Skip to content
HONDA CBR300R BREAKTHROUGH THE LIMITS ปลดปล่อยพลัง ไร้ขีดจำกัดในตัวคุณ

ตลาดบิ๊กไบค์กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ตเรซซิ่งที่ได้รับแบบอย่างมาจากการแข่งขันก็เป็นกลุ่มใหญ่ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องขยายออกไปแทบจะไร้ขีดจำกัดทุกเพศทุกวัย ฮอนด้าได้ตอบสนองความต้องการของผู้นิยมภาพลักษณ์ความเป็นสปอร์ตเรซซิ่งที่ตอบสนอง ทั้งความสะดวกสบายแต่ดูเท่ปราดเปรียว ด้วยซีบีอาร์ 300 อาร์ ที่เปิดตัวสู่สายตาในงานบางกอกอินเตอร์เนชันแนลมอเตอร์โชว์เมื่อต้นปี 2557 ที่ผ่านมา

IMG_7850

เก่าไปเมื่อใหม่มา
ตำแหน่งในไลน์ของสปอร์ตตระกูล CBR ของฮอนด้านั้นมีให้เลือกเล่นตั้งแต่ CBR150R, CBR250R ขยับขึ้นไปรุ่นกลางคือ CBR500R และ CBR650R การมาของ CBR300R จึงยังความสงสัยในสถานะของ CBR250R ว่าจะอยู่ตรงไหน แล้วก็ได้รับคำตอบในวันสัมมนาว่า CBR300R นั้น มาแทนที่ CBR250R โดยเป็นการนำเอาพื้นฐานจาก CBR250R มาพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ดังนั้นลำดับรุ่นปัจจุบันจึงไม่มีการจำหน่าย CBR250R อีกต่อไป

โฉมใหม่ทันสมัย
การปรับเปลี่ยนรูปโฉมภายนอกมองดูก็พอรู้ว่ามาจากต้นแบบตัว CBR1000RR แน่ๆ แฟริ่งใหม่ทั้งคัน ไฟหน้าแบบ 2 ดวง ช่วงท้ายดีไซน์ใหม่ทั้งท่อน ความสูงถึงเบาะน้อยลงเพื่อให้วางเท้าบนพื้นได้ง่ายขึ้น ก้านกระจกสั้นลง เพื่อการหลบหลีกที่คล่องตัวในช่วงการจราจรแออัด ยางหลังเพิ่มขนาดเพื่อความมั่นใจด้วยไซส์ 140 กันสะเทือนหลังพร้อมกระเดื่องโปรลิงค์ปรับได้ 5 ระดับความแข็งของสปริง ล้อแมก 5 ก้านกับระบบเบรก ABS 2 ลูกสูบที่ล้อหน้า ลูกสูบเดี่ยวที่ล้อหลัง แยกการทำงานอิสระหน้าหลังเป็นอุปกรณ์ มาตรฐานตามนโยบายความปลอดภัยของฮอนด้าที่จะนำ ABS มาใช้กับรถทุกรุ่น สีสันมีให้เลือกสองอารมณ์ด้วยสีพื้น ดำและแดง กับสีพิเศษไตรคัลเลอร์(ขาว-แดง)และลายแชมป์โลกเรพซอล

 

4

8

9

7

 

