เชลล์ ศักดิ์ชัย คว้าชัยดับเบิ้ลเรซศึก R3 bLU cRU คว้าตั๋วลุยศึก R3 bLU cRU World Cup ที่โปรตุเกส

ส่วนนักบิดมาเลย์เข้าเส้นคว้าที่ 2 สุดเดือดบนแทร็กช้าง

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดระเบิดศึกค้นหาดาวรุ่งประดับวงการมอเตอร์สปอร์ตจัดเกมการแข่งขันในรุ่น YAMAHA R3 bLU cRU Asia-Pacific Championship 2024 โดยมีนักแข่งจาก 9 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน ได้แก่ ดาวรุ่งไทย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จีน เวียดนาม และจากอินโดนีเซีย

เกมการแข่งขัน YAMAHA R3 bLU cRU Asia-Pacific Championship 2024 ดำเนินมาถึงสนามที่ 5 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศไทย โดยผลจากการควอลิฟาย “เชลล์” ศักดิ์ชัย คงดวงดี เด็กหนุ่มจากเมืองช้างหมายเลข 54  ยึดกริดสตาร์ตได้ในกริดที่ 1 ด้วยเวลา 1.59.308 นาที ส่วนในกริดที่ 2 ตกเป็นของ อาร์ตี้ ธนกฤต ประทุมทอง เด็กหนุ่มชาวกรุงเจ้าของหมายเลข 13 ตามมาด้วยวัยรุ่นนิวซีแลนด์ เดน ฟอร์ดิช หมายเลข 17

กับเกมการแข่งขัน 10 รอบสนามสุดเร้าใจของสนามช้างกับสภาพอากาศที่ดีของเช้าวันเสาร์ หลังสิ้นสัญญาณไฟดับลง 23 นักแข่งดาวรุ่งต่างกดคันเร่ง YAMAHA YZF-R3 แบบสุดใจเพื่อแย่งชิงตำแหน่งที่ดีที่สุดในการแข่งขัน โดย “เชลล์” ศักดิ์ชัย คงดวงดี #54 ยังคงยึดอันดับ 1 ได้อย่างเหนียวแน่น โดยมีการผลัดกันขึ้นนำอย่างสุดมันกับนักบิดไวลด์การ์ดจากมาเลเซีย โมฮัมหมัด แฟดฮิลล์  #33  และทัพ R3 ของ อาร์ตี้ ธนกฤต ประทุมทอง #13 และเดน ฟอร์ดิช #17 คอยกดดันอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกมดำเนินการแข่งขันถึงช่วงท้ายการแข่งขัน กลุ่มผู้นำยังคงขับเคี่ยวกันอย่างถึงพริกถึงขิง ถึงรอบที่ 5 นักบิดดาวรุ่งจากนิวซีแลนด์ เดน ฟอร์ดิช #17 พลาดท่าเสียหลักจนทำให้ต้องออกจากการแข่งขัน จนทำให้การขับเคี่ยวยิ่งเร้าใจมากขึ้นกว่าเดิม “เชลล์” ศักดิ์ชัย คงดวงดี #54 ยังคงโดนกดดันอย่างต่อเนื่องจากนักแข่งมาเลเซียที่คอยใช้จังหวะในการแย่งชิงอันดับที่ 1 จนเข้าสู่รอบการแข่งขันที่ 7 นักบิดไวลด์การ์ดจากมาเลเซียพลาดท่าล้มลงไปอีก 1 คน ทำให้ เชลล์ ศักดิ์ชัย คงดวงดี #54 สลัดความกดดัน และหนีกลุ่มตามจนสามารถผ่านธงตาหมากรุกได้เป็นคันแรก โดยทิ้งห่างอันดับที่ 2 โจนาธาน ริชาร์ต โจชัว #78 นักแข่งจากอินโดนีเซีย ที่กดคันเร่งเข้าเส้นชัยได้เป็นอันดับที่ 2 ส่วนอันดับที่ 3 ตกเป็นของไรอัน ลาร์คิน #68 จาก

เริ่มต้นเรซที่ 2 ด้วยความมัน หลังสิ้นสัญญาณไฟออกตัว เจ้าเชลล์ ศักดิ์ชัย คงดวงดี #54 ยังคงความได้เปรียนในการออกตัวจนสามารถคว้าโฮลช็อต และออกเป็นผู้นำได้อีกครั้ง ส่วนอีก 7 คันที่ตามมาต่างคงเฝ้าชิงตำแหน่งที่ 2 อย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นโจนาส ริชาร์ต โจชัว #78 นักบิดจากอินโดนีเซีย อาร์ตี้ ธนกฤต ประทุมทอง #13 ที่ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง เดน ฟอร์ดิช #17 นักบิดนิวซีแลนด์ และโมฮัมหมัด แฟดฮิลล์ #33 นักบิดไวลด์การ์ดฝีมือดีจากมาเลเซีย ที่เรซแรกพลาดท่าไม่จบการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย พร้อมกันนี้ยังมี คาเครุ โอกุนุกิ #31 จากญี่ปุ่นรวมถึงนักแข่งจากเวียดนามที่ยังคงแย่งชิงอันดับที่ 2 ในกลุ่มผู้นำอย่างดุเดือด

เกมการดวลคันเร่ง R3 ดวลเดือดครบ 10 รอบ เจ้าหอยเชลล์ ศักดิ์ชัย คงดวงดี #54 ใช้ชั้นเชิงที่เหนือชั้นบิดคันเร่ง YAMAHA R3 เข้าเส้นชัยผ่านธงตาหมากรุกได้อย่างเหนือชั้นทิ้งห่างอันดับ 2 ไปด้วย เวลาถึง 4 วินาที ส่วนอันดับที่ 2 ตกเป็นของนักแข่งไวลด์การ์ด จากมาเลเซีย โมฮัมหมัด แฟดฮิลล์ #33 อันดับที่ 3 ตกเป็นของ ไรอัน ลาร์กิ้น #68 จากออสเตรเลีย

สำหรับการลุ้นแชมป์การแข่งขัน YAMAHA R3 bLU cRU Asia-Pacific Championship 2024 จะมีศึกตัดสินระหว่าง คาเครุ โอกุนุกิ #31 จากประเทศญี่ปุ่นที่เป็นผู้นำคะแนนรวมอยู่ที่ 131 คะแนน อันดับที่ 2 เป็นของไรอัน ลาร์กิ้น #68 จากออสเตรเลีย มีคะแนนสะสมอยู่ที่ 115.5 คะแนน และ อันดับที่ 3 เป็นของนักแข่งดาวรุ่งไทย หอยเชลล์ ศักดิ์ชัย คงดวงดี #54 มีคะแนนสะสมอยู่ที่ 113 คะแนน โดยมีคิวแข่งตัดสินแชมป์ดาวรุ่งกันที่ สนาม The Bend Motorsport Park ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2567

