ฟรานเชสโก บันยาญาคว้าชัย สปริ้นท์เรซ ที่ โมเตกิ

บาสเตียนินี และมาร์ค มาร์เกซ เข้ามาเป็นที่ 2 และ3 ตามลำดับ

ฟรานเชสโก บันยาญา ทีมดูคาติ เลโนโว นักแข่งชาวอิตาเลียนได้คว้าชัยชนะในการแข่งขัน Tissot Sprint การแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกรายการ Motul Grand Prix of Japan ทำให้ช่องว่างคะแนนในการชิงแชมป์ลดลงเหลือเพียง 15 คะแนน ก่อนการแข่งขันในวันอาทิตย์

บรรยากาศตึงเครียดบนกริดสตาร์ท ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวนตลอดทั้งวันและมีฝนตกปรอยๆ ทำให้การแข่งขัน Tissot Sprint ครั้งนี้น่าจดจำ บันยาญาออกสตาร์ทอย่างสมบูรณ์แบบ พุ่งขึ้นนำในการเข้าโค้งที่ 1 นักแข่งหมายเลข 1 เร่งความเร็วทันที ขณะที่เปโดร อคอสต้า ทีมเรดบูล GASGAS Tech3 สตาร์ทจากกริดที่หนึ่งตกไปอยู่อันดับ 3

อย่างไรก็ตาม อคอสต้าเริ่มตั้งลำได้ไล่กลับมา แซงบาสเตียนินีขึ้นมาอยู่อันดับ 2 และเริ่มทำความเร็วแซงขึ้นเป็นผู้นำในรอบที่ 3 ในขณะเดียวกัน มาร์ติน ฝ่าฝูงจากแถวที่ 4 มาอยู่อันดับ 5 โดยมีมาร์ค มาร์เกซ อยู่ด้านหลัง ไม่นานนักหมายเลข 93 ก็แซงขึ้นมาแทนอันดับ 5 ทำให้มาร์ตินตกไปอยู่อันดับ 6

ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้นำ อคอสต้าทิ้ง นำ บันยาญา ไปประมาณ 0.4 วินาที และเกิดหายนะกับอคอสต้า เมื่อเขาล้มจากการนำในการแข่ง Sprint ในรอบที่ 9 ทำให้บันยาญา ขึ้นมาเป็นผู้นำทันที ทิ้งห่างเพื่อนร่วมทีม บาสเตียนินีไป 0.7 วินาที และถูกกดดันอย่างหนักจากมาร์ค มาร์เกซในอันดับ 3

จากความได้เปรียบ 1 วินาที ซึ่งถูกไล่มาเหลือน้อยกว่า 0.2 วินาที ทำให้เป็คโก้ คว้าชัยชนะในการแข่งขัน Tissot Sprint บาสเตียนินี เข้ามาเป็นในอันดับ 2 ซึ่งปฏิเสธการกลับมาของมาร์ค มาร์เกซ ที่เข้าเป็นที่ 3 มาร์ตินคว้าอันดับ 4 เอาชนะเพื่อนร่วมทีมฟรังโก มอร์บิเดลลี่ ทีมพริมา พรามัค เรซซิ่ง โดยหมายเลข 21 ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน ฟาบิโอ ดิ จานนันโตนิโอ ทีมเพอร์ตามินา เอ็นดูโร VR46 เรซซิ่ง คว้าอันดับ 6 โดยทิ้งห่างอเล็กซ์ มาร์เกซ ทีมเกรซินี่ เรซซิ่ง MotoGP™ ไป 0.120 วินาที ส่วน แจ็ค มิลเลอร์ ทีมเรดบูล KTM แฟคทอรี่ เรซซิ่ง และมาเวริค บียาเลส ของทีมอาพริเลีย เรซซิ่ง คว้าตำแหน่งสุดท้ายที่ได้คะแนน

เครดิต : MotoGP™ | News

พร้อมกระหึ่ม! “โมโตจีพี” ปีที่5 บนแผ่นดินไทย พร้อมเปิดตัวถ้วยรางวัล ThaiGP2024

รัฐ-เอกชนผนึกแถลงนับถอยหลังสู่กรังด์ปรีซ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก 

