เทคโนโลยีสุดล้ำมอเตอร์ไซค์ 3 ล้อแบบไฮบริด YAMAHA TMW

ผ่านเข้าสู่งานใหญ่ประจำปีกับการโชว์นวัตกรรมสุดล้ำของค่ายรถในงาน Japan Mobility Show 2023 ซึ่งในปีนี้ ทางยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ได้ขนทัพเทคโนโลยีต่างๆ มาโชว์ภายในงาน โดยครั้งนี้ยามาฮ่าได้พัฒนารถจักรยานยนต์ 3 ล้อ ที่มีเอกลักษณ์ด้วยการเป็นรถในสไตล์ออฟโร้ดที่สามารถลุยไปได้ทุกที่ที่ต้องการ มาร่วมจัดแสดง นั่นคือ YAMAHA TMW ออฟโร้ด ด้วยเทคโนโลยี Leaning Multi-Wheel*

โดย มี 2 ล้อหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างอิสระในทุกสภาพเส้นทาง พร้อมทั้งระบบ Hybrid มอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วย Hub Motor ของ 2 ล้อหน้า ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปที่ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมทั้งดีไซน์พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่ออกแบบไว้ใน TMW ให้พร้อมออกไปผจญภัยกับ YAMAHA TMW อีกด้วย

*เทคโนโลยีของ Yamaha Motor ที่สองล้อหน้าเคลื่อนไหวอย่างมีอิสระและมีความสามารถในการปรับตัวสำหรับสภาพพื้นถนนต่างๆ

โรยัล เอ็นฟีลด์’ ปล่อยสองคู่แฝด 650 รุ่นอัปเกรดใหม่! เพิ่มโทนสีดำสุดเท่ พร้อมล้อแม็ก และ ไฟ LED

ยืนหนึ่งด้วยเครื่องยนต์ 2 สูบอันเลื่องชื่อพร้อมให้สั่งจอง-ทดลองขับขี่เริ่มเดือนพฤศจิกายนนี้!!พบกับสี่สีใหม่สุดเก๋าของ Interceptor 650 และอีกสองเฉดสีใหม่เท่ๆ จากรุ่น Continental GT 650
โดดเด่นด้วยโทนดำทั้งคันพร้อมล้ออัลลอย ผสมผสานงานออกแบบที่สวยคลาสสิกร่วมสมัยเข้ากับความแม่นยำในการควบคุมรถ ขานรับทุกสรีระเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
โดยสีใหม่ทั้งหมดจะมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านการใช้งาน ตามหลักการยศาสตร์ที่ดี เช่น เบาะนั่งที่สบายยิ่งขึ้น สวิตช์เกียร์ใหม่ พอร์ตชาร์จ USB และไฟหน้า LED ใหม่ทั้งหมด

ยามาฮ่าเผยโฉม XSR900GP ความท้าทายในการมองเห็นด้วยจิตวิญญาณ สวยงามโดดเด่นกับกลิ่นอาย GP

ยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่นเผยโฉม XSR900GP กับกลิ่นอายของความเป็นสปอร์ตเฮอริเทจ สู่ความเป็นรถฟูลแฟริ่งกับการเข้าร่วมการแข่งขันในกรังด์ปรีซ์ในปี 1980 สำหรับ XSR900GP ยังคงความสวยงาม และใช้ขุมกำลังของเครื่องยนต์ขนาด 890 ซีซี 3ลูกสูบแบบ Crossplane ที่เป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า

เคาริ่งด้านหน้าถูกดีไซน์สไตล์ Racing ด้วยจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน พร้อมกับสีสันแห่งชัยชนะ แดง-ขาว และสีเหลือง ให้ความลงตัว โดยโมเดลนี้แสดงออกถึงประวัติศาสตร์ของการแข่งรถและจิตวิญญาณที่ยามาฮ่ามอเตอร์ได้สั่งสมมาในการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ในช่วงปี 1980 และจิตวิญญาณของการพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับการแข่งขัน และยามาฮ่าได้เพิ่มเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อความโดดเด่นไปอีกขั้นหนึ่ง

ฮอนด้ากวาดแชมป์ !! X-Trial สนาม 6 ที่มาดริด “โทนี่ โบ” คว้าชัย ผงาด 34 เวิลด์แชมป์เปี้ยน

การแข่งขัน X-Trial สนามที่ 6 ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปดวลกันที่มาดริด ในประเทศสเปน ซึ่งเป็นโฮมเรซสุดพิเศษด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมของ 2 นักบิด Repsol Honda Team “โทนี่ โบ” กับรถแข่งหมายเลข 1 ทำผลงานได้อย่างสุดแข็งแกร่ง เริ่มต้นการแข่งขันทำผลงานขึ้นนำอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะคว้าชัยชนะไปครอง พร้อมยืนยันการเป็นแชมป์ X-Trial 2023 อย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะเหลือการแข่งขันอีก 1 สนามที่ฝรั่งเศสก็ตาม