“ทิม ไกเซอร์” บิด Honda CRF450R เก็บโพเดียมโค้งสุดท้าย ตุรกี

ทิม ไกเซอร์” ปักหลักผู้นำคะแนนสะสม MXGP 2024

“ทิม ไกเซอร์” หมายเลข 243 ยอดนักบิดจาก Team HRC พายอดรถแข่ง Honda CRF450R ทำผลงานรักษาความได้เปรียบเอาไว้อย่างต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้ายของศึก MXGP 2024 คว้าโพเดียมในโปรแกรมการแข่งขันสนามที่ 18 รั้งอันดับที่ 1 ของตารางแชมเปี้ยนชิพอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ทีมเมท “รูเบน เฟอร์นานเดซ” หมายเลข 70 คัมแบ็คจากอาการบาดเจ็บ ในรายการ MXGP of Turkiye ที่ อาฟยอนคาราฮิซาร์ ประเทศตุรกี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เรซที่ 1 เป็นงานสุดท้าทายของ “ทิม ไกเซอร์” ดาวบิดสโลวเนียจากทีมฮอนด้า แม้ว่าจะเริ่มต้นได้ดีในการแข่งขัน แต่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น กับสนามที่แคบยากต่อการแซงผ่านคู่แข่งแต่ “ทิม ไกเซอร์” ก็สามารถยกระดับขึ้นมาได้ในอันดับที่ 4 ขณะที่ “รูเบน เฟอร์นานเดซ” ตามมาเป็นอันดับที่ 9

เรซที่ 2 “ทิม ไกเซอร์” พยายามที่จะทำผลงานทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุในเรซแรก โดยเริ่มต้นการแข่งขันและต่อสู้ได้อย่างแข็งแกร่ง ขึ้นมาคว้าโพเดียมอันดับที่ 2 ได้สำเร็จ ขณะที่ “รูเบน เฟอร์นานเดซ” เข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับ 12 จบการแข่งขันสนามนี้ “ทิม ไกเซอร์” ยังปักหลักในอันดับที่ 1 ของตารางคะแนนสะสม มีคะแนนอยู่ 910 แต้ม ขณะที่ “รูเบน เฟอร์นานเดซ” ที่คัมแบ็คกลับมาช่วงปลายฤดูกาลมี 46 คะแนน รั้งอยู่ในอันดับ 27 ของตารางแชมเปี้ยนชิพ

ทั้งนี้ โปรแกรมการแข่งขันศึก MXGP 2024 สนามที่ 19 จะไปแข่งขันกันที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ในรายการ MXGP of China ระหว่างวันที่ 15-16 กันยายน นี้

#ThaiHonda #MotorSport #MXGP #HRC #Honda #HondaMotorcycle #CRF450R #HondaCRF

ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ รถครอบครัวระดับพรีเมียม

 สีใหม่ สไตล์โมเดิร์น ประหยัดน้ำมัน รับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง!!!

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด รุกตลาดรถครอบครัว พร้อมส่ง “ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่!” ออกสตาร์ทด้วยความมั่นใจ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายด้วยใจเต็มร้อย แค่เริ่มต้น โอกาสชนะก็เพิ่มขึ้น กล้าที่จะไป กล้าที่จะเป็น #กล้าที่จะฟินน์ โดยมาพร้อมกับสีใหม่! โดดเด่น พรีเมียม สวยล้ำสไตล์โมเดิร์นไม่เหมือนใคร เครื่องยนต์แรง ทนทาน ขับขี่ง่าย ไม่จุกจิก ประหยัดน้ำมัน พร้อมฟีเจอร์เพิ่มความสะดวกสบาย และคุ้มค่าด้วยการรับประกันมากถึง 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง…ตอกย้ำความเป็น 1 ของรถจักรยานยนต์ครอบครัวยุคใหม่ระดับพรีเมียม

สำหรับ ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ ยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 114 ซีซี หัวฉีดอัจฉริยะ แรงดี ทนทาน…ฟินน์จัด ประหยัดจริง ไม่จุกจิก และมีสมองกลอัจฉริยะ ECU ควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันทำให้ประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ โดดเด่นทันสมัยด้วย ชุดไฟหน้าสุดโมเดิร์น สว่างชัด ดีไซน์โฉบเฉี่ยวกลมกลืนกับแฟริ่ง ไฟท้ายสวยหรูสะดุดตา ดีไซน์เข้ากับบอดี้ช่วงท้าย สว่างชัดเจนทั้งกลางวัน และกลางคืน พร้อมหน้าจอเรือนไมล์แสดงผลชัดเจน สบายตา สีสันกราฟิคทันสมัย ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน

ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ มีฟีเจอร์เพิ่มความสะดวกสบายครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ช่องใส่ของด้านหน้าอเนกประสงค์ สะดวกสบายในการใช้งาน หยิบง่าย ใส่คล่อง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน พร้อมที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ขนาด 9.7 ลิตร เก็บหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบได้ และกุญแจแบบ multi-function ควบคุมการใช้งานในจุดเดียว จะล็อกคอรถ เปิดสวิตซ์ หรือเปิดเบาะ ก็สะดวกสบาย

ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ เพิ่มความมั่นใจ และปลอดภัยด้วย ระบบเบรก UNIFIED BRAKE SYSTEM (UBS) เมื่อใช้งานเบรกเท้า กลไกจะกระจายแรงเบรกไปทั้งล้อหน้า และล้อหลัง ช่วยให้การหยุดรถมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น *เฉพาะรุ่น UBS

ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานด้วยกัน 4 รุ่น หลากสีสันคือรุ่น UBS สีเขียว, สีเทา และ สีดำ ราคาแนะนำเริ่มต้น 48,700 บาท รุ่นล้อแม็ก/สตาร์ทมือ สีน้ำเงิน, สีเขียว, สีฟ้า ราคาแนะนำเริ่มต้น 46,900 บาท รุ่นล้อซี่ลวด/สตาร์ทมือ สีดำ และ สีแดง ราคาแนะนำเริ่มต้น 44,900 บาท และรุ่นล้อซี่ลวด/สตาร์ทมือ ดรัมเบรก สีดำ ราคาแนะนำเริ่มต้น 41,200 บาท


โดยสามารถสัมผัสกับ ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ พิเศษ สำหรับลูกค้ายามาฮ่าดาวน์โหลด Yamaha Smart Reward แอปพลิเคชันสุดล้ำสำหรับชาวยามาฮ่า ที่ทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รับฟรีทันที 5,000 คะแนน สามารถดาวน์โหลดและล็อกอินได้แล้ววันนี้ บน iOS และ Android สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 ติดตามข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่

Website: www.yamaha-motor.co.th
Facebook: Yamaha Society Thailand
Instagram: @Yamaha Society Thailand
YouTube: Yamaha Society Thailand

โรยัล เอ็นฟีลด์เปิดตัวราคา Himalayan รุ่นใหม่ล่าสุดในประเทศไทย

Himalayan รุ่นใหม่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนของโรยัล เอ็นฟีลด์ ที่ทันสมัย น้ำหนักเบาที่สุด

โรยัล เอ็นฟีลด์ ผู้นำระดับโลกในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง (250cc – 750cc) ประกาศราคารถมอเตอร์ไซค์ที่ตอบโจทย์นักผจญภัยอย่าง Himalayan รุ่นใหม่ล่าสุดในประเทศไทย ซึ่งจะวางจำหน่ายในโชว์รูมทั่วประเทศ

Himalayan รุ่นใหม่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนของโรยัล เอ็นฟีลด์ ที่ทันสมัย น้ำหนักเบาที่สุด และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุด ด้วยเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ Sherpa 450 ที่จะเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ผจญภัยให้ดียิ่งขึ้น โดยถูกออกแบบมาอย่างดีจนได้รับการเลือกใช้จากนักสำรวจนับพันคนทั่วโลกในการผจญภัยทั่วทุกภูมิภาคเพื่อสัมผัสความน่าตื่นเต้นและการขับขี่ทัวร์ริ่งอย่างแท้จริง ซึ่ง  Himalayan รุ่นใหม่นี้จะยกระดับประสบการณ์เหล่านี้ให้เหล่าผู้ขับขี่ขึ้นอีกหลายระดับ

คุณอนุจ ดัว หัวหน้าฝ่ายธุรกิจภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “รถมอเตอร์ไซค์ โรยัล เอ็นฟีลด์ มีความดึงดูดใจในระดับสากล เราไม่ได้เพียงแค่มอบประสบการณ์ pure motorcycling เท่านั้น แต่ยังมอบความสุขและความตื่นเต้นในการขับขี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ พร้อมทั้งความหลากหลาย ความสะดวกสบาย และการใช้งานสุดง่ายดาย เรามั่นใจว่ารถจักรยานยนต์ของเราจะเป็นสิ่งที่นักขี่มอเตอร์ไซค์ต้องการ และ Himalayan คือความสมบูรณ์แบบในการเติมเต็มความฝันของผู้ขับขี่ เพราะมันถูกสร้างขึ้นเพื่อลุยในทุกสภาพภูมิประเทศและทุกสภาพอากาศ เราออกแบบรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ให้เป็นที่สุดสำหรับการผจญภัย เป็น ‘รถมอเตอร์ไซค์หนึ่งเดียว’ ที่คุณต้องการในทุกการขับขี่ เพราะถ้ามันสามารถลุยเทือกเขาหิมาลัยได้ มันก็สามารถลุยทุกสิ่งในโลกนี้ได้ รถจักรยานยนต์รุ่นนี้จะดึงดูดนักขับขี่ที่ชื่นชอบการผจญภัยและความหลากหลายที่มากขึ้นในประเทศไทย ผู้ขับขี่ในไทยได้ตอบรับเป็นอย่างดีและทำให้โรยัล เอ็นฟีลด์กลายเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในประเทศไทย เรามั่นใจว่านักขี่ในประเทศไทยจะตื่นเต้นที่จะได้ครอบครองรถมอเตอร์ไซค์ที่สวยงามคันนี้อย่างแน่นอน”

Himalayan รุ่นใหม่นี้ มีกำลังและแรงบิดมากขึ้น คงเอกลักษณ์ของ โรยัล เอ็นฟีลด์ ด้วยกำลังสูงสุด 40.02PS ที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิ สูงสุด 40Nm ที่ 5,500 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ Sherpa ขนาด 452 ซีซี ใหม่สร้างแรงบิดได้ถึง 90% ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ 3,000 รอบ/นาทีขึ้นไป ไม่ต้องลากรอบสูงเพื่อเพิ่มกำลัง

สำหรับตัวรถใหม่นี้ มีระยะห่างจากพื้นและช่วงล่างที่ยาวขึ้น ทำให้คุณสามารถขับขี่ในภูมิประเทศที่ท้าทายยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่าตัวถังจะติดพื้น ด้วยโครงสร้างใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้น ทำให้การเลี้ยวและเข้าโค้งที่เสถียร โครงสร้างรวมถึงโช้คหัวกลับ Showa แบบตลับที่ออกแบบมาเพื่อทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายตั้งแต่ถนนเรียบไปจนถึงทางลำธารหิน ประกอบกับช่วงล่างที่มีคุณภาพยังช่วยให้ผู้ขี่ไม่ต้องเหนื่อยล้ากับการขับขี่ พร้อมลุยในทุกเส้นทางในส่วนของการรองรับแรงกระแทก Himalayan ยังคงใช้ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว และล้อหลังขนาด 17 นิ้ว พร้อมขอบล้ออลูมิเนียมที่พัฒนาขึ้นใหม่และยางหลังขนาดกว้าง 140/80 เพื่อการยึดเกาะที่เหนือกว่า การควบคุมที่มั่นใจ และความเสถียรในการขับขี่ทั้งออฟโร้ดและออนโร้ด

การปรับปรุงหลักสรีรศาสตร์ของตัวรถตอบสนองต่อสรีระของผู้ขับขี่ที่เพิ่มความมั่นใจในทุกท่วงท่าการขับขี่ ส่วนหลังของถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 17 ลิตรได้ถูกทำให้บางลงเพื่อความสบายของการวางเข่าเมื่อขับขี่ เบาะนั่งผู้ขี่และผู้โดยสารที่แยกกันช่วยให้สามารถปรับเบาะนั่งผู้ขี่ได้สูงขึ้น 20 มม. นอกจากนี้ยังมีเบาะนั่งแบบเตี้ยเป็นตัวเลือก  เบาะคนขี่สามารถปรับได้หลายระดับ ตั้งแต่ 805 มม. ไปจนถึง 845 มม. ซึ่งเมื่อรวมกับโครงสร้างและถังน้ำมันที่แคบและเพรียวลง  ทำให้การขับขี่ และการเข้าโค้งกระชับมากยิ่งขึ้น เบาะนั่งทั้งผู้ขี่และผู้โดยสารรวมถึงตำแหน่งการนั่งได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความสบายสำหรับการขี่ในเส้นทางระยะยาวในทุกสภาพการขับขี่

“มอบทุกสิ่งที่คุณต้องการ และตัดทุกส่วนเกินที่กวนใจ”ด้วยเทคโนโลยีที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ TripperDash ใหม่ ระบบนำทางเต็มรูปแบบครั้งแรกของโลก ข้อมูลจากระบบ Google Maps พร้อมเสียงนำทางกว่า 130 ภาษา ตัวควบคุมแบบจอยสติ๊กที่แฮนด์ด้านซ้ายช่วยให้คุณควบคุมหน้าจอรวม เพลง สายเรียกเข้า และข้อความที่เชื่อมต่อกับมือถือ และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเทคโนโลยี ride-by-wire คันเร่งแบบไฟฟ้า พร้อม 3 โหมดการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น Performance หรือ Eco ระบบ ABS หลังสามารถปิดการใช้งานได้เพื่อประสบการณ์การขับขี่ออฟโร้ดที่น่าตื่นเต้นมากขึ้น

โรยัล เอ็นฟีลด์มีอุปกรณ์แต่งรถสำหรับ Himalayan ที่ต้องตาต้องใจหลากหลายรายการให้เลือก ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และการเดินทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสัมภาระอลูมิเนียม Box Aluminum Luggage หน้าจอยกสูง ที่นั่ง Adventure Seat และไฟตัดหมอก LED อุปกรณ์เสริมสไตล์แรลลี่ เสริมสมรรถนะการขับขี่ออฟโร้ดให้กับ All New Himalayan เมื่อใช้บังโคลนหลังแรลลี่คู่กับที่นั่งแรลลี่ที่บางลงเพื่อลุคที่ดุดันมากขึ้น ทั้งยังรองรับกระเป๋า Rackless Soft Bags และกระเป๋า Tail Pack ในขณะที่การ์ดเบรกมือ การ์ดคลัตช์ การ์ดอ่าง และการ์ดไฟหน้าที่ให้การปกป้องขั้นสูงสุดในทุกภูมิประเทศ

โรยัล เอ็นฟีลด์ Himalayan จะมีให้เลือก 3 เฉดสี ได้แก่ Kaza Brown, Slate Himalayan Salt, และ Hanle Black โดยรุ่น Base มีราคาอยู่ที่ 219,000 บาท รุ่น Pass มีราคาอยู่ที่ 222,000 บาท รุ่น Hanley Black มีราคาอยู่ที่ 226,000 บาท

โรยัล เอ็นฟีลด์ Himalayan มาพร้อมกับการรับประกัน 3 ปี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 3 ปี และบริการบำรุงรักษาฟรี 3 ครั้ง**

มาร์เกซสร้างปาฏิหาริย์ ที่อิตาลี!

บันยาญาตามติด มาร์ตินพลาดท่าเสียแต้ม

ศึกโมโตจีพี รายการ ซานมาริโน กรังด์ปรีซ์ ที่สนามมิซาโน ประเทศอิตาลี จบลงอย่างระทึกเมื่อ มาร์ค มาร์เกซ นักบิดสเปนจาก ทีมเกรซินี เรซซิ่ง โชว์ฟอร์มสุดยอดคว้าชัยชนะสองสนามติดต่อกัน ทิ้งห่างอันดับสองอย่าง ฟรานเชสโก บันยาญา เจ้าถิ่นชาวอิตาลีไปกว่า 3 วินาที

การแข่งขันครั้งนี้เต็มไปด้วยความดราม่าตั้งแต่ก่อนปล่อยตัว เมื่อสภาพอากาศแปรปรวน มีทั้งแดดและฝน ทำให้นักแข่งต้องปรับกลยุทธ์กันวุ่นวาย บรรยากาศการแข่งขันเร้าใจตั้งแต่โค้งแรกยันโค้งสุดท้าย

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ ฆอร์เก้ มาร์ติน ผู้นำคะแนนสะสม ตัดสินใจผิดพลาดในการเปลี่ยนยางเมื่อฝนตก ทำให้ต้องเข้าพิทถึงสองครั้ง จบการแข่งขันในอันดับที่ 15 ได้แค่ 1 คะแนน ส่งผลให้คะแนนนำในตารางลดเหลือแค่ 7 คะแนนเท่านั้น

ขณะที่ มาร์เกซ แสดงให้เห็นถึงความเป็นยอดนักบิด ด้วยการไต่อันดับจากตำแหน่งสตาร์ทที่ 9 ขึ้นมาเป็นผู้นำ และรักษาตำแหน่งจนจบการแข่งขัน ทำเวลาต่อรอบที่เร็วที่สุดอย่างต่อเนื่อง

บันยาญา แม้จะไม่สามารถต้านทานความเร็วของมาร์เกซได้ แต่ก็ทำผลงานได้ดีด้วยการจบอันดับ 2 เก็บ 20 คะแนนสำคัญ ตามด้วยเพื่อนร่วมทีม บาสเตียนินี ที่สร้างความสุขให้แฟนๆ เจ้าถิ่นด้วยการคว้าอันดับ 3

นอกจากนี้ยังมีการต่อสู้แบบคู่คี่ระหว่างนักบิดดาวรุ่งอย่าง มาร์โก เบซเซ็คคี่ กับ แจ็ค มิลเลอร์ ที่สร้างความตื่นเต้นให้แฟนๆ ชาวอิตาลี โดยเบซเซ็คคี่สามารถไล่ขึ้นมาจบอันดับ 5 ได้อย่างน่าทึ่ง

ส่วนนักบิดชื่อดังอย่าง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ ก็ทำผลงานได้น่าประทับใจ โดยสตาร์ทจากอันดับ 10 แต่สามารถจบการแข่งขันในอันดับ 7

แฟนๆ โมโตจีพีทั่วโลกต่างรอคอยที่จะได้เห็นการดวลความเร็วครั้งต่อไป ระหว่างมาร์เกซที่กำลังฟอร์มร้อนแรง กับบันยาญาและมาร์ตินที่กำลังไล่ล่าตำแหน่งแชมป์โลก ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะในสนามต่อไป? โปรดติดตาม

Cr: MotoGP™ | News

“ไทยยามาฮ่า” งัดกลยุทธ์พลิกคว้าแต้ม เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต สนาม 8

“ตี” อนุภาพ ซามูล ไล่แซงสุดมันคว้าแต้มในศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต

“ตี” อนุภาพ ซามูล ยอดนักบิดไทยและ อัลบาโร ดิอาซ ทีมเมทชาวสแปนิช พลิกสถานการณ์ไล่แซงสุดมันคว้าแต้มในศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 8 ในสังเวียนสุดหิน “เซอร์กิต แม็กนีย์ คูร์ส” ที่ประเทศฝรั่งเศส หลังทีมไทยวางกลยุทธ์ใช้ยางอย่างยอดเยี่ยม เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ 2024 สนาม 8 ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศทั้ง 2 เรซ ในวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากในวันเสาร์มีฝนตกลงมาอย่างหนัก จึงต้องเลื่อนเรซแรกมาดวลในช่วงเช้าของวันเดียวกัน

ในเรซแรก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ได้ตัดสินใจวาง “แท็กติก” การใช้ยาง และเปลี่ยนแผนก่อนจะเริ่มต้นเรซภายใต้สภาพแทร็กชื้น ส่งผลให้ทั้ง ดิอาซ และ “ตี” อนุภาพ ต้องถอยไปออกตัวจากท้ายแถว

และจากกลยุทธ์ดังกล่าวซึ่งได้ผลอย่างมาก ส่งผลให้ “ตี” อนุภาพ เริ่มเกมอย่างดุดันไล่แซงคู่แข่งขึ้นไปสูงสุดถึงอันดับ 11 ก่อนจะบิดเข้าป้ายในอันดับ 14 เก็บแต้มมาครองได้สำเร็จ ส่วน ดิอาซ เข้าป้ายในอันดับ 13 ช่วยกันคว้าแต้มให้ทีมได้ทั้งคู่ ส่วนผลการแข่งขันเรซที่ 2 ปรากฏว่า “ตี” อนุภาพ ออกตัวจากกริดที่ 28 ไล่แซงคู่แข่งอย่างสุดมันบิดเข้าป้ายในอันดับ 19 ขณะที่ ดิอาซ คว้าอันดับ 22

ภายหลังผ่านการแข่งขัน 8 สนามของฤดูกาล 2024 “ตี” อนุภาพ รั้งอันดับ 22 ของโลก มีทั้งสิ้น 12 คะแนน ขณะที่ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม รั้งอันดับ 18 ของโลกบนตารางคะแนนสะสมประเภททีม เก็บไปแล้วทั้งสิ้น 15 คะแนน

ทั้งนี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม มีคิวดวลความเร็วสนามถัดไประหว่างวันที่ 20-22 กันยายนนี้ ที่ เครโมน่า เซอร์กิต สังเวียนใหม่ถอดด้ามในประเทศอิตาลี และมีโปรแกรมต่อเนื่องใน มอเตอร์แลนด์ อารากอน ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 27-29 กันยายนนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงที่สำคัญอย่างมากของฤดูกาล

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaThailandRacingTeam
#RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #No1RacingTeam
#YamahaSocietyThailand #YamahaRidersclubThailand
#RaceMachine #WorldSBK2024
#WSSP600 #YamahaR6 #AS51 #KK39
#YamahaThailandRacingOfficial

𝗣𝗹𝗮𝗻-𝗕 𝗠𝗲𝗱𝗶𝗮 𝗕𝗥𝗜𝗖 𝗦𝘂𝗽𝗲𝗿𝗯𝗶𝗸𝗲 2024 ปิดฉากสุดมันส์

“แสตมป์-อภิวัฒน์” ฟอร์มโหดเบิ้ลชัยส่งท้ายฤดูกาล

สุดยอดการแข่งขันซูเปอร์ไบค์เบอร์หนึ่งของไทย “แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024” รูดม่านปิดฉากเรียบร้อบแล้ว หลังดวลเรซสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2567 โดย “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ อดีตนักบิดเวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส เหมาชัย 2 เรซส่งท้ายปี ขณะ “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ผงาดคว้าแชมป์ประจำปีในรุ่นใหญ่ เฉือนคู่แข่งเพียง 1 แต้ม หลังผ่านฤดูกาลสุดเข้มข้นที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนามสุดท้าย ดวลความเร็วเรซสุดท้าย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน เพื่อชิงแชมป์ประจำปีทุกรุ่นของฤดูกาลนี้

ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การลุ้นแชมป์ประจำปีในรุ่นใหญ่อย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ซึ่งเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จ่าฝูงจาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม และ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ อดีตนักบิดเวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ที่เพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บ โดยทำให้เขาพลาดการเก็บคะแนนในสนาม 3

เกมเรซนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของ “แสตมป์” อภิวัฒน์ ที่ออกนำจากตำแหน่งโพลและบิดเข้าป้ายเป็นคันแรกแบบม้วนเดียวจบ ด้วยเวลา 19 นาที 31.410 วินาที ตามด้วย “ซีเค” ชัยวิชิต นิสกุล จาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ ตามหลัง 3.198 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ “บอล” จักรกฤษณ์ ตามหลัง 8.092 วินาที แต่ก็เพียงพอให้เขาผงาดคว้าแชมป์ประจำปีไปครองอย่างยิ่งใหญ่ โดยมี 101 คะแนน เฉือนรองแชมป์อย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ เพียง 1 แต้มเท่านั้น ด้าน “เบนซ์ เรซซิ่ง” อริย์ธัชวรโรจน์เจริญเดช นักบิดชื่อดังเข้าป้ายในอันดับ 3 ของคลาส เอสบี2 คว้ารองแชมป์ประจำปีไปครอง

ผลการแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี ปรากฏว่านักบิดจอมเก๋าอย่าง ออ ปิตะบุตร จาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ พลิกขึ้นมาคว้าชัยชนะด้วยเวลา 20 นาที 5.615 วินาที ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง นทีธาร ทองโคตร จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส อันดับ 2 ถึง 6.827 วินาที ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ ตะวัน ตั้งจิตเจริญกุล จาก ทีเค ฮอนด้า อิเดมิตสึ ศรีนคร ไออาร์ซี ดีไอดี อัลไพน์สตาร์ส ดิเรก ทีม ตามหลังถึง 31.652 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้ตกเป็นของ นทีธาร ที่กวาดไปทั้งสิ้น 108 คะแนน จากการคว้าชัยมากถึง 3 ครั้งจาก 5 เรซ

ส่วนผลการแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ที่ออกสตาร์ตจากโพลนำม้วนจบด้วยเวลา 20 นาที 21.825 วินาที ตามด้วยอันดับ 2 และ 3 อย่าง โกยุ นาคากาวะ นักบิดญี่ปุ่น และ วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน คู่หูจาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลังผู้ชนะคนละ 4.786 วินาที และ 5.077 วินาที โดยแชมป์ประจำปีตกเป็นของ ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์สจากผลงานร้อนแรงตลอดทั้งฤดูกาล กวาดไปทั้งสิ้น 125 คะแนน

ขณะที่ผลการแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี “ฟอง” คณาทัต ใจมั่น จาก ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม เจ้าของโพลขับเคี่ยวกันอย่างหนักกับ เติ้ล” พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง ดีกรีนักบิดระดับเอเชียจาก สปีด800 ยัวซ่า ปอ เรซซิ่ง เชียงใหม่ ต้องมาตัดสินกันถึงโค้งสุดท้าย โดยเป็น คณาทัต ที่คว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 12 นาที 35.502 วินาที เฉือน พีระพงษ์ อันดับ 2 เพียง 0.125 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลังผู้ชนะเพียง 1.012 วินาที โดยแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้ัตกเป็นของ คณาทัต ที่ขึ้นโพเดียมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ และคว้าชัยชนะไปมากถึง 3 เรซ มี 115 คะแนน

ปิดท้ายด้วยรุ่นจูเนียร์อย่าง สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี ตำแหน่งหัวแถวเป็นการไบ่บดกันอย่างสุดมันส์ของ 3 นักบิดอย่าง หวง เห่า นักบิดไทยเปจาก วาโวลีน เอสเอ็มเอส เรซซิ่ง ทีม, ธีรไนย ทับทิม จาก ยามาฮ่า สมาร์ตสปอร์ต ไออาร์ซี ดีไอดี และ ภูริทัต จันจาด จาก เคแอล เพาเวอร์การ์ด ไทยแลนด์ วีอาร์ แร็ป เรซซิ่ง ทีม ทั้ง 3 คันต้องมาลุ้นกันถึงโค้งสุดท้าย และเป็น หวง เห่า ที่ชิงจังหวะยอดเยี่ยมคว้าชัยชนะไปครองด้วยเวลา 13 นาที 8.395 วินาที เฉือนอันดับ 2 และ 3 อย่าง ธีรไนย และ ภูริทัต เพียง 0.011 วินาที และ 0.137 วินาทีตามลำดับ โดยแชมป์ประจำปีในคลาสจูเนียร์เป็นของ ภูริทัต จันจาด จาก เคแอล เพาเวอร์การ์ด ไทยแลนด์ วีอาร์ แร็ป เรซซิ่ง ทีม เก็บไปทั้งสิ้น 95 คะแนน ส่วนในรุ่นสปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี แชมป์ประจำปีเป็นของสุทธิพจน์ พัชรีธร เก็บไปทั้งสิ้น 72 คะแนน

 

ทั้งนี้ ศึก “แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024” ยืนยันเดินหน้ายกระดับการแข่งขันในฤดูกาลหน้า โดยมีเป้าหมายในการเป็นรายการสองล้อเบอร์หนึ่งของเอเชีย และเป็นเวทีปั้นนักบิดไทยสู้การแข่งขันระดับสากลในอนาคต

“ก้อง-สมเกียรติ” พลิกสถานการณ์ ไล่แซงคว้าท็อป 14 เก็บแต้ม โมโตทู มิซาโน

สมเกียรติ จันทรา พารถแข่งหมายเลข 35 ไล่แซงจากกริดที่ 22

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” บิดไล่แซงจากกริดที่ 22 พารถแข่งหมายเลข 35  จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย คว้าท็อป 14 ในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 สนาม 13 ซาน มาริโน กรังด์ปรีซ์ ด้วยเวลา 35 นาที 47.526 วินาที เซฟแต้มสำคัญได้สำเร็จ รั้งอันดับ 11 บนตารางคะแนนชิงแชมป์โลก มีทั้งสิ้น 76 คะแนน หลังผ่านสนามสุดหินที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเชลลี ประเทศอิตาลี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ขณะที่ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งชาวไทยเจ้าของหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย พยายามอย่างหนักในการแข่งขัน โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ออกตัวจากกริดที่ 26 บิดเข้าป้ายในอันดับ 21 ด้วยเวลารวม 34 นาที 40.914 วินาที

ทั้งนี้ สองนักบิดไทย “ก้อง-สมเกียรติ” และ “ก๊องส์-ธัชกร” มีคิวดวลความเร็วในศึก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ สนามถัดไประหว่างวันที่ 20-22 กันยายนนี้ ที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเชลลี ประเทศอิตาลี เช่นเคย โดยจะใช้ชื่อรายการว่า เอมิเลีย-โรมันญ่า กรังด์ปรีซ์

แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ส่งกำลังใจเชียร์ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี แบบเต็มฤดูกาล พร้อมติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวนักบิดฮอนด้าทุกคน ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : Race to The Dream

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #SanMarinoGP

“กวาร์ตาราโร” ทะยานคว้าท็อป 9 “สปรินต์เรซ” มิซาโน

มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เดินหน้ายกระดับรถแข่ง M1

“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เดินหน้ายกระดับรถแข่ง M1 ทะยานคว้าอันดับ 9 “สปรินต์เรซ” ในศึก โมโตจีพี 2024 สนาม 13 ซาน มาริโน กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเซลลี ประเทศอิตาลี

การแข่งขันรอบ “สปรินต์เรซ” ของ โมโตจีพี สนาม 13 มีขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา โดย กวาร์ตาราโร เจ้าของรถแข่งหมายเลข 20 จาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ได้ออกตัวจากกริดที่ 10 หลังมีการปรับเปลี่ยนเซ็ตติ้งหลายอย่าง ส่วนทีมเมทชาวสแปนิชอย่าง อเล็กซ์ รินส์ หมายเลข 42 เริ่มเกมจากกริดที่ 20

เกมเรซนี้ดวลทั้งสิ้น 13 รอบสนาม โดย กวาร์ตาราโร เริ่มเกมได้ดีเกาะกลุ่มอย่างได้อย่างเหนียวแน่น ก่อนบิดคว้าอันดับ 9 ด้วยเวลา 20 นาที 7.517 วินาที ตามหลังผู้ชนะเพียง 11.015 วินาที ส่วน รินส์ เค้นไม่ขึ้น บิดเข้าป้ายในอันดับ 19 ตามหลัง 24.873 วินาที

กวาร์ตาราโร กล่าวว่า “วันนี้ผมควอลิฟายมาในอันดับ 10 พูดตามตรงผมเค้นหนักมากและไม่ทำข้อผิดพลาด ผมรู้สึกว่าเราทำสุดความสามารถแล้ว สำหรับสถานการณ์ของเราในตอนนี้ และเวลาต่อรอบก็ดีมากๆ ตลอดการแข่งขันรอบ สปรินต์ เราไม่มีแทรคชั่นที่ล้อหลัง นั่นทำให้ผมมีอาการสไลด์บ่อย ผมต้องขี่ด้วยการใช้ล้อหน้าเป็นส่วนมาก โชคร้ายที่มันไม่ใช่สไตล์ของผม”

ทั้งนี้ 2 นักบิด มอนสเตอร์ ยามาฮ่า จะดวลความเร็วรอบ “เมนเรซ” ของศึก ซาน มาริโน กรังด์ปรีซ์ ในวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายนนี้ 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง SPOTV

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaMotoGP24
#YamahaFactoryRacingTeam #MonsterEnergyYamahaMotoGPteam
#FQ20 #AR42

𝗣𝗹𝗮𝗻-𝗕 𝗠𝗲𝗱𝗶𝗮 𝗕𝗥𝗜𝗖 𝗦𝘂𝗽𝗲𝗿𝗯𝗶𝗸𝗲 ประเดิมเดือด!

 “แสตมป์-อภิวัฒน์” คัมแบ็กคว้าโพลรุ่นใหญ่ ลุ้นชิงดำ “บอล-จักรกฤษณ์” สุดสัปดาห์นี้

“แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ยอดนักบิดไทยดีกรีระดับโลกจาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส คัมแบ็กคว้าโพลในศึก แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนามสุดท้าย เหนือ “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จ่าฝูงจาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ขณะการลุ้นแชมป์ประจำปีสุดเดือด ตัดสิน 2 เรซสุดท้าย ในสุดสัปดาห์นี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนามสุดท้าย มีคิวดวลความเร็ว ระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน 2567 โดยล่าสุดเข้าสู่การแข่งขันรอบควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับสตาร์ต

ผลควอลิฟายในรุ่นใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ปรากฏว่า “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ อดีตนักบิดเวิลด์ซูเปอร์สปอร์ตจาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส ซึ่งกลับมาแข่งขันหลังจากบาดเจ็บ สามารถคว้าโพลไปครอง ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 36.093 วินาที เหนือจ่าฝูงบนตารางแชมเปียนชิพอย่าง “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม กริดที่ 2 ถึง 0.712 วินาที ส่วนกริดที่ 3 ในเรซนี้เป็นของ “ซีเค” ชัยวิชิต นิสกุล จาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ ตามหลัง 0.989 วินาที

ด้านผลควอลิฟายในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี ตำแหน่งโพลตกเป็นของ ตะวัน ตั้งจิตเจริญ จาก ทีเค ฮอนด้า อิเดมิตสึ ศรีนคร ไออาร์ซี ดีไอดี อัลไพน์สตาร์ส ดิเรก ทีม ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 39.513 วินาที เฉือน นทีธาร ทองโคตร จาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส กริดที่ 2 เพียง 0.389 วินาที ส่วนกริดที่ 3 ได้แก่ ออ ปิตะบุตร นักบิดจอมเก๋าจาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ ตามหลัง 0.4 วินาที

ขณะที่ผลการควอลิฟายในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ซึ่งถือเป็นอีกรุ่นที่ได้รับการติดตามอย่างมาก ปรากฏว่า ต่อศักดิ์ นวลสาย นักบิดฟอร์มแรงจาก ยามาฮ่า ทีเอ็นพี พีทีที ลูบริแคนท์ส คว้าโพลไปครองด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 41.106 วินาที เหนือดาวรุ่งอย่าง สุทธิภัทร พัชรีธร จาก สปีด800 ยัวซ่า ยามาฮ่า ตาตั้ม เรซซิ่ง ทีม ในกริดที่ 2 เพียง 0.347 วินาที ส่วนกริดที่ 3 ตกเป็นของ วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลังหัวแถว 1.17 วินาที

ส่วนในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี ที่รวมเอาดวงดังของไทยไว้หลายคน ตำแหน่งโพลตกเป็นของ “ฟอง” คณาทัต ใจมั่น จาก ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 46.470 วินาที เหนือ “เติ้ล” พีระพงษ์ หลุยบุญเป็ง มือบิดระดับเอเชียจาก สปีด800 ยัวซ่า ปอ เรซซิ่ง เชียงใหม่ กริดที่ 2 ถึง 1.268 วินาที ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 1.403 วินาที

ปิดท้ายด้วยผลควอลิฟายในรุ่นจูเนียร์อย่าง สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี ผลปรากฏว่า พงษ์สถิตย์ แสนหลวง นักบิดดาวรุ่งจาก ยามาฮ่า บลู ครู ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ผงาดคว้าโพลไปครองด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 51.985 วินาที เฉือนกริดที่ 2 อย่าง สวพล นิลพงษ์ จาก ศักดิ์ศิริ เรซซิ่ง ทีม เพียง 0.095 วินาทีเท่านั้น ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ดรัณภพ ทองย้อย จาก อีสต์ เอ็นเจที พีทีที ลูบริแคนท์ส เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 0.415 วินาที

ทั้งนี้ ศึก แพลน-บี มีเดีย บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 สนามสุดท้าย จะดวลความเร็วส่งท้ายปีทั้งสิ้น 2 เรซ โดยเรซแรกจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 กันยายนนี้ ก่อนจะชิงชัยเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2567

แฟนความเร็วร่วมชมและเชียร์ นักบิดไทยคว้าตำแหน่งแชมป์ประจำปีแบบติดขอบสนาม บัตรเข้าชมที่นั่งแกรนด์ สแตนด์ ราคา 100 บาท / 1 วัน ซื้อได้ที่จุดจำหน่ายบัตรหน้าทางขึ้น Grandstand (จำหน่ายบัตรวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 7-8 กันยายน 2567 เท่านั้น) พิเศษ ! เพียงซื้อบัตรชมการแข่งขัน BRIC Superbike หรือ GT World Challenge มีสิทธิ์ลุ้นรับบัตร VIP โค้ง 12 และบัตร Paddock Pass ชมการแข่งขันโมโตจีพี 2024

รับชมถ่ายทอดสดการแข่งขัน “Plan-B Media BRIC Superbike 2024” สนามที่ 4-5 ได้ในวัน 7-8 กันยายน ทาง True Sports 1 ช่อง 666 เวลา 14.30-17.15 น. หรือชม Live Streaming ทางเพจ Chang Circuit Buriram / BRIC Superbike และ Youtube : Chang International Circuit ตั้งแต่ 9.00 น. เป็นต้นไป

พร้อมเสิร์ฟความมันส์ระดับห้าดาวไปสู่ประเทศอาเซียน โดย สปป.ลาว รับชมทางช่อง MVL, เมียนมาร์ รับชมทางช่อง MVM, กัมพูชา รับชมทางช่อง TV3 ส่วนช่องทางออนไลน์ รับชมผ่านทาง You Tube : TVB Thailand และ Application MVTV และ Fanpage : MVM , MVL , TV3HD ได้ทุกช่องทาง

ไทยฮอนด้า เปิดตัวโครงการ ‘Thai Honda Creator Connect Club 2024’

จัดเวิร์กชอปปั้นครีเอเตอร์ สร้างสีสันวงการสองล้อ ชิงรางวัลรวมกว่า 8 แสนบาท

ไทยฮอนด้า เปิดตัวโครงการ ‘Thai Honda Creator Connect Club 2024 : จุดประกายสร้างสรรค์ สู่เส้นทางครีเอเตอร์มืออาชีพ’ มุ่งผลักดันครีเอเตอร์หน้าใหม่สู่วงการสองล้อ และยกระดับศักยภาพให้นำเสนอแง่มุมคอนเทนต์ที่หลากหลาย เพื่อเติมสีสันและสร้างเครือข่ายครีเอเตอร์วงการรถจักรยานยนต์ ผ่านการจัดเวิร์กชอปที่ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากเหล่ากูรูวงการครีเอเตอร์ พร้อมลุ้นชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 800,000 บาท

คุณนคร วิมลจิตรสอาด ผู้จัดการทั่วไป สายงานการสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเล็งเห็นความสำคัญของแวดวงคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในยุคปัจจุบันที่จำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำคอนเทนต์ให้ออกมาน่าสนใจและหลากหลาย ด้วยเหตุนี้ เราจึงจัดโครงการนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเส้นทางการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้ก้าวเข้าสู่วงการคอนเทนต์รถจักรยานยนต์ รวมถึงเปิดเวทีให้กลุ่มครีเอเตอร์ที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว ได้มาเพิ่มทักษะความรู้และพัฒนาศักยภาพให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือการสนับสนุนให้ครีเอเตอร์ทุกคนพร้อมนำเสนอไอเดียความคิดสร้างสรรค์เพื่อเป็นอีกพลังในการสื่อสารเรื่องราวดีๆ สู่ผู้บริโภคต่อไปในอนาคต”


ภายในงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการฯ ยังมีการนำเสนอรถจักรยานยนต์ฮอนด้าหลากหลายรุ่น ซึ่งตอบโจทย์ทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์ ทั้งฮอนด้าบิ๊กไบค์ Honda CBR650R E-Clutch และ Honda CB650R E-Clutch ร่วมด้วยฟาก CUB House by Honda ที่ได้นำ Honda C125 สีน้ำเงิน-ขาว Prestige Classy Blue และ Honda Monkey 2024 มาโชว์ความซนระดับตำนาน รวมถึง CT125 2024 สี Pearl Sugarcane Beige สีใหม่ที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ และ Honda Dax 125 2024 สีน้ำเงิน Pearl Glittering Blue ที่เป็นรางวัลของผู้ชนะในโครงการฯ ทั้งนี้ เพื่อให้เหล่าครีเตอร์ได้สัมผัสประสบการณ์จริง และเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่หลากหลายสู่วงการคอนเทนต์รถจักรยานยนต์

โดยผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ‘Thai Honda Creator Connect Club 2024 : จุดประกายสร้างสรรค์ สู่เส้นทางครีเอเตอร์มืออาชีพ’ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ Beginner Creator และ Skilled Creator โดยจะมีการทำเวิร์กชอป 3 ครั้ง ในเวิร์กชอปแต่ละครั้งจะมีโจทย์ที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องสร้างสรรค์คอนเทนต์ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อเก็บสะสมคะแนนและเฟ้นหาผู้ชนะที่มีผลงานโดดเด่นมากที่สุด ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 800,000 บาท และผู้เข้าร่วมจะได้รับใบประกาศนียบัตรหลังจากจบโครงการ พร้อมทั้งโอกาสได้ร่วมงานสร้างสรรค์คอนเทนต์กับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าอีกด้วย

รางวัลชนะเลิศ: New Honda Dax125 จำนวน 1 คัน, เงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท, ใบประกาศนียบัตรจากไทยฮอนด้า และได้ร่วมงานทำคอนเทนต์กับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า มูลค่า100,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: เงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท , ใบประกาศนียบัตรจากไทยฮอนด้า และได้ร่วมงานทำคอนเทนต์กับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า มูลค่า 50,000 บาท
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: เงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาท , และได้ร่วมงานทำคอนเทนต์กับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า มูลค่า 20,000 บาท

ร่วมลุ้นติดตามผลผู้ชนะสำหรับงาน Thai Honda Creator Connect Club 2024 ได้ที่
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

#ThaiHondaCreatorConnectClub2024 #HondaMotorcycleThailand
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #ThaiHonda

มิเกล โอลิเวียร่า ร่วมทีม Prima Pramac Yamaha Factory Team

มิเกล โอลิเวียร่า นักแข่งชาวโปรตุเกส ได้เซ็นสัญญากับทีมยามาฮ่า แล้วจะเข้าร่วมทีม Prima Pramac Yamaha Factory Team โดยสัญญามีระยะเวลา 2 ปี ครอบคลุมฤดูกาลแข่งขัน MotoGP ปี 2025 และ 2026

บริษัท Yamaha Motor Co., Ltd. แสดงความยินดีกับการเซ็นสัญญาครั้งนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าพวกเขามองว่าโอลิเวียร่าเป็นการเสริมทัพที่มีคุณค่า การย้ายทีมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในเส้นทางอาชีพของโอลิเวียร่า ขึ้นอยู่กับทีมปัจจุบันของเขา การย้ายครั้งนี้อาจถือเป็นก้าวกระโดดหรือการย้ายในระดับเดียวกันไปยังผู้ผลิตรายอื่น และการได้เซ็นสัญญากับทีมโรงงานถือเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับสัญญา 2 ปีแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นจากทั้งสองฝ่าย และให้ความมั่นคงกับโอลิเวียร่าในอนาคตอันใกล้ กับ ยามาฮ่า การเซ็นสัญญากับนักแข่งดาวรุ่งอย่างโอลิเวียร่าอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมและปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันในศึก MotoGP