ ใหญ่กว่าเดิม พร้อมนิยามที่ว่า Next Level GS ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ และ ระบบกันสะเทื นใหม่ แถมยังได้รับการลดน้ำหนักในส่วนต่างพร้อมกับเพิ่มขีดความสามารถรอบตัว และจะขาดไม่ได้ก็คือ จิตวิญญาณของความเป็นGS หรือ Spirit OF GS
ถูกต้องแล้วนี่คือเรือธงสายแอ๊ดเว็นเจอร์ที่ว่ากันว่าเป็นเวอร์ชั่นดีที่สุดเท่าที่มีมากับโมเดลล่าสุดที่เปิดตัวมาในชื่อ R1300GS จาก BMW Motorrad ที่พร้อมเผชิญทุกเส้นทาง ทุกโค้งทุกเส้นทางลาดเอียงขึ้นเนินไต่ที่ลาดชันแม้ ต่เส้นทางออฟโรดทุรกันดานสมบุกสมบันก็พร้อมฝ่าฟันด้วยพลังขับเคลื่อนที่ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพตามวิถีทางหรือตามแนวทางที่เป็นไปของรถในรหัสGSนี้
BMW R 1300 GS เวอร์ชั่นใหม่ The Next Level GS มาพร้อมกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ใหม่และระบบกันสะเทือนใหม่ พร้อมน้ำหนักที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดและเพิ่มความสามารถของ GS ในทุกด้าน
ด้วยการปรับปรุงเสริมสร้างความเป็น Next Level GS ของBMW Motorrad ในครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่านี่คือการก่อตั้งเซ็กเมนต์ใหม่ของรถสไตล์ TouringEnduro ที่เข้ามาสร้างมิติใหม่ในการขับขี่เพิ่มเสริมประสบการณ์ใหม่ๆจากแบบทัวริ่ดั้งเดิมของรถตระกูลGSที่สืบสานมากว่าสี่ทศวรรษที่แล้ว ด้วยรุ่นริเริ่มอย่าง R 80 G/S BMW GS พร้อมเครื่องยนต์ Boxer เป็นผู้นำอย่างไม่มีข้อโต้แย้งในด้านการแข่งขันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งนี้จะยังคงอยู่ในอนาคต BMW Motorrad ได้เลือกใช้การออกแบบใหม่เกือบทั้งหมดสำหรับ R 1300 GS ใหม่ โดยลดน้ำหนักได้อย่างน่าประทับใจถึง 12 กก. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่เคยผลิตออกมา
หัวใจสำคัญของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบระดับตำนาน ที่ได้รับการออกแบบใหม่มีขนาดกะทัดรัดกว่าที่เคยด้วยกระปุกเกียร์ที่อยู่ใต้เครื่องยนต์และการจัดเรียงเพลาลูกเบี้ยวใหม่ จากขนาด 1,300 ซีซีพอดี ให้กำลัง 107 กิโลวัตต์ (145 แรงม้า) ที่ 7,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 149 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที นี่ทำให้เป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ของ BMW ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในซีรีส์นี้
มาดูที่กึ่งกลางของระบบกันสะเทือนแบบใหม่คือโครงหลักที่เป็นแผ่นโลหะที่ทำจากเหล็ก ซึ่งนอกจากจะได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างมากในแง่ของพื้นที่การติดตั้งแล้ว ยังให้ระดับความแข็งที่สูงกว่ารุ่นก่อนอีกด้วย สำหรับเฟรมด้านหลัง โครงสร้างเหล็กท่อแบบเดิมได้ถูกแทนที่ด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปแล้ว ในส่วนของ new EVO Telelever front wheel guideใหม่พร้อมองค์ประกอบที่ยืดหยุ่นให้ตัวได้และ EVO Paralever rear wheel guide ที่ปรับปรุงใหม่ ยังให้ความแม่นยำในการบังคับเลี้ยวและมีความเสถียรในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
New electric Dynamic Suspension Adjustment(DSA) เป็นอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานได้ดี มาพร้อมการปรับอัตราหน่วงและสปริงแบบไดนามิก และยังมีการชดเชยน้ำหนักบรรทุกอีกด้วย โดยระบบกันสะเทือนแบบอิเล็กทรอนิกส์ Dynamic ESA Next Generation รุ่นก่อนหน้านั้นมอบความปลอดภัยในการขับขี่ระดับสูงและความสนุกสนานในการขับขี่บนภูมิประเทศที่หลากหลาย ด้วยการปรับระบบกันสะเทือนแบบไดนามิกdynamic adjustment of the damping และที่พักสปริงแบบปรับได้ที่ด้านหลัง adjustable spring rest at the rear การปรับช่วงล่างแบบไดนามิกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (DSA) ใหม่ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง โดยผสมผสานการปรับแบบไดนามิกของโช้คอัพหน้าและหลังเข้ากับการปรับอัตราสปริง (“ความแข็งของสปริง”) ที่สอดคล้องกัน – ขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่ที่เลือก สภาพการขับขี่ และ สถานการณ์การขับขี่ การปรับส่วนที่เหลือของสปริงโดยอัตโนมัติช่วยให้มั่นใจได้ถึงการชดเชยโหลด ทำให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้นบนทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเดินทางคนเดียว เป็นคู่ หรือบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ DSA รับประกันความปลอดภัย สมรรถนะ และความสะดวกสบายในการขับขี่ในระดับที่สูงขึ้นไปอีก
การควบคุมความสูงของรถแบบปรับได้และระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตเป็นอุปกรณ์เสริมในอดีต
เมื่อใช้งานร่วมกับ DSA ที่เป็นอุปกรณ์เสริมโดยเฉพาะแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมอีกสองรายการให้เลือกใช้สำหรับระบบกันสะเทือนของ R 1300 GS ใหม่: ระบบควบคุมความสูงของรถแบบปรับได้ใหม่และระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต
ด้วยการควบคุมความสูงของตัวรถแบบปรับได้ R 1300 GS ใหม่ให้การปรับความสูงของยานพาหนะโดยอัตโนมัติโดยสมบูรณ์โดยขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน ดังนั้นจึงรับประกันความสบายสูงสุดที่เป็นไปได้โดยไม่ต้องกระทบต่อไดนามิกในการขับขี่และอิสระในการพลิกตัว
ด้วยระยะสปริงที่เพิ่มขึ้น 20 มม. ที่ด้านหน้าและด้านหลัง และระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่แข็งแกร่งซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ GSที่ช่วยให้ ผู้ขับขี่แบบออฟโรดจึงได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี
โหมดการขี่สี่โหมดเป็นมาตรฐานแล้ว โหมดการขับขี่ “Enduro” เพื่อประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโรดที่ดียิ่งขึ้น
แม้จะเป็นแบบมาตรฐาน แต่ R 1300 GS ใหม่ก็มีโหมดการขี่สี่โหมดมากกว่าสามโหมดเพื่อปรับให้เข้ากับความชอบของผู้ขับขี่แต่ละคน โหมดการขี่ “Rain” และ “Road” ช่วยให้สามารถปรับลักษณะการขี่ให้เข้ากับสภาพถนนส่วนใหญ่ได้ ด้วยโหมดการขี่ “Eco” คุณสามารถบรรลุระยะสูงสุดด้วยการใช้น้ำมันเพียงถังเดียว ในขณะที่โหมดการขี่เพิ่มเติม “Enduro” ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขี่บนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยด้วยการตั้งค่าเฉพาะสำหรับการใช้งานออฟโรด
นอกจากโหมดการขี่แล้วยังมีระบบช่วยขับขี่พร้อมระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบแอ็คทีฟ (ACC), ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW) และคำเตือนการเปลี่ยนเลน (SWW) เพื่อการขี่มอเตอร์ไซค์ที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย
BMW R 1300 GS ใหม่ มาพร้อมตัวเลือก Riding Assistant ใหม่ ซึ่งประกอบด้วยส่วนประกอบ Active Cruise Control (ACC), Front Collision Warning (FCW) และ Lane Change Warning (SWW) สามารถใช้ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบแอ็คทีฟ (ACC) พร้อมระบบควบคุมระยะห่างในตัวเพื่อตั้งค่าความเร็วในการขับขี่ที่ต้องการและระยะห่างจากรถคันหน้า ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW) พร้อมระบบเบรกได้รับการออกแบบเพื่อป้องกันการชนและช่วยลดความรุนแรงของการเกิดอุบัติเหตุ ในขณะที่ระบบเตือนการเปลี่ยนเลนจะตรวจสอบเลนซ้ายและขวา และสามารถช่วยรับประกันการเปลี่ยนเลนอย่างปลอดภัยในขณะที่รองรับการใช้กระจกหลัง
R 1300 GS ใหม่มีการออกแบบใหม่ทั้งหมดซึ่งมีพื้นฐานมาจาก GS flyline แบบดั้งเดิม ในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความกะทัดรัดและการลดน้ำหนักลงอย่างมาก
