โมโตทูธงแดง “ก้อง-สมเกียรติ” รีไทร์ ยังรั้งท็อป 9 อันดับโลก “เมียร์-มาร์เกซ” พา “ฮอนด้า” คืนฟอร์ม โมโตจีพี ที่อินเดีย

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” โชคร้ายพลาดแต้มในศึก โมโตทู สนามล่าสุดที่ อินเดีย แต่ยังรั้งท็อป 9 อันดับโลก ขณะ เรปโซล ฮอนด้า คืนฟอร์มใน โมโตจีพี “โจอัน เมียร์” กู้สถานการณ์คว้า ท็อป 5 ขณะ “มาร์ค มาร์เกซ” โชว์ความเร็วแม้พลาดล้มก่อนไล่แซงเข้าป้ายอันดับ 9 ในศึก อินเดียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2023 สนาม 13 ดวลความเร็วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ที่ บุดด์ห อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นครั้งแรกกับการจัดการแข่งขันที่นี่

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยเจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 9 แต่ทันทีที่ออกตัว เหล่านักแข่งพยายามเบียดแย่งชิงตำแหน่งพลาดชนด้านหน้าที่โค้งแรก ทำให้นักบิดไทยโชคร้ายโดนเกี่ยวล้มไปอีกคัน จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีธงแดง ขณะที่ “ก้อง-สมเกียรติ” พยายามเร่งนำรถกลับมาที่พิท และทีมช่างสามารถช่วยกันซ่อมแซมจนกลับไปรีสตาร์ตได้ แต่หลังออกตัวรถแข่งกลับมีปัญหาระบบคลัตช์ จนต้องออกจากการแข่งขันอย่างน่าเสียดาย ถึงแม้จะไม่จบการแข่งขัน แต่นักบิดไทยยังคงรั้งอยู่ในอันดับ 9 บนตารางคะแนนสะสมโลก มีทั้งสิ้น 89 คะแนน
“ก้อง-สมเกียรติ” เปิดเผยว่า “ผมออกสตาร์ตได้ไม่ดีนัก เพราะช่วงเกียร์ของผมค่อนข้างยาว (Gear Ratio) ขณะที่นักบิดคนอื่นๆ พยายามที่จะเบียดแซงเข้าแย่งชิงตำแหน่งกัน จนมีการชนกันเกิดขึ้นอยู่ด้านหน้า ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ จากนั้นในช่วงธงแดง ทีมทำงานอย่างน่าทึ่ง ซ่อมรถกลับมาได้แต่รถแข่งของผมมีปัญหาระบบคลัตช์ในการออกตัวครั้งที่ 2 ทำให้ต้องออกจากการแข่งขัน เดี๋ยวเรามาลองดูกันครับว่า สนามหน้าที่ญี่ปุ่น เราจะสร้างผลงานได้ดีแค่ไหน”
ขณะที่ทัพนักบิด เรปโซล ฮอนด้า อย่าง มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัยเจ้าของหมายเลข 93 และทีมเมทอย่าง โจอัน เมียร์ หมายเลข 36 กลับมาอยู่ในฟอร์มร้อนแรงอีกครั้งในรุ่น โมโตจีพี ด้วยการจบการแข่งขันในอันดับท็อปเท็น โดย เมียร์ บิดคว้าอันดับ 5 มาครอง ขณะที่ มาร์เกซ ขยับขึ้นมาถึงอันดับ 4 ในช่วงก่อนจะพลาดล้มและร่วงลงไปถึงอันดับ 16 แต่ยังสามารถนำรถขึ้นมาไล่ล่าคู่แข่งจนจบเรซในอันดับ 9 ได้สำเร็จ
ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2023 สนามถัดไปจะดวลความเร็วระหว่างวันที่ 29 กันยายน – 1 ตุลาคมนี้ ที่ โมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น ในรายการ เจแปนีส กรังด์ปรีซ์
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารพร้อมส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในรุ่นโมโตทู และติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream

 

THE CREATOR ARENA WORKSHOP กับโอกาสของการเป็นครีเอเตอร์มืออาชีพ ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท

แคมเปญ THE CREATOR ARENA (เดอะ ครีเอเตอร์ อารีน่า) ปล่อยความกล้าไปกับ ยามาฮ่าฟินน์ แคมเปญประกวดคลิปสร้างสรรค์ ที่เปิดพื้นที่ให้นักเรียน นักศึกษาอาชีวะที่มีใจฝันอยากเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ได้โชว์ศักยภาพ ระเบิดไอเดีย และได้รับโอกาสพัฒนาทักษะไปสู่การเป็นครีเอเตอร์มืออาชีพในอนาคต ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 400,000 บาท พร้อมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟินน์ และของรางวัลมากมาย โดยบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด (ยามาฮ่า) จับมือ สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยี และอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย และบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสื่อออนไลน์ และอยากมอบโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาอาชีวะทั่วประเทศ

“ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” ความพรีเมียมใหม่…คอนเน็คให้ชีวิตมีคลาส ความ GRAND…ที่รู้กัน WE ARE GRANDOM

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์คุณภาพชั้นนำของโลก ตอกย้ำบทบาทความเป็น “ผู้นำรถจักรยานยนต์ออโตเมติก” ของเมืองไทยอีกครั้ง ด้วยการส่งรถจักรยานยนต์ออโตเมติกแฟชั่นพรีเมียมที่ครองใจผู้ใช้ทั่วประเทศมาร่วม 10 ปี โมเดลใหม่ล่าสุดอย่าง “ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” ดีไซน์สง่างามเหนือกาลเวลา สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก “สมาร์ทสไตล์พรีเมียม…ความ GRAND ที่รู้กัน” มาพร้อมสีสันใหม่ โดดเด่น บ่งบอกถึงรสนิยมที่เป็นเอกลักษณ์ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างภาคภูมิใจ และคุ้มค่าด้วยการรับประกันนานถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

“ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” สวยล้ำด้วยเส้นสายและไฟ FULL LED รอบคัน หรูหราอย่างมีระดับ โดดเด่นทุกมุมมอง ทั้งไฟหน้า – ไฟ Daylight – ไฟเลี้ยว – ไฟท้าย ให้ความสว่างเด่นชัดในทุกมุมมอง โดยสอดรับความล้ำสมัยไปพร้อมกับ Digital Meter LCD & TFT เรือนไมล์ดิจิทัลพร้อมจอสี TFT ล้ำสมัย แสดงผลมาตรวัดครบถ้วน พร้อมบอกสถานการณ์ทำงานของระบบไฮบริด ซึ่งผู้ขับขี่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในทุกจังหวะการขับขี่ “ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” ตอบใจทย์การใช้งานที่ผู้ใช้ชื่นชอบ ความประหยัดน้ำมันด้วย BLUE CORE HYBRID ENGINE เครื่องยนต์บลูคอร์ไฮบริด 125 ซีซี ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ได้ดีในทุกจังหวะการบิดคันเร่ง แต่ให้ความประหยัดน้ำมันสูงถึง 61.74 กม.ต่อลิตร* ให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่นุ่มนวล ออกตัวได้รวดเร็วด้วย SMART MOTOR GENERATOR โดยให้ความสะดวกด้วย ONE PUSH START ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ สตาร์ทง่าย รวดเร็วกว่า ไร้เสียงมอเตอร์รบกวน และมาพร้อมระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ STOP & START SYSTEM ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถเปิดปิดได้ตามความต้องการ
*รายงานการทดสอบในห้องปฏิบัติการตามกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์เฉพาะด้านความปลอดภัยสารมลพิษจากเครื่องยนต์ ระดับ 7 (มอก.2915-2561) วันที่ทดสอบ 21-22 เมษายน 2566
“ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” ยังให้เติมเต็มทุกฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างครบครันด้วย ระบบช่องต่อไฟสำรอง ชาร์จแบตเตอรี่มือถือได้ พร้อมช่องใส่ของด้านหน้าขนาดใหญ่, ที่เก็บของ GRAND BOX พร้อมไฟ LED ส่องสว่าง ขนาดใหญ่ถึง 27 ลิตร เก็บหมวกกันน็อกได้ 2 ใบ, ช่องเติมน้ำมันด้านหน้า SMART & EASY REFUEL สะดวกสบาย ไม่ต้องลงจากรถ พร้อมปุ่มกดเปิดฝาอัตโนมัติ ใช้ง่ายเพียงปุ่มเดียว ไม่ยุ่งยากหลายขั้นตอน และให้ความมั่นใจด้วยระบบเบรก UBS ระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ช่วยให้ระยะเบรกสั้นลง *เฉพาะรุ่น Standard
นอกจากนี้ “ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” ยังอัพความพรีเมี่ยมขึ้นอีกระดับสำหรับรุ่น ABS ด้วยกุญแจรีโมทอัจฉริยะ SMART KEY SYSTEM สะดวกกว่าด้วยสวิตช์เปิด-ปิด แบบ Multi Functions ทั้งปลดล็อกสวิตช์สตาร์ท ดับเครื่องยนต์ / ปลดล็อกแฮนด์ / ปลดล็อกเบาะ / ปลดล็อกฝาถังน้ำมัน โดยให้ความปลอดภัยมากขึ้นด้วยระบบเบรก ABS ที่ช่วยในการควบคุมแรงดันเบรกหน้าอัตโนมัติ ช่วยลดโอกาสในการเกิดล้อล็อกกรณีเบรกกะทันหัน
สำหรับ “ใหม่ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด” พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ด้วยกัน 2 เวอร์ชั่น คือ GRAND FILANO HYBRID ABS Version ที่มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี คือสีเทา Elixir Silver, สีน้ำเงิน Prestige Blue และสีขาว Super White วางจำหน่ายในราคาแนะนำที่ 68,200 บาท และ GRAND FILANO HYBRID STD Version ที่มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี คือ สีชมพู Nudy Pink, สีดำ Massy Black, สีแดง Vivid Red และสีน้ำเงิน Indigo Blue วางจำหน่ายในราคาแนะนำที่ 63,700 บาท
ผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของ “ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด ใหม่” ได้แล้วที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ พร้อมความมั่นใจในคุณภาพสินค้า ด้วยการรับประกันคุณภาพทั้งคันตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร พิเศษลูกค้ายามาฮ่าสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นสุดล้ำ Yamaha Smart Reward เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายจากยามาฮ่า สมาชิกใหม่รับฟรี 5,000 คะแนน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 พร้อมติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่
Facebook: Yamaha Society Thailand
Instagram: @Yamaha Society Thailand
YouTube: Yamaha Society Thailand
Line OA: @Yamahasociety