รัฐบาลไทยผนึกภาคเอกชน แถลงความพร้อมโค้งสุดท้ายสู่สุดยอดศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก “PT Grand Prix of Thailand 2024”  ที่แฟนความเร็วทั่วโลกรอคอย ชูความพร้อมเดินเครื่องเต็มระบบ บูรณาการความร่วมมือทุกมิติ พร้อมเปิดตัวโทรฟี่ ThaiGP สง่างามด้วยธีม “บัลลังก์เจ้าแห่งความเร็ว” สไตล์ไทยโมเดิร์นผสานความงดงามปราสาทหินพนมรุ้ง โดยมีการนำชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซค์มาเป็นส่วนหนึ่งของถ้วยรางวัล กลางถ้วยมีสัญลักษณ์การพนมไหว้ “สวัสดี” สื่อถึงการต้อนรับอันอบอุ่นและการให้ความเคารพในแบบไทย เผยภายในงานจะได้พบกับจุดไฮไลท์ใหม่ Thai Thai Pavilion นำเสนอเสน่ห์แบบไทยสุดอลังการ 25-27 ต.ค.นี้ที่ จ.บุรีรัมย์ การันตีชื่อชั้นความมันส์ พร้อมสร้างความประทับใจและความสุขครบเครื่องระดับโลกสู่แฟนกว่า 800 ล้านคนทั่วโลกแล้ว

 

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวนับถอยหลังการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ PT Grand Prix of Thailand 2024” ศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก  ระหว่าง 25- 27 ตุลาคม 2567 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

 ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้สนับสนุนภาครัฐและเอกชน นำโดย, จังหวัดบุรีรัมย์, การท่องเที่ยวแห่ง  ประเทศไทย, กรมการขนส่งทางบก, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด (ดูคาติ ไทยแลนด์) รวมทั้ง อินฟลูเอนเซอร์ แพร ทวินันท์ เพิ่มพูน และ  ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ทัพสื่อมวลชน-ผู้สนับสนุนร่วมงานมากมาย


พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว “ถ้วยรางวัลการแข่งขันหรือโทรฟี่” ThaiGP ประจำปี 2024 ด้วยธีม “บัลลังก์เจ้าแห่งความเร็ว” ลักษณะไทยโมเดิร์น ผสานความงดงาม “ปราสาทหินพนมรุ้ง” ส่วนกลางถ้วยมีสัญลักษณ์การพนมไหว้ “สวัสดี” สื่อถึงการต้อนรับอันอบอุ่นและการให้ความเคารพในแบบไทย “ตัวเลข ๑ ของไทย” อยู่ตรงกลางและด้านล่างจะเป็นลวดลายไทย ส่วนวัสดุของตัวถ้วยมีการดัดแปลงนำ “ชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซค์” มาเป็นส่วนหนึ่งของถ้วยรางวัล เช่น ตัวน็อต และ เฟรมอลูมิเนียม 5 แผ่น สื่อถึงการจัดการแข่งขันโมโตจีพีที่ประเทศไทยเป็นปีที่ 5 ด้วยสีทองและดำที่เป็นสีแห่งเกียรติยศ ความแข็งแกร่ง ความสง่าและทรงคุณค่า การออกแบบสอดผสานความงดงามแบบไทยสู่สายตาชาวโลก

 

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โมโตจีพี ถือเป็นการแข่งขันกีฬาระดับโลกรายการใหญ่ที่สุดที่มีการจัดในประเทศไทย มีผู้ติดตามชมมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก โอกาสสำคัญที่จะได้แสดงศักยภาพมาตรฐานการจัดแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติฝีมือคนไทยและพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬาไทยในทุกมิติ รวมทั้งช่วยผลักดันการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยไปสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง

“นับถอยหลังอีกเพียงไม่ถึง 1 เดือน จะเข้าสู่สุดสัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตไทย จากความร่วมแรง    ร่วมใจของหน่วยงานทั้งส่วนกลาง-ภูมิภาค ภาคเอกชน-ประชาชนที่ร่วมกันวางแผนงานเป็นอย่างดีนั้น จะทำให้การจัดการแข่งขันในครั้งนี้จะบรรลุเป้าหมายตามที่รัฐบาลตั้งไว้ รวมทั้งทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างราบรื่นและประทับอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป เป็นสนามแข่งขันที่ถูกยกย่องว่าที่ดีสุด มีความสุขที่สุดในโลก ครบเครื่อง คุ้มค่าที่สุด ตามเป้าหมายสำคัญของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะใช้ “มหกรรมกีฬา” ในการเป็นแรงส่งสู่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องทั้งระบบ สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม”