อัพเกรดความแรง
อ้างอิงจากข้อมูลเดิมของ CBR250R เพื่อให้ชัดเจนว่า CBR300R ได้มีการพัฒนาที่น่าสนใจโดยยังคงมิติเดิมของเครื่องยนต์ CBR250R เอาไว้ด้วยหัวฉีด PGM FI ระดับ 5 การเพิ่มปริมาตรกระบอกสูบจาก 249 ซีซี (CBR250R) เป็น 286 ซีซี (CBR300R) โดยที่ยังคงขนาดกระบอกสูบ 73 มม.ไว้ดังเดิม แถมก้านสูบยังสั้นจาก 112 มม. เหลือเพียง 108 มม. ปริมาตรเพิ่มขึ้นมาได้ด้วยระยะชักที่เพิ่มขึ้นจากข้อเหวี่ยงใหม่ที่ถูกแก้ไขรัศมีข้อเหวี่ยงทำให้ได้ระยะชักเพิ่มขึ้น 8 มม. (55 เป็น 63 มม.) ลูกสูบใหม่ได้รับการเคลือบโมลิบดินั่ม ลดแรงเสียดทาน เพิ่มออปเซตในการเคลื่อนตัวของลูกสูบมากขึ้นเพื่อลดเสียงดังออกซิเจนเซ็นเซอร์ถูกย้ายจากฝาสูบไปไว้ที่ท่อไอเสีย แคร้งเครื่องยนต์เพิ่มความแข็งแรง รวมถึงบาลานเซอร์ ที่ใหญ่ขึ้น ล้อแม่เหล็กใหม่ ระบบส่งกำลังยกชุด ตั้งแต่การเสริมจัดเดอร์สปริงเข้าไปรองชุดแผ่นคลัทช์ และใช้สปริงคลัทช์ที่สั้นกว่า เกียร์ 6 สปีดเปลี่ยนอัตราทดและระยะพิทของฟันเฟือง สเตอร์ลดอัตราทดลงด้วยขนาด 14-36 ฟัน เซ็นเซอร์จับการเอียงของรถและยางกดโซ่ราวลิ้นเปลี่ยนใหม่ จากการพัฒนาทั้งหมดนี้ฮอนด้ายืนยันว่าทำให้ได้แรงบิดและแรงม้าที่ดีกว่า CBR250R ในทุกรอบเครื่องยนต์

มิติเพื่อการขับขี่ที่สะดวกขึ้น
การเปลี่ยนแปลงหน้าตาของ CBR300R มีผลต่อมิติของตัวรถโดยตั้งใจ ด้วยเหตุผลที่ว่ารถสปอร์ตนั้นกำลังเป็นที่นิยมของทุกเพศทุกวัย ฮอนด้าตั้งใจที่จะลดความสูงของที่นั่งผู้ขับขี่ให้ต่ำลง ทำให้ยันเท้าถึงพื้นได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ที่มีรูปร่างเล็ก รวมถึงการขับขี่ในเมืองที่มีสภาพจราจรแออัดก็จะช่วยให้ขับขี่ได้ด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้น สำหรับการใช้งานระยะยาวฮอนด้าให้ความมั่นใจด้วยการรับประกันทั้งคัน 3 ปี หรือ 30,000 กม. รับประกันอุปกรณ์ระบบหัวฉีด 5 ปี หรือ 50,000 กม.รับรู้ข้อมูลการพัฒนาของ CBR300R กันแล้ว ทีมทดสอบของไรดิ้งแมกกาซีนก็ได้ทดลองขับขี่ 2 รูปแบบ คือในสนามขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า และซ้ำอีกครั้งกับรูปแบบสนามแข่ง ณ ไทยแลนด์เซอร์กิต เพื่อให้ได้มิติของการขับขี่ที่หลากหลายยิ่งขึ้น จากสองนักทดสอบขาประจำ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ www.aphonda.co.th

แฟริ่งใหม่ไฟหน้าสองดวงถ่ายทอดความดุดันจาก CBR1000RR
แฟริ่งใหม่ไฟหน้าสองดวงถ่ายทอดความดุดันจาก CBR1000RR
องศาแฮนด์กว้างสบาย ก้านกระจกสั้นมั่นใจกับการซิกแซกในเมือง
องศาแฮนด์กว้างสบาย ก้านกระจกสั้นมั่นใจกับการซิกแซกในเมือง
ชุดสเตอร์อัตราทดต่ำเน้นความนุ่มนวลรับเกียร์อัตราทดใหม่
ชุดสเตอร์อัตราทดต่ำเน้นความนุ่มนวลรับเกียร์อัตราทดใหม่
พักเท้าต่ำค่อนข้างหน้าเน้นขับขี่สบาย
พักเท้าต่ำค่อนข้างหน้าเน้นขับขี่สบาย
เสริมจัดเดอร์สปริงในชุดคลัทช์เพื่อรัมืือกับกำลังที่เพิ่มขึ้น
เสริมจัดเดอร์สปริงในชุดคลัทช์เพื่อรัมืือกับกำลังที่เพิ่มขึ้น
เพิ่มความแข็งแรงให้หูยึดเครื่องยนต์แน่นหนาบนไดมอนด์เฟรม
เพิ่มความแข็งแรงให้หูยึดเครื่องยนต์แน่นหนาบนไดมอนด์เฟรม
แรงม้าและแรงบิดดีกว่าทุกย่านความเร็ว
แรงม้าและแรงบิดดีกว่าทุกย่านความเร็ว