ฮอนด้า CBR Series เหมาแชมป์ประจำปี 2 รุ่นท็อป OR BRIC 2023 “ชิพ” ผงาดคว้าแชมป์พร้อมสถิติเก็บแต้ม 100 เปอร์เซ็นต์ ควง “มุกข์” แชมป์หญิงแกร่งหนึ่งเดียว

“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ตอกย้ำศักยภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งอีกครั้งในการแข่งขันรายการ OR BRIC 2023 สนามสุดท้ายด้วยการเหมาแชมป์ฤดูกาลทั้ง 2 รุ่นท็อปอย่าง รุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี (SB1Pro) โดย “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ และ รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1Pro) จาก “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช กับสุดยอดรถแข่ง CBR Series ทั้ง Honda CBR1000RR-R และ Honda CBR600RR ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา

การแข่งขันเรซที่ 2 ในรายการ OR BRIC 2023 รุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี (SB1Pro) ทัพนักบิด “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” สร้างผลงานยอดเยี่ยมจาก “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ และรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 41 คว้าแชมป์ประจำฤดูกาลไปแล้วด้วยคะแนนสะสมที่ได้เต็มทุกสนามและขาดลอยตั้งแต่การลงสนามในเรซสุดท้ายนี้ ซึ่งออกสตาร์ตจากกริดที่ 2 และทีมเมท “โค้ชฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ร่วมโชว์เกมจากกริดสตาร์ตที่ 1 กับรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 14

เริ่มเกม “โค้ชฟิล์ม–รัฐภาคย์” เจ้าของโพลโพซิชั่นขึ้นนำได้ทันทีและยืดระยะห่างออกไป ขณะที่แชมเปี้ยน “ชิพ–นครินทร์” เปิดเกมไล่แซงคู่แข่งแบบอันดับต่ออันดับ จากนั้นการแข่งขันเป็นการโชว์ศักยภาพของนักบิดและรถแข่ง CBR Series ที่ทิ้งห่างคู่แข่งออกมาได้เรื่อยๆ และรอบสุดท้ายเป็น “ชิพ-นครินทร์” ที่สามารถเดินคันเร่งออกจากโค้งด้วยไลน์ที่ดีกว่า เข้าเส้นชัยคว้าอันดับที่ 1 ได้สำเร็จ ทำสถิติชนะ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม เก็บ 125 คะแนนจากการแข่งขัน 5 เรซ โดยมี “โค้ชฟิล์ม–รัฐภาคย์” ตามเข้าเส้นชัยมาในอันดับที่ 2 ร่วมฉลองชัยชนะในรุ่นการแข่งขันที่เร็วที่สุดและแรงที่สุดของรายการ

ขณะที่รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1Pro) ต้องมาวัดกันในเรซสุดท้าย โดย 2 นักบิดจาก “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ทั้ง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช กับรถแข่ง Honda CBR600RR หมายเลข 44 และทีมเมท “นิว” ปัณณสรณ์ แก้วสนธิ หมายเลข 15 ยังต้องลุ้นแชมป์กับคู่แข่งแบบตำแหน่งต่อตำแหน่ง ทำให้การแข่งขันนั้นต่อสู้กันอย่างดุเดือดตั้งแต่ออกจากกริดสตาร์ต
โดย “มุกข์–มุกข์ลดา” และ “นิว–ปัณณสรณ์” เริ่มต้นเกมได้อย่างยอดเยี่ยม ต่อสู้ชิงอันดับมีการสลับตำแหน่งสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนความเร็วได้ตลอดเวลาจังหวะการต่อสู้ที่ดุเดือด “นิว” ปัณณสรณ์ แก้วสนธิ ต้องพลาดล้มลงไป เหลือเพียง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ที่ปักหลักสู้กับคู่แข่งจนถึงช่วงปลายเกม ก่อนที่จะเข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 2 ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ยอดนักบิดหญิงแกร่งสามารถคว้าแชมป์ประจำปี ทำสถิติเป็นนักแข่งหญิงหนึ่งเดียวที่เป็นแชมป์ในรุ่นท็อปในรายการนี้

