เปิ

ฮอนด้า พาไบค์เกอร์สายลุยเปิ




เปิ

ฮอนด้า พาไบค์เกอร์สายลุยเปิ




สมาคมรถโบราณฯ ส่งรถโบราณร่วมสร้างสีสัน ในขบวนพาเหรดครั้งยิ่งใหญ่

สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย จัดขบวนพาเหรดรถโบราณ และรถคลาสสิค ร่วมสร้างสีสันในงาน Love Pride Parade 2024 ในวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เฉลิมฉลองวาระของการสื่อความหมายความภูมิใจ ความรัก ความเท่าเทียมทางสังคม (LGBTQIAN+) นำโดย MG TB รุ่นปี 1939, Mercedes-Benz 220S Cabriolet รุ่นปี 1958, Mercedes-Benz 190SL รุ่นปี 1956, Mercedes-Benz 300SL W107 รุ่นปี 1987 และ Morgan Plus รุ่นปี 1958 ด้วยระยะทาง 6 กม. นับเป็นขบวนพาเหรดการเฉลิมฉลองเทศกาล Pride ที่มีความยาวมากที่สุดในเอเชีย

เส้นทางจากสนามกีฬาแห่งชาติ ไปตามถนนพระราม 1 มุ่งหน้าผ่านแยกปทุมวัน สยาม สี่แยกราชประสงค์ เข้าสู่ถนนสุขุมวิท ตรงไปยังเพลินจิต อโศก และไปสิ้นสุดที่อุทยานเบญจสิริ ระหว่างทางมีผู้คนคอยให้การต้อนรับอย่างคึกคัก ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอบอุ่น โดยขบวนรถโบราณ ได้สร้างรอยยิ้ม และดึงดูดความสนใจแก่ผู้พบเห็นตลอดเส้นทาง
การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการเฉลิมฉลองส่งท้ายเดือนแห่งความเท่าเทียม กฎหมายสมรสเท่าเทียม การอยู่ร่วมกันของผู้คนในสังคมอย่างเสมอภาค เคารพในบทบาทซึ่งกันและกัน กับขบวนพาเหรด Love Pride Parade 2024…The First Ever Longest Parade In Asia ที่จะบันทึกไว้เป็นงานพาเหรดที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์การจัดงานพาเหรดของไทย
“The Bikeriders – เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส” รอบปฐมทัศน์ในประเทศไทย

Harley-Davidson เผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์ Hydra-Glide Revival ปี 2024 จากคอลเลคชันลิมิเต็ดอิดิชันอย่าง Icons ภายในงานฉายภาพยนตร์เรื่อง “The Bikeriders – เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส” รอบปฐมทัศน์ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 ณ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ โดยรถมอเตอร์ไซค์รุ่นดังกล่าวมาพร้อมเทคโนโลยีการลงสีระดับพรีเมียมที่ล้ำสมัย ถูกผลิตออกมาในแบบคัสตอมจากโรงงาน และการออกแบบด้วยแถบกราฟิก พร้อมจำหน่ายแล้วผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Harley-Davidson ในประเทศไทย สำหรับรถมอเตอร์ไซค์จากคอลเลกชัน Icons ได้แรงบันดาลใจมาจากรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในยุคของภาพยนตร์ “The Bikeriders – เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวชีวิตของสมาชิกกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ในแถบมิดเวสต์ ช่วงทศวรรษ 1960 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มฉายแล้วในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2567

งานฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ในครั้

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่

การเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษ Icons Collection สี Hydra-Glide Revival ปี 2024 หรือรุ่นที่ 4 จาก Icons Collection ของ Harley-Davidson ถือเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีของการคิดค้นระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบก้าน Hydra-Glide สำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่น E และรุ่น F ในปี 1949 ซึ่งหลังจากเปิดตัวระบบกันสะเทือน Hydra-Glide ในรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson รุ่น FL นักขับขี่ชาวอเมริกันจำนวนมากเริ่มออกไปผจญภัยบนเส้นทางใหม่ ตามถนนทางหลวงอินเตอร์สเตต (Interstate highways) สำหรับรถมอเตอร์ไซค์สี Hydra-Glide Revival ปี 2024 มอบอิสรภาพและการผจญภัยของนักขับขี่ บนรถที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการดีไซน์แบบย้อนยุค พร้อมขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายและสัมผัสกับฟีเจอร์หลากหลายที่เร้าใจ

รถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิ

ฟีเจอร์การออกแบบพิเศษ
สี Hydra-Glide Revival สะกดทุกสายตาด้วยสี Redline Red แบบคัสตอม และแถบกราฟิกสี Birch White ด้านข้างถังน้ำมัน ถอดแบบมาจากรถมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 1956 และมาพร้อมกับการออกแบบที่โดดเด่นมากมาย อาทิ ตราสัญลักษณ์ “Harley-Davidson V” แบบโครเมียม ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตราสัญลักษณ์ที่ตัวถังน้ำมันของรุ่นปี 1955-1956 บนถังน้ำมัน ตราสัญลักษณ์ “Hydra-Glide” บริเวณที่บังโคลนหน้า ป้าย “Hydra-Glide Revival” ที่ระบุหมายเลขลำดับของตัวรถครอบอยู่บนบาร์ที่จับ และกราฟิกสำหรับรถมอเตอร์ไซค์คอลเลกชัน Icons บนบังโคลนหลังแสดงถึงรถมอเตอร์ไซค์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน

ฟีเจอร์การออกแบบที่เพิ่มเข้ามา ประกอบด้วย กราฟิกแผงหน้าปัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมาตรวัดความเร็วปี 1954 – 1955 กระบังลมสูงสีทูโทนแบบถอดได้ขนาด 21 นิ้ว (53.3 ซม.) ที่มีส่วนล่างเป็นสีแดงแมชกับตัวรถสี Redline Red ฝาครอบเครื่องกรองอากาศทรงกลมแบบโครเมียมและล้อเหล็กโครเมียมแบบซี่ ช่วยให้ตัวรถมีกลิ่นอายความคลาสสิก การตกแต่งแผ่นปิดบังโคลนหน้าและหลัง การ์ดเครื่องยนต์ ฝาครอบโชคอัพ ระบบส่งกำลัง และท่อไอเสียด้วยสีโครเมียมที่ชวนเหลียวมอง

กระเป๋าสัมภาระด้านข้างแบบเดี่ยวถูกออกแบบด้วยผ้าม่านหนัง กุ๊นขอบด้วยหนังสีขาว เย็บตะเข็บด้วยด้ายสีแดงที่ตัดกัน และโครงโครเมียมแสดงถึงการดีไซน์แบบย้อนยุค สายสะพายหนังสีดำตกแต่งด้วยหมุดและเครื่องประดับคอนโช วัสดุที่ใช้กับกระเป๋าสัมภาระด้านข้างแบบคู่ทำมาจากหนังและไวนิล ตกแต่งรายละเอียดด้วยเครื่องประดับคอนโชโครเมียม พร้อมอะครีลิคสีแดงตรงกลาง หมุดแบบโครเมียม พร้อมกุ๊นของหนังตะเข็บสีขาว และเย็บตะเข็บด้วยด้านสีแดงเช่นเดียวกัน กระเป๋าสัมภาระด้านข้างมีคุณสมบัติกันน้ำ มาพร้อมกุญแจล็อคเพื่อความปลอดภัย และมีซับในที่แข็งแรงเพื่อให้คงรูปทรงได้ทุกฤดูกาล
สไตล์ย้อนยุค กับสมรรถนะที่ล้ำสมัย
รถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษจาก Icons Collection ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® 114 V-Twin แบบถ่วงดุลน้ำหนัก มาพร้อมเครื่องกรองอากาศ Screamin’ Eagle® High-Flow ช่วยส่งสมรรถนะของการขับขี่ให้แรงมากขึ้น และได้รับการอัพเกรดเป็น Harley-Davidson® Screamin’ Eagle® Stage เหมาะสำหรับนักขับขี่ที่มองหาสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง

แชสซี Softail® ซ่อนระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบโชคเดี่ยวที่ปรับได้อย่างอิสระไว้ใต้เบาะที่นั่ง เพื่อให้ความสะดวกสบายในการขับขี่และการเลี้ยวเข้าโค้งแบบไดนามิก และยังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์ของช่วงล่างแบบดั้งเดิม ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยรักษาความเร็วให้คงที่เพื่อความสะดวกสบายระหว่างการขับขี่ระยะทางไกล ไฟหน้าแบบ LED และไฟเสริมที่สว่างช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมการเบรกได้อย่างมั่นใจในสภาพถนนที่ไม่เอื้ออำนวย
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อกับตัวแทนจำหน่าย Harley-Davidson ใกล้บ้านท่าน เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นที่มีอยู่ ตัวเลือกสี ข้อมูลจำเพาะ และระยะเวลาการจัดส่ง
สำหรับภาพบรรยากาศงานฉายภาพยนตร์ เรื่อง The Bikeriders – เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส รอบปฐมทัศน์ สามารถดูได้ที่นี่
#HarleyDavidsonAsia #UnitedWeRide #TheBikeridersTH #เดอะไบค์ไรเดอร์ส # TheBikeriders
ติดตามข่าวสารอัพเดทของ Harley-Davidson สำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ได้ที่
Instagram: @HarleyDavidson_Asia
LINE Official Account: @HarleyDavidsonTH
“กวาร์ตาราโร-รินส์” หวังยกระดับในสนามโปรด

“มอนสเตอร์ ยามาฮ่า” ยอดทีมในศึก โมโตจีพี เดินหน้าพัฒนารถแข่ง YZR-M1 อย่างหนัก ในภารกิจคัมแบ็กแถวหน้าของโลก ล่าสุดเก็บข้อมูลสำคัญในการทดสอบแบบส่วนตัวที่ บาเลนเซีย ก่อนดวลสนาม 8 ดัตช์ ทีที สุดสัปดาห์นี้ ขณะคู่หูนักบิดของทีมอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และ อเล็กซ์ รินส์ หวังยกระดับผลงานในสนามโปรดอย่าง ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์
การแข่งขัน โมโตจีพี เวิลด์ แชมเปียนชิพ 2024 เตรียมดวลความเร็วสนาม 8 รายการ ดัตช์ทีที ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายนนี้ หลังเว้นวรรคนานถึง 3 สัปดาห์ ท่ามกลางการเฝ้ารอของแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก

ขณะที่ “เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร อดีตแชมป์โลกชาวฝรั่งเศส และทีมเมทชาวสแปนิชอย่าง อเล็กซ์ รินส์ ก็ใช้เวลาช่วงพัก 3 สัปดาห์ กับการทำงานอย่างหนักร่วมกับ มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี รวมถึงทีมทดสอบของ ยามาฮ่า ซึ่งผ่านโปรแกรมการเทสต์แบบส่วนตัวที่ บาเลนเซีย เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนเข้าสู่การแข่งขันสุดสัปดาห์นี้
มัสซิโม เมเรกัลลี ผู้อำนวยการทีมกล่าวว่า “สภาพอากาศที่เลวร้ายทำให้การทดสอบของเราไม่เป็นไปตามแผนในปีนี้ แต่ท้ายที่สุดเราก็สามารถจัดการงานที่ต้องทำได้ หลังผ่านแทร็กเดย์ของ มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ แทร็กเดย์ ออฟ เลเจนด์ พวกเราใช้ บาเลนเซีย เพื่อทดสอบเพิ่มเติม สำหรับเก็บข้อมูลที่สดใหม่เพื่อ 2 สนามต่อไป ก่อนจะพักครึ่งฤดูกาลช่วงซัมเมอร์ จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าพยากรณ์อากาศที่ แอสเซ่น จะออกมาค่อนข้างดีในการแข่งขัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเรา เพราะจะทำให้ทุกช่วงเวลาที่อยู่ในสนามเกิดประโยชน์ที่สุด”
ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร กล่าวว่า “แอสเซ่น คือหนึ่งในสนามโปรดของผม หวังว่าเราจะผ่านเข้าสู่ Q2 ได้แบบโดยตรงจากการซ้อมในวันศุกร์ การทดสอบแบบส่วนตัวระหว่างการแข่งขัน ดัตช์ จีพี และ อิตาเลียน จีพี เป็นไปในทิศทางบวก ดังนั้น เราหวังว่าจะสามารถต่อสู้เพื่อตำแหน่งที่ดีกว่า”