IMG_7983

ความเห็นนักทดสอบ
เขมรัฐ สุธรรมวาท
“โอกาสดีครับที่ผมได้สัมผัสทดลองขับขี่เจ้า CBR300R ในเส้นทางที่แตกต่างถึง 2 ลักษณะ คือขับขี่ในสนามขับขี่ปลอดภัยที่มีโค้งแคบและอุปสรรคจำลองคล้ายการใช้งานในชีวิตประจำวัน อีกครั้งก็ที่สนามแข่งรถไทยแลนด์เซอร์กิตแห่งนี้ครับ มิติของตัวรถคร่อมขี่แล้วรู้สึกต่างจาก CBR250R อย่างชัดเจน องศาของแฮนด์และความกว้างถังน้ำมันคือจุดที่สัมผัสได้ ยันพื้นได้เต็มเท้าจากการลดความสูงเบาะลง แต่ก็พบว่ามีข้อต้องระวังขณะจอดรถด้วยขาตั้งข้างแนะนำว่าเมื่อจอดแล้วควรหักแฮนด์เลี้ยวมาทางซ้ายและโยกรถให้โช้คยืดตัวขึ้นมา รถจะมีมุมเอียงให้น้ำหนักกดบนขาตั้งได้มั่นคง ถ้าไม่ดึงรถโช้คที่ยุบตัวอยู่บวกกับความสูงที่ไม่มากจะทำให้รถตั้งเกือบตรง อาจล้มไปฝั่งตรงข้ามได้ครับ การควบคุมผ่านมุมเลี้ยวแคบนั้นมั่นคงและง่ายดายมาก ท่านั่งแบบแฮนด์สูงเบาะต่ำคุมง่าย เทน้ำหนักเลี้ยวทีเหมือนท้ายมันไปก่อนทำให้เกาะโค้งได้ดี แต่พอเข้าสนามแข่งแล้วความสูงที่น้อยไปนิดทำให้ต้องระวังเรื่องพักเท้าที่ครูดโดนพื้นไวไปหน่อย ดีที่มียางใหญ่กับการทรงตัวไว้ใจได้ทำให้ไม่เสียอาการแม้พักเท้าจะครูดพื้นไปบ้างก็ตามเครื่องยนต์เน้นความนุ่มนวลมาก่อน กำลังเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นแต่ก็ถูกปรับอัตราทดสเตอร์ให้น้อยลงเพื่อให้ง่ายต่อการขับขี่ เปิดคันเร่งไม่ต้องระวังครับ กระตุกข้อมือออกไปก็ไม่ดีดไม่โยน รอบขึ้นเนียนมาก แต่ละเกียร์ก็ยาวมาก สนามไทยแลนด์ได้ใช้แค่ 5 เกียร์ครับ สุดทางตรงยังเหลือรอบอยู่เลย คลัทช์เบาแรงร่วมกับการชิพเกียร์ที่นุ่มนวลเบาแรง เป็นเครื่องยนต์ที่แรงเยอะ แต่ควบคุมง่าย นุ่มนวลครับ
ระบบเบรก ABS ผมว่ามันเหมาะกับรถแนวนี้มากกว่าคอมบายที่ใช้ใน CBR250R เราคุมมันได้เน้นๆ เป็น ABS ประสิทธิภาพสูงจริงครับ ตอนพื้นแห้งทั้งเหยียบทั้งกำทำไงก็ไม่ล็อค พอฝนตกลงมาพื้นลื่นมีล็อคให้รู้สึกสั้นๆ จากนั้นก็หมุนต่อพร้อมกับชะลอลงเรื่อยๆหลังจากได้ทดลองขับขี่ทั้งสองรูปแบบแล้ว หากต้องการนำ CBR300R มาสนุกในสนามคงต้องปรับเรื่องความสูงท้ายและเซ็ตสเตอร์เพื่อช่วยให้ตอบสนองได้ไวขึ้นสักนิด แต่ถ้าคุณเป็นนักบิดในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะวิถีเมืองใหญ่แล้วล่ะก็ มันเป็นตัวเลือกที่เหมาะเจาะเลยครับ”