ผลงานการคว้าแชมป์ 2 รุ่นท็อปของรายการ OR BRIC 2023 โดยทัพนักบิดสังกัด “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” จาก “ชิพ-นครินทร์” รุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี (SB1Pro) กับรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 41 และ “มุกข์-มุกข์ลดา” รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1Pro) กับรถแข่ง Honda CBR600RR หมายเลข 44 ตอกย้ำถึงความสำเร็จของนักบิดจากโครงการ “เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” ด้วยรถแข่งซูเปอร์สปอร์ตตระกูล CBR Series ที่เหนือกว่าคู่แข่งอีกครั้ง
สำหรับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม :

“กวาร์ตาราโร” คว้าท็อป 6 โมโตจีพี สปรินต์ มั่นใจ “ยามาฮ่า” ยกระดับได้ที่ อินเดีย

“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ยอดนักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า ขยับผลงานคว้าอันดับ 6 ในศึก โมโตจีพี สปรินต์ สนาม 13 ประเดิมแทร็กใหม่อย่าง บุดด์ห อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศอินเดีย มั่นใจ วิศวกร “ยามาฮ่า” จะสามารถยกระดับความเร็วใน “เมนเรซ” วันอาทิตย์นี้ได้

ศึก โมโตจีพี 2023 สนาม 13 รายการ อินเดียน กรังด์ปรีซ์ ดวลความเร็วรอบ “สปรินต์” เมื่อวันเสาร์ที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา โดยก่อนแข่งมีฝนตกลงมา แต่ท้ายที่สุดก็สามารถดวลกันได้ในสภาพแทร็กแห้ง ซึ่งยังมีผิวแทร็กชื้นในบางส่วน

ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร แชมป์โลก 1 สมัยจาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี เจ้าของหมายเลข 20 ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 8 ขณะที่ีทีมเมทชาวอิตาเลียนอย่าง ฟรานโก มอร์บิเดลลี หมายเลข 21 ออกตัวจากกริดที่ 17 หลังออกสตาร์ตได้อย่างยอดเยี่ยม กวาร์ตาราโร ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 5 ได้ตั้งแต่โค้งแรก ก่อนจะบิดคว้าอันดับ 6 ไปครองด้วยเวลาตามหลังผู้ชนะเพียง 4.327 วินาทีเท่านั้น ส่วน มอร์บิเดลลี บิดเข้าป้ายในอันดับ 15 ตามหลัง 36.468 วินาที
กวาร์ตาราโร กล่าวหลังจบการแข่งขัน สปรินต์ ว่า “เรามีความเร็วที่ยอดเยี่ยมเป็นพื้นฐาน แต่ก็ยังคงห่างจากคู่แข่งคนอื่นๆ พอสมควร ต้องมาดูว่าจะต้องแก้ที่จุดไหน เรารู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง ดังนั้นผมหวังว่าวิศวกรของเราจะเจอแนวทางในการสร้างความเร็วได้”
ทั้งนี้ ศึก อินเดียน กรังด์ปรีซ์ จะดวลความเร็วในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายนนี้ ถ่ายทอดสดทาง SPOTV และ PPTVHD36 เวลา 17.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)

“ตี-อนุภาพ” แซง 6 คันคว้าอันดับ 19 เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต สนาม 10

“ตี” อนุภาพ ซามูล ยอดนักบิดไทยจาก “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม” ยกระดับความเร็วต่อเนื่อง ไล่แซงคู่แข่งสุดมัน 6 คัน คว้าอันดับ 19 ในศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ สนาม 10 เรซแรกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ มอเตอร์แลนด์​อรากอน ประเทศสเปน

ศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2023 สนาม 10 ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเรซแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา โดยเกมในรุ่น เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ มีความน่าสนใจอย่างมากกับการแข่งขันสนามแห่งนี้ สุดสัปดาห์นี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม มีการปรับเปลี่ยนไลน์อัปด้วยการดึง เฮคตอร์ การ์โซ ยอดนักบิดมากประสบการณ์ชาวสแปนิชหมายเลข 41 มาร่วมงานกับนักบิดไทยอย่าง “ตี” อนุภาพ ซามูล เจ้าของหมายเลข 51 ขณะเดียวกันยังดึงตัว จูลส์ คลูเซล อดีตรองแชมป์โลกชาวฝรั่งเศสมาเป็นที่ปรึกษานักแข่ง
เกมเรซแรกดวลกันทั้งสิ้น 15 รอบสนาม โดย “ตี” อนุภาพ ได้ออกตัวจากกริดที่ 25 ก่อนจะค่อยๆ สร้างความเร็วอย่างคงที่ พร้อมกับยกระดับความเร็วได้ต่อเนื่อง ขยับขึ้นคว้าอันดับ 19 มาครองได้สำเร็จด้วยเวลาตามหลังผู้ชนะ 33.293 วินาที ขณะที่ การ์โซ​ไม่จบการแข่งขันอย่างน่าเสียดาย
ทั้งนี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์​ เรซซิ่ง ทีม มีคิวลงแข่งขันเรซที่ 2 ของ เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ ที่ มอเตอร์แลนด์ อรากอน ในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายนนี้

