Skip to content
Yamaha TRACER9GT ROAD OF LIFE ได้เวลาออกลุยแล้ว กับทัวร์ริ่งสายซิ่ง

เปิดตัวมาตั้งแต่ไตรมาสแรกในงาน มอเตอร์โชว์ฯ กระแสตอบรับดีมาก สำหรับรถบิ๊กไบค์สายทัวร์ริ่ง ที่มาแบบไม่ธรรมดา ด้วยรูปทรงที่ปราดเปรียว กระชับ ตอบรับทุกการขับขี่ที่ดุดัน และเร้าใจ
TRACER9GT อยู่ในเซ็กเม้นท์ของทัวร์ริ่ง แต่แฝงไปด้วยพาวเวอร์ทอร์คพละกำลังมหาศาล และสรีระที่ไม่เทอะทะสามารถขับขี่ได้หลากหลายรูปแบบ ว่าจะใช้งานในเมืองที่มีการจราจรติดขัด ด้วยความเพรียวของตัวรถ ทำให้ง่ายในการพลิกเลี้ยวและซิกแซกในของแคบๆ ได้สะดวก หรือการเดินทางออกทริปไปท่องเที่ยว

ความสปอร์ตเห็นได้ชัดตั้งแต่ด้านหน้า กับโคมไฟคู่ที่ดูมีความเฉี่ยบคมดุจตาเหยี่ยว และมาพร้อมกับระบบ คอนเนอริ่งไลท์ ที่เมื่อเลี้ยวเข้าโค้งรถเอียงมากกว่า 7 องศา จะมีแสงไฟส่องออกทางด้านข้างเพื่อให้มองเส้นทางได้เคลียมากยิ่งขึ้นในเวลากลางคืน ไฟสูงแบบทรงกลม แฟริ่งไม่เยอะและไม่ใหญ่ ถังน้ำมันขนาดใหญ่ เบาะสองตอน เครื่องยนต์ เพลตฟอร์มระดับมาสเตอร์ทอร์ค 3 สูบ เรียง คอสเพลน ที่สามารถสร้างแรงบิดได้สูง เมื่อต้องการที่จะเร่งแซง หรือทำควาเร็ว พร้อมทะยานทุกย่านของรอบเครื่องยนต์ เพียงกระแทกคันเร่งที่เป็นระบบไฟฟ้าเบามือไม่ต้องแรงเยอะ ถึงแม้จะมีน้ำหนักเยอะแต่เมื่อมันถูก กำคลัทช์ ใส่เกียร์ และบิดคันเร่งออกตัว ไร้ซึ่งแรงกดอยู่กับที่ทำให้มันรู้สึกเบาขึ้นมาทันที และเพิ่มความสนุกเร้าใจด้วยฟังก์ชั่นการขับขี่ที่แสดงขึ้นบนจอแสงผลแบบดิจิตอลแยก 2 จอ โหมดการขับขี่ 4 โหมด การปรับระบบช่วงล่างไฟฟ้า 2 ระดับ และ แทร็คชั่นคอนโทรล 2 ระดับ + ปรับตั้งเองอีก 1 โหมดการขับขี่สุดเร้าใจ รองรับสไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกัน ขี่ไปปรับไปได้ง่ายแบบเรียลไทม์ โหมด 3 น่าจะที่เหมาะสำหรับสายทัวร์ริ่งมากที่สุด

พราะด้วยการสั่งงานของกล่องควบคุมจะกำหนดให้เครื่องยนต์มีความราบเรียบ รอบไม่ตึง แต่ยังให้อัราตาเร่งที่ดี ส่วน 1-2 จะเหมาะสำหรับการใช้งานแบบใช้งานทั่วไป เพราะทั้งรอบ และแรงม้าถูกปล่อยออกม้าเต็มระบบ และมีเอนจิ้นเบรกหนัก เมื่อยกคันเร่ง มันจะสนุกเมื่อขับขี่ในรถติดๆ การซิกแซก เข้าซอกเข้าซอย โหมด 2 มีความใกล้เคียง แต่รอบจะถูกลดลงนิดหน่อย ทั้ง 3 ฟังก์ชั่น ควบคุมด้วยสวิตช์ที่ด้านซ้ายใช้งานง่าย ความดุดันของเครื่องยนต์ 3 สูบ คอสเพลน เพิ่มออพชั่นเพื่อให้การขับขี่มีความต่อเนื่อง ด้วย ระบบควิกชิพเตอร์ ที่สามารถใช้งานทั้ง ชิพอัพ และชิพดาวน์