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTGกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 5 ของการแข่งขันโมโตจีพีบนผืนแผ่นดินไทย แต่เป็นปีแรกของ PTG ในฐานะ Title Sponsor  รายใหม่ของการแข่งขัน ยาวนานต่อเนื่องถึง 3 ปี สิ่งหนึ่งที่ทาง PTG มองว่าสำคัญไม่แพ้กันคือการได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาประเทศไทยตามสโลแกน “บริษัทพลังงานของคนไทย เพื่อเติมความสุขให้คนไทยอยู่ดีมีสุข” นั่นคือการได้ประชาสัมพันธ์ประเทศสู่สายตาคนทั่วโลก แสดงศักยภาพคนไทยและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของคนในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง

“ขอเชิญชวนทุกท่านให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ระดับโลก ในสีสันที่แตกต่างออกไปในครั้งนี้ ภายใต้กิจกรรมมากมายที่เตรียมไว้ต้อนรับที่ PTG Pavilion โดยได้ยกทัพแบรนด์ในเครือของ PTG ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น PT Station, PT Maxnitron, Autobacs, กาแฟพันธุ์ไทย, Coffee World, Max Card Plus ฯลฯ ขนสิทธิพิเศษ ของรางวัล และกิจกรรมสนุกๆ ให้ร่วมลุ้น แลก แจก ชม ช็อป อย่างเต็มอิ่มจุใจ รวมทั้งกิจกรรมสุด Exclusive ที่แฟนๆ จะได้กระทบไหล่นักแข่งคนดังทุกรุ่นแบบใกล้ชิด ซึ่งจะมีที่ PTG Pavilion ที่เดียวเท่านั้น คือ กิจกรรม Hero Walk และ Meet and Greet ซึ่งจะมีนักแข่งจากทุกคลาสไม่ว่าจะเป็น MotoGP Moto2 Moto3 แฟนๆ จะสามารถ ถ่ายภาพและขอลายเซ็นได้อย่างใกล้ชิด โดย PTG มุ่งมั่นและตั้งใจ ที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่แฟนมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วโลกได้มาสัมผัสกับประสบการณ์อันยิ่งใหญ่นี้ด้วยกัน”

นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง กล่าวว่า หนึ่งในไฮไลต์ของการจัดโมโตจีพีวิถีไทยที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุด นอกจากจะได้ชมเรซที่สนุกสุดมันส์ แฟนความเร็วจากทั่วโลกยังได้สนุกสนานไปกับกิจกรรมบันเทิงในรูปแบบของมอเตอร์สปอร์ตเฟสติวัล ซึ่งน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง เตรียมจัดเต็มความสนุกตลอดทั้ง 3 วัน บริเวณลานกิจกรรมเพื่อให้ผู้ชมได้สนุกเต็มอิ่ม ครบรส ได้แก่ ประสบการณ์สุด Exclusive ใน Chang House ที่จะได้รับชมการแข่งขันโมโตจีพีในเต็นท์ติดแอร์ขนาดใหญ่ วงดนตรี และดีเจ พร้อมมีผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติตราช้างบริการตลอดทั้งวัน