ด้าน อเล็กซ์ รินส์ ทีมเมทเผยว่า “ผมมีโอกาสได้ไปเยือนฐานของ ยามาฮ่า มอเตอร์ ยุโรป เรารู้สึกดีกับการที่พนักงานทุกคนให้ความสนใจและทุ่มเท เป็นการปลุกเร้าที่ดีก่อนเข้าสู่การแข่งขัน 2 รายการนี้ (ดัตช์ทีที และ เยอรมัน จีพี) หลังผ่าน 3 สัปดาห์ที่รัดตัว (การทดสอบ) ผมตื่นเต้นสุดๆ ที่จะได้เริ่มต้นสุดสัปดาห์ที่ แอสเซ่น ซึ่งเป็นสนามที่ดีจริงๆ สำหรับผมที่ตั้งตารอให้ถึงการแข่งขันที่นี่ และเพลิดเพลินไปกับสนามแข่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแห่งหนึ่ง”
ทั้งนี้ ศึก ดัตช์ ทีที จะเข้าสู่การซ้อมวันแรกในวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายนนี้ ก่อนจะควอลิฟายและดวลความเร็วรอบ “สปรินต์” ในวันเสาร์ที่ 29 มิถุนายนนี้ ส่วนการแข่งขันรอบ “เมน กรังด์ปรีซ์” จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนนี้ 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง PPTVHD36 และ SPOTV
—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaMotoGP24
#YamahaFactoryRacingTeam #MonsterEnergyYamahaMotoGPteam
#FQ20 #AR42
เตรียมรองรับการใช้รถจั







“ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” เตรียมลุยศึก “โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” สนาม 4 แอสเซ่น

“ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร นักบิดดาวรุ่งชาวไทยวัย 17 จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” พร้อมเต็มร้อย เดินหน้าเก็บประสบการณ์ในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลก “เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ 2024” สนาม 4 ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายนนี้ ในสังเวียน โมโตจีพี อย่าง ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์
“ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ลงแข่งขันรายการนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ปูทางสู่เรซระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ในอนาคต โดยหลังผ่าน 3 สนามแรกที่ เซอร์กิโต เด เฆเรซ ประเทศสเปน, เลอมองส์ ประเทศฝรั่งเศส และล่าสุดที่ มูเจลโล ในประเทศอิตาลี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยเก็บมาได้ 5 คะแนน จากการคว้าอันดับ 11 เรซแรกที่ เฆเรซ ถือเป็นการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วกับการแข่งขันระดับโลก
โดยสุดสัปดาห์นี้จะมีขึ้นภายใต้การเป็นซัพพอร์ตเรซของ โมโตจีพี ทำให้มีนักแข่งไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ลงแข่งขันพร้อมกันถึง 3 คน ได้แก่ “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ในศึก เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ รวมถึงรุ่นพี่อย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ใน โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ใน โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ
ทั้งนี้ “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” มีคิวลงซ้อมอย่างเป็นทางการและควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ตในวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายนนี้ ก่อนจะดวลความเร็วเรซแรกในวันเสาร์ที่ 29 มิถุนายนนี้ 21.50 น. ตามเวลาประเทศไทย ส่วนเรซที่ 2 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนนี้ 20.20 น. ถ่ายทอดสดทาง https://www.facebook.com/redbullrookiescup
#ThaiHonda #JP20 #JuniorGP #RookiesCup #Motorsport #HondaMotorSport #RoadToMotoGP #RaceToTheDream #HondaRacingThailand
“ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ยกระดับผลงานต่อเนื่อง

“ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ดาวรุ่งชาวไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ยกระดับผลงานต่อเนื่อง ไล่บี้กลุ่มกลางเก็บประสบการณ์ลับฝีมือในศึก “ดาวรุ่งชิงแชมป์โลก” รายการ จูเนียร์จีพี 2024 สนาม 4 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดวลความเร็วในสนามสุดหินที่ได้สมญานนามว่า รถไฟเหาะตีลังกา อย่าง อัลการ์ฟ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เมืองปอร์ติเมา ประเทศโปรตุเกส ชิงชัยทั้งสิ้น 2 เรซ
เกมเรซแรกนักบิดดาวรุ่งชาวไทย “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร เจ้าของรถแข่งหมายเลข 20 จากสังกัด ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 29 และไล่บี้อย่างหนักกับนักบิดทั้งหมด 7 คน ในกลุ่มกลาง ก่อนจะเข้าป้ายในอันดับ 22 ด้วยเวลารวม 27 นาที 41.593 วินาที
ส่วนเรซที่ 2 “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 28 ซึ่งยังถือเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก โดยดาวรุ่งชาวไทยทำผลงานได้ดีขึ้น ขยับขึ้นมาเข้าเส้นชัยในอันดับ 20 ด้วยเวลา 27 นาที 59.579 วินาที
ผ่านการแข่งขัน 4 สนามแรก “ข้าวกล้อง-จักรีภัทร” นักบิดชาวไทยยกระดับความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสนามถัดไปของศึก เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 กันยายนนี้ ที่ เซอร์กิโต เด เฮเรซ-อังเคล นิเอ็ตโต ประเทศสเปน
แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ส่งกำลังใจเชียร์พร้อมติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวนักบิดฮอนด้าทุกคน ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : Race to The Dream
#ThaiHonda #JuniorGP #JP20 #RookiesCup #Motorsport #RaceToTheDream #HondaMotorSport #HondaRacingThailand
ไทยฮอนด้า ผู้นำด้านการขับขี่ปลอดภั

ศึก Plan-B Media BRIC Superbike สนาม 3 5-7 ก.ค.นี้

สุดยอดมอเตอร์สปอร์ต 2 ล้อ อันดับ 1 ของไทย “แพลน บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ 2024” เตรียมกระหึ่มคันเร่ง สนามที่ 3 ของฤดูกาล ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ กองทัพนักบิดไทยพร้อมชิงชัย บนเซอร์กิตระดับเวิลด์คลาสที่รองรับศึก “โมโตจีพี” อย่าง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งจะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปรับความยากและท้าทายของแทร็ก เพิ่มความสูง “ขอบเคิร์บ” โค้ง 1, 4 และโค้ง 8 สไตล์ “มิซาโน เคิร์บ” ขณะที่ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ลุ้นคว้าชัย 3 สนามติด สร้างโอกาสคว้าแชมป์ประเทศไทย ด้านคู่แข่งคนสำคัญท้าชนหวังยื้อถึง “ชิงดำ”

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ แพลน บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 3 มีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2567 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยนับเป็นการก้าวเข้าสู่ครึ่งฤดูกาลหลังในการลุ้นแชมป์ประจำปีอย่างเป็นทางการ

ศึก แพลน บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จนถูกยกให้เป็นศึกมอเตอร์สปอร์ต 2 ล้อเบอร์หนึ่งของไทย และเดินหน้าต่อเนื่อง เพื่อยกระดับเป็น “ศูนย์กลางของอาเซียน” ซึ่งในปีนี้ยังมีการลุ้นแชมป์ประจำปีที่เข้มข้นในทุกคลาส จากนักบิดแถวหน้าและทีมแข่งระดับคุณภาพของเมืองไทย ที่ร่วมไล่ล่าความสำเร็จ

สถานการณ์ลุ้นแชมป์ในรุ่นใหญ่สุดของเมืองไทยอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ยังคงเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง โดย “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ อดีตนักบิดเวิลด์ซูเปอร์สปอร์ต ยังคงรั้งจ่าฝูงหลังคว้าชัยชนะ 2 สนามแรก แต่ก็ยังมีคู่แข่งคนสำคัญอย่าง “บอล” จักกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม และ “ซีเค” ชัยวิชิต นิสกุล นักบิดแถวหน้าของไทยอีกคนจาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ เป็นตัวพลิกเกมที่ประมาทไม่ได้

