สีเหลืองที่ทรงเสน่ห์ของรถวิบากเป็นภาพติดตามานานกับตระกูล RM สืบต่อความโดดเด่นมาเป็น RM-Z ในเวอร์ชั่น 4 จังหวะ สมรรถนะเพื่อการแข่งขันที่ไม่เป็นรองใคร เพียงแค่มันไม่ได้รับความสนใจที่จะปรับปรุงรูปโฉมที่ใช้มาหลายปีต่อเนื่อง สำหรับปี 2015 RM-Z450 ก็ยังคงเส้นสายโครงร่างหลักๆ ไว้อย่างเดิม จัดเพิ่มเข้ามาด้วยเทคโนโลยีของระบบกันสะเทือน ระบบช่วยสตาร์ท เครื่องยนต์เก็บรายละเอียดใหม่และได้แก้ไขเฟรมเพื่อการขับขี่ที่ดีมากยิ่งขึ้น
เป็นรถโมโตครอสที่มีความโดดเด่นในตัวเองอยู่หลายอย่าง แต่การพัฒนาที่ดูจะเชื่องช้าและรูปร่างหน้าตาที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนแก้เลี่ยนกันบ้างเลยนี่ทำให้ RM-Z เป็นรถที่ดูชินตา (แม้ว่าจริงๆ แล้วจะยังไม่เชย) แต่ความน่าสนใจจากรูปลักษณ์ภายนอกนั้นต้องยอมรับว่าขาดความน่าสนใจน่าค้นหาไปพอสมควร ทั้งที่ในความจริงแล้วได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีในสองส่วนหลักคือระบบโครงสร้างกันสะเทือนและระบบเครื่องยนต์มาอย่างต่อเนื่องโดยนักแข่งระดับโลกทั้งทางฝั่งอเมริกา ยุโรป หรือแม้แต่ญี่ปุ่นเอง ทำให้สมรรถนะความแรงและระบบรองรับของ RM-Z ไม่เป็นสองรองใครยังเกาะกระแสได้แบบเท่าทัน ที่เหลือยังขัดตากันแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
![ผ้าหุ้มเบาะคาดสีเทารับกับถังน้ำมันอลูมินัม](http://www.ridingmag.com/wp-content/uploads/2016/06/IMG_8166-1024x683.jpg)
![ระบบช่วยออกสตาร์ทที่ซูซูกิเรียกว่า S-HAC](http://www.ridingmag.com/wp-content/uploads/2016/06/IMG_8482-1024x683.jpg)
![วาล์วอากาศด้านบน 2 ด้านล่าง 1 สำหรับ SFF AIR](http://www.ridingmag.com/wp-content/uploads/2016/06/IMG_8113-1024x683.jpg)
![ปรับปรุงเฟรม ระบบหล่อเย็น เกียร์ และระบบสตาร์ท](http://www.ridingmag.com/wp-content/uploads/2016/06/IMG_8122-683x1024.jpg)
เรื่องใหญ่ในระบบแชสซี
ข้ามเรื่องหน้าตากันไปได้เลยสำหรับ RM-Z450 ปี 2015 ว่ากันที่รายละเอียดล้วนๆ ด้วยการปรับปรุงเฟรมเสียใหม่เป้าหมายให้การควบคุมโดยเฉพาะการเลี้ยวที่ดีอยู่แล้ว ดียิ่งขึ้นไปอีกกับการปรับมุมของเฟรมให้รับกับการเอียงรถเพื่อเลี้ยวทุกองศา แข็งแกร่งขึ้นแต่ลดน้ำหนักลงได้ 4% ทว่ามีอีกส่วนที่น่าสนใจกว่าก็คือกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับที่ถึงเวลาจัดวางเทคโนโลยีให้เท่าทัน KXF และ CRF ซึ่งล้ำหน้าไปก่อนแล้วกับระบบโช้คหน้าที่ใช้อากาศแทนสปริง สำหรับ RM-Z450 เป็นผลงานของ Showa SFF AIR FORK ขนาด 49 ซีซี ที่ซับซ้อนด้วยวาล์วอากาศถึง 3 จุด (ในโช้คด้านขวา) สำหรับห้องอัดอากาศ 3 ห้อง เพื่อการปรับความแข็งอ่อนแทนการทำงานของสปริง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังต้องเรียนรู้เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบข้อดีของการใช้อากาศแทนสปริงก็คือน้ำหนักที่เบากว่า ปรับค่าการทำงานโดยไม่ต้องถอดชิ้นส่วนให้ยุ่งยาก
