เอาเป็นว่าหลังจากที่ได้ไปสัมผัสกับการขับขี่ในสนามแข่งระดับโลกมาแล้วกับ CBR500R ซึ่งเค้นสมรรถนะความเป็นสปอร์ตออกมาได้อย่างเต็มที่แล้ว แต่สำหรับ CB500F เน็กเก็ดสปอร์ตที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ตัวเดียวกัน ตอบสนองการขับขี่ในเมืองที่คล่องตัว ยังไม่ได้ลองขี่จริงๆ สักที คราวนี้มีโอกาสได้ลองขี่ก็เลยเอาคู่แฝด CBR500R มาร่วมด้วยเพื่อจะได้ให้รู้ว่ามันใช้งานในเมืองจะเป็นอย่างไร
เอาตัวพระเอกของคอนเท้นท์นี้ก่อนเลยสำหรับ CB500R เน็กเก็ดสปอร์ต รูปทรงที่ปรับโฉมใหม่เสริมออพชั่นมาให้ใช้งานได้ดีกว่าเดิม และที่สำคัญมีความสวยมากยิ่งขึ้นด้วย ไฟหน้า LED ส่องสว่าง เชฟใหม่คมเข้าสวยสปอร์ต แรงด้วยเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง และออพชั่นที่ดีที่สุดในคลาส ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ ส่งมอบประสบการณ์ขับขี่เต็มรูปแบบ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 2 สูบ แบบ Parallel Twin DOHC ขนาด 500 ซีซี 47 แรงม้า ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด เสริมด้วยระบบ Assist Slipper Clutch เพิ่มความนุ่มนวลขณะเปลี่ยนเกียร์
วงล้อแม็กหน้า-หลัง ลายใหม่ และ วงล้อแม็กลาย Y-Spoke 5 ก้านคู่ ขนาด 17 นิ้ว ติดตั้งโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับขนาดใหญ่ 41 มม. แบรนด์ SHOWA รองรับแรงกระแทกได้มากกว่า ให้การควบคุมที่เหนือชั้น พร้อมยกระดับความปลอดภัยด้วยดิสก์เบรกหน้าคู่พร้อมด้วยคาลิเปอร์แบบ Radial Mount 4 Pots ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS ให้ประสิทธิภาพการเบรกเหมือนบิ๊กไบค์ระดับท็อป และสวิงอาร์มที่ใหญ่ขึ้นแต่น้ำหนักเบาลงเสริมความแข็งแรงสำหรับช่วงล่าง
ได้เวลาของการขับขี่บนถนนในเมืองหลวงยานค่ำคืนในช่วงอากาศเย็นๆ สภาพการจราจรช่วงเย็นของวันธรรมดาที่เต็มไปด้วยรถที่สัญจรไปมา กับ CB500R เน็กเก็ดไบค์ ที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย ก็ไม่ได้มีอุปสรรคในการซอกแซก เป็นรถที่ออกแบบท่านั่งสบายเบาะไม่สูงสำหรับตัวผมเองด้วย วางได้เต็มเท้าเลยทำให้มั่นใจในการพยุงตัว และการเว้าเบาะให้หน้าขาแนบกับตัวรถเพิ่มความมั่นคง และน้ำหนักของรถที่ลดลงด้วย
เครื่องยนต์มีการอัพเกรดใหม่ ของระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการจ่ายน้ำมันเพื่อให้มีแรงบิดที่เพิ่มขึ้น ทำให้การออกตัวที่เร็วขึ้น และการเร่งบิดแซงเรียกแรงม้าได้ฉับไวมากขึ้น ออพชั่นเสริมระบบ แอสซิสสลิปเปอร์คลัชท์ ขี่ในเมืองสภาพของรถติดๆ แถบไม่ได้ใช้ แต่มันไว้เพื่อสำหรับช่วงเวลาเร่งด่วนและการใช้ความเร็วที่สูงๆ น่าจะช่วยให้ความปลอดภัยและขี่สนุกมากขึ้นแฮนด์บาร์ระดับกลางกว้างพอประมาณ จับกระชับมือระยะไม่ไกลจากตำแหน่งท่านั่งเลี้ยวแล้วเบา แต่มันเป็นระดับที่พออดีกับกระจกมองข้างของรถยนต์ ทำให้เมื่อเจอช่องแคบๆ อาจไปไม่ได้ หรือต้องใช้การบิดแฮนด์และโยกรถช่วย ไม่งั้นได้รูดกระจกกระจายแน่นอน
ระบบเบรกหน้าที่ให้มาเป็นดิสก์คู่ อันนี้ทำงานได้ดีกว่าของเดิมแน่นอน แต่ขี่ในเมืองด้วยความเร็วไม่มากมันอาจจะได้ไม่รู้สึกอะไรมาก แต่มันกดแล้วชะงักดีเลยล่ะ ส่วนดิสก์เบรกก็ทำงานได้ดี โช้คอัพหน้าแบบหัวกลับอัพเกรดมาให้ทั้งสวยและทำงานได้ดี ระยะยุบถูกเซ็ทใหม่ โช้คอัพหลังทำงานรับสวิงอาร์มใหม่ลดการสั่นและอาการย้วยเมื่อพลิกรถแบบกระทันหัน วงล้อที่เปลี่ยนใหม่น้ำหนักเบาลงแต่มันก็ไม่รู้สึกกับการขับขี่เท่าไหร่ แต่มันดูสวยเพิ่มขึ้นนั่นเอง
มาที่ CBR 500R ในตระกูล 500 Series กันบ้าง ได้ทำการยกระดับให้เทียบเท่าซูเปอร์ไบค์ระดับท็อปคลาส เพื่อสร้างความตื่นเต้นและตอบโจทย์นักบิดตัวจริง ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีชั้นสูงเข้าไป เพื่อให้เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องการเข้าสู่โลกของบิ๊กไบค์ มีความแตกต่างกันที่ภายนอกเท่านั้น แต่มันก็ให้ความแตกต่างของการขับขี่ด้วย กับท่านั่งต่างๆ
อารมณ์ในสนามแข่งกับการขับขี่บนท้องถนนมันต่างกัน ด้วยความที่เป็นรถสปอร์ตทำให้ท่านั่งมันถูกบังคับให้ก้มลง แต่สำหรับ CBR500R นั้นท่านั่งจะกึ่งๆ ทัวร์ริ่ง ถึงจะก้มแต่ก็ไม่มาก ทำให้รู้สึกไม่เมื่อยมากเมื่อขี่นานๆ องศาในการเลี้ยวแคบทำให้การซิกแซกทำได้ง่าย แฟริ่งที่ครอบด้านข้างไม่มีปัญหาสำหรับการช่องการจราจรแคบๆ ระดับแฮนด์ที่ถูกวางตำแหน่งอยู่ใต้แผงคอ อันนี้ทำให้ง่ายต่อการวิ่งผ่านช่องระหว่างรถที่ติดๆ แฮนด์กดลงต่ำกว่ากระจกมองข้างรูดไปได้แบบสบายๆ หายห่วง สำหรับเครื่องยนต์ ออพชั่นการอัพเกรดช่วงล่าง และระบบเบรกต่างๆ ทั้งสองตัวเป็นเทคโนโลยีเดียว จึงไม่ค่อยมีความแตกต่างกันเท่าไหร่