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ฝ่ายจัดการแข่งขันกล่าวว่า “ในปี 2024 เปิดฤดูกาลอย่างสนุก เรามีโอกาสที่จะเห็นการคว้าแชมป์ประจำปีในแต่ละรุ่นจากทั้งนักแข่งมากฝีมือ ดีกรีระดับอินเตอร์ และนักแข่งดาวรุ่งหน้าใหม่ที่ขึ้นมายืนโพเดียมได้สำเร็จ และด้วยตารางแข่งขันที่ต้องลุ้นแชมป์ประจำปีอีก 3 เรซ โดยแบ่งเป็น สนามที่ 3 จำนวน 1 เรซและสนามที่ 4 ดวลกัน 2 เรซ ก็ยังคงทำให้อาจมีจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปีนี้ก็ได้”

“นอกจากนี้ ความสำคัญของสนามนี้คือเป็นหนึ่งในการซ้อมใหญ่ เพื่อรองรับการแข่งขัน โมโตจีพี 2024 รายการ PT Grand Prix of Thailand ซึ่งจะมีความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ของสนามคือ การเพิ่มความสูงของขอบเคิร์บในโค้ง 1, โค้ง 4 และ โค้ง 8 ที่มีความสูงมากขึ้นมาจากเดิม 5 เซนติเมตร (มิซาโน เคิร์บ) นั่นจะทำให้นักแข่งต้องระมัดระวังมากขึ้นในจุดดังกล่าว ซึ่งการปีนขอบเคิร์บจะไม่ได้ช่วยสร้างความเร็วอีกต่อไป”

“ความท้าทายนี้ จะทำให้นักแข่งต้องหาวิธีสร้างความเร็วในรูปแบบที่แตกต่าง และผู้ชมจะได้ดูการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น นั่นอาจเป็นจุดเปลี่ยนของการลุ้นแชมป์ก็ได้ ส่วนการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย “แพลน บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์” เป็นช่วงเวลาที่แฟนชาวไทยต้องคอยจับตาเกมชิงไหวชิงพริบในครั้งนี้ให้ดี เพราะมีอาจมีจุดเปลี่ยนสำคัญของการลุ้นแชมป์ประจำปี ซึ่งเราถ่ายทอดสดการแข่งขันให้รับชมอย่างเต็มอิ่มเช่นเคย” นายตนัยศิริ ทิ้งท้าย

ทั้งนี้ การลุ้นแชมป์ประจำปีในรุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี, ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี, ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี และ สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี ก็ยังคงขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ซึ่งสนามที่ 3 ในวันที่ 5-7 กรกฎาคมนี้ จะเป็นจุดชี้วัดสถานการณ์ในโค้งสุดท้ายได้เป็นอย่างดี
สำหรับการแข่งขัน แพลน บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 3 จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม ก่อนจะจับเวลารอบควอลิฟายในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม และดวลความเร็วรอบชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2567

ร่วมเชียร์และลุ้นแชมป์ประเทศไทย โดยซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันได้ที่จุดจำหน่ายบัตรหน้าทางขึ้น Grandstand สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่นั่งแกรนด์แสตนด์ ราคา 100 บาท / 1 วัน (จำหน่ายบัตรวันเสาร์-อาทิตย์ 6-7 กรกฎาคม 2567)
พิเศษ ! เพียงซื้อบัตรชมการแข่งขัน Plan-B Media BRIC Superbike มีสิทธิ์ลุ้นรับบัตร VIP โค้ง 12 และบัตร Paddock Pass ชมการแข่งขันโมโตจีพี 2024 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจ Chang Circuit Buriram, BRIC Superbike และยูทูบ Chang International Circuit
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR เติมเต็มทุกการผจญภัย