รวมทั้งคอนเสิร์ต Chang Music Connection ตลอด 3 วัน เริ่มต้นวันแรก วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พบกับ “ยังโอม” เจ้าพ่อฮิปฮอปขวัญใจวัยรุ่น และปิดท้ายค่ำคืนกับศิลปินลูกทุ่งขวัญใจชาวอิสาน อย่าง “ก้อง ห้วยไร่”, วันเสาร์ที่   26 ตุลาคม สนุกกันต่อกับการแข่งขัน “ศึกมวยไทย วิถีถิ่นไทย” โดยมีการประกบคู่ชกสุดมันส์ด้วยกันถึง 7 คู่ โดยมีไฮไลท์คู่เอกอยู่ที่ ยอดกตัญญู จิตรเมืองนนท์ ปะทะ เพชรสมาน ส.สมานการ์เมนท์ เอาใจแฟนมวยทั้งไทยและต่างชาติอย่างเต็มที่ และปิดท้ายค่ำคืนพบกับ “จ๊ะ นงผณี” ลูกทุ่งตัวแม่สุดเซ็กซี่  ส่วนวันสุดท้าย อาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม ปิดฉากโมโต จีพี 2024 ไปกับคอนเสิร์ตสุดมันส์จากศิลปินสุดกวนที่ยกมาทั้งแก็งอย่าง “แจ๊ส สปุ๊กนิค       ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก” และมียังมีจุดบริการ Chang Shuttle Station  บริการ “ชัตเติ้นแต๋น” นับร้อยคัน มาใช้ใน การรับ – ส่งผู้ชมสู่เซอร์กิต ซึ่งมีที่เดียวในโลก คอยรับส่งแฟนๆ กันแบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ด้านนายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า สนามช้างฯพร้อมเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะตลอดทั้งปีมีอีเวนต์ต่างๆ มากมาย ที่ต้องรองรับมาตรฐานระดับโลกทั้ง FIM และ FIA ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นผิวสนาม เจ้าหน้าที่บุคลากร หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่พรั่งพร้อม ซึ่งปีนี้จะมีจุดเล็กๆ ที่เพิ่มมิติการแข่งขันในสนุก เร้าใจมากยิ่งขึ้นก็คือเรื่อง Misano Curve ที่ปีที่แล้วได้ทำเพิ่ม 1 จุด และปีนี้เพิ่มเป็น 3 จุด ที่โค้ง 1 โค้ง 5 และโค้ง 8 ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันขับเคี่ยวกันสนุกยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ส่วนลานกิจกรรมปีนี้ยังได้พบกับครั้งแรกของ Thai Thai Pavilion ที่มีคอนเซ็ปต์ต่อยอดจากโมโตจีพีวิถีไทย ที่จะนำเสนอเสน่ห์ วัฒนธรรมของไทย ทั้งงานศิลปะ หัตถกรรม ของกิน ของฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน นอกจากนี้ด้านการอำนวยความสะดวกของผู้ชม จังหวัดบุรีรัมย์เป็นแกนหลักในประสานไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบขนส่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อาสาสมัคร และที่พัก เพื่อให้ทุกๆ อย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดรองรับแฟนความเร็วผู้มาเยือนให้มีช่วงเวลาที่สุดแสนจะประทับใจ รับรองว่ามาชมการแข่งขันที่สนาม สนุกกว่ารับชมที่จอโทรทัศน์ที่บ้านแน่นอน

ปีนี้เรียกได้ว่าจะเป็นปีที่มีความสุขที่สุดของแฟน MotoGP ประเทศไทย เพราะนอกจากจะได้เชียร์นักบิดระดับโลกที่ชื่นชอบ ยังได้เชียร์ “ก้อง สมเกียรติ จันทรา” นักบิดที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย แข่งขันทิ้งท้ายในรุ่น Moto2 ก่อนที่ในฤดูกาลที่จะถึงในปี 2025 นี้ จะได้ขยับไปแข่งขันในรุ่นใหญ่ที่สุดของโลก MotoGP ได้สำเร็จ เป็นคนไทย  คนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการกีฬารถจักรยานยนต์ของไทย

นอกจากนี้ยังมี PT Grand Prix of Thailand 2024 Expo ที่เนรมิตลานกิจกรรมด้านหน้าสนามช้างอินเตอร์-  เนชั่นแนลเซอร์กิต เป็นงานเอ็กซ์โปสำหรับคนมอเตอร์ไซค์ ตั้งแต่ 09.00-20.00 น. ตลอด 3 วันเต็ม โดยมีทั้งพาวิลเลียนขนาดยักษ์และร้านค้ารายย่อยมากมาย ได้แก่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), น้ำแร่ธรรมชาติ  ตราช้าง, ฮอนด้า, ยามาฮ่า, โตโยต้า, ดูคาติ, กรมการขนส่งทางบก โดย กปถ. ฯลฯ ที่พร้อมสร้างสีสัน ความสนุกให้แก่แฟนๆ ได้ช็อปสินค้าแบรนด์ดังมากมาย รวมทั้งครั้งแรกกับการเนรมิต Thai Thai Pavilion ได้ส้มผัสความสวยงามของวัฒนธรรมไทย ชม ชิมเลือกซื้อของดีของขึ้นชื่อ ร้านอาหารชื่อดังจากบุรีรัมย์และทั่วประเทศมาไว้ในงาน ครบจบที่เดียว โดยลานกิจกรรมนี้ผู้ถือบัตรชมการแข่งขันทุกประเภทเข้าชมฟรี หรือซื้อบัตรแอดมิชชั่น (ADMISSION) ราคา 100 บาทต่อวัน หรือเหมา 3 วัน 200 บาท