“แสตมป์-อภวิฒน์” ทวงบัลลังก์คว้าชัยซูเปอร์สปอร์ต “ยามาฮ่า” เหมาโพเดียม โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์

“แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ยอดนักบิดไทยจาก ยามาฮ่า คัมแบ็กสร้างผลงานระดับมาสเตอร์ในศึกสองล้อชิงแชมป์ประเทศไทย บิดคว้าชัยในรุ่น ซูเปอร์ปปอร์ต 600 ซีซี ขณะรถแข่ง Yamaha YZF-R6 โชว์ความแกร่งเหมาโพเดียมหลัง “ฟอง” คณาทัต ใจมั่น และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ ตามเข้าป้ายท็อปทรีจากเรซสุดมันส์ ที่ สนามช้างฯ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 สนามสุดท้ายดวลความเร็วเรซแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 23 กันยนายนที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เกมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี มีความหมายอย่างมากต่อ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ยอดนักบิดเวิลด์ซูเปอร์สปอร์ตชาวไทยของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ และตัดสินใจลงแข่งขันสนามนี้ เพื่อเรียกความฟิตให้กับร่างกายหลังเข้ารับการผ่าตัดรักษา “อาร์มปั๊ม”
อภิวัฒน์ เจ้าของรถแข่งหมายเลข 24 ลงบิดให้กับสังกัด ยามาฮ่า ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม ได้เริ่มเกมในกริดที่ 3 โดยสามารถขยับขึ้นมาเป็นผู้นำได้ตั้งแต่รอบแรก และไล่บดกับคู่แข่งอย่างสุดมันส์ตลอดทั้งเรซ จบการแข่งขัน 12 รอบสนาม อภิวัฒน์ สร้างผลงานระดับมาสเตอร์บิดคว้าชัยไปครองได้อย่างสุดมันส์ ภายใต้การขับเคี่ยวที่เข้มข้นอย่างมาก ส่วนอันดับ 2 และ 3 เป็นของทีมเมททั้งสองคนอย่าง “ฟอง” คณาทัต ใจมั่น หมายเลข 90 และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ หมายเลข 188 ตามหลังคนละ
โดยนับเป็นการกลับมาสร้างความมั่นใจให้กับ อภิวัฒน์ ได้อย่างเต็มเปี่ยมในการแข่งขัน และเป็นการคัมแบ็กคว้าชัยชนะอีกครั้งของ ยามาฮ่า กับการแข่งขัน ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ใน สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต
ทั้งนี้ ศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 จะดวลความเร็วเรซสุดท้ายของปีในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายนนี้

“ชิพ -มุกข์” บิด CBR Series เหมาโพลโพซิชั่น ปูทางล่าแชมป์ประจำปี OR BRIC 2023

“ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ และ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นำทัพนักแข่ง สังกัด “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ขยับเข้าใกล้แชมป์ประจำปี รายการ OR BRIC 2023 หลังทำการควอลิฟายเพื่อหาอันดับการออกสตาร์ตการแข่งขัน ด้วยการเหมาโพลโพซิชั่น 2 รุ่นท็อปของรายการอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี (SB1Pro) และ ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1Pro) ด้วยศักยภาพที่เหนือชั้นกว่าของยอดรถแข่งตระกูล CBR Series

โดยรุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี (SB1Pro) “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ กับรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 41 คว้าโพลโพซิชั่นมาครอง กดเวลาต่อรอบเร็วที่สุด 1.36.368 นาที สร้างโอกาสในการลุ้นชัยชนะคว้าแชมป์ประจำปี และ “โค้ชฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ หมายเลข 14 ที่ได้รับเชิญลงสนามเป็นพิเศษ ยังคงแข็งแกร่งด้วยการทำเวลาต่อรอบอันดับที่ 2 ด้วยเวลา 1.36.883 นาที

ขณะที่รุ่นซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS1Pro) “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช เจ้าของชัยชนะ 100 เปอร์เซ็นต์เต็มจาก 3 เรซแรก ดวลกับทีมเมทอย่างเข้มข้นก่อนที่จะบิด Honda CBR600RR หมายเลข 44 คว้ากริดสตาร์ตอันดับ 1 มาครองด้วยเวลาต่อรอบที่ดีที่สุด 1.39.787 นาที และทีมเมท “นิว” ปัณณสรณ์ แก้วสนธิ หมายเลข 15 ตามมาในอันดับ 2 ด้วยเวลาต่อรอบ 1.39.916 นาที

ทั้งนี้ การแข่งขัน OR BRIC 2023 สนามสุดท้าย แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตจะได้เชียร์ ทัพนักแข่ง CBR Series จาก “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ที่จะโชว์ฟอร์มสุดแข็งแกร่งล่าชัยชนะและแชมป์ประจำฤดูกาล ซึ่งจะดวลกันต่อเนื่อง 2 เรซ ในระหว่างวันเสาร์ที่ 23 – วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายนนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
สำหรับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

