ผ่านไปแล้ว 2 วัน กับขับขี่ท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ใหม่ของลูกค้าฮอนด้าบิ๊กไบค์ เดินทางจาก นครพนม ข้ามเข้าลาว ต่อด้วย เวียดนาม วันแรกสตาร์ทออกจาก นครพนม ข้ามด่านเข้าลาว อากาศร้อนอบอ้าว จนมาถึงด่านข้ามเขตแดนเวียดนาม ฟ้าครึ้มเมฆปกคลุม และไม่นานสายฝนก็โปรยลงมา ทำเอาเปียกแฉะไปทั้งตัว ถนนลื่น บนเขาโค้งเยอะมาก ทำความเร็วไม่ได้มากต้องรับสภาพ และต้องขับขี่เลนขวาที่ไม่คุ้นด้วย รถบรรทุกเจ้าบ้านวิ่งสวนขึ้นเขา นี้ไม่เบาคันเร่ง ต้องระวังกันเอง
จากเขาลงสู่ทางราบ ฝนเจ้ากรรมก็ไม่เว้นระยะให้ได้ทำความเร็วกันเลย ย่องๆ ไปเรื่อยๆ 40-60 กม./ชม. อากาศเริ่มเย็น ชิลด์หมวกกันน็อคละอองฝนเกาะ ดวงไฟส่องกระทบเป็นแสงกระจาย ต้องใช้มือปัดเป็นระยะ ไม่งั้นอาจมีบวกกันเองหรือไม่ก็ข้ามไปอีกเลน ไม่อยากจะคิดภาพ!
หลุดจากความบันเทิงบนเขา เข้าเมืองได้ก็ต้องเจอกับสภาพการจราจรอันเป็นที่เรื่องลือ เสียงแตรต้องมา ไม่งั้นไม่ได้ไป ตาดู หูฟัง มีช่องก็เลาะๆ ไป ข่มด้วยเสียงเครื่องยนต์และแตรที่บีบเกืแบตลอดเวลา เพราะเค้าจะแทรกเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ ฝนก็ตก รถก็ติด ถนนลื่น มองทางก็ลำบาก แต่ก็มาถึงปลอดภัย ที่เมืองวินห์ อุณภูมิอากาศ 12 องศา ระยะทางประมาณ 360 กม.
เช้าวันรุ่งขึ้น ออกสตาร์ทแต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าเมืองหมกโจว เพื่อใหทันเวลาไปเดินบนสะพานกระจกบาจลอง (Bach Long Glass Bridge) ที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวขนาด 632 เมตร ตั้งอยู่ที่ ตำบลเหมื่องซาง อำเภอหมกโจว (Moc Chau) จังหวัดเซินลา (Son La) เป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางหุบเขากินเนสบุค เค้าว่าไว้เริ่มสตาร์ทก็ต้องลุยฝนพร่ำๆ แต้เช้า กางเกง ถุงมือ รองเท้า ก็ยังแห้งไม่สนิทจากเมื่อ ก็ต้องลุยแบบนั้นเลย ผ่านเมืองใหญ่เข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ เริ่มเห็นแสงร่ำไรๆ อากาศเย็นลมแรง และฝนก็หยุดตกซะที ได้เวลาขยับความเร็วเพิ่มขึ้น
ผ่านไปหลายหมู่บ้าน จากทางราบคราวนี้ก็ต้องขึ้นเขากันอีกแล้ว ดีนะที่ถนนแห้ง ก็เลยได้เติมคันเร่งสนุกกับโค้งพลิกรถซ้าย ขวา ดันขึ้นเนิน ลงเนิน และวิวสวยๆ แก้ง่วง แก้เซ็ง แต่มือนี่เย็นเจี๊ยบนิ้วแทบล็อคติดกับแฮนด์ 555 ขึ้นๆ ลงๆ เขาอยู่ประมาณสามลูก และเติมพลังอาหารกลางวันช่วง เอะยังไง ก็ตามนั้นล่ะ เพราะช่วงเช้าทำเวลาไม่ได้ อิ่มแล้ว..เหอะ ไม่ต้องนั่งย่อยไปย่อยบนเขาต่ออีกหน่อย ขนับเอวกันต่ออีก 65 กม. ก็ถึง จุดแลนด์มาร์กเมือง มอคโจ สะพานกนะจกที่ยาวที้สุดในโลก ขึ้นไปเดินเล่นถ่ายรูป และก็ลงมา เย็นย่ำค่ำเมื้อหันหัวรถออกมุ่งหน้าเข้าที่พักประมาณ 10 นาที รับกุญแจแยกย้ายไปอาบน้ำอุ่นๆ และลงมารับประทานอาหารค่ำ วันนี้ระยะทางรวม 380 กม.
รถที่ผมขี่เป็นรุ่น Suoer Bold’or 1300 ตัวใหญ่สุดในทริปนี้ น้ำหนักเยอะ แต่บอกเลยมันขี่สบาย เข้าโค้งนิ่งก็ด้วยน้ำหนักตัวของมันนี่ล่ะ นั่งก็สบายไม่เมื่อยมาก แต่กับระยะสองวันรวมกัน 700 กม. ก็หลังชาเหมือนกันนะ ช่วงฝนตกถนนลื่นเปิดโหมด RAIN วิ่ง ก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัว ถ้าไม่บิดคันเร่งล้อหลังไม่สไลด์ แทร็คก็ไม่ทำงาน แต่ก็มีบางช่วงที่ต้องชาร์จเพื่อที่จะแซง เครื่องนี่ลั่นคามือ ล้อหลังมันฟรีทิ้ง ต้องปรับเข้าหาด้วยการบิดเร่งแบบเนียนๆ อย่าไปกระแทกเร็ว และอย่าลืมว่าต้องวิ่งเลนขวาด้วยนะจ๊ะ เลี้ยวแต่ละครั้งตั้งสติมองคันหน้าให้ดี ข้ามเลนล่ะก็ บันเทิงแน่นอน เจ้าบ้านเค้าใส่เต็มเหนี่ยวเลย
นี่เป็นครั้งแรกในการขี่รถที่ยวในเวียดนาม และขี่เจ้า Super Bold’or สองวันผ่านไปก็สนุกดี อากาศเย็นขี่ไม่เหนื่อย ถนนก็ถือว่าไม่ได้ต่างจากบ้านเรา แค่ต้องระวัง และตั้งสติตลอดเวลาแค่นั้นเอง 555ยังเหลืออีก 5 วัน ให้ได้สนุกกับประสบการณ์ขี่รถเที่ยในต่างแดน