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับนักบิดชาวไทยสายผจญภัยอีกครั้ง เปิดตัวสีใหม่สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR ด้วยสีตัวถังภายนอกสีน้ำเงิน Racing Blue Metallic และยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่แท้จริงของตระกูลไดนามิกโรดสเตอร์ ในกลุ่มแอดเวนเจอร์ สปอร์ต พร้อมสะกดทุกสายตาบนท้องถนน บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR ยังคงนำเสนอความสปอร์ตซึ่งมาพร้อมกับความสามารถอันหลากหลายและฟีเจอร์ทันสมัยต่าง ๆ พร้อมมอบสมรรถนะในการขับขี่ระยะไกลที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเดินทางไปบนถนนอันคดเคี้ยวหรือท่องเที่ยวไปในเมือง

มร. ชิวาภาดา เรย์ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำเข้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “การเพิ่มตัวเลือกสีใหม่สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR ช่วยยกระดับรูปลักษณ์แบบไดนามิก และเสริมมาดแบบใหม่ให้กับมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ตผจญภัยรุ่นนี้ พร้อมผสานความสปอร์ตและสมรรถนะแบบทัวริ่งไว้ได้อย่างลงตัว ซึ่งช่วยถ่ายทอดความรู้สึกอิสระและไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ให้กับนักบิดในการขับขี่ทุกเส้นทาง บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR นำเสนอคุณลักษณะเฉพาะในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง มาพร้อมคุณสมบัติที่โดดเด่นและเทคโนโลยีล่าสุดที่ได้รับการต่อยอดจากรุ่นก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นนักบิดที่มีประสบการณ์หรือมือใหม่ เราขอเชิญชวนแฟน ๆ ทุกท่านให้มาสัมผัสประสบการณ์สุดยอดการผจญภัยในการขับขี่และสมรรถนะอันทรงพลังของมอเตอร์ไซค์ที่น่าตื่นเต้นรุ่นนี้ ซึ่งผสมผสานความคล่องตัว ความสะดวกสบาย และสไตล์เข้ากับตัวเลือกสีใหม่ที่โดดเด่น”
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR สีน้ำเงิน Racing Blue Metallic
ราคาจำหน่าย: 599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR นับเป็นที่สุดของมอเตอร์ไซค์ในตระกูลแอดเวนเจอร์ สปอร์ต อย่างแท้จริง ด้วยสมรรถนะโฉบเฉี่ยว ตำแหน่งการขับขี่ี่แบบนั่งตรงสไตล์ GS ความสะดวกสบายในการขับขี่ระยะไกล ทั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และรูปลักษณ์ที่สื่อถึงความทรงพลัง เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ ความโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR ยังอยู่ที่การสืบทอดดีไซน์และคอนเซปต์ของมอเตอร์ไซค์ในตระกูล XR ที่ผสานความสปอร์ตและสมรรถนะแบบทัวริ่งเข้าไว้ได้อย่างลงตัว ทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีในการขับขี่ที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟหน้า LED ที่ปรับองศาตามการเลี้ยวโค้ง (Adaptive Cornering Light) และระบบ Keyless Ride ซึ่งล้วนเป็นคุณสมบัติที่ไม่เคยมีมาก่อนในมอเตอร์ไซค์ระดับกลาง
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งพละกำลัง 73 กิโลวัตต์ (99 แรงม้า) ที่ 8,500 รอบต่อนาที ให้แรงบิด 88 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที ให้ความเร็วสูงสุดมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดดเด่นด้วยขนาดของเครื่องยนต์ 895 ซีซี พร้อมองศาการจุดระเบิดที่ 270/450 องศา และระบบเก็บเสียงแบบใหม่ มอบเสียงทรงพลังและเร้าใจยิ่งขึ้น ทั้งยังมาพร้อมระบบคลัทช์แบบ anti-hopping และระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) จากการชะลอตัวหรือลดเกียร์ เพื่อมอบความปลอดภัยยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ขับขี่ มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 4.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงไร้สารตะกั่วค่าออกเทน 91 ขึ้นไป
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR สร้างความสนุกเร้าใจในการขับขี่ด้วยโหมดการขับขี่ ‘Rain’ และ ‘Road’ รวมทั้ง Riding Modes Pro ประกอบด้วย ‘Dynamic’ และ ‘Dynamic Pro’ เพื่อยกระดับความสปอร์ตให้เร้าใจยิ่งขึ้น ระบบ ABS Pro ช่วยให้ควบคุมมอเตอร์ไซค์ได้อย่างแม่นยำในทุกสถานการณ์การขับขี่ พร้อมระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ระบบ Dynamic Brake Control (DBC) ระบบ Dynamic ESA และ ระบบตรวจสอบความดันลมยาง (RDC) ในขณะที่ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติยังช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาความเร็วรถให้คงที่ได้ นอกจากนั้น ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์ Gear Shift Assistant Pro ยังช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงได้เกือบทุกช่วงน้ำหนักบรรทุกและช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์โดยไม่ต้องควบคุมคลัตช์ ระบบทำความร้อนที่แฮนด์ยังช่วยป้องกันมือชาและความเมื่อยล้าเมื่อขับขี่ไปในในสภาพอากาศที่หนาวเย็น
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR มาพร้อมถังน้ำมันขนาด 15.5 ลิตร โดยถังน้ำมันของรุ่นนี้มีน้ำหนักเบาและผ่านกระบวนการเชื่อมที่นำมาใช้ในการผลิตมอเตอร์ไซค์เป็นครั้งแรก ขณะที่โครงสร้างการยึดเหล็กกล้าส่วนท้ายรถก็ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานเป็นครั้งแรกในมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เช่นกัน จึงทำให้ส่วนท้ายรถมีรูปลักษณ์ที่เพรียวและสั้นยิ่งขึ้น นอกจากนั้น บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR ซึ่งมีระยะสปริงที่ค่อนข้างยาวขึ้น ช่วยมอบความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และหลากหลายกว่าในสไตล์แบบทัวริ่ง