บัตรเข้าชมการแข่งขันยังสามารถหาซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนบัตรแอดมิชชั่น (ADMISSION)  ซื้อบัตรได้ที่บูธ All Ticket หน้างาน วันที่ 25-27 ต.ค. เท่านั้น! ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram

Honda Marine เปิดศูนย์บริการใหม่ที่จังหวัดกระบี่

Honda Marine รองรับการขยายตัวของธุรกิจการท่องเที่ยวทางทะเล
ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับบริษัท NPSK ผู้แทนจำหน่ายเครื่องยนต์เรือฮอนด้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เดินหน้าขยายธุรกิจ “Honda Marine” เปิดศูนย์บริการแห่งแรกที่จังหวัดกระบี่ เพื่อรองรับการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวทางทะเลที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เตรียมพร้อมให้บริการตั้งแต่ 26 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
โดยไทยฮอนด้า เล็งเห็นการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวทางทะเลมีแนวโน้มเติบโตสูงตามไปด้วย อีกทั้งจังหวัดกระบี่ยังเป็นศูนย์กลางการเดินเรือและการท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งทะเลอันดามัน ทำให้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการขยายศูนย์บริการ Honda Marine
รวมถึงการเปิดตัว All New Honda BF350 V8 เครื่องยนต์ทรงพลังที่มาพร้อมกับดีไซน์ล้ำสมัย ซึ่งได้รับรางวัล Red Dot Design Award 2024 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จนได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเล การเปิดศูนย์บริการฯ กระบี่ ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มพื้นที่ให้บริการของ Honda Marine สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในธุรกิจการท่องเที่ยวทางทะเลได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
สำหรับศูนย์บริการ Honda Marine มุ่งเน้นการบริการที่ครบวงจร ทั้งการจำหน่ายเครื่องยนต์เรือที่มีประสิทธิภาพสูง บริการซ่อมบำรุงอย่างมืออาชีพ พร้อมทีมงานที่ให้คำปรึกษาและดูแลด้านอะไหล่ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งานทุกครั้ง
สำหรับผู้ที่สนใจร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับเคลื่อนที่ทรงพลังจากเครื่องยนต์เรือฮอนด้า สามารถเข้าชมและทดลองได้ ที่ศูนย์บริการ Honda Marine สาขากระบี่ พร้อมรับโปรโมชันพิเศษฉลองการเปิดสาขาใหม่ มอบข้อเสนอสุดพิเศษระหว่างวันที่ 26 – 30 กันยายน 2567 ลดราคาน้ำมันเครื่อง 50% สำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมงาน และส่วนลดพิเศษสำหรับอะไหล่ รวมถึงบริการเช็กเครื่องยนต์เรือ ฟรี! มากถึง 10 รายการ
สำหรับผู้ที่สนใจเช็กเครื่องยนต์เรือ สามารถเข้ารับบริการได้ตามวันและสถานที่ ดังนี้
  • วันที่ 26-28 กันยายน 2567 บริเวณหาดนพรัตน์ธารา จังหวัดกระบี่
  • วันที่ 29-30 กันยายน 2567 ที่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่
ติดตามข่าวสารของ Honda Marine ได้ที่
Facebook: Honda Marine Thailand
Call Center ศูนย์บริการ : 038-425-228 สาขาพัทยา, 076-608-998 สาขาภูเก็ต, 075-851-181 สาขากระบี่

#HondaMarine #Thaihonda #ไทยฮอนด้า

“กวาร์ตาราโร” คว้ากริดที่ 6 ล่าผลงาน โมโตจีพี มันดาลิกา

กวาร์ตาราโร เดินหน้ายกระดับความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ยอดนักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ควบรถแข่งคู่ใจทะยานคว้ากริดที่ 6 ในศึก โมโตจีพี 2024 สนาม 15 รายการ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ ก่อนลุ้นอันดับ “สปรินต์เรซ” และ “เมนกรังด์ปรีซ์” เสาร์-อาทิตย์นี้ ที่ เปอร์ตามินา มันดาลิกา เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย

การควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ตมีขึ้นช่วงสายวันเสาร์ที่ 28 กันยายน ท่ามกลางอากาศร้อน และอุณหภูมิแทร็กที่พุ่งสูงเกิน 62 องศาเซลเซียส ส่งผลอย่างมากต่อการยึดเกาะของรถแข่ง

โดย กวาร์ตาราโร เดินหน้ายกระดับความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง บิดคว้ากริดที่ 6 มาครองด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.848 วินาที ได้ลุ้นอันดับจากแถว 2 ส่วนทีมเมทชาวสแปนิชอย่าง อเล็กซ์ รินส์ เจ้าของหมายเลข 42 ได้ออกตัวจากกริดที่ 15 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 30.293 วินาที

ทั้งนี้ ศึก อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ จะดวลความเร็วรอบ “เมนกรังด์ปรีซ์” ในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้ 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaMotoGP24
#YamahaFactoryRacingTeam #MonsterEnergyYamahaMotoGPteam
#FQ20 #AR42

“ก้อง-สมเกียรติ” สตาร์ตแถว 3 ลุ้นอันดับ โมโตทู สนาม 15 วันอาทิตย์นี้

“ก้อง-สมเกียรติ” ลุ้นล่าผลงานจากแถว 3 ในวันอาทิตย์นี้ ที่ อินโดนีเซีย

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” พารถแข่งคู่ใจหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย คว้ากริดที่ 9 ในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 สนาม 15 รายการ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 33.825 วินาที ได้ลุ้นไล่ล่าผลงานจากแถว 3 ในวันอาทิตย์นี้ ที่ เปอร์ตามินา มันดาลิกา เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย

ส่วน “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ยังคงเจองานท้าทายความสามารถในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ โดยคว้ากริดที่ 25 มาครอง ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 39.488 วินาที เริ่มเกมจากแถว 9

ทั้งนี้ ศึก อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ จะดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้ เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 11.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 12.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 14.00 น. ถ่ายทอดสดทาง PPTVHD36 และ SPOTV

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #IndonesianGP

“กวาร์ตาราโร” รั้งท็อป 6 ตีตั๋ว Q2 โมโตจีพี 3 สนามติด

“เอลดิอาโบล” ตีตั๋วผ่านเข้าสู่ Q2 ได้แบบอัตโนมัติ 3 สนามติดต่อกัน 

“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร เดินหน้ายกระดับความเร็วรถแข่ง M1 อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกดเวลารั้งท็อป 6 ซ้อมวันแรกในศึก โมโตจีพี สนาม 15 อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา ตีตั๋วผ่านเข้าสู่ Q2 ได้แบบอัตโนมัติ 3 สนามติดต่อกัน ก่อนลุ้นท็อปไฟว์สุดสัปดาห์นี้ที่ประเทศอินโดนีเซีย

ศึก โมโตจีพี 2024 สนาม 15 รายการ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ มีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 27-29 กันยายนนี้ ที่ เปอร์ตามินา มันดาลิกา เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นสนามแรกในทวีปเอเชีย โดยถือเป็นช่วงเวลาสำคัญอย่างมากสำหรับ “ยามาฮ่า” ในการสานต่อการพัฒนารถแข่ง M1 ที่กำลังยกระดับได้ต่อเนื่อง

สุดสัปดาห์นี้ มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี จะได้นักบิดกลับมาครบทั้ง 2 คน โดย อเล็กซ์ รินส์ นักบิดสแปนิชเจ้าของหมายเลข 42 คัมแบ็กจากอาการป่วย ลงสนามเคียงข้าง กวาร์ตาราโร ได้อีกครั้ง

ผลการซ้อมในรอบตัดตัว (PR) ปรากฏว่า กวาร์ตาราโร รีดความเร็วรถแข่งหมายเลข 20 ได้อย่างยอดเยี่ยม ทะยานรั้งอันดับ 6 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.844 วินาที ตามหลังจ่าฝูงเพียง 0.214 วินาทีเท่านั้น และเพียงพอให้ผ่านเข้าสู่การควอลิฟายรอบ Q2 แบบอัตโนมัติ ขณะที่ รินส์ รั้งอันดับ 13 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 30.189 วินาที ตามหลัง 0.559 วินาที