ทีเด็ดในระบบเครื่องยนต์
ดูเหมือนไม่มีมากมายแต่ก็มีการแจ้งรายละเอียดเรื่องการปรับปรุงมาหลายจุดเหมือนกัน เริ่มจากการแก้ไขเฟืองเกียร์ต่างๆ ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับระบบลดกำลังอัดขณะสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อช่วยลดความยุ่งยากของการถีบคันสตาร์ทยาวๆ ให้เครื่องยนต์ติดได้ง่ายขึ้น ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำออกแบบข้อต่อท่อทางเดินน้ำหล่อเย็นที่วางหลังแผงหม้อน้ำด้านขวาจากทรงตัวที T ให้เป็นทรงตัววาย Y เพื่อการหมุนเวียนถ่ายเทของน้ำระหว่างแผงระบายความร้อนทั้งสองได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแก้ไขรูปทรงของฝาครอบปั๊มน้ำด้วย ลึกเข้าไปในชุดเกียร์ได้มีการแก้ไขลูกเบี้ยวสำหรับเปลี่ยนเกียร์ให้ทำงานได้ราบรื่น เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวลยิ่งขึ้น ส่วนความแรงของเครื่องยนต์แบบสำเร็จรูปก็ยังคงมีให้เลือกถึง 3 แบบจากคัปเลอร์ที่ใช้มาตลอด สิ่งใหม่ในปีนี้สำหรับ RM-Z450 ก็คือระบบช่วยในการออกสตาร์ท ซูซูกิเรียกระบบนี้ของตัวเองว่า Suzuki Holeshot Assist Control (S-HAC) โดยจะมีลูกเล่นให้เลือกถึง 3 โหมดสำหรับการออกสตาร์ทในพื้น 3 แบบ ด้วยการกดปุ่มที่สวิทช์บนแฮนด์ด้านซ้ายเพียงปุ่มเดียว ขอบคุณเสี่ยต่อเจ้าของรถที่อนุญาตให้ทีมงานของเราได้ถ่ายทำกันอย่างเต็มที่ ขอบคุณพี่น้อยบ้านข้าวสารสำหรับสนามในการถ่ายทำและการต้อนรับที่ประทับใจเสมอ ขอบคุณชุดนักทดสอบจากร้านเดิร์ทช็อพ แล้วพบกันใหม่กับการรีวิวรถวิบากสไตล์ไรดิ้งแมกกาซีน สาระเพื่อความสะใจในฉบับหน้า
ข้อมูลเทคนิค 2015 RM-Z450
เครื่องยนต์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ,
4 จังหวะสูบเดียว DOHC 4 วาล์ว
ปริมาตรกระบอกสูบ 449cc
ลูกสูบ x ระยะชัก 96.0 x 62.1 มม.
ระบบเชื้อเพลิง หัวฉีด
อัตราส่วนการอัด 12.5:1
ระบบจุดระเบิด CDI
ระบบส่งกำลัง เกียร์ 5 สปีด คลัทช์แบบหลายแผ่น
ระบบขับเคลื่อน โซ่ 520
โช้คหน้า หัวกลับ SHOWA SFF AIR FORK
โช้คหลัง โช้คเดี่ยวพร้อมกระเดื่อง ปรับได้เต็มรูปแบบ
ยางหน้า 80/100-21
ยางหลัง 110/90-19
เบรกหน้า ดิสก์เบรกคาลิเปอร์ลูกสูบคู่
เบรกหลัง ดิสก์เบรกคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว
ยาว 2,190 มม.