ระบบไฟหน้า LED ที่ปรับองศาตามการเลี้ยวโค้ง (Adaptive Cornering Light) พร้อมระบบ Headlight Pro นอกจากจะสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ยิ่งขึ้นแล้ว ยังนับว่าเป็นฟีเจอร์ที่โดดเด่นในมอเตอร์ไซค์ขนาดมิดไซส์ ทำให้การขับขี่เวลากลางคืนมีความอุ่นใจยิ่งขึ้นด้วยไฟหน้าส่องสว่างตามการเลี้ยวโค้ง และหลอดไฟทั้งหมดเป็นแบบ LED ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับมอเตอร์ไซค์ในตระกูล F-Series ทุกรุ่น บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR มาพร้อมตำแหน่งที่นั่งซึ่งมอบทั้งความสปอร์ตและความสบายสำหรับการขับขี่แบบทัวริ่งเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการขับขี่ระยะไกล ชุดแฟริ่งด้านหน้าที่มาพร้อมกระจกกันลมปรับระดับได้มอบทั้งลุคสปอร์ตและการป้องกันให้แก่ผู้ขับขี่
นอกจากนี้ในรุ่นนี้ ยังมาพร้อมโซ่ M Endurance ด้วยคุณสมบัติการหล่อลื่นและความทนทานต่อการสึกหรอที่ยอดเยี่ยม โซ่ M Endurance ช่วยมอบความสะดวกสบายด้านการบำรุงรักษามากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการทำความสะอาดที่ยุ่งยากและหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากต้องเผชิญปัญหาน้ำมันหล่อลื่นกระเด็นหากใช้โซ่ธรรมดา โซ่ M Endurance จึงมอบทั้งความสะดวกสบายและความทนทานในการใช้งานสูงสุด
บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR ยังมีหน้าจอ TFT สีขนาด 6.5 นิ้วและระบบเชื่อมต่อ BMW ConnectedRide เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ฟีเจอร์ดังกล่าวช่วยให้นักบิดสามารถคุยโทรศัพท์ ฟังเพลง หรือใช้งานระบบนำทางได้อย่างสะดวกในขณะขับขี่ ทั้งนี้ มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้มีวางจำหน่ายแล้วในสีน้ำเงิน Racing Blue Metallic