ทั้งนี้ การควอลิฟายจะมีขึ้นในช่วงสายวันเสาร์ที่ 28 กันยายนนี้ ก่อนจะดวลความเร็วในรอบ “สปรินต์เรซ” ในเวลา 14.00 น. ของวันเดียวกัน จากนั้นจะแข่งขันรอบ “เมนกรังด์ปรีซ์” ในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้ 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง PPTVHD36 และ SPOTV

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaMotoGP24
#YamahaFactoryRacingTeam #MonsterEnergyYamahaMotoGPteam
#FQ20 #AR42

“ก้อง-สมเกียรติ” รั้งท็อป 5 ซ้อมวันแรก โมโตทู มันดาลิกา

“ก้อง-สมเกียรติ” ส่งสัญญาณยอดเยี่ยมในการไล่ล่าผลงานที่ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ออกสตาร์ตการทำงานยอดเยี่ยม ในสุดสัปดาห์การแข่งขัน โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 สนาม 15 อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ ทะยานรั้งท็อป 5 จากการซ้อมวันแรก ส่งสัญญาณยอดเยี่ยมในการไล่ล่าผลงานที่ เปอร์ตามินา มันดาลิกา เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย

ศึก อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ ผ่านการซ้อมวันแรกด้วยอากาศที่ร้อนระอุรับสนามแรกในโซนเอเชีย โดยผลการซ้อมในรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ปรากฏว่า “ก้อง-สมเกียรติ” เริ่มต้นการทำงานกับทีมได้ดี พารถแข่งคู่ใจหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย รั้งอันดับ 5 จากการซ้อมวันแรก ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 33.893 วินาที

ขณะที่ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยเจ้าของรถแข่งหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย รั้งอันดับ 26 วันแรกจากการซ้อมของรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 40.401 วินาที

ทั้งนี้ 2 นักบิดไทย มีคิวจับเวลารอบควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ต ในวันเสาร์ที่ 28 กันยายน ก่อนจะดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน เริ่มต้นด้วย โมโตทรี 11.00 น. ต่อด้วย โมโตทู 12.15 น. และปิดท้ายด้วย โมโตจีพี 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง PPTVHD36 และ SPOTV

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #IndonesianGP

“ไอเดีย-กฤตภัทร” คัมแบ็ก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แท็กทีม “ตี-อนุภาพ” ลุยสนาม 10 อารากอน

“ไอเดีย-กฤตภัทร” คัมแบ็ก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต หลังพักรักษาตัวนานกว่า 3 เดือน

“ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ นักบิดเลือดใหม่ของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม คัมแบ็กจากอาการบาดเจ็บ ลงสนามลุยศึก เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ ได้อีกครั้ง หลังพักรักษาตัวนานกว่า 3 เดือน พร้อมแท็กทีม “ตี” อนุภาพ ซามูล ทีมเมทรุ่นพี่ลงซ้อมครั้งแรกที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน ประเทศสเปน เมื่อช่วงเย็นศุกร์ที่ผ่านมา

ศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปียนชิพ 2024 ดวลความเร็วต่อเนื่องเป็นสนามที่ 3 ในรอบ 4 สุดสัปดาห์ โดยเป็นคิวของสนามที่ 10 ซึ่งจะแข่งขันระหว่างวันที่ 27-29 กันยายนนี้ ที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน ประเทศสเปน

สุดสัปดาห์นี้ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ยอดทีมแข่งไทยได้รับข่าวดีกับการกลับมาลงสนามได้อีกครั้งของ “ไอเดีย” กฤตภัทร ดาวรุ่งประจำทีมเจ้าของหมายเลข 39 ที่พักรักษาตัวนานกว่า 3 เดือน จากอาการบาดเจ็บข้อเท้าหักตั้งแต่ที่ โดนิงตัน พาร์ค สหราชอาณาจักร เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม โดยจะต้องประเมินสภาพร่างกายอีกครั้งหลังซ้อมในวันศุกร์

ส่วน “ตี” อนุภาพ เจ้าของหมายเลข 51 ทำงานอย่างหนักร่วมกับทีมในการหาเซ็ตอัปรถแข่ง และศึกษารายละเอียดสนามที่มีการซ่อมแซมผิวแทร็กไปก่อนหน้านี้ โดยรั้งอันดับ 31 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 56.860 วินาที ส่วน “ไอเดีย” กฎตภัทร จบการซ้อมในอันดับ 33 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 57.949 วินาที