ด้วยถังเชื้อเพลิงอะลูมิเนียมแบบใหม่ที่มีทางลาดเรียบกว่ารุ่นก่อนมาก ฟลายไลน์มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อรูปลักษณ์ที่ไดนามิก เบา และเข้าถึงได้ของ R 1300 GS ใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความสปอร์ตและไดนามิกให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยการใช้พื้นผิวที่ต่อเนื่องกันในฝาปิดตรงกลางถังน้ำมันเชื้อเพลิง
รุ่นพื้นฐานของ BMW R 1300 GS ใหม่รวบรวมสิ่งที่ทีมพัฒนาของ BMW Motorrad มอบให้ตำนาน GS ได้อย่างสมบูรณ์แบบ: การจัดเรียงส่วนประกอบที่กะทัดรัด ฟังก์ชั่นระดับสูงของอุปกรณ์ และทุกสิ่งที่เน้นไปที่สิ่งสำคัญ R 1300 GS ใหม่มีรูปลักษณ์ที่ดูล่ำสันและผสานเข้ากับธีม Boxer GS ในสไตล์ดั้งเดิมด้วยการใช้สีขาวสว่างร่วมกับเส้นที่วาดอย่างเฉียบคมและรูปลักษณ์ที่สะอาดตา กล่าวได้ว่านี่คือ เรือธงสายแอ๊ดเว็นเจอร์จากBMW Motorrad ที่ถูกพัฒนามาเพื่อให้เป็นรถที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในแบบทัวริ่งและออฟโรดอย่างแท้จริง โดยสเปคพื้นฐานของตัวรถมีข้อมูลสเปคดังนี้
Specifications/Technical Details
Engine
Rated output
145 hp at 7,750 rpm
Emission control
Closed-loop 3-way catalytic converter
Type
Air/liquid-cooled four-stroke flat twin engine with double overhead and chain driven camshafts (BMW ShiftCam) and balance gear wheels
Bore x stroke
106.5 mm x 73 mm
Capacity
1,300 cc
Max. torque
109 lbs-ft 6,500 rpm
Compression ratio
13.3 : 1
Mixture control
Electronic intake pipe injection
Exhaust emission standards
EU 5
Performance / fuel consumption
Maximum speed
over 200 km/h
Fuel consumption per 100 km based on WMTC
4.8 l
CO2 emission based on WMTC
110 g/km
Fuel type
Super unleaded, 95 ROZ/RON; adaptive fuel quality regulation, 91-98 ROZ/RON
Electrical system
Alternator
Three-phase alternator with 650 W (nominal power)
Battery
12 V / 10 Ah, maintenance-free Lithium-ion battery
Power transmission
Clutch
Wet clutch, anti-hopping clutch, hydraulically operated
Gearbox
Claw-shifted 6-speed gearbox
Drive
Cardan
Traction control
BMW Motorrad DTC
THE PACESETTER #SPIRITOFGS
Chassis / brakes
Frame
Two-part frame concept consisting of main frame and rear frame bolted to it, co-supporting engine
Front wheel location / suspension
BMW Motorrad EVO-Telelever, handlebar tilting decoupeled via flex element, central shock absorber
Rear wheel location / suspension
BMW Motorrad EVO-Paralever, cast aluminium single-sided swingarm, transversal connected swing arm bearings, central WAD spring strut, spring preload fully adjustable
Suspension travel, front / rear
190 mm / 200 mm
Wheelbase
1,518 mm
Castor
112 mm
Steering head angle
63.8 °
Wheels
Aluminium cast wheels
Rim, front
3.00 x 19“
Rim, rear
4.50 x 17“
Tire, front
120/70 R19
Tire, rear
170/60 R17
Brake, front
Twin disc brake, semi-floating brake discs, diameter 310 mm, 4-piston radial brake caliper
Brake, rear
Single disc brake, diameter 285 mm, 2-piston floating caliper
ABS
BMW Motorrad Full Integral ABS Pro (lean angle optimized)
Dimensions / weights
Seat height at unladen weight
33.5″
Inner leg curve at unladen weight
1,900 mm
Usable tank volume
19 l
Reserve
approx. 4 l
Length
2,212 mm (over splash guard)
Height
1,406 mm (above windshield)
Width
1,000 mm (over hand guard)
Unladen weight, road ready, fully fuelled
237 kg
1)
Permitted total weight
465 kg
Payload (with standard equipment)
228 kg