 

“เอฟ” พงศ์สถิต แสนหลวง ยืนหนึ่งจ่าฝูง คว้าชัย R3 bLU cRU Thailand สนามสุดท้ายเรซ 1

การแข่งขัน YAMAHA R3 bLU cRU Thailand 2023 เวทีจุดประกายและค้นหาดาวรุ่งดวงใหม่มาประดับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย เข้าสู่โค้งสุดท้ายของการค้นหาแชมป์ประจำปี2023 กับ 12 นักแข่งเยาวชนไทยที่ร่วมลงทำการแข่งขัน กับเรซแรกของสนามสุดท้าย

สุดเดือด 12 รอบสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เกมดวลคันเร่ง เอฟ พงศ์สถิต แสนหลวง #95 ดวลเดือดแทร็คระอุกับ เจ้าเมล เทพพิทักษ์ ไกรยะฝ่าย #12 และ ฟลูมูน พศิน ชมภูรัตน์ #53 ที่ดวลคันเร่ง YAMAHA R3 อย่างเร้าใจ ก่อนที่เจ้า เอฟ พงศ์สถิต แสนหลวง #95 บดคันเร่งเข้าเส้นชัยได้เป็นคันแรก คว้า 25 คะแนน เก็บคะแนนสะสมเป็นผู้นำที่ 151 คะแนน ทิ้งอันดับ 2 เมล เทพพิทักษ์ ไกรยะฝ่าย #12 อยู่ 16 คะแนน ทำให้การแข่งขันในเรซที่ 2 เดือนทะลุคันเร่งกับการลุ้นแชมป์ประจำปี 2023

สำหรับการแข่งขัน YAMAHA R3 bLU cRU Thailand Cup สนามสุดท้าย ในเรซที่ 2 จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 23 กันยายน 2566 ในรายการ OR BRIC 2023
ร่วมส่งแรงใจเชียร์นักบิดดาวรุ่งไทยในโครงการ YAMAHA R3 bLU cRU Thailand Cup ได้ที่ Facebook : YAMAHA THAILAND RACING TEAM และ YAMAHA R3 bLU cRU Thailand

THE NEW R 12 nine T

BMW Motorrad ได้เผยโฉมรถไลน์อัพใหม่ที่เตรียมจะส่งออกมาสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ โดยกำหนดแนวทางของรถรุ่นนี้ด้วยคำว่าคลาสสิคโรดสเตอร์ที่พร้อมสำหรับการนำไปตกแต่ง ClassicRoadster.Ready to customizeโดยรถรุ่นนี้จะเป็นหนึ่งในรุ่นที่ออกมาในวาระครบรอบ100ปี”100 years of BMW Motorrad” anniversary โดยพื้นฐานรถรุ่นนี้จะสานต่อรูปแบบคาแรกเตอร์ของรถตระกูล R nine T ที่ส่งออกมาก่อนหน้านี้สิบปีก่อนในวาระครบรอบ90ปี 90th anniversary of BMW Motorradนั่นเอง โดยเจ้ารถรุ่นใหม่ที่จะส่งออกมานี้ก็ระบุชื่อชัดเจนแล้ว

The new BMW R 12 nineT ที่ถูกออกแบบและพัฒนาให้สืบทอดเจตนารมย์ความเป็นรถคลาสสิคสู่ปีที่100ของBMW Motorrad เช่นเดียวกับที่พวกเขาส่ง BMW Rnine T ออกมาสู่ตลาดในปี2013 เพียงแต่ในการพัฒนา R12nineTครั้งนี้จะเป็นการอัพเกรดสู่ความเป็น Power classic roadster ที่เปี่ยมล้นด้วยสมรรถนะและประสิทธิภาพที่มากขึ้นขณะเดียวกันก็พร้อมสำกรับการนำแตกเพิ่มเติมเพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้ขับขี่ได้หลากหลายสไตล์ซึ่งDr. Markus Schramm, Head of BMW Motorradได้บอกว่า

“R nineT และแนวคิดการปรับแต่งสร้างประสบการณ์การสืบทอดเรื่องราวความเป็นมาของการถือกำเนิดของ BMW Motorradในช่วงยุค90ที่มีรถรุ่นที่โดดเด่นของเรา และการพัฒนานั้นได้กลายเป็นรากฐานที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในปัจจุบันของเรา จนมาถึงR 12 nineT ที่กล่าวได้ว่าเป็นไลน์อัพใหม่ที่จะยังคงสานต่อเรื่องราวที่ประสบความสำเร็จเกี่ยวกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ในตำนานของ BMW อย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบของรถที่ให้อารมณ์คลาสสิก ให้ระดับอิสระที่มากขึ้นในการปรับแต่ง และสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุดคือเทคโนโลยีใหม่และนวัตกรรมที่เรามุ่งมั่นพัฒนาออกมา”