ขณะที่ทีมเมท “กาเบียล มาเซลลี่” นักบิดหมายเลข 38 สนามนี้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เป็นนักบิดเพียงคนเดียวเท่านั้นในสนามที่ขึ้นมาท้าทาย “โทนี่ โบ” ได้อย่างชัดเจน ก่อนที่จะขึ้นโพเดียมในอันดับที่ 2 เป็นผลงานที่สุดแข็งแกร่งของ Repsol Honda Team ในสนามนี้ โดยคว้าอันดับที่ 1 – 2 พร้อมผงาดขึ้นเป็นแชมป์โลก X-Trial 2023 เป็นที่เรียบร้อย

“โทนี่ โบ” ยอดนักบิดชาวสเปน ทำผลงานได้อย่างสุดแกร่งในฤดูกาลนี้ โดยคว้าแชมป์โลก TrialGP มาได้ก่อนหน้านี้ และในการแข่งขันแบบอินดอร์อย่าง X-Trial ก็ยังยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ชนะ 5 จาก 6 สนามของฤดูกาลนี้ ก่อนที่จะเก็บแชมป์โลกอีกรายการ โดยเป็นแชมป์ครั้งที่ 34 ของเจ้าตัว

ทั้งนี้ การแข่งขัน X-Trial 2023 สนามที่ 7 ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของฤดูกาลนี้ จะดวลกันต่อเนื่องในวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2566 นี้ที่ประเทศฝรั่งเศส (Vendee, France)

“ไทยยามาฮ่า” ปิดจ็อบฤดูกาลแรกในศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต พิสูจน์ความยอดเยี่ยมของ “คนไทย” ในเวทีมอเตอร์สปอร์ตโลก

“ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ยอดทีมแข่งไทยจบภารกิจในฤดูกาลแรกสำหรับการแข่งขัน เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ ด้วยผลงานยอดเยี่ยมจากศักยภาพของบุคลากรชาวไทย ขณะ “ตี” อนุภาพ ซามูล และ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ สองนักบิดไทยผลงานตามเป้ากับฤดูกาลแห่งการเรียนรู้ หลังจบสนามสุดท้ายที่ สเปน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2023 ปิดฉากสนามสุดท้ายของฤดูกาลลงเป็นที่เรียบร้อย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิโต เด เฆเรซ – อังเคล นิอัตโต ประเทศสเปน
โดยผลงานสนามสุดท้ายของนักบิดไทยอย่าง “ตี” อนุภาพ ซามูล เจ้าของรถแข่ง Yamaha YZF-R6 หมายเลข 51 จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ปรากฏว่าเจ้าตัวไล่แซงสุดมันจากกริดที่ 24 บิดคว้าอันดับ 14 ในเรซแรก คว้าแต้มให้ทีมได้สำเร็จ ก่อนจะบิดคว้าอันดับ 17 ในเรซสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ขณะ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ คัมแบ็กสู่สนามได้อีกครั้ง หลังพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ “อาร์มปั๊ม” ไปนานหลายเดือน โดยเจ้าของหมายเลข 24 บิดคว้าอันดับ 17 จากเรซแรกมาครอง แต่ไม่สามารถลงทำการแข่งขันในเรซที่ 2 ได้อย่างน่าเสียดาย
ผ่านฤดูกาล 2023 ซึ่งเป็นปีแรกของ “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม” ในฐานะทีมไทยทีมแรกในศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ ถือว่าสร้างผลงานได้ตามเป้าในฤดูกาลแห่งการเรียนรู้ โดยเฉพาะ “ทีมช่างไทย” ที่ได้รับการยอมรับว่าอยู่ในระดับเดียวกับช่างระดับโลก
ขณะที่ “ตี” อนุภาพ มีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยม เก็บแต้มจากฤดูกาลแรกมาได้ทั้งสิ้น 24 คะแนน รั้งอันดับ 23 ของโลก ส่วนทีมเมทอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ รั้งอันดับ 38 เก็บมาได้ 4 แต้ม ด้าน ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม คว้าอันดับ 16 ของโลก เก็บมาได้ 49 คะแนน
ทั้งนี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ยืนยันสานต่อโครงการนี้ ด้วยการส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ 2024 เช่นเคย โดยจะมีการยกระดับทีมหลายด้าน ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ เร็วๆ นี้

2024 Single-Cylinder KTM Duke

ถึงคราวขยับเมื่อผ่านเข้าสู่ช่วงครึ่งทางของปี แต่ละค่ายผู้ผลิตก้จะเริ่มทยอยเปิดแพลนการส่งไลน์อัพรถปีใหม่ๆออกมา เช่นเดียวกับค่ายสีส้มจากออสเตรียอย่าง KTM ที่ได้ฤกษ์เผยไลน์อัพรถในกลุ่มเครื่องยนต์สูบเดียวในซีรีส์ Duke ซึ่งเป็นรถถนนหรือรถสายสตรีทออกสู่สาธารณะชนเพื่อให้รู้ว่าในปี2024รถในกลุ่ม small duke นี้จะได้รับการอัพเดทอย่างไรบ้างก่อนที่จะส่งออกมาสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในโอกาสต่อไป