IMG_7994

ความเห็นนักทดสอบ
จตุรงค์ หมื่นทิพย์
“ CBR 300R กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ ด้วยการพัฒนาจากเครื่องยนต์บล็อคเดิม แต่ปรับเติมเสริมแต่งให้มีความแข็งแรงและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงรูปลักษณ์ที่เน้นความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้นด้วย การออกแบบรูปทรงที่เน้นการใช้งานที่คล่องตัว ลดส่วนเกินของกระจกให้สั้นลงให้การซิกแซกง่ายขึ้น ช่วงท้ายต่ำกว่ารูปทรงสปอร์ตทั่วไป ท่านั่งจึงไม่ค่อยก้มตัวลงต่ำค่อนข้างที่จะสบาย ประกอบกับพักเท้าที่ยกสูงสไตล์สปอร์ต ทำให้หัวเข่าและหน้าขาหนีบเข้ารับกับถังน้ำมันกระชับกับตัวรถ ระบบเบรก ABS ทำงานตอบสนองได้เด่นชัดกับการกดย้ำแต่ละครั้ง การทำงานของดิสก์เบรกหลังค่อนข้างมีการตอบสนองที่รู้สึกได้มากกว่า เครื่องยนต์เป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้าเน้นการขับขี่ที่นิ่มนวล ออกตัวง่ายปล่อยคลัทช์เบาๆ ด้วยรอบเพียง 1,500 รอบ ก็สามารถที่จะเตะเปลี่ยนเกียร์ได้เลย พอได้เริ่มใช้ความเร็ว 6,000-7,000 รอบ/นาที การขับขี่เปิดคันเร่งออกจากโค้งท้ายจะมีอาการยุบหน้าเชิดขึ้นคุมยากเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับเหินจนเสียอาการ แต่ได้ยางหลังหน้ากว้างช่วยให้การเกาะพื้นถนนในโค้งได้หนึบ สรุปโดยรวมอารมณ์ของการขับขี่มาแบบเรียบ ไม่ดุดันจี๊ดจ๊าด เน้นการใช้งานที่คล่องตัวและสะดวกในเมืองหรือการขับขี่เที่ยวในระยะทางไม่ไกลมาก แต่ถ้าจะมันในแทร็คต้องปรับเซ็ทช่วงล่างเพิ่มเติม ก็น่าจะตอบสนองความต้องการได้”

IMG_7850

ข้อมูลเทคนิค

เครื่องยนต์ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI DOHC 4 วาล์ว 4 จังหวะ
ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตร 286 ซีซี
กระบอกสูบxระยะชัก 76×63 มม.
อัตราส่วนการอัด 10.7 : 1
ระบบคลัทช์ แบบเปียกหลายแผ่น
ระบบส่งกำลัง 6 ระดับ
ระบบจุดระเบิด Digital Transsistorized
สตาร์ท ไฟฟ้า
กว้าง 720 มม.
ยาว 2,033 มม.
สูง 1,119 มม.
ระยะฐานล้อ 1,378 มม.
ห่างจากพื้น 146 มม.

สูงถึงเบาะ 780 มม.
มุมคาสเตอร์ 25 องศา
ระยะเทรล 95 มม.
เชื้อเพลิงจุ 13 ลิตร
เฟรม Diamond Twin-Spar Steel Frame
กันสะเทือนหน้า เทเลสโคปิค 37 มม. ระยะยุบ 118 มม.
กันสะเทือนหลัง โมโนโช้คโปรลิงค์ 5 ระดับ ระยะยุบ 104 มม.
น้ำหนัก 163 กก.
ห้ามล้อหน้า ดิสก์เบรก ABS 2 ลูกสูบ
ห้ามล้อหลัง ดิสก์เบรก ABS 1 ลูกสูบ
ล้อ แมก
ยางหน้า 110/70-17 M/C 54S จุ๊บเลส
ยางหลัง 140/70-17 M/C 66S จุ๊บเลส
น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซินไร้สารตะกั่ว, แก๊สโซฮอล์ออกเทน 95
หรือออกเทนที่มีส่วนผสมขอเอทิลแอลกอฮอล์ไม่เกิน 20%