ด้วยการออกแบบใหม่ตามแนวความคิดดั้งเดิมของเครื่องยนต์ 1200boxer engine พร้อมรูปแบบของair boxและexhaust systemที่เป็นเอกลักษณ์จะนำมาซึ่งการได้รับความรู้สึกในการขับขี่ในแบบคลาสสิคที่เฉพาะตัวในสไตล์ของBMW Motorrad เช่นเดียวกับช่วง100ปีที่ผ่านมาของพื้นฐานเครื่องยนต์แบบflat-twin engine ของรถรุ่นR32ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกของBMWที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์boxerที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของสมรรถนะและความนุ่มนวลในการขับขี่จนกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของรถจักรยานยนต์จากBMW Motorradมาจนถึงปัจจุบันโดยเครื่องยนต์boxer engine ที่มาพร้อมกับระบบระบายความร้อน air/oil-cooled boxer engine และแน่นอนว่า R12nine T จะยังคงรับการถ่ายทอดรูแบบที่เป็นสัญลักษณ์เฉพาะตัวนี้มาด้วย โดยตัวเลข12ในชื่อรุ่นนั้นก็คือตัวเลขที่ระบุถึงปริมาตรความจุของเครื่องยนต์เพื่อบ่งบอกถึงเครื่องยนต์ขนาดต่างๆที่หลากหลายของBMW Motorrad นั่นเอง ซึ่งEdgar Heinrich, Head of Design BMW Motorradได้กล่าวว่า

“ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนถึงการสืบทอดเอกลักษณ์ความเป็นตำนานถูกแสดงออกมาผ่านชิ้นส่วนของรถอย่างถังน้ำมัน เบาะนั่ง เส้นสายโครงสร้างชิ้นส่วนเนท้ายของรถที่อิงสไตล์จากรถในตำนานอย่าง R90s จากยุค’70s ที่ถังน้ำมันให้ความรู้สึกของความคลาสสิคอย่างชัดเจนความคลาสสิคในการขับขี่ที่เข่าจัได้สัมผัสกับถังหรือแม้แต่การมีชิ้นส่วนฝาครอบแบบสามเหลี่ยมside cover ที่ติดตั่งด้านข้างเฟรมที่มันคือรูปแบบเฉพาะตัวของรถสไตล์roadster รถที่เฟื่องฟูอย่างมากจากปี1970และR12nineTได้สืบทอดมรดกดังกล่าวมา”

นี่คืออีกครั้งของความตั้งใจที่จะส่งรถไลน์อัพใหม่ออกมาด้วยความใส่ใจพิถีพิถันในทุกรายละเอียดที่สำคัญคือมีความเชื่อมโยงถึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของรุ่นรถที่เคยเป็นตำนานของBMW Motorrad ที่ผสมผสานอย่างลงตัวออกมาเป็นบังโคลนหน้าที่ออกแบบใหม่ โคมไฟหน้าสีดำพร้อมหลอดLED เรือนไมล์ทรงกลมสไตล์คลาสสิคแบบดั้งเดิม ไม่เพียงเท่านั้นเพื่อตอกย้ำถึงเป้าหมายที่ต้องการเน้นถึงคำว่า ready to customize หรือพร้อมสำหรับการนำไปตกแต่งเพิ่มเติม จึงมีการส่งชิ้นส่วนอะไหล่ในกลุ่ม original BMW Motorrad accessories ออกมาไว้รองรับอย่างหลากหลาย และเพื่อให้R12nineT มีความโดดเด่นในส่วนท้ายตามสไตล์ที่เรียกว่าshort tailจึงทำการติดตั้งไฟท้าย LED rear light เข้ากับเบาะนั่งสำหรับรายละเอียดทางด้านเทคนิคต่างๆในส่วนของตารางสเปคนั้นยังไม่มีการให้รายละเอียดใดๆออกมาแต่ก็มีเพียงไฮไลต์เบื้องต้นที่ระบุว่า R12nineT จะใช้เครื่องยนต์Air/oil-cooled2-cylinder boxer engine ที่มาพร้อมกับโครงสร้าง One-piece tubular space frame with bolt-on rear frame

ซึ่งเจ้าเฟรมชิ้นเดียวแบบสเปซเฟรมนี้ถูกออกแบบมาให้เอ้อต่อการนำไปทำการตกแต่งเพิ่มเติมโดยแยกกับชิ้นส่วนrear frame วงล้อแบบคลาสสิคที่ติดตั้งมากับฟอร์คหน้าแบบหัวกลับ upside-down telescopic forks ขณะที่ช๊อคอัพหลังจะเป็นแบบParalever โดยที่ท่อไอเสียจะร้อยออกทางฝั่งซ้ายแบบdouble silencer สำหรับทางด้านความปลอดภัยในส่วนของระบบเบรกนั้นก็เปิดเผยเบื้องต้นต้นว่าจะเป็นแบบ Radially mounted 4-piston monobloc calipers, steel braided brake linesส่วนรายละเอียดอื่นๆคงต้องรอกำหนดการที่จะส่งสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ที่ BMW MotorradกำหนดการเปิดตัวR12nineT อย่างเป็นทางการนั่นเอง