KTM ประเดิมรุกตลาดปี2024ด้วยรถตระกูล DUKE ที่จะเป็นรถในกลุ่มเครื่องยนต์แบบ สูบเดียวใหม่ล่าสุด ที่จะได้รับการปรับปรุงให้มีพลังขับเคลื่อนที่มากขึ้น มีการควบคุมรถที่ดีขึ้น และมีแนวคิดของการออกแบบในแต่ละโมเดลที่โดดเด่นชัดเจนกล่าวคือรถแต่ละสไตล์ก็จะมีเอกลักษณ์ที่ต่างกันไปนั่นเอง  และถ้าจะกล่าวโดยสรุป ถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์หรือรถในซีรีส์ DUKE ใหม่นี้ ก็จะบอกได้ว่า โมเดลรถเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขข้อติติงหรือปัญหายิบย่อยต่างๆที่เคยมีให้หมดปัญหาเรื่องไร้สาระเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น และผู้ขับขี่จะได้สัมผัสถึงประสิทธิภาพที่แท้จริงของรถจักรยานยนต์ในแบบของKTMอย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สำหรับรถจักรยานยนต์โมเดลปี 2024 ใหม่ทั้งหมด ได้นำเสนอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดให้กับรถในกลุ่ม DUKE ที่มีความจุต่ำกว่า 500 ซีซี โดยจะไล่เรียงจากรุ่นเริ่มต้นนับตั้งแต่ KTM 125 DUKE ที่นำร่องออกมาตั้งแต่ในปี 2011 ภายใต้เป้าหมายที่วางไว้ในการอัพเดทครั้งนี้ ซึ่งผลที่ได้คือการออกแบบใหม่ทั้งหมด จนนำมาซึ่งเครื่องยนต์ใหม่ ทิศทางของการออกแบบโครงสร้างแชสซีใหม่ทั้งหมด และสไตล์ที่ใหม่จากรูปแบบเดิมๆที่ผ่านมา จนได้ KTM DUKE ที่มีความดุดันตามแบบฉบับที่ผู้ขับขี่เคยคาดหวังไว้

ในส่วนของโครงสร้างแชสซีส์มีการออกแบบเฟรม 2 ชิ้นใหม่ ซึ่งประกอบด้วยเฟรมหลักโครงเหล็กแบบใหม่ทั้งหมดพร้อมซับเฟรมอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปด้วยแรงดัน ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทนทานต่อแรงบิด นอกจากนี้ยังเพิ่มความคล่องตัวที่ดีขึ้นและให้การตอบสนองการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น และด้วยมิติตัวรถที่ปรับปรุงใหม่ ยังมีส่วนช่วยปรับปรุงคุณลักษณะทางด้านการควบคุมรถ ที่เป็นส่วนสำคัญทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีเสถียรภาพในการขับขี่มากขึ้น

นอกจากนี้ในส่วนของเฟรมยังได้รับการจับคู่กับสวิงอาร์มน้ำหนักเบาแบบโค้งใหม่ที่จะทำงานร่วมกับโช้คอัพหลังที่ได้รับการปรับตำแหน่งจุดยึด ด้วยการติดตั้งไว้นอกตำแหน่งศูนย์กลางแบบเดิม เพื่อให้สามารถออกแบบแอร์บ็อกซ์ให้ใหญ่ขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยลดความสูงของเบาะนั่งโดยรวมลง ความสูงของเบาะนั่งที่ลดลง

อีกไฮไลต์ก็คือเครื่องยนต์สูบเดี่ยวขนาดกะทัดรัดน้ำหนักเบารุ่นใหม่ ที่เครื่องยนต์ตัวนี้ที่พวกเขาเรียกว่า LC4c ประกอบด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่า 125 ซีซี ; 250 ซีซี  และเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า 399 ซีซี ซึ่งก็คือเครื่องที่ใช้ใน KTM 390 DUKE จากประสบการณ์และข้อมูลที่ได้รับจากรุ่นก่อน ขุมพลังของเครื่องยนต์เหล่านี้ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยพวกเขาได้เริ่มต้นทำการปรับปรุงจากชิ้นส่วนอย่างฝาสูบและชุดเกียร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ รวมถึงการคำนึงถึงข้อบังคับด้านมลภาวะที่ต้องจัดการค่าไอเสียให้เป็นไปตามมาตรฐานตามค่ามาตรฐานของ EURO 5.2

