Skip to content
KTM 390 DUKE เน็คเก็ดไบค์ที่มันส์ได้ในสนาม

ความนิยมของรถจักรยานยนต์สไตล์เน็คเก็ดมีขึ้นมาจากนักขี่ประเภทเดินทางหรือท่องเที่ยวกันนอกสนามเสียมากกว่า แต่ก็มีเน็คเก็ดบางประเภทที่ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลที่ว่า “อยากได้รถสนามที่ขี่ได้มันสะใจโดยที่ไม่ต้องก้มหมอบ” และเมื่อคนที่เอ่ยขึ้นมาคือเจเรมี่ แมควิลเลี่ยมส์ อดีตนักแข่งระดับโลกที่เบื่อกับการก้มหมอบของรถสปอร์ตเต็มที ความต้องการนี้เป็นจริงได้เมื่อเขาเป็นหนึ่งในนักทดสอบและพัฒนาสายพันธุ์ Duke ที่ถือกำเนิดเป็นครั้งแรกเมื่อกว่า 20 ปีมาแล้ว

KTM_1309สำหรับเคทีเอ็มในประเทศไทยได้เข้ามาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยบริษัท เบิร์นรับเบอร์ จำกัด ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 ซึ่งได้เริ่มจัดให้มีกิจกรรมเพื่อโปรโมทและประกาศตัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดคือการนำสื่อมวลชนร่วมทำข่าวเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ในเวอร์ชั่นพิเศษสุดเรียนรู้ทักษะพร้อมทดลองขับขี่ DUKE 390 และ DUKE 250 เวอร์ชั่น 2016 ที่พร้อมจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ โดยกิจกรรมมีขึ้นที่สนามแก่งกระจานเซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี สนามที่เหมาะกับการทดสอบรถมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

KTM_0935

 

DSC_4032

4 จังหวะสูบเดียวระบายความร้อนด้วยน้ำ 373.2 ซีซี 44 แรงม้า เพลาลูกเบี้ยวคู่ขับวาล์ว 4 ตัวบนฝาสูบ สตาร์ทด้วยไฟฟ้า น้ำหนักเครื่องยนต์ 36 กิโลกรัม เพิ่มประสิทธิภาพการหล่อลื่นด้วยระบบปั๊มแรงดันที่ไม่ได้เพียงแค่ให้น้ำมันไหลผ่าน ท่อไอเสียซ่อนปลายไว้ใต้ตัวรถพร้อมตำแหน่งของหม้อพักดักไอเสียกรองมลพิษแคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ขนาดใหญ่ที่วางจุดกึ่งกลางของตัวรถเพื่อสมดุลน้ำหนักที่ดี ระบบหัวฉีดไฟฟ้าทำงานกับเรือนลิ้นเร่งของ Bosch EFI เกียร์ 6 สปีดอัตราทดสั้น ระบบคลัทช์เป็นแบบสายสลิงธรรมดาแต่ภายในไม่ธรรมดาด้วยระบบ Antihopping คล้ายกับระบบสลิปเปอร์คลัทช์นั่นเอง ใช้โซ่แบบ X-Ring ในการขับเคลื่อน
Look A Duke รูปร่างลักษณะภายนอกยังคงเป็น Duke เหมือนเมื่อครั้งที่เผยโฉมกับเครื่องยนต์ขนาด 200 ซีซี เฟรมเหล็กสีส้มสดคือหนึ่งในเอกลักษณ์และสัญลักษณ์ของแบรนด์ โช้คอัพหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มม. และหลังเดี่ยวแบบไร้กระเดื่อง WP ทำงานร่วมกับเบรกที่ไม่ใช่ Brembo แต่เป็น BYBRE ด้วยการสั่งลูกสูบทั้ง 4 จับจานเบรกเดี่ยวที่ล้อหน้า ส่วนล้อหลังก็เป็นเบรกที่ทรงพลังเช่นเดียวกันแม้จะเป็นคาลิเปอร์ลูกสูบเดียวก็ตาม วงล้อแมกมาพร้อมกับยางขนาดใหญ่เบอร์ 110 ที่ล้อหน้าและ 150 ที่ล้อหลัง โดยรถทดสอบนั้นเป็นยางพีเรลลี่ มิติการออกแบบของ Duke ยังคงเล็กสั้นกะทัดรัดแต่ถังน้ำมันสามารถจุได้มากถึง 11 ลิตร เบาะนั่งผู้ซ้อนท้ายอยู่สูงแก้หวิวด้วยบาร์ท้ายขนาดใหญ่ให้จับทั้งสองข้าง แฮนด์ทรงบาร์ที่อยู่ใกล้พร้อมเรือนไมล์ทรงมินิที่มากมายด้วยข้อมูลแสดงผลแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ
ขอขอบคุณ บริษัท เบิร์นรับเบอร์ จำกัด สำหรับการเชิญทีมงานไรดิ้งร่วมทดสอบและสัมผัสประสบการณ์ Duke It ขอบคุณชุดนักทดสอบจาก Dirtshop และเครื่องดื่ม GSD