กว้าง 830 มม.
สูง 1,270 มม.
ฐานล้อ 1,495 มม.
สูงจากพื้น 325 มม.
สูงถึงเบาะ 955 มม.
น้ำหนัก 112 กก.
ถังน้ำมันจุ 6.2 ลิตร
![ขอบคุณพี่น้อยบ้านข้าวสาร (ขวา) เวลาน้อยแต่อร่อยเหาะ](http://www.ridingmag.com/wp-content/uploads/2016/06/IMG_8244-1024x683.jpg)
ความเห็นนักทดสอบ
“มิติตัวรถของ 450F สมัยนี้แทบไม่ต่างจาก 250F สักเท่าไร การควบคุมผมว่าเป็นรถที่เลี้ยวได้นิ่งมากนะครับ ทั้งบนพื้นราบและการเลี้ยวในแบงค์ ทรงตัวได้ดี เก็บมุมเลี้ยวได้แคบครับ ยิ่งการเลี้ยวแบงค์นี่แทบจะไม่เหลือความเทอะทะในบอดี้นี้เอาไว้เลย โช้คอัพหน้าตัวใหม่ SFF AIR FORK นี่ผมว่าก็มาคาแรคเตอร์เดียวกันกับโช้คที่ใช้อากาศแทนสปริงของทุกรุ่น คือแข็งค่อนไปทางกระด้าง เดิมๆ มานี่ไม่ต้องถามหาเรื่องการเก็บรายละเอียดแบบว่าเล็กๆ น้อยๆ แต่จะดีมากๆ กับการรับแรงกด กระแทกจากการโดดสูงๆ หรือชนหน้าเนินแรงๆ มันหนึบและแน่นแบบไม่ต้องกังวลอะไรเลย โช้คหลังทำงานได้สัมพันธ์ครับ จะรู้สึกถึงความนุ่มนวลได้มากกว่าแม้ว่าจะขี่ได้ไม่เร็วจากสภาพสนามที่บังคับอยู่แต่ก็นุ่มหนึบและมั่นคงครับ ระบบหัวฉีดที่ได้รับการพัฒนามาจนสมบูรณ์มันทำให้การควบคุมคันเร่งง่ายดาย อารมณ์ดุเดือดของเค้าจริงๆ นี่จะมาในรอบกลางถึงกลายอยู่แล้วในรถขนาดนี้ แต่ว่าในรอบต่ำก็มีแรงบิดให้ใช้ได้ไม่ขาดตอน เป็นรถที่ขี่ไม่ยากในการควบคุมกำลังของมัน บวกกับการทรงตัวที่ผมว่ามันนิ่งมันแน่นแล้วเนี่ย มันทำให้เป็นรถที่ขี่ง่าย มั่นใจที่จะขี่ครับ ระบบ S-HAC ช่วยในการออกตัวทำงานได้อย่างน่าประทับใจนะครับ ใช้งานได้ง่ายด้วยวิธีเดียวกันกับค่ายอื่นๆ เสียดายที่ก่อนไปไม่มีเวลาค้นข้อมูลว่ามีโหมดให้เลือกด้วย แต่เท่าที่ลองดูแล้วเปรียบเทียบระหว่างการเปิดใช้กับไม่ได้เปิดใช้แล้วมันแตกต่างกันชัดมาก โดยเฉพาะการออกสตาร์ทด้วยรอบเครื่องแบบล้นๆ มันทำให้ความแรงขนาด 450 ซีซี ปั่นฟรีลงพื้นนั้นคุมง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องกังวลหน้าจะยกท้ายจะดิ้น อร่อยเต็มคันเร่งกันไปเลยครับ”