นอกจากนั้นในกลุ่ม KTM DUKE ปี 2024 ยังกำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีให้กับรถในกลุ่ม NAKED ที่มีความจุเครื่องยนต์ขนาดเล็กทุกรุ่น ที่จะมีการติดตั้ง Supermoto ABS เวอร์ชันล่าสุด แผงหน้าปัดขนาด 5 นิ้ว และคุณสมบัติในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ที่จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาจากโรงงาน  ในขณะเดียวกันก้จะมีอ๊อพชั่นเสริมพิเศษโดยจะสามารถติดตั้ง Quickshifter+ ที่เป็นอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมได้

ในรุ่นพี่ใหญ่ของกลุ่ม small duke อย่าง 2024 KTM 390 DUKE คงไม่ผิดนักที่จะระบุว่าอยู่ในฐานะผู้นำของกลุ่มโดยมีความแตกต่างโดดเด่นจากDUKE สูบเดียวอื่นๆที่ออกมานี้ ซึ่งจะมีสองสี คือ Signature Electronic Orange และ Atlantic Blue อีกทั้งโฉมที่ดูโดดเด่นสะดุดตา ด้วยlonger tank spoilers หรือส่วนของสปอยเลอร์ถังน้ำมันที่ยาวขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมพร้อมช่องดักอากาศที่โดดเด่น ฝาครอบหม้อน้ำขนาดใหญ่ขึ้น และไฟ LED

พละกำลังที่ดุดันด้วยเครื่องยนต์ LC4c สูบเดียวน้ำหนักเบาขนาด 399 ซีซีแบบใหม่ทั้งหมด ไม่เพียงแต่เบากว่าและทรงพลังกว่ารุ่นก่อนเท่านั้น แต่ยังอยู่ภายใต้มาตรฐานของ EURO 5+

นอกจากนี้ 2024 KTM 390 DUKE ยังติดตั้งโช้คหน้า WP APEX Open Cartridge ขนาด 43 มม. พร้อมการปรับค่า reboundและcompression ได้ 5 คลิก โดยที่ในส่วนของโช้คอัพหลังsplit piston rear shock absorberแบบลูกสูบแยก ที่มาพร้อมกับการปรับreboundและpreload ซึ่งหมายความว่าสามารถปรับแต่งการควบคุมให้ตรงกับความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จอแสดงผล TFT ขนาด 5 นิ้วแบบใหม่ พร้อมโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ การตั้งค่าเริ่มต้นคือโหมด STREET โดยมีโหมด RAIN ตามชื่อที่แนะนำ โดยสามารถเลือกได้ในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเพื่อการตอบสนองของคันเร่งที่ดุดันน้อยลง และยังมีCornering MTC ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

มาดูในรุ่นรองลงมาของรถในกลุ่ม small duke อย่าง 2024 KTM 250 DUKE ที่ดูรูปโฉมภายนอกแล้วจะพบว่ามีความกะทัดรัดด้วยสปอยเลอร์ถังที่มีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับ KTM 390 DUKE ซึ่งรูปโฉมที่ดูกะทัดรัดเหล่านี้ดูเหมาะสมสอดคล้องกับกรอบไฟหน้าและระยะความสูงของเบาะนั่งที่ต่ำกว่า เช่นเดียวกันยังคงมีจอแสดงผล LCD ขนาด 5 นิ้วใหม่ พร้อมไฟหน้า LED ในขณะที่ตัวเลือกสีของรุ่นนี้มีสองตัวเลือกคือ  Electronic Orange และ Ceramic White นอกจากนี้ใน 2024 KTM 250 DUKE ยังถือได่ว่าเป้นรถที่มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ด้วยการออกแบบเครื่องยนต์สูบเดียวSingle overhead cam(SOHC) ใหม่ ที่เบากว่าและเรียบง่ายกว่าด้วยส่วนประกอบชิ้นส่วนภายในที่น้อยลง และยังมาพร้อมกับคันเร่งไฟฟ้า ride-by-wire และ คลัทช์แบบ assist slipper clutch ขณะเดียวกันในส่วนของระบบกันสะเทือนได้รับการดูแลประสิทธิภาพโดยการเลือกติดตั้งโช้คอัพลูกสูบขนาดใหญ่ WP APEX Open Cartridge ขนาด 43 มม. ปรับไม่ได้ มีระยะยุบตัว 150 มม. และโช้คอัพ WP APEX Emulsion พร้อมการปรับพรีโหลดที่ด้านหลัง

มาที่น้องเล็กที่กล่าวได้ว่าเป็นโมเดลระดับเริ่มต้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ KTM Naked ด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่ทรงพลัง ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้มันเป็นหนึ่งในเจ้าตลาดรถขนาดเล็กในภาคพื้นยุโรปอีกรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ ด้วยเครื่องยนต์ 125 ซีซีอันทรงพลัง มาพร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์อันโดดเด่น และระบบกันสะเทือน WP APEX ที่จะช่วยยกระดับ 2024 KTM 125 DUKE ขึ้นไปอีกขั้น

เมื่อมองจากภายนอก 2024 KTM 125 DUKE ได้สร้างความแตกต่างจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ DUKE ขนาดเล็กอื่นๆ ด้วยตัวเลือกสี Electronic Orange และ Atlantic Blue พร้อมกรอบไฟหน้าและไฟหน้าแบบ LED ที่สว่างเป็นพิเศษ รวมทั้งสปอยเลอร์ถังขนาดกะทัดรัด โดยจะใช้จอแสดงผล TFT ขนาด 5 นิ้วแบบเดียวกันกับที่ใช้ใน KTM 390 DUKE และจะยังได้รับการติดตั้ง Cornering ABS ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมกันนี้ในส่วนระบบคันเร่งไฟฟ้ายังจะได้รับการปรับปรุงพร้อมกับทำการการรีเซ็ตระบบไฟเลี้ยวอัตโนมัติทำให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ในส่วนระบบกันสะเทือนของ 2024 KTM 125 DUKE ยังมีโช้คหน้าแบบปรับไม่ได้ WP APEX Open Cartridge ขนาด 43 มม. พร้อมระยะยุบตัว 150 มม. และโช้คอัพลูกสูบ WP APEX แบบแยกพร้อมพรีโหลดที่ปรับด้วยเครื่องมือได้นี่เป็นเพียงรายละเอียดคร่าวๆในเบื้องต้นสำหรับการยกระดับกลุ่มผลิตภัณฑ์ KTM DUKE เจนเนอเรชั่นใหม่ที่จะออกมาในปี 2024 ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันก้มีการรองรับความต้องการของผู้ขับขี่ด้วยการเพิ่มตัวเลือกสำหรับการตกแต่งเพิ่มเติมรวมทั้งการแต่งตัว โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ KTM PowerParts และ KTM PowerWear ที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างครบครันโดยสินค้าแต่ละชิ้นต่างได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้เหมาะกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ DUKE ใหม่และผู้ขับขี่ โดยให้ประสิทธิภาพ สไตล์ การปกป้อง และความสะดวกสบาย  ก็รอพบกับรถในกลุ่ม small duke ทั้งสามโมเดลดังกล่าวได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี2023 ที่น่าจะทยอยส่งเข้าสู่ตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ทั่วโลก

“ยามาฮ่า” เปิดตัว “เรีย” ล่าแชมป์ WSBK พร้อมประเดิมบิดเทสต์ เฆเรซ

โจนาธาน เรีย ยอดนักบิดเมืองผู้ดี ดีกรีแชมป์โลกเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ 6 สมัย เปิดตัวร่วมกับ พาต้า ยามาฮ่า โพรมิทิออน เวิลด์เอสบีเค ที่ เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ-อังเคล นีอัตโต ประเทศสเปน หลังสิ้นสุดการแข่งขันนัดส่งท้ายฤดูกาล 2023 บนสังเวียนดังกล่าว เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยดาวบิดมากประสบการณ์ ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากทีมงานค่ายยามาฮ่า พร้อมเปิดผ้าคลุมรถแข่งยามาฮ่า YZF-R1 ลวดลายพิเศษ ภายใต้โทนสีเทา สีขาว และ วัสดุคาร์บอน ที่จะใช้สำหรับการทดสอบช่วงวินเทอร์เทสต์ แสดงถึงโทนสีในตำนานของตัวแข่งค่ายยามาฮ่า

โจนาธาน เรีย เปิดใจว่า “มันเป็นวันแรกที่น่าเหลือเชื่อมาก ผมไม่คาดคิดว่าจะได้สวมเสื้อทีมพาต้า ยามาฮ่า โพรมิทิออน เวิลด์เอสบีเค ความรู้สึกในชุดสีน้ำเงินมันยอดเยี่ยมมาก ทุกคนกระตือรือร้นมากและเมื่อผมเดินเข้าไปที่การาจ ผมรู้สึกได้ถึงความรักและการซัพพอร์ตที่ดี พวกเขาใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ อย่างน่าเหลือเชื่อ ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้ประเดิมบิด R1 รถแข่งที่ผมเคยเห็นในสนามแข่งแต่ไม่มีโอกาสได้ขี่”
“ในการทดสอบครั้งแรกผมโฟกัสไปที่การปรับตัวทำความคุ้นเคยกับรถแข่งและการทำงานร่วมกับทีม เพื่อเรียนรู้กันและกัน เรายังมีเวลาอีกมากมายก่อนจะถึงการชิงชัยที่ ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ความประทับใจในครั้งแรกสำคัญเสมอ และในวันนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีจริงๆ อยากขอบคุณทุกคนที่ เครสเซนต์ เรซซิ่ง รวมถึง ยามาฮ่า มอเตอร์ ยุโรป และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง สำหรับโอกาสในครั้งนี้ ผมมองว่าเป็นความร่วมมือที่ยอดเยี่ยม มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรอคอย”
ขณะที่ พอล เดนนิ่ง ผู้อำนวยการทีม พาต้า ยามาฮ่า โพรมิทิออน เวิลด์เอสบีเค เผยว่า “เราได้เห็นหนึ่งในการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นที่สุดบนเวทีเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ และในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงถัดมา มันเป็นช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อ เราไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะได้ยอดนักบิดอย่าง โจนาธาน เรีย มาร่วมทีมและได้เห็นเขาบนรถแข่ง R1 ในวันนี้ รอยยิ้มของเขาสร้างบรรยากาศที่น่าเหลือเชื่อ สร้างความกระตือรือร้นและสร้างความหวังสำหรับฤดูกาล 2024”
“เราจะเริ่มต้นงานกันทีละขั้นตอน โดยให้เวลา โจนาธาน ในการเรียนรู้รถแข่ง R1 หลังจากที่ใช้เวลาหลายปีบนรถค่ายอื่น ในครั้งนี้นับเป็นสัมผัสแรก และเป็นประสบการณ์ครั้งแรกร่วมกันที่สร้างขึ้นจากตรงนี้ จากอดีตที่ผ่านมา โจนาธาน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในตัวของเขา เราแทบรอไม่ไหวที่จะได้เริ่มผจญภัยร่วมกัน”
สำหรับ โจนาธาน เรีย มีคิวลงประเดิมบิดทดสอบรถแข่งยามาฮ่า YZF-R1 ที่ เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ-อังเคล นีอัตโต เป็นเวลา 2 วัน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันในฤดูกาล 2024 ร่วมกับ พาต้า ยามาฮ่า โพรมิทิออน เวิลด์เอสบีเค

“ไอเดีย-กฤตภัทร” ปลดล็อกประสบการณ์ โมโตทรี ชิงแชมป์โลก ฝ่าแรงกดดัน บิดคว้าอันดับ 27 โฮมเรซ

“ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม โบย ปลดล็อกประสบการณ์ครั้งสำคัญในชีวิตหลังฝ่าแรงกดดันบิดคว้าอันดับ 27 ในศึก โมโตทรี เวิลด์ แชมเปียนชิพ สนาม 17 รายการ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ต่อหน้าแฟนชาวไทยเรือนแสน ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

“ไทยยามาฮ่า” ส่งดาวรุ่งชาวไทยอย่าง “ไอเดีย” กฤตภัทร ลงหาประสบการณ์ในการแข่งขันระดับโลกด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ดในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปียนชิพ ซึ่งดวลความเร็วในรายการ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

“ไอเดีย” กฤตภัทร ลงแข่งขันด้วยรถแข่งหมายเลข 32 จากสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม โบย และต้องเร่งปรับตัวอย่างหนักตลอดการซ้อมทั้ง 2 วัน ก่อนเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา

ดาวรุ่งชาวไทยได้ออกตัวจากกริดที่ 29 และรักษามาตรฐานการขี่ของตัวเอง ก่อนจะบิดเข้าป้ายในอันดับ 27 ในโฮมเรซครั้งแรกด้วยเวลา 34 นาที 0.335 วินาที โดยนับเป็นประสบการณ์ล้ำค่าอย่างมาก ซึ่ง ไทยยามาฮ่า วางเป้าหมายชัดเจนที่จะผลักดัน “ไอเดีย” กฤตภัทร เข้าสู่การแข่งขัน โมโตทู เวิลด์ แชมเปียนชิพ ให้ได้ในปี 2026

ชาวยามาฮ่าคลับร่วมเชียร์ไอเดีย กฤตภัทร และ 2 นักแข่งระดับโลกในการแข่งขัน MotoGP2023

กลุ่มสมาชิกชาวยามาฮ่าคลับรวมรุ่นรวมพลออกเดินทางมาร่วมชมและเชียร์การแข่งขัน โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
โดยกลุ่มสมาชิกยามาฮ่าคลับได้รวมตัวออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ทั้งหมด 23 คลับ รวมทั้งสิ้น 108 คัน โดยมีนางอัญชลี ศรีพิทักษ์ ผู้จัดการกลุ่มงาน บริหารตราสินค้า
ประชาสัมพันธ์ และลูกค้าสัมพันธ์ ให้การต้อนรับและรับรองที่ โรงแรมอัลวาเรซ ก่อนเดินทางเข้าสู่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เพื่อร่วมชมและเชียร์ นักแข่งดาวรุ่งไทย ไอเดีย กฤตภัทร เขื่อนคำ และ 2 นักแข่งชั้นนำระดับโลก ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และฟรังโก มอร์บิเดลลี่ จากสังกัด มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่าโมโตจีพีทีม ในการลงทำการแข่งขันศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกโมโตจีพี ในรายการโออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

“มาร์เกซ” บิดคว้าท็อป 7 โมโตจีพี ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์

มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัยชาวสแปนิช เจ้าของหมายเลข 93 จาก เรปโซล ฮอนด้า เค้นฟอร์มเก่งต่อหน้าแฟนชาวไทย บิดคว้าอันดับ 7 ในศึก โมโตจีพี 2023 สนาม 17 รายการ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ขณะที่ทีมเมทชาวสแปนิชอย่าง โจอัน เมียร์ พารถแข่งหมายเลข 36 เข้าป้ายในอันดับ 12 ด้าน ทาคาอากิ นาคากามิ นักบิดญี่ปุ่นหมายเลข 30 จาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า คว้าอันดับ 14 นับเป็นการส่งท้ายการแข่งขัน ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ได้อย่างยอดเยี่ยมในสุดสัปดาห์นี้

“โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ “มาร์ติน” ฟอร์มโหดเหมาชัย “ก้อง-สมเกียรติ” สร้างประวัติศาสตร์บิดคว้าโพเดียม โฮมเรซ

สุดยอดมอเตอร์สปอร์ต 2 ล้อโลก “โมโตจีพี” ดวลความเร็วสนาม 17 รายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” สุดเดือดบนแผ่นดินไทย ยอดผู้ชมทะลุ 1.79 แสน ฮอร์เก มาร์ติน นักบิดสแปนิชจาก พรีม่า พรามัค เรซซิ่ง ระเบิดฟอร์มเหมาชัยชนะในรุ่น โมโตจีพีไปครอง ไล่จี้ ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า แชมป์โลกชาวอิตาเลียนจาก ดูคาติ เหลือเพียง 13 คะแนน ด้าน“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย สร้างประวติศาสตร์คว้าโพเดียมในบ้านเกิดอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก พร้อมสร้างสถิติเป็นนักบิดไทยคนไทยในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นโพเดียมใน “โฮมกรังด์ปรีซ์” ได้สำเร็จ

สุดยอดมอเตอร์สปอร์ต 2 ล้อโลก “โมโตจีพี” ดวลความเร็วสนาม 17 รายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” สุดเดือดบนแผ่นดินไทย ยอดผู้ชมทะลุ 1.79 แสน ฮอร์เก มาร์ติน นักบิดสแปนิชจาก พรีม่า พรามัค เรซซิ่ง ระเบิดฟอร์มเหมาชัยชนะในรุ่น โมโตจีพีไปครอง ไล่จี้ ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า แชมป์โลกชาวอิตาเลียนจาก ดูคาติ เหลือเพียง 13 คะแนน ด้าน“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย สร้างประวติศาสตร์คว้าโพเดียมในบ้านเกิดอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก พร้อมสร้างสถิติเป็นนักบิดไทยคนไทยในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นโพเดียมใน “โฮมกรังด์ปรีซ์” ได้สำเร็จ

ตำแหน่งโพลในเรซนี้เป็นของ มาร์ติน ขนาบข้างด้วย ลูก้า มารินี นักบิดอิตาเลียนจาก มูนนีย์ วีอาร์46 เรซซิ่ง ทีม และ อเลช เอสปาร์กาโร นักบิดสแปนิชจาก อพริเลีย เรซซิ่ง ในกริดที่ 3 ส่วน บันยาญ่า ได้เริ่มเกมในกริดที่ 6
เกมเรซนี้มีความพลิกผันตลอด 26 รอบสนาม โดย มาร์ติน สามารถบิดคว้าชัยชนะไปครองอย่างสุดมันส์ด้วยเวลา 39 นาที 40.045 วินาที เฉือน บันยาญ่า ที่ไล่บี้เข้าเข้าชัยในอันดับ 3 แต่ได้รับการเลื่อนขึ้นมาคว้าอันดับ 2 ตามหลัง 0.253 วินาที แทนที่ของ แบรด บินเดอร์ นักบิดแอฟริกาใต้จาก เรดบูล เคทีเอ็ม แฟ็คตอรี เรซซิ่ง ทีม ที่พลาดเหยียบแทร็กลิมิตในรอบสุดท้าย ขณะที่ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี และ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัยจาก เรปโซล ฮอนด้า ตามเข้าป้ายในอันดับ 6 และ 7
ผ่านการแข่งขันสนามนี้ บันยาญ่า ยังรั้งจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมมีทั้งสิ้น 389 คะแนน โดน มาร์ติน ไล่บี้เข้ามาเหลือเพียง 13 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขันอีกทั้งสิ้น 3 สนามนี้ปีนี้ ส่วน มาร์โก เบซเซ็คคี นักบิดอิตาเลียนจาก มูนนีย์ วีอาร์46 เรซซิ่ง ทีม รั้งอันดับ 3 ตามหลัง 79 คะแนน
ด้านเกมการแข่งขันในรุ่น โมโตทู ซึ่งแฟนชาวไทยติดตามเชียร์ทั่วประเทศ ปรากฏว่า “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ออกสตาร์ตจากกริดที่ 5 ทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 3 ในช่วงต้นเรซ ก่อนบิดเข้าเส้นชัยในอันดับดังกล่าว ตามหลังผู้ชนะอย่าง เฟร์มิน อัลเดเกร์ นักบิดสแปนิชจาก เบต้า ทูล สปีดอัพ 9.794 วินาที ขณะที่อันดับ 2 เป็นของ เปโดร อคอสต้า นักบิดสแปนิชจาก เรดบูล เคทีเอ็ม อาโย ตามหลัง 3.481 วินาที
จากผลงานยอดเยี่ยมในโฮมเรซ ส่งผลให้ “ก้อง” สมเกียรติ ปลดล็อกขึ้นโพเดียมในบ้านเกิดอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก พร้อมสร้างสถิติเป็นนักบิดไทยคนไทยในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นโพเดียมใน “โฮมกรังด์ปรีซ์” ได้สำเร็จ โดยเจ้าของหมายเลข 35 รั้งอันดับ 5 นตารางคะแนนสะสมในรุ่น โมโตทู มีทั้งสิ้น 143.5 คะแนน
ผลการแข่งขันในรุ่น โมโตทรี ต้องมาวัดกันถึงโค้งสุดท้าย ปรากฏว่าชัยชนะตกเป็นของ ดาวิด อลอนโซ นักบิดดาวรุ่งชาวโคลัมเบีย จาก แกสแกส อัสพาร์ ทีม ด้วยเวลา 32 นาที 45.307 วินาที เฉือนอันดับ 2 อย่าง ไทโยะ ฟูรุซาโตะ นักบิดญี่ปุ่นจาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย เพียง 0.266 วินาทีเท่านั้น อันดับ 3 เป็นของ คอลลิน วายเยอร์ ดาวรุ่งดัตช์จาก ลิควิด โมลี ฮัสควาน่า อินแท็คจีพี ตามหลัง 0.359 วินาที
ส่วนนักบิดดาวรุ่งชาวไทยที่ลงบิดด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ดในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ปรากฏว่า “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง – โบเอ บิดเข้าป้ายอันดับ 27 ตามด้วย “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในอันดับ 28
ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี รายการ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023 ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง โดย ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์จัดการแข่งขันประกาศจำนวนผู้เข้าชมอย่างเป็นทางการตลอดสุดสัปดาห์ทั้งสิ้น 179,811 คน
สนามถัดไปของศึก โมโตจีพี 2023 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2566 ที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ในรายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์

“ตี-อนุภาพ” แซง 10 คันทะยานคว้าท็อป 14 เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ตที่ เฆเรซ “แสตมป์-อภิวัฒน์” คัมแบ็กสนาม

“ตี” อนุภาพ ซามูล ยอดนักบิดไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม โชว์ฟอร์มสุดโหดไล่แซงคู่แข่ง 10 คัน ทะยานคว้าท็อป 14 ในศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปี้ยนชิพเรซแรกของสนามสุดท้ายที่ เฆเรซ ประเทศสเปน ขณะทีมเมทอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ สลัดอาการบาดเจ็บคัมแบ็กสู่ทีมอีกครั้งในสุดสัปดาห์นี้

ศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 สนามสุดท้ายของปี ดวลความเร็วเรซแรกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ เซอร์กิโต เด เฆเรซ – อังเคล นิเอ็ตโต้ ประเทศสเปน

ยอดทีมแข่งไทยอย่าง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม กลับมา “ฟูลทีม” อีกครั้ง หลังจากที่ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ นักบิดไทยหายจากอาการบาดเจ็บกลับลงแข่งได้ในสุดสัปดาห์นี้ ร่วมกับทีมเมทอย่าง “ตี” อนุภาพ ซามูล ในรุ่น เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปี้ยนชิพ
เรซแรกมีขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดย “ตี” อนุภาพ เจ้าของรถแข่ง YZF-R6 หมายเลข 51 ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 24 ขณะที่ทีมเมทอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ ได้ออกตัวจากกริดที่ 19
เกมเรซนี้ดำเนินไปอย่างเข้มข้น ผลปรากฏว่า “ตี” อนุภาพ มีความเร็วที่ยอดเยี่ยมในการแข่งขัน ไล่แซงคู่แข่งมากถึง 10 คัน ทะยานเข้าป้ายในอันดับ 14 ด้วยเวลาตามหลังผู้เชนะเพียง 37.815 วินาทีเท่านั้น คว้า 2 แต้มสำคัญให้กับตนเองและทีมได้สำเร็จ ส่วน “แสตมป์” อภิวัฒน์ จบเรซในอันดับ 17 ตามหลัง 47.175 วินาที
ทั้งนี้ การแข่งขันเรซที่ 2 ซึ่งเป็นเรซสุดท้ายของปีจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคมนี้ที่ เวลา 17.30 น.