ในส่วนของชิพอัพก็เข้าได้ปกติกถึงจะต้องออกแรงนิดนึ่ง แต่สำหรับชิพดาวน์ ยังสามารถรวบเกียร์ได้เร็ว ใช้คลัทช์ช่วยซับก็ยังสนุกกว่า เพราะว่าเครื่องยนต์ตัวนี้ก็มีระบบ สลิปเปอร์คลัทช์มาให้ด้วย ระบบกันล้อหลังหมุนสไลด์ แทร็คชั่นคอนโทรล มีให้เล่น 2 ระดับมาตรฐาน และ โหมด M แมนนวน ที่สามารถตั้งค่าเองได้ สำหรับคนที่มีสกิลสูงๆ ท่านั่งสไตล์ทัวร์ริ่ง ให้ความสบายไม่ต้องก้มให้เมื่อย ระยะความห่างของเบาะนั่งกันแฮนด์ที่ถูดปรับเยื่องเข้าหาผู้ขับขี่มันค่อนข้างผ่อนคลาย แขนไม่ตึง การบังคับแฮนด์ก็เลยง่าย และเบาแรง ตัวเบาะเองก็มีขนาดกว้าง แต่ความสูงจากพื้นถึงเบาะผู้ขับขี่ค่อนข้างจะสูงไปนิด

แต่นั่นก็เพราะสไตล์ของตัวรถที่เน้นการขับขี่ที่ต้องมองไกลเพื่อวิสัยทัศน์ที่ดี วินชิลด์ ปรับได้สองระดับด้วยมือ การ์ดแฮนด์มีมาให้ครบ และเพื่อสะดวกในการเดินทางที่ต้องใช้ จีพีเอส หรือ เส้นทางผ่านสมาร์ทโฟน ข้างเอนไมล์ทางซ้ายก็มีช่องเสียบชาร์จไว้ด้วยช่วงล่างหนึบ โช้คอับหน้า Upside Down และ โช้คหลังเดี่ยว ที่สามารถปรับได้ด้วยแมนนวน ดีเหมือนกัน หลังจากขับขี่บนถนนหลักจนรู้สึกชินกับน้ำหนัก และสรีระของตัวรถแล้ว

พอได้ขึ้นเขาใหญ่ที่มีโค้งให้ได้ลองพลิกเลี้ยวดูก็รู้ว่ามันใช้ได้เลย และที่สำคัญ ระบบโช้คอัพที่เป็นไฟฟ้านั้นสามารถปรับได้ถึง 2 ระดับ เพื่อรองรับน้ำหนักผู้และขับขี่ผู้ซ้อนท้าย หรือสไตล์การขับขี่ของไบค์เกอร์แต่ละคน เรื่องของเบรกก็จัดเต็มมาให้อยู่แล้ว ดิสก์เบรกหน้าจานคู่ ข้างหลังดิสก์เบรกจานเดี่ยว พร้อม ABS เอาอยู่ทุกความเร็ว แต่ก็ต้องระมัดระวังกันด้วยนะ

สรุปรวมๆ TRACER9GT เป็นรถทัวร์ริ่ง ที่มีความกระชับ และคล่องตัว อัตราเร่งดี ท่านั่งสบายตอบโจทย์การขับขี่ทางไกล แต่น้ำหนักจะเยอะไปนิด และเบาะสูงไปหน่อย ขนาดความสูง 170 ซม. ยังเขย่ง แก้ไขได้ด้วยการปาดเบาะลงอีกสัก 2 นิ้ว น่าจะให้ความมั่นใจเวลาจอด ส่วนราคาค่าตัว ก็พอสมน้ำสมเนื้อ 569,000 บาท