“ก้อง-สมเกียรติ” พร้อมลุยโมโตทูสนามแรกโซนเอเชีย ชี้แทร็ก “อินเดีย” สุดท้าทาย

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สุดตื่นเต้น กับการแข่งขันในโซนเอเชีย ชี้เป็นงานสุดท้าทายกับ โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ครั้งแรกที่ อินเดีย ซึ่งเป็นแทร็กที่ไม่มีนักแข่งเคยแข่งขันมาก่อน ย้ำเลย์เอาท์สนามเข้าทางสไตล์การบิด ก่อนบู๊ “อินเดียน กรังด์ปรีซ์” สุดสัปดาห์นี้ ที่ บุดด์ห อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นการดวลความเร็วสนามที่ 13 ของฤดูกาลนี้ และเป็นครั้งแรกที่สนามแห่งนี้ได้ถูกรับรองการแข่งขัน โมโตจีพี รวมถึงเป็นสนามแรกในโซนเอเชียฤดูกาลนี้

สมเกียรติ กล่าวว่า “อินเดีย คือสนามที่พวกเราไม่มีข้อมูลอยู่เลย ‘เลย์เอาท์’ ดูมีความน่าสนใจ กับทางตรงที่ยาว และมีโซนเบรกหนัก ซึ่งน่าจะเข้าทางพวกเรา แต่ไม่มีใครมีข้อมูลอ้างอิง แน่นอนว่าเวลาในการเรียนรู้และค้นหาเซ็ตอัพมีจำกัด แต่ยังไงก็ตามผมดีใจมากที่ในที่สุดเราก็เข้าสู่การแข่งขันในโซนเอเชียแล้ว”
สำหรับ บุดด์ห อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต นับเป็นสนามที่ท้าทายความสามารถนักแข่งทุกคนในการขับขี่ รวมถึงทีมช่างอย่างมากสำหรับการหาเซ็ตติ้ง เพราะไม่เคยรองรับการแข่งขัน โมโตจีพี มาก่อน โดยมีระยะทางต่อรอบ 5.01 กิโลเมตร มีทั้งสิ้น 13 โค้ง ขวา 8 ซ้าย 5 ทางตรงยาวที่สุด 1.006 กิโลเมตร คาดว่าจะมีการทุบสถิติความเร็วสูงสุด (Top Speed) สนามแห่งนี้ด้วย มีโซนเบรกหนักหลายจุด และต้องใช้ความแข็งแกร่งร่างกายสูงมาก
ทั้งนี้ ศึก อินเดียน กรังด์ปรีซ์ จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 22 กันยายน ก่อนจับเวลารอบควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ตวันเสาร์ที่ 23 กันยายน และดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายนนี้ เริ่มต้นในรุ่น โมโตทู 15.15 น. ตามเวลาประเทศไทย ปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 17.00 น. ถ่ายทอดสดทาง PPTVHD36 และ True Visions SPOTV
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารพร้อมส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา และติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

XMAX Connected สเตปการแต่งเต็มแม็กซ์ ดีกรีแชมป์ โชว์ไอเดีย by Likit Racing

YAMAHA XMAX Connected ออโตเมติกคลาส 300 สุดฮิต กับไอเดียการคัสตอมที่จัดเต็มทั้งคัน ด้วยผลงานการันตี จากการประกวดจากงาน YAMAHA Max Community 2023

โดยไฮไลท์การตกแต่งของ All New XMAX Connected คันนี้เริ่มจากชุดสี เลือกใช้เป็นสีบรอนซ์ ด้วยเหตุผลที่ต้องการโชว์ในส่วนของเส้นสายของตัวรถที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ให้ชัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งตัวแฟริ่งรถทั้งหมดจัดเอาชุดแต่ง Wide Body ทำให้ตัวรถมีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น มิติในส่วนของแก้มซ้าย-ขวา มีการ Drop Layer ให้เป็น 2 Step เพื่อโชว์ชิ้นงานคาร์บอนฯ ที่อยู่ใต้ชุดสี พร้อมทั้งขยายปีกบังโคลนหน้า และแก้มด้านข้างที่อยู่ด้านใต้ฟลอร์บอร์ดวางเท้าให้ใหญ่มากขึ้น พร้อมไล่เบาในส่วนของตราโลโก้ ที่แสดงถึงความเป็น XMAX

ทำงานที่ซับซ้อนมาก และสำหรับผ้าคาร์บอนฯที่เลือกใช้ จะเป็นผ้าลายเดียวกับ รถซูเปอร์คาร์ และทั้งหมดนี้เป็นผลงานการตกแต่งจาก Likit Racing เพื่อนๆ ที่สนใจสามารถนำเป็นไอเดียในการตกแต่ง XMAX คันโปรดได้เลย