ในบ้านเราเพิ่งจะเปิดตัวขาย Tenere700 ตามหลังยุโรปไปได้ไม่นาน ทางฝั่งยุโรปก็ส่งเวอร์ชั่นล่าสุดออกมาเป็นทางเลือกเพิ่มเติมด้วย Tenere700 Rally Edition ที่มาพร้อมกับ โทนสีอันเป็นสัญลักษณ์ที่คุ้นเคยกันดีสำหรับคนที่ติดตามผลงานของ Yamaha ในรายการแรลลี่ดาการ์ และนี่คือ Iconic Dakar heritage colours ที่ย้อนไปถึง Tenere โมเดลแรกซึ่งผลิตออกมาจำหน่ายในปี 1983 ที่มาด้วยโทนสีน้ำเงินเหลืองพร้อมลวดลาย speed block อันเป็นเอกลักษณ์ของ Yamaha

ก่อนจะถึงคราวกำเนิดของ Tenere นั้น ต้องย้อนไปในปี 1976 ที่ Yamaha ได้เปิดตัวรถในสไตล์ Dual purpose อย่าง XT500 เครื่องยนต์สี่จังหวะสูบเดียว มีคาแรคเตอร์ไปในทางรถเอ็นดูโร่ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีในยุโรป จากนั้นรถรุ่นนี้ก็เริ่มปรากฏในสังเวียนการแข่งขันเมื่อผู้ใช้นำไปลงแข่งขัน อย่างนักขี่ชาวฝรั่งเศส ได้นำไปลงแข่งแรลลี่ จากนั้นในระหว่างช่วงเดือนธันวาคม ปี 1978 รถรุ่นนี้ก็เป็นจำนวนหนึ่งใน 182 คันที่ลงแข่งดาการ์แรลลี่ และนับจากนั้นมา XT500 ก็กลายเป็นรถที่ขายดีมากที่สุดรุ่นหนึ่งในยุโรป ควบคู่กับความสำเร็จของการคว้าชัยชนะใน DakarRally ด้วยกระแสความสำเร็จในฐานะรถแข่งแรลลี่นี้เองจึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะสร้างรถในแบบแอดเวนเจอร์แท้ๆออกมาสู่ตลาด ด้วยการมีถังเชื้อเพลิงที่มีความจุมากพอสำหรับการเดินทางไกล ระบบกันสะเทือนที่มีระยะยุบตัวมากพอสำหรับรองรับทุกสภาพเส้นทางพร้อมกับระบบกันสะเทือนหลังแบบโช้คอัพเดี่ยวโมโนครอส และนี่คือรถโปรดักชั่นในประเภทแอดเวนเจอร์รุ่นแรกของ Yamaha มาในชื่อ XT600Z Tenere ที่ผลิตออกมาในปี 1983 และนับตั้งแต่ผลิตออกมาในฐานะรถ โปรดักชั่นแล้ว XT600 Z Tenere นี้ ยังได้ถูกนำไปใช้เป็นรถแข่งโดยทีมแข่งอิสระต่างๆอีกด้วย