นักทดสอบกับเจเรมี่ แมควิลเลียม ผู้มีส่วนพัฒนา DUKE
นักทดสอบกับเจเรมี่ แมควิลเลียม ผู้มีส่วนพัฒนา DUKE

ความเห็นนักทดสอบ “เขมรัฐ สุธรรมวาท”
“โฟกัสส่วนใหญ่ของการขับขี่ในครั้งนี้เป็นการเรียนรู้จากเจเรมี่ แมควิลเลี่ยมส์มากกว่า แต่ในการเรียนรู้นั้นมันทำให้เราสัมผัสถึงสมรรถนะของ Duke 390 ได้ลึกมากยิ่งขึ้น
มิติของตัวรถสั้นและกระชับมากเวลาที่นั่งลงไป เบาะนั่งในส่วนติดถังน้ำมันนั้นแคบรับกับช่วงเว้าของถัง แฮนด์กว้างแต่ไม่สูงมาก พักเท้าออกแนวเรซซิ่งมากกว่าทัวริ่ง การสตาร์ทเครื่องยนต์จะต้องบิดกุญแจแล้วรอจนการเช็คระบบเสร็จสิ้นให้หน้าปัดนิ่งสนิทก่อนเครื่องยนต์จึงจะตอบสนองต่อสวิทช์สตาร์ทเครื่องยนต์ เสียงเครื่องยนต์ไม่ห้าวดุดันแต่รอบเครื่องยนต์ออกแนวว่าจะมันเร้าใจได้ไม่น้อย คลัทช์แบบกลไกสายสลิงธรรมดาน้ำหนักไม่มากไม่น้อยเครื่องยนต์สูบเดียวซีซีสูงให้แรงบิดที่ดีเป็นทุนและทำให้การตอบสนองคันเร่งสนุกเร้าใจ ขี่แบบไหลๆ สามารถใช้เกียร์ 4 ในการออกจากโค้งแคบๆ แบบไม่อืดเกินไป แม้ว่าตีนปลายจะไม่ยาวมากแต่ก็ทำให้ได้เห็น ความเร็วกว่า 140 กม./ชม. ในสนามแก่งกระจานเซอร์กิต ระบบคลัทช์ที่เรียกว่า Antihopping มีโอกาสได้ใช้ในช่วงโค้งต่อเนื่องที่ไหลมาเกียร์ 4 ชิพลงเกียร์ 3 แล้วเลี้ยวลงเขา พอปล่อยคลัทช์ทิ้งไปจะได้ยินเสียง “ป๊อก” ครั้งเดียวโดยที่รถไม่มีอาการกระชากหรือกระตุกแม้แต่น้อยระบบเบรกทำงานได้ดีพอที่จะยัดลึกๆ ได้ในหลายจุด ร่วมกับการทรงตัวของกันสะเทือนที่ให้ความนิ่งได้มากมายจริงๆ แม้ว่าสนามจะมีโค้งที่ต้องพลิกรถสลับด้วยความเร็วสูงและบั๊มบนพื้นที่จะทำให้รถเด้งดีดได้ง่ายๆ แต่ Duke 390 ที่ผมขี่ไม่มีเหวี่ยงมีโยน แม้แต่การโหนรถแบนโค้งด้วยความเร็วสูงก็สนิทใจไม่บานออก พักเท้าสไตล์สปอร์ตไม่เกะกะกลับช่วยให้จัดท่าได้ง่ายขึ้นซะอีก ข้อสังเกตเล็กน้อยที่ไม่ใช่ข้อตำหนิคือเวลาหมอบลงไปก้นจะชนเบาะคนซ้อนแม้ความสูงของผู้ขับขี่จะไม่มากมายแค่ 166 ซม. อีกอย่างคือการแสดงผลของเรือนไมล์แบบดิจิตอลที่มีขนาดของตัวเลขและตัวหนังสือเล็กและบางทำให้การมองเพื่ออ่านค่าต้องใช้เวลาเพ่งนานสักนิด แต่ถ้าคุณขี่รถด้วยความรู้สึกแล้วล่ะก็…เรื่องแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา”