“ยามาฮ่า” ต่อสัญญา “รินส์” 2 ปี คัมแบ็กจับคู่ “กวาร์ตาราโร” สุดสัปดาห์นี้

“มอนสเตอร์ ยามาฮ่า” ประกาศต่อสัญญากับ อเล็กซ์ รินส์ อย่างเป็นทางการ

“มอนสเตอร์ ยามาฮ่า” ยอดทีมในศึก โมโตจีพี ประกาศต่อสัญญากับ อเล็กซ์ รินส์ นักบิดสแปนิชอย่างเป็นทางการ 2 ปี นั่นจะทำให้เขาทำงานร่วมกับทีมเมทชาวฝรั่งเศสอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ไปถึงปี 2026 พร้อมคัมแบ็กจากอาการบาดเจ็บลงสนามสุดสัปดาห์นี้ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต, สหราชอาณาจักร

ศึก โมโตจีพี 2024 คัมแบ็กกลับมาดวลความเร็วกันอีกครั้ง หลังพักกันนานถึง 4 สัปดาห์ โดยจะชิงชัยกันในรายการ บริติช กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 2-4 สิงหาคมนี้

ล่าสุดช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ประกาศต่อสัญญาอย่างเป็นทางการกับ อเล็กซ์ รินส์ นักบิดสแปนิช ออกไป 2 ปี โดยเจ้าของรถแข่งหมายเลข 42 จะจับคู่กับ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ทีมเมทชาวฝรั่งเศสในปี 2025-2026

ทั้งนี้ รินส์ ได้รับข่าวดีพร้อมกับการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ คัมแบ็กลงบิดให้กับทีมอีกครั้งในสุดสัปดาห์นี้ที่ ซิลเวอร์สโตน ขณะเดียวกัน เรมี การ์ดเนอร์ นักบิดออสเตรเลียนจะลงทำหน้าที่ไวลด์การ์ด แทนที่ คาล ครัทช์โลว์ นักบิดทดสอบประจำทีมที่มีอาการบาดเจ็บ

ทั้งนี้ ศึก บริติช กรังด์ปรีซ์ จะเข้าสู่โปรแกรมการซ้อมอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมนี้ ก่อนจะจับเวลารอบควอลิฟายและแข่งขัน “สปรินต์เรซ” ในวันเสาร์ที่ 3 สิงหาคมนี้ และดวลความเร็วรอบ “เมนกรังด์ปรีซ์” ในวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคมนี้ 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง SPOTV

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaMotoGP24
#YamahaFactoryRacingTeam #MonsterEnergyYamahaMotoGPteam #AR42

Yamaha Moto Challenge Season9 Round 2 Thailand Circuit จากโพลสู่แชมป์ พร้อมเก็บคะแนนขึ้นนำหัวแถว

นักบิดอีเทค จากโพลสู่แชมป์ พร้อมเก็บคะแนนขึ้นนำหัวแถว

โครงการเรียนรู้วิชาชีพมอเตอร์สปอร์ต Yamaha Moto Challenge Season 9 ได้เดินทางมาถึงภาคปฎิบัติสนามที่ 2 ของซีซั่น 21 ทีมแข่งเด็กช่างอาชีวศึกษาเอกชน โชว์สเต็ปอัพขยับชั้นเชิงเทคนิคการขี่รถแข่ง YAMAHA  R15 สร้างสรรค์เกมน่าสนุกและเร้าใจ บนสนามแข่งไทยแลนด์ เซอร์กิต10 รอบสนามของการแข่งขัน

เริ่มต้นด้วยนักบิดอีเทค ภูริณัฐ ศรีบุรินทร์ (915) ที่ทำโพลโพซิชั่นสตาร์ทหัวแถว พุ่งชิงเก็บโฮลช็อตในโค้งแรก พร้อมกับเดินคันเร่งฉีกหนีเพื่อนร่วมแทร็คที่ตามหลังกันมาเป็นกลุ่มใหญ่ โดยนักบิดยันหว่างทีม สวนแก้ว พระนอนเขต (19) เทคโนโลยีฐานเทคโนโลยี ขึ้นนำในกลุ่มไล่ล่าและตามประกบติดด้วย,นักบิดไดโนซ่าร์ อดิศร ผาลา (5) วิทยาลัยอาชีวศึกษากาฬสินธุ์,ธนาธิป สังสุด (45) อาชีวศึกษาภักดีพณิชยการและเทคโนโลยี กำแพงเพชร,ธนภูมิ เทียบผา (23) พิราบดำมีนบุรีโปลีเทคนิค ส่วนอีกหนึ่งตัวเต็งแชมป์สนาแรก รัฐภูมิ สงมูลนาค (18) เทคโนโลยีมหาชนะชัย ที่มีอาการบาดเจ็บจากการล้มในรอบควอลิฟาย โชว์สุดยอดสปิริตจิตวิญญาณนักกีฬา หลังจากได้รับอนุญาติจากทางแพทย์สนามแล้วตัดสินใจเลือกที่จะฝืนอาการเจ็บลงแข่งขันด้วยความมุ่งมั่นตามสไตล์เด็กช่างอีสาน

ภูริณัฐ ศรีบุรินทร์ (915) หลังจากขึ้นนำแล้วยืนระยะเวลาต่อรอบได้นิ่ง พร้อมทำเบสต์แล็พของการแข่งขันได้ที่ 1:42.303 นาที ส่วนที่เหลือนั้นหลังจากจัดแถวแบ่งกลุ่มกันแล้ว ต่างงัดชั้นเชิงการบิดที่ผ่านการเทรนนิ่งจาก ครูปุ้ย-ธิดารัตน์ แย้มรักษา สร้างเกมความสนุกที่น่าตื่นเต้นจนถึงรอบสุดท้าย โดยเดอะวินเนอร์ของสนามนี้ ตกเป็นของนักบิดอีเทค ภูริณัฐ ศรีบุรินทร์ (915)  แบบไร้ปัญหา

ส่วนอันดับ 2 ตกเป็นของ ธนาธิป สังสุด (45) อาชีวศึกษาภักดีพณิชยการและเทคโนโลยี กำแพงเพชร อันดับ 3 เป็นของ พิราบดำมีนโป ธนภูมิ เทียบผา (23) อันดับ 4 เป็นของ สวนแก้ว พระนอนเขต (19) เทคโนโลยีฐานเทคโนโลยี อันดับ 5 สุริยา คำปลิวเทคโนโลยีพังโคนพณิชยการ

โดยชัยชนะในครั้งนี้ของนักบิดอีเทค ภูริณัฐ ศรีบุรินทร์ (915)  ส่งผลให้คะแนนสะสมขึ้นนำหัวแถวตาราง มี 37 คะแนน โดยมี ธนภูมิ เทียบผา (23) คะแนนไล่ตามหลังมาอยู่ 30 คะแนน สวนแก้ว พระนอนเขต (19) ขยับตามติดที่ 26 คะแนน อันดับ 4 เป็นของ ชยณัฐ (59) โคตรปัญญา เทคโนโลยีวานรนิวาส มี 20 คะแนน และอันดับ 5 เป็นของ รัฐภูมิ สงมูลนาค (18) ที่มี 20 คะแนนเท่ากับนักบิดวานรนิวาส

สำหรับการแข่งขันภาคปฏิบัติสนามที่ 3 จะกลับมาแข่งขันกันที่ สนามไทยแลนด์ เซอร์กิต อีกครั้ง ในวันที่ 31 ส.ค.-1ก.ย. 2567

Husqvarna Norden 901 พร้อมผจญภัยทุกมุมโลก

Husqvarna Norden 901 ยอดเยี่ยมบนถนนและเส้นทางออฟโรด

ค้นหาโลกในแบบของคุณ ด้วย Norden901 รถมาตรฐานสูงจาก Husqvarna ที่พัฒนาและออกแบบมาเพื่อเจาะตลาดรถแอ๊ดเว็นเจอร์โดยเฉพาะ นี่คือรถที่จะช่วยตอบโจทย์การเดินทางให้กับนักเดินทางนักผจญภัยที่พร้อมมุ่งสู่พื้นที่ลับเฉพาะทุกมุมโลกด้วยด้วยคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมในการขับขี่บนถนนและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมในการลุยเส้นทางออฟโรด มันคือรถจักรยานยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อการเดินทางไกลที่พร้อมให้ความสะดวกสบายในการขับขี่จากขุมพลังเครื่องยนต์แบบparallel twin engine ขนาด 889 ซี.ซี. ด้วยเครื่องยนต์ที่แข็งแกร่งและมีแรงบิดที่ดี พร้อมล้อและยางแบบออฟโรด และพื้นที่กว้างขวางสำหรับบรรทุกผู้โดยสาร Norden 901 จึงเป็นรถจักรยานยนต์ที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์และมีความสามารถสูง ได้รับการออกแบบและเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในทุกการผจญภัย อานนั่งที่นุ่มสบายและหลักสรีรศาสตร์สมัยใหม่ พร้อมด้วยระบบกันสะเทือน WP แบบไดนามิก ผสมผสานกันเพื่อมอบความสบายเป็นพิเศษตลอดทุกการเดินทางสร้างประสบการณ์ของคุณ

เพียงตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางของคุณ แล้ว Norden 901 พร้อมจะพาคุณไปที่นั่น นำเสนอระยะทางที่ไกลยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำของเครื่องยนต์ 899 ซีซี แต่ละไมล์จะผ่านไปในพริบตา นอกจากนี้ ด้วยหลากหลายวิธีในการปรับแต่งเครื่องจักรอเนกประสงค์นี้โดยใช้อุปกรณ์เสริมทางเทคนิคที่หลากหลาย ทำให้ Norden 901 สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับสไตล์และความต้องการของนักผจญภัยทุกคนได้Husqvarna Motorcycles มีความยินดีที่จะเปิดตัว Norden 901 รุ่นปี 2024 ซึ่งมาพร้อมประสิทธิภาพและเทคโนโลยีที่ได้รับการปรับปรุงด้วยการปรับปรุงทางเทคนิคหลายประการสำหรับปี 2024 Norden 901 ซึ่งเป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างเหลือเชื่อนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2021 ช่วยให้ผู้ชื่นชอบการผจญภัยทุกคนสามารถสำรวจโลกในแบบของตัวเองได้

กล่าวได้ว่านีคือหนึ่งรถในรถที่นักขี่แนวผจญภัยหลายคนเลือกใช้และในเวอร์ชั่น รุ่นปี 2024 Norden 901 แต่งแต้มด้วยกราฟิกสีเทาและเหลืองใหม่ ขณะที่ยังคงใช้เครื่องยนต์สูบคู่ขนานขนาด 889 ซีซี ที่ให้แรงบิดที่ยอดเยี่ยมเช่นเคย เมื่อรวมกับโครงเหล็กบที่เป็นรูปทรงตาข่ายน้ำหนักเบา ระบบกันสะเทือน WP APEX และโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ทำให้ Norden 901 ยังคงมอบความสะดวกสบายที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับขี่ระยะไกลเมื่อต้องนำทางในภูมิประเทศที่ขรุขระและท้าทาย เพื่อตอกย้ำคุณภาพการผลิตระดับพรีเมี่ยมของ Norden 901 ส่วนประกอบต่างๆ ที่ใช้ในเจ้ารถอเนกประสงค์นี้ล้วนได้รับการคัดเลือกจากประสิทธิภาพและความทนทานไม่ว่า ยาง Pirelli Scorpion Rally STR, Bosch Cornering ABS, Power Assist Slipper Clutch (PASC) และโหมดการขับขี่ที่หลากหลายผสมผสานกันเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ขั้นสูงสุด

นอกจากนี้ยัง มีโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย โหมดการขับขี่แต่ละโหมดที่เลือกได้ ได้แก่ Street, Rain, Offroad รวมถึงโหมด Explorer ที่เป็นอุปกรณ์เสริม จะผสานรวมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ดีที่สุดทันที การตอบสนองของคันเร่ง ระดับการควบคุมการยึดเกาะถนน และกำลังสูงสุด ได้รับการตั้งค่าแตกต่างกันไปในแต่ละโหมด โหมด Street ให้การตอบสนองคันเร่งโดยตรงพร้อมการตั้งค่าระบบควบคุมการยึดเกาะถนนเพื่อให้เหมาะกับพื้นผิวลาดยางในขณะที่ Road ABS ทำงานอยู่ โหมดนี้ราบรื่นเพียงพอสำหรับผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์น้อยหรือเมื่อเดินทางโดยมีผู้ซ้อนท้าย แต่ยังมีความไดนามิกเพียงพอที่จะให้แรงบิดที่ใช้งานได้ผ่านถนนบนภูเขาและหุบเขาที่คดเคี้ยว โหมด Rain มีการตอบสนองของคันเร่งที่ควบคุมได้มากพร้อมกำลังสูงสุดที่ลดลงพร้อมระบบควบคุมการยึดเกาะถนนที่เปิดใช้งานที่รอบต่ำกว่ามาก เพื่อเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ในสภาวะที่ท้าทาย โหมดออฟโรดมีการตอบสนองของคันเร่งที่ราบรื่นและช่วยให้ล้อหมุนได้ก่อนที่จะเปิดใช้งานระบบควบคุมการยึดเกาะถนน โหมดนี้ออกแบบมาสำหรับผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์มากกว่า เนื่องจากไม่มีความไวต่อมุมเอียง และป้องกันไม่ให้ฟังก์ชันป้องกันการยกล้อทำงาน นอกจากนี้ โหมดออฟโร้ดยังปรับการตั้งค่า ABS ให้เหมาะสมกับภูมิประเทศโดยอัตโนมัติ ในขณะที่โหมดเสริมอย่าง Explorer ให้การควบคุมฟังก์ชันทั้งหมดที่สามารถปรับเซทได้เต็มรูปแบบ ช่วยให้ผู้ขี่สามารถสร้างโหมดการขี่ส่วนตัวตามความต้องการและระดับทักษะส่วนบุคคลได้ตามความเหมาะสม

ด้วยโครงสร้างแชสซีส์ที่เป็นโครเมียม-โมลิบดีนัมได้รับการออกแบบมาให้สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้และมอบความสบายได้ตลอดทั้งวัน ด้วยแนวคิดการออกแบบที่ให้มีการใช้เครื่องยนต์เป็นตัวรับแรงทำให้เฟรมมีน้ำหนักเบาและกะทัดรัด ออกแบบมาเพื่อให้การตอบสนองที่แม่นยำด้วยความคล่องตัวและการควบคุมที่เบามีความคล่องแคล่ว มีความเสถียรและความสบายตลอดระยะทางที่ขับขี่ และความสามารถทางออฟโร้ดที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน แม้ว่าจะมีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา แต่เฟรมก็มีความทนทาน และมีขีดความสามารถรองรับการบรรทุกไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกสัมภาระ ผู้โดยสาร หรือทั้งสองอย่างตั้งแต่ถนนไปจนถึงเส้นทางที่ห่างไกลที่สุด รูปทรงของ Norden 901 ได้รับการพัฒนาเพื่อสร้างรถจักรยานยนต์สำหรับการเดินทางระดับโลกสำหรับทุกการเดินทางแห่งการค้นพบ ความสูงของเบาะนั่งสามารถจัดการได้สำหรับผู้ขับขี่ทุกคน มีการออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์เพื่อความรู้สึกสบายและการยึดเกาะที่ดีขึ้นบนทุกพื้นผิวไม่ว่าจะเป็นการเดินทางรายวันหรือทัวร์ระยะยาวหนึ่งเดือน รูปแบบเป็นไปตามการใช้งานในตัวถังของรถจักรยานยนต์ สะท้อนสไตล์และประสิทธิภาพที่มุ่งมั่นของ Husqvarna Motorcycles Rally จากทุกมุม Norden 901 ส่งสัญญาณถึงความสามารถในการสำรวจที่ไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งเดียวที่ต้องทำคือขึ้นเครื่องและขี่ นอกจากนี้ พร้อมที่จะพาคุณเดินทางต่อไปตามเส้นทางที่คุ้มค่าที่สุดคือถังน้ำมันที่มีระยะทางมากกว่า 248 ไมล์ คุณเป็นผู้กำหนดจุดหมายปลายทาง ด้วยการออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์แบบเพรียวบางสไตล์ Dakar Rally ทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อการควบคุมที่มีความสมดุลในทุกจังหวะการขับขี่ และด้วยล้อหน้า 21 นิ้วและล้อหลัง 18 นิ้ว จะพาคุณออกจากเส้นทางลาดยางไปจนถึงเส้นทางขรุขระ ที่จะช่วยให้คุณสามารถมั่นใจได้ในยาง Pirelli Scorpion Rally STR ที่สามารถยึดเกาะถนนได้ดี ผสานกับการออกแบบล้อแบบซี่ลวดไร้ยางในทำให้ล้อมีน้ำหนักเบาเพื่อให้ควบคุมได้ง่าย ขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่น ลดความเสี่ยงที่ยางจะแบนและทำให้คุณเสียเวลาอันมีค่าในการขี่น้อยลงที่สำคัญด้วย เส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ของล้อทำให้การกลิ้งบนพื้นผิวที่ขรุขระเป็นเรื่องง่าย

มาที่ส่วนของระบบกะนสะเทือนด้วยระยะยุบ 220 มม. ของโช้คหน้าแบบกลับหัว WP APEX 43 มม. ที่สามารถรับประกันประสิทธิภาพและความสบายที่ไร้ข้อผิดพลาดในทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะต้องควบคุมรถบนถนนลาดยางหรือทาง ออฟโร้ด คุณสามารถปรับเปลี่ยนคุณลักษณะการขับขี่ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของคุณและสภาวะที่แตกต่างกันด้วยการปรับการหน่วงการยุบตัวและการคืนตัวของโช้ค ในทำนองเดียวกัน โช๊คหลัง WP APEX ให้ระยะยุบตัวที่กว้างถึง 215 มม. และสามารถปรับได้สำหรับการหน่วงการคืนตัวและพรีโหลดสปริง เพื่อรองรับถนนที่คุณขี่และน้ำหนักบรรทุกที่คุณบรรทุก การปรับการตั้งค่าทำได้ง่ายและรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อเงื่อนไขเปลี่ยนแปลง คุณจึงสามารถตั้งค่าระบบกันสะเทือนให้ตรงกันได้ ด้วยความสบายและการควบคุมจากระบบกันสะเทือนที่เป็นไปตามข้อกำหนด ทำให้ระยะทางในการเดินทางของคุณมีขีดจำกัดน้อยลง ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของดีเทลที่มีมาใน Norden901 ขณะที่สเปคพื้นฐานของตัวรถมีรายละเอียดดังนี้

Engine
• Torque 100Nm
• Transmission 6-speed
• Battery capacity 10Ah
• Cooling Liquid cooled with water/oil heat exchanger
• Power in KW 77kW
• Starter Electric starter
• Stroke 68.8mm
• Bore 90.7mm
• Clutch PASC™ antihopping clutch, mechanically operated
• CO2 emissions 105g/km
• Displacement 889cm³
• EMS Bosch EMS with RBW
• Design 2-cylinder, 4-stroke, parallel twin
• Fuel consumption 4.5l/100 km
• Lubrication Forced oil lubrication with 2 oil pumps

Chassis
• Weight (without fuel) 204kg
• Tank capacity (approx.) 19l
• ABS Bosch 9.1 MP (incl. Cornering-ABS and offroad mode, disengageable)
• Front brake disc diameter 320mm
• Rear brake disc diameter 260mm

  • Front brake 2x radially mounted 4 piston caliper
    • Rear brake 2 piston floating caliper
    • Chain 520 X-Ring
    • Frame design Chromium-Molybdenum-Steel frame using the engine as stressed element, powder coated
    • Front suspension WP APEX 43
    • Ground clearance 252mm
    • Rear suspension WP APEX – Monoshock
    • Seat height 854/874 mm
    • Steering head angle 64.2°
    • Suspension travel (front) 220mm
    • Suspension travel (rear) 215mm

Honda Thailand Talent Cup 2024 Round 3 @ Chang International Circuit BURIRAM.

น้องกัน-พชรกร ทองเกิดหลวง โชว์สกิล เก็บ 25 แต้มเต็ม พลิกขึ้นนำหัวตารางคะแนนสะสม

รอบจับเวลาจัดตำแหน่งสตาร์ท ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเล้นท์ คัพ 2024  กลุ่มนักบิดเยาวชนที่ทำเวลามาเป็นอันดับหนึ่งเป็น โทนี่-เหงียน ตัน อานห์ ฟู หมายเลข19 เยาวชนเวียดนาม ทำเบสต์แล็ป 1:48.093 นาที เฉียดที่จะทุบเวลา 1 นาที 47 วินาทีแค่นิดเดียว แย่งเอาตำแหน่งออกสตาร์ทโพลโดยเวลาดีกว่า ไฮเป็ก เพียง 0.248 วินาที และกริดสตาร์ทที่3 เป็นของ เฟอร์-ปัญจรุจน์ ที่ตามหลังโทนี่ 0.281 วินาที

ส่วนน้องใหม่จากฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์ ที่ขึ้นมาแข่งเป็นฤดูกาลแรก น้องชินโจ-ณภัทร จาตูม หมายเลข 3 ทำเวลา 1:48.673 นาที ออกสตาร์ทกริดที่ 6 น้องมะมายด์-ปองคุณ เอี่ยมน้อย หมายเลข 6 เวลา 1:48.843 นาที ออกสตาร์ทกริดที่ 9 และน้องภูมิ-กิตติพงศ์ สุนทรวิทย์ หมายเลข4 ออกสตาร์ทกริดที่17 เวลา 1:50.615 นาที

Race1 รถแข่ง Honda NSF250R ของ 20 เยาวชนนักบิด ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเล้นท์ คัพ 2024 เรียกเสียงกรี๊ดตั้งแต่จังหวะออกสตาร์ท เมื่อ น้องเฟอร์-ปัญจรุจน์ จิตร์วิรุฬฉัตร์ หมายเลข12 บิดรถแข่งทะยานนำต่อเนื่อง 2 รอบ ก่อนจะถูกนักบิดรุ่นพี่ กัน-พชรกร ทองเกิดหลวง หมายเลข17 แซงวงในที่โค้ง 5 จากนั้นอันดับของน้องเฟอร์ก็ค่อยๆ ถอยหลังแต่ก็ยังเกาะอยู่ในกลุ่มลุ้นโพเดี้ยม

ขณะที่ตำแหน่งจ่าฝูง ก็เปิดตำราทักษะการบิดที่ฝึกฝนแบบอัดแน่นกันมาตั้งแต่ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์ แย่งชิงแบบสลับสับเปลี่ยนโฉมหน้าผู้นำตลอดเกือบทุกโค้งและเกือบทุกรอบ ตั้งแต่ กัน-พชรกร ทองเกิดหลวง หมายเลข17, ไบรท-เตชินท์ อินทร์อภัย หมายเลข11, โทนี่-เหงียน ตัน อานห์ ฟู หมายเลข19 และ ไฮเป็ก-กฤษฎา ธนะโชติ หมายเลข18

กระทั่งเข้าสู่รอบที่ 15 ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย ขณะที่ พชรกร ผู้นำช่วงเซ็คเตอร์แรก มาเสียตำแหน่งจ่าฝูงให้ ไฮเป็ก ที่โค้ง 5 และพชรกรพยายามที่จะมายกลึกและควบคุมไลน์เข้าโค้งสุดท้าย แต่ ไฮเป็ก ก็เค้นทักษะคุมรถยกลึกกว่าอีก พร้อมคุมรถสปีดในเรซซิ่งไลน์ชนิดต้องฝีมือเหนือชั้นจริงๆ ทะยานผ่านธงตราหมากรุกเฉือน พชรกร 0.083 วินาที คว้าเดอะ วินเนอร์ไปครอง ส่วนอันดับที่ 3 เป็นของ อุ้ม-นพรุจน์พงศ์ บุญประเวศน์ หมายเลข8 ที่มาฉายความแรงในช่วง 5 รอบสุดท้าย ทะยานผ่านเส้นชัยตามหลังผู้ชนะ 0.452 วินาที

ทางด้านน้องใหม่ที่ขึ้นชั้นมาปีแรกจาก ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์ น้องมะมายด์-ปองคุณ เอี่ยมน้อย หมายเลข6 มีโอกาสแซงขึ้นนำฝูงครั้งแรกในรอบสุดท้ายจากโค้งที่ 3 มาโค้งที่ 5 และจบเรซนี้ด้วยตำแหน่งที่ 6 ตามหลังผู้ชนะ 0.708 วินาที น้องชินโจ-ณภัทร จาตูม หมายเลข3 ที่วาดลวดลายบิดรถแข่งปะทะฝีมือกับรุ่นพี่ในกลุ่มลุ้นโพเดี้ยมได้สุดมันส์ในช่วงครึ่งแรกของการแข่งขัน 15 รอบ จบการแข่งขันด้วยตำแหน่งที่9 ตามหลังผู้ชนะ 1.377 วินาที และน้องภูมิ-กิตติพงศ์ สุนทรวิทย์ หมายเลข4 จบเรซนี้ในตำแหน่งที่19

การแข่งขันเรซที่2 จำนวน 15 รอบ ซึ่งจะมีการจัดอันดับออกสตาร์ทใหม่ ด้วยเวลาเบสต์แล็ปของนักแข่งจากเรซที่จบไปที่ตำแหน่งจ่าฝูงในเกมชิงโพเดี้ยมเปลี่ยนโฉมได้ตลอดเกือบทุกโค้งเกือบทุกรอบตลอด 15 รอบการแข่งขัน ซึ่งเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทักษะการขับขี่ของเยาวชนนักบิดในโครงการฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเล้นท์ คัพ 2024

แน่นอนที่ไฮไลท์สุดๆ ต้องมาลุ้นกันในรอบสุดท้ายคล้ายทุกเรซที่ผ่านๆ มา ซึ่งผู้นำจ่าฝูงขณะนั้นเป็น เฟอร์บี้-ปัญจรุจน์ จิตร์วิรุฬฉัตร์ หมายเลข12 ที่แซงขึ้นมานำยาวต่อเนื่องตั้งแต่รอบที่11 แต่ถูก พชรกรเร่งสปีดขึ้นมาทันในเซ็คเตอร์สุดท้ายตีคู่ก่อนเข้าโค้งสุดท้าย และ พชรกร อาศัยความแข็งแกร่งและประสบการณ์ที่เหนือกว่า บิดคว้าเดอะวินเนอร์ไปครองครั้งแรกสมความตั้งใจ โดยเฉือน เฟอร์บี้ 0.049 วินาที ที่ได้ยืนโพเดี้ยมในโครงการฯนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน

ตำแหน่งที่ 3 ตกเป็นของ คาเครุ เอนโดะ หมายเลข22 เยาวชนนักบิดญี่ปุ่นจากโครงการ ซูซูกะ ฮอนด้า เรซซิ่ง สคูล ตามหลังผู้ชนะ 0.586 วินาที และอีก 3 น้องใหม่ที่เลื่อนชั้นมาจาก ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์ เรซนี้ น้องชินโจ-ณภัทร จาตูม หมายเลข3 เบียดขึ้นมาจบอันดับที่ 6 และน้องมะมายด์-ปองคุณ เอี่ยมน้อย หมายเลข6 จบในอันดับที่ 7 ขณะที่ น้องภูมิ-กิตติพงศ์ สุนทรวิทย์ หมายเลข4 สามารถจบการแข่งขันในอันดับท็อปเท็น

ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเล้นท์ คัพ 2024 สนามที่4 จะกลับมาแข่งที่สนามช้างฯ อีกระหว่างวันที่ 5-8 กันยายน 2567

Suzuki GSX-S1000GX พัฒนามาเพื่อตอบสนองการเดินทาง

GSX-S1000GX ผสมผสานเทคโนโลยี และ สไตล์ที่โดดเด่น

สมาชิกใหม่ในซีรีส์GSXของSuzukiที่ทำการเปิดตัวออกมาในฐานะ new model สำหรับปี2024ก็คือ GSX-S1000GX ที่จะมาเป็นสมาชิกที่ต่อจาก GSX-S1000 กับ GSX-S1000GTที่ส่งออกมาก่อนหน้านี้ โดยสมาชิกใหม่ที่มาพร้อมรหัสต่อท้ายด้วย GX แม้จะอยู่ในกลุ่มรถที่พัฒนามาเพื่อตอบสนองความต้องการในการเดินทางไกลแต่ด้วยรหัส GX นี้มันจะสื่อถึงคุณสมบัติความเป็นรถในแบบ crossover หรือรถที่มีการผสานระหว่าความเป็นทัวริ่งกับแอ๊ดเว็นเจอร์นั่นเอง

อย่างไรก็ตามความแตกต่างหรือการแยกความต่างของความเป็น GX กับ GTนั้ นอยู่ที่ระบบกันสะทือน โดยใน GX จะมีระยะยุบตัวของระบบกันสะเทือนหน้าและหลังที่มากกว่า อีกทั้งยังมีความสูงหรือระยะห่างจากพื้นเพิ่มขึ้นอีก อีกทั้งการจัดวางท่าทางการขับขี่จะให้ความรู้สึกที่สะดวกสบายมากกว่าเพราะการจัดวางท่าทางที่นั่งขี่ที่ให้ลำตัวตั้งตรงมากกว่า โดยรวมแล้วกล่าวได้ว่า GSX-S1000GX มีความเป็นรถครอสโอเวอร์ที่ผสมผสานองค์ประกอบหรือคุณสมบัติของรถแบบแบบสปอร์ตทัวเรอร์กับรถสายการผจญภัยแบบแอ๊ดเว็นเจอร์เข้าด้วยกัน พร้อมกันนี้ได้มีการนำเครื่องยนต์จากซีรีส์ GSX-S1000 มาใช้ เพื่อที่จะได้สืบทอดสมรรถนะด้านกำลังที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ในแบบสปอร์ต พร้อมกันนี้ก็เสริมคุณสมบัติที่ต้องการด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีและติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในแบบรถทัวริ่ง ด้วยสไตล์โดดเด่นด้วยสมรรถภาพที่ดุดันซึ่งรวบรวมสมรรถนะของความเป็นรถสปอร์ตไบค์ ผสมผสานกับการออกแบบที่ทันสมัยซึ่งจัดวางตำแหน่งท่าทางการขับขี่ที่ให้ฟิลลิ่งสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกล

ที่น่าสนใจคือ GSX-S1000GX จะเป็นรถจักรยานยนต์คันแรกของ Suzuki ที่ติดตั้ง Suzuki Advanced Electronic Suspension (SAES) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระบบกันสะเทือนแบบอิเล็กทรอนิกส์และปรับค่าพรีโหลดให้เหมาะสมตามความเร็วของรถ สภาพพื้นผิวถนน และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเบรก นอกจากนี้ยังได้พัฒนาและติดตั้งโปรแกรม Suzuki Road Adaptive Stabilization (SRAS) ซึ่งจะช่วยตรวจจับพื้นผิวถนนที่ขรุขระแล้วทำการควบคุมช่วงล่างโดยอัตโนมัติโดยการรวบรวมข้อมูลจาก SAES  เป็นผลให้ระบบกันสะเทือนบรรลุเป้าหมายในการปรับค่าที่เหมาะสมช่วยให้ได้รับความรู้สึกการขับขี่ที่นุ่มนวลพร้อมการลดการสั่นสะเทือนบนถนนที่ขรุขระ และขณะเดียวกันก็ได้รับสมรรถนะแบบสปอร์ตที่คล่องแคล่วว่องไวบนถนนลาดยาง

ตามที่ทราบกันไปแล้วว่า GSX-S1000GX ได้รับการจัดให้ร่วมกลุ่มผลิตภัณฑ์ตระกูล GSX ของ Suzuki ในปี 2024 และนำเสนอฟีเจอร์และเทคโนโลยีใหม่ พร้อมกำหนดสถานะเป็นโมเดลครอสโอเวอร์ของ Suzuki และเป็นสมาชิกในตระกูล GSX เช่นเดียวกับ GSX-S1000 และ GSX-S1000GT จึงได้ใช้เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะระดับรถซูเปอร์ไบค์ที่มีขุมพลังแบบสี่จังหวะสี่สูบแถวเรียงปริมาตรความจุ 999ซี.ซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ DOHC ที่ใช้ใน GSX-R มาเป็นขุมพลัง ขับเคลื่อน GSX-S1000GX ดังนั้นจึงเชื่อมั่นได้ในประสิทธิภาพ

พื้นฐานเครื่องยนต์ GSX-R ที่ได้รับการปรับช่วงชักที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับการนำมาใช้ในของ GSX-S1000GXได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ได้แรงบิดที่เพิ่มขึ้นพร้อมด้วยการตอบสนองการขับขี่ที่นุ่มนวล รวมถึงยังให้การตอบสนองของคันเร่งที่คาดเดาและควบคุมได้ง่าย

เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ GSX-S1000 รุ่นก่อนหน้า ได้มีการปรับโปรไฟล์แคมชาพท์หรือเพลาลูกเบี้ยวของ GXในส่วนของการลดองศาการจัดวางจังหวะการเปิดปิดวาล์วใหม่  ไม่เพียงแต่ช่วยในด้านการปรับปรุงค่าการปล่อยไอเสียเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับสมดุลสมรรถนะของเครื่องยนต์และความสามารถในการขับขี่อีกด้วยให้มีความเหมาะสมกับจุดประสงค์การออกแบบรถเวอร์ชั่นนี้

สปริงวาล์วได้รับการปรับให้มีความเหมาะสมกัยกับโปรไฟล์ใหม่ของเพลาลูกเบี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความทนทาน

ตัวปรับความตึงโซ่ลูกเบี้ยวหรือ cam chain tensioner และตัวปรับความตึงหรือtension adjuster ได้รับการออกแบบด้วยวัสดุที่คัดสรรมาเพื่อลดแรงเสียดทานและปรับปรุงความทนทาน

การออกแบบในส่วนของ Twin Swirl Combustion Chamber (TSCC) ที่ตัดว่าเป็นตำนานของ Suzuki ได้รับการปรับแบบฝาสูบซึ่งมีการทำงานร่วมกับลูกสูบแบบแบนหรือflat-top piston ทำให้ได้อัตราส่วนกำลังอัดที่เหมาะสมที่สุดของเครื่องยนต์เวอร์ชั่นนี้ที่ 12.2:1 ซึ่งช่วยให้กำลังเครื่องยนต์ที่เหมาะสมลงตัวกับแต่ละรอบการทำงานของเครื่องยนต์ในแต่ละช่วง

ลูกสูบอะลูมิเนียม ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมโดยใช้กระบวนการวิเคราะห์Finite Element Method (FEM) หล่อขึ้นเพื่อให้ได้ความแข็งแกร่งและน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด โดยสรุปก็คือได้ทำการออกแบบเพื่ออัพเกรดเครื่องยนต์ที่มีแคแรกเตอร์ความเป็นสปอร์ตให้ตอบสนองได้อย่างเหมาะสมเมื่อนำมาติดตั้งบนรถจักรยานยนต์สำหรับขับขี่ทางไกล

ในส่วนของโหมดการขับขี่ที่ตั้งไว้ล่วงหน้าจากโรงงานทั้ง 3 โหมด (A, B และ C) ช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับเปลี่ยนคุณลักษณะการส่งกำลังของ GSX-S1000GXได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพื่อให้เข้ากับสไตล์การขี่ หรือปรับตามสภาพอากาศหรือสภาพถนนที่เปลี่ยนแปลง

โหมด A (active ) มีไว้สำหรับการใช้งานแบบสปอร์ตที่ปราดเปรียวซึ่งให้การตอบสนองของคันเร่งที่เฉียบคมที่สุดเมื่อผู้ขับขี่เปิดคันเร่ง คุณลักษณะแรงบิดของโหมด A ได้รับการปรับแต่งอย่างประณีตเพื่อมอบอัตราเร่งที่น่าตื่นเต้นเมื่อเปิดคันเร่งอย่างดุดัน เช่น เพลิดเพลินกับการวิ่งแบบสปอร์ตบนถนนที่สะอาดและคดเคี้ยวในสภาพอากาศที่ชัดเจน

ในโหมด A โหมดกำลังเครื่องยนต์หรือengine powerจะถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “1” ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนหรือtraction control system ถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “2” และระดับการควบคุมการหน่วงแบบแอ็คทีฟของระบบกันสะเทือนเป็น “hard”

โหมด B (basic)ใช้สำหรับการขับขี่ทั่วไป เนื่องจากมีการตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มนวลขึ้น โหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นการตั้งค่าสำหรับการเดินทางแบบทัวริ่ง เพื่อให้สามารถควบคุม GX ได้มากขึ้น และปลูกฝังความมั่นใจให้กับผู้ขี่เมื่อเร่งความเร็ว และให้ความลงตัวที่ดีสำหรับสไตล์การขี่และสภาพถนนที่หลากหลายขับขี่แบบสบายๆ

ในโหมด B โหมดกำลังเครื่องยนต์จะถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “2” ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “4” และระดับการควบคุมการหน่วงแบบแอ็คทีฟของระบบกันสะเทือนอยู่ที่ “medium ”

โหมด C (comfort )มุ่งหวังที่จะให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและการควบคุมโดยให้การตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้นและลักษณะแรงบิดที่นุ่มนวลขึ้น โดยวัตถุประสงค์หลักของ โหมดนี้มีประโยชน์เมื่อขี่บนพื้นผิวที่เปียกหรือลื่น หรือขี่พร้อมผู้โดยสารและมีสัมภาระ หรือเมื่อผู้ขี่ต้องการการเดินทางที่ผ่อนคลายและสะดวกสบายหลังจากออกไปเที่ยวระยะไกลต่อเนื่อง

ในโหมด C โหมดกำลังเครื่องยนต์ถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “3” ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนถูกตั้งค่าไว้ที่ระดับ “6” และระดับการควบคุมการหน่วงแบบแอ็คทีฟของระบบกันสะเทือนเป็น “soft”

จากโหมดการขับขี่ก็มาที่เรื่องของการส่งกำลังหรือ  power mode  ที่ติดตั้งมาช่วยให้ผู้ขับขี่เลือกระหว่างสามระดับที่ให้คุณลักษณะกำลังของเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ตรงกับสภาพถนน สภาพอากาศ หรือความต้องการของผู้ขับขี่

ลักษณะการส่งกำลังของแต่ละระดับจะสังเกตได้ชัดเจนเมื่อใช้คันเร่ง แต่ละระดับได้รับการปรับแต่งและทดสอบอย่างละเอียดเพื่อให้ประสบการณ์การขับขี่โดยรวมของ GX สนุกสนานยิ่งขึ้น

โหมดกำลังระดับ 1ให้การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจที่สุดเมื่อเปิดคันเร่ง ได้รับการปรับแต่งเพื่อให้มีอัตราเร่งที่เร้าใจและดึงพลังของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเพลิดเพลินกับการวิ่งแบบสปอร์ตบนถนนเรียบ

โหมดกำลังระดับ 2ให้กำลังสูงสุดเดียวกันกับระดับ 1 แต่มีการตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มนวลกว่า จุดมุ่งหมายคือการส่งมอบการตั้งค่าที่สมดุลที่น่าพึงพอใจ ซึ่งเหมาะสมกับสไตล์การขี่และสภาพถนนที่หลากหลาย

โหมดกำลังระดับ 3ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและการควบคุมโดยเสนอการตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มนวลที่สุดและลักษณะแรงบิดที่นุ่มนวลยิ่งขึ้นไม่ดุดันรุนแรง การตั้งค่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อขี่ระยะทางไกล หรือเมื่อบรรทุกผู้โดยสารและอุปกรณ์ ซึ่งรายละเอียดข้อมูลตัวรถมีสเปคเบื้องต้นดังนี้

ENGINE

Type 4-stroke, 4-cylinder, liquid-cooled, DOHC
Displacement 999 cm3 (61.0 cu. in.)
Bore x Stroke 73.4 mm x 59.0 mm (2.9 in. x 2.3 in.)
Compression Ratio 12.2: 1
Fuel System Fuel injection
Starter Electric
Lubrication Forced feed circulation, wet sump
Ignition Electronic ignition (transistorized)
Oil Capacity 3.4 L (3.6 / 3.0 US/lmp qt)

ELECTRONICS

Traction Control Suzuki Traction Control System
ABS Suzuki Antilock Braking System

DRIVE TRAIN

Transmission 6-speed constant mesh

CHASSIS

Length 2,150 mm (84.6 in.)
Width 925 mm (36.4 in.)
Height 1,350 mm (53.1 in.)
Wheelbase 1,470 mm (57.9 in.)
Seat Height 845 mm (33.3 in.)
Curb Mass 232 kg (511 lbs.)
Suspension Front Inverted telescopic, coil spring, oil damped
Suspension Rear Link type, coil spring, oil damped
Brakes Front Disc, twin
Brakes Rear Disc
Tires Front 120/70ZR17M/C (58W), tubeless
Tires Rear 190/50ZR17M/C (73W), tubeless
Fuel Tank 19.0 L (5.0 / 4.2 US/Imp gal)

WARRANTY

12-month unlimited mileage limited warranty

ฮอนด้า ส่งมอบประสบการณ์ขั้นสุดให้ไบค์เกอร์สายสปอร์ต กับกิจกรรม ‘Honda Track Xperience’

พร้อมประชันฝีมือชิงถ้วย ‘CBR TROPHY 2024’

ฮอนด้าบิ๊กไบค์ จัดกิจกรรม ‘Honda Track Xperience 2024’ มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้ลูกค้ารถจักรยานยนต์สายสปอร์ตในตระกูล CBR Series ทุกรุ่น ได้ทดลองขับขี่ และเข้าร่วมการแข่งขันจริงเพื่อชิงถ้วยรางวัลในกิจกรรม ‘CBR TROPHY 2024’ บนสนามแข่งระดับโลก ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

สำหรับกิจกรรม ‘Honda Track Xperience 2024’ มีผู้ขับขี่สายสปอร์ตเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 100 คน ทั้งนี้ฮอนด้าบิ๊กไบค์พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าทุกระดับ แบ่งผู้ขับขี่ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ ROOKIE กลุ่มที่เพิ่งเริ่มขับขี่ กลุ่ม EXPERIENCED สำหรับนักบิดที่มีประสบการณ์ รวมถึงกลุ่ม ADVANCE สำหรับผู้ขับขี่ที่มีทักษะการแข่งขัน ไปจนถึงกลุ่ม Pro ที่มีความเชี่ยวชาญในการลงสนาม

ผู้ขับขี่ทุกกลุ่มจะได้เรียนรู้ทักษะการขับขี่ และการควบคุมรถในสนามแข่ง ซึ่งจะได้รับคำแนะนำจากเหล่าโค้ชมืออาชีพในสังกัด Honda Racing Thailand อย่างใกล้ชิด นำทีมโดย ‘ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์’ อดีตนักบิดเวิล์ดกรังด์ปรีซ์คนแรกของไทยในรุ่นโมโตทู ร่วมด้วยนักบิดมืออาชีพจากทีม Honda Racing Thailand อีกคับคั่ง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ก่อนลงสนามจริง และสามารถนำเทคนิคไปปรับใช้กับการขับขี่ของตนเองต่อไปได้

ทั้งนี้ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ นำประสบการณ์จากกิจกรรม Track Xperience มาต่อยอดในการลงแข่งขันจริง เพื่อชิงถ้วย ‘CBR TROPHY 2024’ ภายใต้กติกามาตรฐานสากล บนสนามแข่งระดับโลก โดยการประชันความเร็วและทักษะครั้งนี้ มีเงินรางวัล พร้อมถ้วยเกียรติยศ CBR Trophy ทั้งหมด 5 รุ่น รุ่นละ 5 รางวัล เพื่อให้ผู้ขับขี่สายสปอร์ตได้สัมผัสความสนุกเต็มพิกัดและเก็บประสบการณ์การเป็นนักแข่งอย่างเต็มตัว
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม Honda Track Xperience และ CBR TROPHY ที่ครบทั้งการฝึกทักษะการขับขี่ ความสนุก และการแข่งขันสุดเร้าใจ อย่าลืมติดตามกิจกรรมครั้งต่อไป โดยติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://bit.ly/thaihondabigbike
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : www.facebook.com/HondaBigBikeTH/

#CBRSeries #TRACKXPERIENCE2024 #CBRRTrophy #HondaBigBike #ExcitesTheWorld #HondaBigBikeThailand
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

ยามาฮ่าเปิดประสบการณ์ความมันไม่จำกัดพิกัดในกิจกรรม YAMAHA Track Day 2024

 เสริมทักษะในการขับขี่บน Track ระดับโลกที่บุรีรัมย์

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดกิจกรรม YAMAHA Track Day 2024 เอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบการขับขี่รถจักรยานยนต์แบบ ไม่จำกัดพิกัดความมัน ตั้งแต่พิกัด 155 ซีซี – 1,000 ซีซี พร้อมเสริมสร้างทักษะการขับขี่ในสนามแข่งขัน ปูทางตั้งแต่เบสิก จนถึงระดับ Advance จากทีมงานชั้นนำระดับโลก YAMAHA THAILAND RACING TEAM และอดีตนักแข่งชั้นนำระดับเอเชีย และระดับประเทศมาร่วมถ่ายทอดเทคนิคต่างๆ ให้การขับขี่ในสนามแข่งขันเป็นเรื่องที่สนุก และปลอดภัย รวมถึงปลุกความเร้าใจกับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าคันโปรด และเรียนรู้รูปแบบการขับขี่ในกฎและกติกาของการแข่งขัน โดยในครั้งนี้เปิด 6 รุ่นสุดเร้าใจได้แก่
1.รุ่น Advance 500 – 1000 ซีซี
2.รุ่น Intermediate 500 – 1000 ซีซี
3.รุ่น Beginner 500 – 1000 ซีซี
4.รุ่น Advance 155 -321 ซีซี
5.รุ่น Beginner 155 -321 ซีซี
6 . รุ่น Automatic (XMAX & Areox)

โดยในกิจกรรม YAMAHA Track Day 2024 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสมาชิก ยามาฮ่าคลับ และยามาฮ่า ไรเดอร์สคลับ เข้าร่วมเปิดประสบการณ์กันอย่างมากมาย ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อเร็วๆ นี้

#YamahaTrackDay2024
#YamahaThailandRacingTeam
#YamahaSocietyThailand
#YamahaClubThailand
#YamahaRidersclubThailand
#YamahaChampionship2024

“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” ปลดล็อคคว้าโพเดียมท็อป 3 “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง” สนามที่ 4 อินโดนีเซีย

“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” พร้อม Honda CBR Series ระเบิดผลงานเขย่าแถวหน้าเอเชีย

รุ่น “ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี” (SS600) ที่นักบิดดาวรุ่งไทยต้องวัดฝีมือกับนักบิดระดับหัวแถวมากประสบการณ์ “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” และสุดยอดรถแข่ง Honda CBR600RR หมายเลข 85 ทำผลงานปลดล็อคคว้าโพเดียมท็อป 3 ได้สำเร็จ จบการแข่งขันรั้งอันดับที่ 5 ตารางคะแนนสะสม มี 74 คะแนน ด้าน “มิกซ์-ธนัช” หมายเลข 31 ที่พบอุปสรรคการปะทะในการแข่งขันแต่ยังคงมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 10 และสามารถทำเวลาสถิติต่อรอบเร็วที่สุดของการแข่งขัน (Fastest Lap) ด้วยเวลา 1.38.246 นาที จบการแข่งขันรั้งอันดับที่ 8 ตารางคะแนนสะสมมี 58 คะแนน โดยนักบิด ดาวรุ่งจาก Honda เหมาอันดับ 1-5 ในรุ่นนี้ ด้วยสุดยอดตัวแข่ง Honda CBR600RR

รุ่น “เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี” (ASB1000) “ชิพ-นครินทร์” และรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 41 สังกัด “ฮอนด้า เอเชีย ดรีม เรซซิ่ง วิท แอสติโม” หลังโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุในโค้งแรกหลุดออกจากสนามไปอย่างน่าเสีย โดยเจ้าตัวไม่ยอมแพ้กลับมาสู้ในเกมอีกครั้ง โดยสามารถจบการแข่งขันในอันดับที่ 9 เก็บคะแนนสะสมได้สำเร็จ โดยจบการแข่งขันสนามที่ 4 รั้งท็อป 3 ของตารางด้วยคะแนนสะสม 92 คะแนน

ทั้งนี้ โปรแกรมการแข่งขัน FIM Asia Road Racing Championship 2024 จะกลับมาดวลกันอีกครั้งในสนามที่ 5 ณ สนามเปโตรนาส เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย (Petronas Sepang International Circuit, Malaysia) ระหว่างวันที่ 13 – 15 กันยายนนี้

แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

#ThaiHonda #Motorsport #RaceToTheOne #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #ARRC #ARRC2024 #AsiaRoadRacingChampionship2024 #NA41 #TL31 #KS85 #HondaRacingThailand #Idemitsu #Sittipol #KrungsriAuto #Kushitani #KELA #SKF #KOWA #NGK #DID #Arai #RCB #DiosDesign #FMSCT #SAT

เปิดตัวช็อกไพรส์! GPX DZ3 (ดี-ซี-ทรี) สกู๊ตเตอร์พรีเมียมสปอร์ต พิกัด 300 ค่าตัวไม่ถึงแสน!

 GPX DZ3 (ดี-ซี-ทรี) ที่สะท้อนการพัฒนาสู่ยุคใหม่ของ GPX

แบรนด์ GPX (จีพีเอ็กซ์) รถจักรยานยนต์สัญชาติไทย ที่ยังคงก้าวหน้าต่อไปและท้าทายทุกขีดจำกัด ตามสโลแกน “DARE TO CHALLENGE ไม่หยุด…ที่จะท้าทาย” เปิดตัวโมเดลใหม่ล่าสุด GPX DZ3 (ดี-ซี-ทรี) ที่สะท้อนการพัฒนาสู่ยุคใหม่ของ GPX บนเส้นทางของแบรนด์ที่ยาวนานกว่าทศวรรษ กับยอดขายภายในประเทศกว่า 240,000 คัน และติดอันดับ TOP 5 ยอดขายสูงสุดในเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่องหลายปี และไม่ใช่แค่เพียงประสบความสำเร็จในประเทศเท่านั้น แต่ยังขยายออกสู่ตลาดในต่างประเทศอีกกว่า 10 ประเทศ อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา ไต้หวัน กรีซ และ ญี่ปุ่น เป็นต้น

คุณไชยยศ ร่วมใจพัฒนกุล ผู้ก่อตั้งแบรนด์ GPX และกรรมการผู้จัดการ บริษัท จีพี เซลล์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวในงานเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) ว่า “DZ3 คือการอัพเกรดในทุกมิติ สู่ยุคใหม่ของ GPX กับการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นกว่าที่เคยมีมา สะท้อนความมุ่งมั่นในการพัฒนาของ GPX เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์ใหม่และพร้อมสำหรับการเติบโตอีกสเตป กับการขยายสู่ตลาดในต่างประเทศต่อไป”

GPX DZ3 : THE UPPER STEP พาชีวิตไปอีกสเตป!
GPX DZ3 รถสกู๊ตเตอร์พรีเมียมสปอร์ต ในมิติใหม่ที่ให้ความคล่องตัวสูง มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่! High Performance กับเครื่องยนต์ GPX HYPER-i ขนาด 278.2 ซีซี 1 สูบ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ มอบพละกำลังสูงสุดถึง 24.1 แรงม้าที่ 8,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 24.5 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที ทำให้ทุกการขับขี่เต็มไปด้วยความสนุกและความเร้าใจ ด้านงานดีไซน์ในรุ่น DZ3 กับผลงานการออกแบบใหม่หมดทั้งคัน โดยทีมงาน R&D คนไทยของ GPX ที่เคยฝากผลงานจากการคว้ารางวัลออกแบบดีเด่นจากประเทศญี่ปุ่น ในรายการประกวด GOOD DESIGN AWARDS 2021 (G-MARK) ในรุ่นก่อนหน้ามาแล้ว ทำให้หน้าตาของเจ้า DZ3 รุ่นล่าสุดนี้ ยังคงมี DNA เอกลักษณ์ของทาง GPX ที่โดดเด่นด้วยเส้นสายงานดีไซน์ที่ให้อารมณ์ความสปอร์ต โฉบเฉี่ยวในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดีไซน์ไฟหน้าและไฟท้าย ที่โดดเด่น สะดุดตา พร้อมไฟเลี้ยวหน้าที่ออกแบบมาให้ Built-in กับชุดแฟริ่งหน้า ส่วนไฟเลี้ยวท้ายก็ Built-in มาให้ในโคมเดียวกันกับไฟท้าย โดยมาพร้อมกับระบบส่องสว่างแบบ FULL LED รอบคัน

นอกจากนี้ GPX DZ3 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันครบครันที่ตอบโจทย์กับการใช้งานแบบ CITY USE ทั้งหน้าจอเรือนไมล์แบบ REVERSE LCD METER ดีไซน์ล้ำทันสมัย ให้อารมณ์ความสปอร์ตเต็มพิกัด สามารถปรับตั้งค่าข้อมูลบนหน้าจอแสดงผลได้ง่ายๆ ด้วยปุ่ม MODE ทั้งการปรับเซ็ททริปการเดินทาง , ปรับหน่วยระยะทางและปรับตั้งค่านาฬิกาได้ มาพร้อมการควบคุมด้วย กุญแจ KEYLESS ที่มีมาตรฐานการกันฝุ่นและน้ำที่ระดับ IP67 กับดีไซน์ตัวกุญแจ KEYLESS ที่ออกแบบมาใหม่ ให้อารมณ์ความสปอร์ต พร้อมมีฟังก์ชันอัดแน่นที่ซ่อนไว้ภายในตัว ทั้งการเปิด-ปิดเสียงสัญญาณกันขโมย และ การล็อค/ปลดล็อคตัวรถ นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษสำหรับกุญแจ KEYLESS เนื่องจากตัวกุญแจ KEYLESS ในรถรุ่น DZ3 มีระบบ IMMOBILIZER เป็นชิปปล่อยสัญญาณในกุญแจที่ใช้เปิดคีย์สวิทซ์ ซึ่งในกรณีที่แบตเตอรี่กุญแจ KEYLESS หมด ผู้ขับขี่ก็ยังคงสามารถสตาร์ทรถใช้งานได้ โดยการนำเอากุญแจ KEYLESS มาแนบกับตำแหน่งที่อยู่บริเวณเหนือช่องเติมน้ำยาหล่อเย็น ภายในช่องด้านหน้าฝั่งขวามือ แล้วบิดสวิตซ์สำหรับใช้งานสตาร์ทรถได้ หรือจะใช้กุญแจสำรอง ที่ซ่อนอยู่ภายในกุญแจ KEYLESS ก็สามารถใช้งานเพื่อบิดสวิตซ์แล้วสตาร์ทรถได้เช่นเดียวกัน

GPX DZ3 อัพเกรดความสะดวกสบายมาให้ กับตำแหน่งถังน้ำมันด้านหน้า ที่มีความจุมากถึง 10.3 ลิตร และ เพิ่มความสะดวกสบายที่มากกว่า กับ Riding Position ที่ให้ท่านั่งที่สบาย สามารถรองรับกับสรีระของผู้ขับขี่ไซส์เอเชียได้เป็นอย่างดี พร้อมตำแหน่งการวางเท้าที่สามารถวางเท้าได้ทั้งในองศาการวางเท้าปกติและสามารถวางเท้ายืดเหยียดในตำแหน่ง Rest Position ได้ อีกทั้งเบาะนั่งที่ให้มาในดีไซน์สปอร์ต ออกแบบมาให้เว้าช่วงเบาะของผู้ขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถวางเท้าถึงพื้นได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมสัมผัสการนั่งที่นุ่มสบาย และเสริมฟังก์ชันที่ตอบโจทย์กับยุคสมัย ด้วยช่องชาร์จเร็ว FAST CHARGE USB TYPE-C ให้ที่บริเวณภายในช่องเก็บของด้านหน้าฝั่งซ้าย ส่วนในด้านความปลอดภัยก็อัพเกรดมาให้กับระบบเบรกแบบ ABS Dual Channel พร้อมดิสก์เบรกด้านหน้าขนาด 250 มม. และ ดิสก์เบรกหลังขนาด 220 มม. ช่วยให้สามารถหยุดรถได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์

นอกจากนี้ ยังอัพเกรดฟังก์ชันมาให้ กับระบบ TCS (Traction Control System) ที่ช่วยป้องกันล้อหมุนฟรี และ ระบบกันสะเทือนที่มอบความนุ่มนวลกับโช๊คอัพหลังคู่ จากแบรนด์ดัง YSS ที่สามารถปรับค่าพรีโหลดได้ (*ฟังก์ชันเฉพาะใน DZ3-Sport )
เปิดตัว 2 Types : ความคุ้มค่าเหนือราคาStandard มีด้วยกัน 2 เฉดสี
– RACING GREY (สีเทา)
– SUPER BLACK (สีดำ)
มาพร้อมราคาส่วนลดพิเศษที่ 94,800 บาท
(จากราคาปกติที่ 100,800 บาท พร้อมรับ Voucher 6,000 บาทเป็นส่วนลดพิเศษในช่วงเปิดตัว!)Sport มาพร้อมฟังก์ชัน TCS (Traction Control System) และโช๊คอัพหลังจากแบรนด์ YSS
มีด้วยกันทั้งหมด 4 เฉดสี
– URBAN WHITE (สีขาว)
– ENERGETIC RED (สีแดง)
– OLIVE GREEN (สีเขียว)
– SUPER BLACK (สีดำ)
ราคาส่วนลดพิเศษที่ 99,800 บาท
(จากราคาปกติที่ 105,800 บาท พร้อมรับ Voucher 6,000 บาทเป็นส่วนลดพิเศษในช่วงเปิดตัว!)
พร้อมการรับประกันเครื่องยนต์ให้นานถึง 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร

สำหรับใครที่สนใจสามารถจองออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ booking.gpxthailand.com เพื่อรับข้อเสนอพิเศษนี้ และสามารถดูข้อมูลรถเพิ่มเติมได้ที่ www.gpxthailand.com หรือสามารถไปรับชมรถคันจริงได้ที่ตัวแทนจำหน่าย GPX ที่มีกว่า 115 แห่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ

 

 

โรยัล เอ็นฟีลด์ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวแคมเปญ ‘ROYAL ENFIELD AMAZING THAILAND RIDE’

ยกระดับประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยว

ด้วยการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์

โรยัล เอ็นฟีลด์ ผู้นำระดับโลกในกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง (250cc-750cc) และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทย ผ่านการเปิดตัวแคมเปญ ‘Royal Enfield Amazing Thailand Ride’ #TATxRoyalEnfield แคมเปญที่จะสร้างความสนุกและพาเหล่าผู้ขับขี่พบกับความตื่นเต้นและความสวยงามของประเทศ พร้อมยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับผู้ที่หลงใหลในการท่องเที่ยวและขับขี่มอเตอร์ไซค์ โดยนำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครผ่านเส้นทางที่สวยงามจากความหลากหลายของภูมิประเทศ และวัฒนธรรมประเพณีของไทยอย่างสุดประทับใจ

คุณ อนุจ ดัว หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ โรยัล เอ็นฟีลด์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้เริ่มต้นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นนี้ร่วมกับ ททท. แคมเปญนี้แสดงถึงการผสมผสานกันระหว่างการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมการขับขี่มอเตอร์ไซค์ ทำให้เปิดมุมมองการท่องเที่ยวแบบใหม่ๆ นักเดินทางจะได้ค้นพบความงามที่ซ่อนอยู่ในประเทศไทยและประสบการณ์ที่ได้รับจากผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น การท่องเที่ยวสถานที่ไอคอนิคด้วยรถมอเตอร์ไซค์จะทำให้ทั้งทริปเต็มไปด้วยความประทับใจและความทรงจำ เรามั่นใจว่าประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครนี้จะสร้างแรงบันดาลใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ขับขี่มากมายเข้าสู่โลกของ “pure motorcycling”

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ด้วยความร่วมมือกับ โรยัล เอ็นฟีลด์ ในครั้งนี้ตอกย้ำจุดยืนของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ สานต่อความสำเร็จของแคมเปญ Amazing Thailand: Your Stories Never End’ ของเรา กิจกรรมนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝน ซึ่งจะสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครผ่านเรื่องราวและมุมมองของผู้ขับขีที่หลากหลาย ความร่วมมือในครั้งนี้
ชูจุดแข็งร่วมกันของ ททท. และ โรยัล เอ็นฟีลด์ ในการสร้างการผจญภัยด้วยรถมอเตอร์ไซค์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่
ในทุกระดับ”

‘Royal Enfield Amazing Thailand Ride’ #TATxRoyalEnfield ประกอบด้วย ทริปการท่องเที่ยว ในระยะเวลา 5 วัน จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18-23 กรกฎาคม 2567 โดยต้อนรับผู้ขับขี่ในทุกระดับพร้อมนำเสนอประสบการณ์ด้านวัฒนธรรม เอร็ดอร่อยกับอาหารไทย และแหล่งท่องเที่ยวอันสวยงามของประเทศ โดยทริปนี้มีผู้ร่วมขับขี่ 12 คนจากทั่วเอเชีย ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ โดยเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม และเริ่มทริปอย่างเป็นทางการที่สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในเช้าวันที่ 19 กรกฎาคม โดยผู้ขับขี่ออกเดินทางสู่พัทยา และมุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรีที่ขึ้นชื่อเรื่องความงามด้านธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรม

การเดินทางของแคมเปญ ‘Royal Enfield Amazing Thailand Ride’ #TATxRoyalEnfield ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวในไทยอีกมายที่รอการมาเยือนของเหล่านักท่องเที่ยวและชาวนักบิดโรยัล เอ็นฟีลด์ โดยทริปหน้าจะมีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค มุ่งหน้าสู่ภาคเหนือเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศหน้าฝนเขียวชอุ่ม

แคมเปญ ‘Royal Enfield Amazing Thailand Ride’ #TATxRoyalEnfield เป็นมากกว่าการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว แต่เป็นการแสดงออกถึงจิตวิญญาณของการผจญภัย รถมอเตอร์ไซค์โรยัล เอ็นฟีลด์ มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานและมีความแข็งแกร่งระดับตำนาน จะนำผู้ขับขี่ออกสู่พื้นที่ความสวยงามอันหลากหลายของประเทศไทย ค้นพบกับสถานที่ชนิดที่ใครหลายคนยังไม่เคยรู้
มาก่อนและสร้างความทรงจำที่ไม่รู้ลืมแก่ผู้ร่วมทริปทุกคน

“ฮอนด้า” ผงาดคว้าชัย Suzuka 8 Hours 2024 ครองแฮตทริกวินเนอร์ (ปี 2022-2024)

 สร้างสถิติชนะ 30 ครั้ง เอ็นดูรานซ์ ที่ประเทศญี่ปุ่น

“ฮอนด้า” ตอกย้ำศักยภาพที่เหนือกว่าอย่างต่อเนื่อง คว้าชัยชนะด้วยสุดยอดสมรรถนะรถแข่ง Honda CBR1000RR-R FIREBLADE หมายเลข 30 สังกัดทีม HRC with Japan Post ที่มี 3 นักบิดอย่าง “ทาคูมิ ทาคาฮาชิ” “เทปเป้ กาโกเอะ” และ “โยฮัน ซาโก้” ลงแข่งขันในศึกสุดทรหด Suzuka 8 Hours รายการ FIM Endurance World Championship 2024 ปีที่ 45 สนามที่ 3 ซึ่งนับเป็นการชนะปีที่ 3 ติดต่อกัน (ปี 2022-2024) พร้อมครองแชมป์รายการถึง 30 ครั้ง ณ สนามซูซูกะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นเอกลักษณ์ โดยนักแข่งวิ่งจากอีกฝั่งของแทร็กเพื่อมาขึ้นรถและออกตัว “ทาคูมิ ทาคาฮาชิ” ลงสนามแข่งเป็นคนแรก รั้งอยู่ในกลุ่มนำได้ทันที โดยมีการเข้าพิทเปลี่ยนยาง เติมน้ำมันและเปลี่ยนตัวนักแข่ง ซึ่งทีมทำได้ไม่มีข้อผิดพลาด สามารถรักษาอันดับไว้อย่างแข็งแกร่ง ขึ้นมารักษาอันดับผู้นำได้ก่อนหมด 1 ชั่วโมง และบวกเวลาหนีจากคู่ต่อสู้ไปได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการขยับเวลาและตำแหน่งในช่วงที่ต้องเข้าพิท ก็สามารถทวงคืนอันดับที่ 1 ได้ทันที

การแข่งขันดำเนินมาถึงชั่วโมงสุดท้ายซึ่งเป็นช่วงค่ำที่ประเทศญี่ปุ่น Honda CBR1000RR-R FIREBLADE SP หมายเลข 30 สังกัดทีม HRC with Japan Post นำอยู่เป็นอันดับที่ 1 ซึ่งทีมได้ให้ “โยฮัน ซาโก้” เข้าพิทในช่วง 20 นาทีสุดท้ายและเป็น “ทาคูมิ ทาคาฮาชิ” ที่ออกไปทำหน้าที่เป็นคนสุดท้าย โดยการออกไปสู่สนามทำให้เวลาที่นำคู่แข่งอยู่ 50 วินาทีเกิดความท้าทายยิ่งขึ้น เมื่อทีมเข้ารับโทษจากการเข้าพิท และโดนปรับ 40 วินาที

จากความเหนือชั้นที่ทิ้งห่างคู่แข่งตลอดทั้งเกมทรหด 8 ชั่วโมง เมื่อการแข่งขันจบลง ลบเวลาที่ถูกปรับแล้ว “ฮอนด้า” ผงาดคว้าชัยชนะในการแข่งขันครั้งที่ 45 ศึก Suzuka 8 Hours 2024 โดยเป็นการชนะ 3 ฤดูกาลติดต่อกันตั้งแต่ปี 2022, 2023 และล่าสุดในปี 2024 ทำสถิติชนะในรายการนี้มากถึง 30 ครั้งจากทั้งหมดที่แข่งขันกัน 45 ครั้ง ทำรอบการแข่งขันไปถึง 220 รอบสนาม โดยเข้าพิทไปทั้งหมด 8 ครั้ง

ด้านยอดนักบิดไทย “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมป์เปี้ยน” ที่เป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขัน พร้อมทีมเมท โมฮัมหมัด ซัควาน ไซดี้ นักบิดมาเลเซีย และ แอนดี้ ฟาริด อิซดิฮาร์ นักบิดอินโดนีเซีย กับรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 88 สังกัดทีม Honda Asia-Dream Racing with Astemo ต้องออกจากการแข่งขันไปน่าเสียดายจากปัญหาด้านเทคนิค

แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

#RaceToTheChampion #HondaRacingThailand #HondaBigBike #CBR1000RRRFIREBLADESP #CBR1000RRR #ExcitesTheWorld #HRCwithJ

นับถอยหลังเปิดรับสมัคร! “บุรีรัมย์ มาราธอน”

เผยผลสำรวจความพึงพอใจ หัวใจสำคัญที่นักวิ่งยกให้งานนี้คือที่สุด

โค้งสุดท้ายก่อนเปิดรับสมัครนักวิ่ง “บุรีรัมย์ มาราธอน 2025” ฝ่ายจัดการแข่งขันเผยผลสำรวจความพึงพอใจของนักวิ่ง โดยผลโหวต “ทัพใหญ่กองเชียร์” ที่มีจำนวนมากกว่านักวิ่ง ได้คะแนนสูงสุด ด้วยเอกลักษณ์ไนท์ รัน ที่จัดเต็มแสงสีเสียงและดนตรี คึกคักตลอดเส้นทาง ได้รับการขนานนามว่า เทศกาลดนตรีที่มียาวที่สุด 42.195 กม. ถูกใจนักวิ่งสายแดนซ์ เปิดรับสมัคร 3-4 ส.ค.นี้ทั่วโลกผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจะจัดแถลงข่าวในวันที่ 27 ส.ค.อย่างสุดยิ่งใหญ่ เพื่อฉลองสู่ปีที่ 9

ความเคลื่อนไหวงานไนท์ รัน อันดับหนึ่งของไทย “บุรีรัมย์ มาราธอน2025 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” ภายใต้แนวคิด สวรรค์ของนักวิ่ง ที่จะจัดแข่งขันในวันที่ 25 มกราคม 2568 ออกสตาร์ทที่สนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และเข้าเส้นชัยที่สนามฟุตบอลช้าง อารีนา หนึ่งในงานวิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้รับการรับรองจากสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (World Athletics) มาตรฐาน Gold Label ระยะมาราธอนรายการแรกและรายการเดียวของประเทศไทย
นายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการแข่งขัน (Race Director) บุรีรัมย์ มาราธอน เปิดเผยว่า บุรีรัมย์ มาราธอน ปีที่ผ่านมา มีจำนวนนักวิ่ง 32,822 คน แบ่งเป็น ระยะมาราธอน (42.195 กม.) จำนวน 8,432 คน , ระยะฮาล์ฟ มาราธอน (21.1 กม.) จำนวน 11,945 คน, ระยะมินิ มาราธอน (10 กม.) จำนวน 9,156 คน และระยะฟัน รัน (4.554 กม.) จำนวน 3,289 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 59.05% , ผู้หญิง 40.95% โดยระยะ ฮาล์ฟ มาราธอน มีนักวิ่งมากที่สุดคิดเป็น 36% รองลงมาเป็นระยะมินิ มาราธอน 28%, ระยะมาราธอน 26% และฟันรัน 10% มีนักวิ่งระดับอีลีทของโลกลงแข่งขันมากถึง 45 คน เนื่องจากนักวิ่งที่มีจำนวนสูงถึง 32,822 คน ทำให้จำนวนอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรับผิดชอบในส่วนต่างๆมากถึง 6,877 คน จำนวนผู้ติดตามนักวิ่งและกองเชียร์ 64,578 คน
จากผลสำรวจความพึงพอใจของนักวิ่ง พบว่า อันดับ 1 ลงคะแนนให้ “ความประทับใจกองเชียร์ตลอดเส้นทางวิ่ง” มีคะแนนสูงสุด, รองลงมาเป็นเส้นทางวิ่งที่มีมาตรฐาน, ช่วงเวลาจัดงานมีความเหมาะสม, การปล่อยตัวนักวิ่งตรงเวลาไม่แออัด, จุดให้บริการน้ำดิ่มมีความเหมาะสมเพียงพอ, เจ้าหน้าที่ดูแลเส้นทาง ดูแลความปลอดภัยเป็นอย่างดี, Pacer Sweeper มีจำนวนเหมาะสม ดูแลนักวิ่งอย่างดี, จุดปฐมพยาบาลหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพียงพอและรวดเร็ว, อาหารของนักวิ่งอร่อยถูกปาก และมีความเหมาะสมเพียงพอ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเสียงสะท้อนจากนักวิ่งทั้งจุดเด่นจุดด้อยที่ทางฝ่ายจัดการแข่งขัน ไม่ละเลย มุ่งพัฒนาให้การแข่งขันบุรีรัมย์ มาราธอน พัฒนายิ่งขึ้นในทุกปี

“กองเชียร์ บุรีรัมย์มาราธอน ยกให้เป็นอันดับหนึ่งในใจของนักวิ่งทุกคน ด้วยการจัดเต็มแสงสีเสียงและดนตรี คึกคักตลอดเส้นทาง ทำให้ได้รับการขนานนามว่า เทศกาลดนตรีที่มียาวที่สุด 42.195 กม. ถูกใจนักวิ่งสายแดนซ์ มากที่สุด”

นอกเหนือจากการสำรวจความพึงพอใจตามมาตรฐานงานวิ่งแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด ก็คือ ภาพความประทับใจของการรอรับนักวิ่งคนสุดท้ายเข้าเส้นชัย ตลอด 8 ปี ของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานและผู้ริเริ่มจัดการการแข่งขันบุรีรัมย์ มาราธอน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจทุกรายละเอียดของฝ่ายจัดการแข่งขันที่ให้ความสำคัญต่อนักวิ่งทุกคน ชัยชนะไม่ใช่แค่ผู้ที่วิ่งเข้าเส้นชัยคนแรก แต่หมายถึงทุกคนที่ชนะใจ ร่างกายตัวเอง จนเข้าสู่เส้นชัยได้ในที่สุด

สำหรับราคาค่าสมัคร“บุรีรัมย์ มาราธอน 2025” สุดยอดไนท์ รัน อันดับหนึ่ง ฝีมือคนไทย ยังคงเท่าเดิมทั้ง 4 ระยะได้แก่ ระยะมาราธอน (42.195 กม.) 1,000 บาท, ระยะฮาล์ฟ มาราธอน (21.1 กม.) 800 บาท , ระยะมินิ มาราธอน (10 กม.) 600 บาท และระยะฟัน รัน (4.554 กม.) 500 บาท โดยผู้สมัครอายุ 60 ปีขึ้นไปจะลดราคา 50% และ 70 ปี ขึ้นไป ร่วมวิ่งฟรีเปิดรับสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ www.burirammarathon.com และ www.runningconnect.com โดยแบ่งเป็น นักวิ่งเก่า (ปี 2017-2024) สมัครวันที่ 3 สิงหาคม 2567 เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป และนักวิ่งทั่วไปสมัครวันที่ 4 สิงหาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป และจะมีการแถลงข่าวการจัดการแข่งขันในวันที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 13.00 น ที่สโมสรราชพฤกษ์คลับ ถนนวิภาวดี-รังสิต กรุงเทพ” เพื่อฉลองสู่ปีที่ 9 อย่างยิ่งใหญ่