หลังจากที่ Tenere700 เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2019 ก็กลายเป็นรถรุ่นหนึ่งที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้ทั่วโลกด้วยเครื่องยนต์ที่เน้นเรื่องแรงบิดและมีพละกำลังที่ดี จาก CP2 engine ซึ่งมีความจุ 689 ซีซี พร้อมตอบสนองการใช้งานในแบบออฟโรด และมีคุณสมบัติรองรับการเดินทางไกล ร่วมด้วยการตอบสนองที่สะดวกสบายขณะขับขี่บนทางไฮเวย์ ที่ผู้ขับขี่จะได้รับจาก Tenere700 และเพื่อเพิ่มทางเลือก จึงได้ส่งเวอร์ชั่นล่าสุด Tenere700 Rally Edition ที่มาพร้อมกับโทนสีน้ำเงินเหลือง พร้อมลวดลาย speedblock ตามแบบฉบับของตัวแข่งแรลลี่ ในปี 83-84 จากสังเวียน Dakar Rally เราคงจะไม่พูดถึงสเปคพื้นฐานของ Tenere700 ที่เป็นพื้นฐานเดียวกับ Tenere700 Rally Edition แต่จะกล่าวถึงเฉพาะองค์ประกอบเพิ่มเติมที่ทาง Yamaha บอกว่า เป็น high specification เหนือกว่ารถเวอร์ชั่นสแตนดาร์ด ที่มีการติดตั้งชิ้นส่วนเพิ่มเติมเพื่อยกระดับการป้องกันตัวรถ อาทิ chassis protection ที่คอยป้องกันตัวรถขณะนำไปขับขี่ในเส้นทางออฟโรด ด้วยแผ่นอลูมิเนียมที่มีความหนา 4 มม. ซึ่งติดตั้งมาจากโรงงาน หรือแม้แต่ heavy duty skid plate ที่เป็นการ์ดคอยปกป้องการกระแทกเครื่องยนต์ และป้องกันการกระแทกที่บริเวณชิ้นส่วนของเฟรมด้านล่าง รวมทั้ง aluminium radiator protector ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันความเสียหายของชิ้นส่วนหม้อน้ำ และยังรวมถึงชิ้นส่วน aluminium chain guard ที่ชิ้นส่วนเหล่านี้ออกมาเพื่อเพิ่มการป้องกันโครงสร้างตัวรถจากการกระแทกหรือขูดขีดจากสิ่งต่างๆระหว่างการขับขี่ในเส้นทางออฟโรดนั่นเอง



มาที่ส่วนของเบาะนั่งได้ปรับมาเป็นเบาะนั่งที่เหมาะกับการใช้งานในแบบแรลลี่ ด้วย one-piece rally seat ที่เป็นเบาะแบบชิ้นเดียวซึ่งมีความสูงเพิ่มจากเดิม 20 มม. ทำให้ตำแหน่งเบาะนั่งสูงอยู่ที่ 895 มม. ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขยับปรับเปลี่ยนช่วงขาได้สะดวกยิ่งขึ้น ทำให้ง่ายต่อการเคลื่อนไหวในการปรับเปลี่ยนจากการนั่งขี่มาเป็นยืนขี่ระหว่างตะลุยไปบนทางออฟโรด พร้อมกันนี้ยังมี grip pads ซึ่งเป็นแผ่นยางพิเศษที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานกับ Tenere700 Rally Edition ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้สะดวกขึ้น โดยด้านในของช่วงขาจะสามารถยึดเกาะกับรถได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับชุดแฮนเดิ้ลบาร์ที่มาแบบออฟโรดสไตล์ที่ปรับองศาให้เหมาะสมกับการใช้งานกับ off road handlebar grips และรายละเอียดอื่นๆ ของ Tenere700 Rally Edition มีข้อมูลดังนี้
Engine type : liquid-cooled, 4-stroke,
4-valves, DOHC, 2-Cylinder
Displacement : 689cm³
Bore x stroke : 80.0mm x 68.6mm
Compression ratio : 11.5:1
Maximum power : 54.0kW@9000rpm
Maximum Torque : 68.0Nm@6500rpm
Lubrication system : Wet sump
Clutch Type : Wet, Multiple Disc
Ignition system : TCI
Starter system : Electric
Transmission system : Constant Mesh, 6-speed
Final transmission : Chain
Carburettor : Fuel Injection
Frame : Steel tube backbone, Double cradle
Front suspension system : Upside down
telescopic fork
Rear suspension system : Swingarm, (Link type suspension)
Front travel : 210mm
Rear Travel : 200mm
Front brake : Hydraulic dual disc, Ø 282mm
Rear brake : Hydraulic single disc, Ø 245mm
Front tyre : 90/90 R21 M/C 54V M+S – Spoke wheels with Pirelli Scorpion Rally STR
Rear tyre : 150/70 R18 M/C 70V M+S – Spoke wheels with Pirelli Scorpion Rally STR
Overall length : 2,370mm
Overall width : 910mm
Overall height : 1,455mm
Seat height : 895mm
Wheel base : 1,595mm
Minimum ground clearance : 240mm
Wet weight (including full oil and fuel tank) : 204kg
Fuel tank capacity : 16L