ทั้งนี้ 2 นักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม จะลงจับเวลารอบ “ซูเปอร์โพล” เพื่อจัดอันดับสตาร์ตในคืนวันศุกร์ที่ 27 กันยายน ก่อนจะดวลความเร็วเรซแรกในวันเสาร์ที่ 28 กันยายนนี้ 20.15 น. ตามเวลาประเทศไทย ส่วนเรซ 2 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน ถ่ายทอดสดทาง SPOTV

—————————–
#60ปีไทยยามาฮ่ามอเตอร์ #ดีใจที่ได้เจอ
#YamahaThailandRacingTeam
#RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #No1RacingTeam
#YamahaSocietyThailand #YamahaRidersclubThailand
#RaceMachine #WorldSBK2024
#WSSP600 #YamahaR6 #AS51 #KK39
#YamahaThailandRacingOfficial

‘จงเซิน’ ประกาศบุกตลาดจักรยานยนต์ในไทยเต็มสูบ ประเดิมส่ง CYCLONE RA401

CYCLONE RA401 ปูทางสร้างแบรนด์ ดันไทยสู่ฮับผลิตและส่งออกอาเซียน

จงเซิน อินดัสเทรียลกรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องยนต์และจักรยานยนต์ของจีน ประกาศเดินหน้าบุกตลาดไทยเต็มกำลัง ภายใต้ ‘บริษัท จงเซิน แมชชินเนอรี แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด’ ประเดิมส่ง CYCLONE RA401 จักรยานยนต์ครูสเซอร์ระดับพรีเมียม เปิดเกมรุกสร้างแบรนด์ ควบคู่กับจุดแกร่งด้วยบริการหลังการขายที่เชื่อมั่นได้ ‘มีอะไหล่ไม่ต้องรอ’ และ ‘CYCLONE Assistance’  เป็นหมัดเด็ดพิชิตใจลูกค้า เผยแผนในอนาคตเตรียมผลักดันไทยสู่ฮับผลิตและส่งออกในภูมิภาคอาเซียน

คุณเกา จาน (Mr.Gao Zhan) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จงเซิน แมชชินเนอรี แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2006 และก่อตั้งโรงงานในปี 2011 เพื่อผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กภายใต้แบรนด์ของจงเซินในการจำหน่ายในประเทศ ต่อมาเมื่อตลาดมีความความต้องการรถจักรยานยนต์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ทางบริษัทจึงได้ก่อตั้งแบรนด์ Cyclone ในปี 2016 โดยมุ่งเน้นในการพัฒนารถจักรยานยนต์ที่มีดีไซน์สวยงาม สมรรถนะที่ดีเยี่ยม และคุณภาพที่มั่นคง รวมทั้งตั้งใจที่จะทำให้แบรนด์ Cyclone ก้าวไปสู่ระดับโลก โดยมีโรงงานที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางและครอบคลุมกลุ่มอาเซียน ขยายไปสู่ยุโรปและอเมริกา ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ Cyclone ได้พัฒนารถหลากหลายประเภท ทั้งแนว Touring, Retro, Cruiser, Scooter และแนวสปอร์ต โดยมีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 150cc จนถึง 650cc และในอนาคตจะมีรุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่าออกมาในตลาดเพิ่มเติม โดยโรงงานที่ไทยจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Cyclone อย่างน้อย 1-2 รุ่นต่อปี

ในปี 2024 บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะประกาศการดำเนินธุรกิจและทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วย CYCLONE แบรนด์จักรยานยนต์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม กับรุ่นเรือธง CYCLONE RA401 สุดยอดจักรยานยนต์ Advanced Classic Cruiser ตัวจริงสไตล์อเมริกัน ดีไซน์โดดเด่นสุดคลาสสิคอย่างเหนือระดับ มาพร้อมกับเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นที่ทันสมัยมากขึ้น กับเครื่องยนต์ขุมกำลัง 401CC  44.25 แรงม้า สามารถขับขี่ได้ทั้งในเมือง หรือการออกทริปทางไกล ด้วยสมรรถนะที่พร้อมลุยกับทุกสภาพพื้นผิวถนน มุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ

สำหรับรถจักรยานยนต์ CYCLONE RA401 ประเภทเครื่องยนต์ 8 วาล์ว 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 401 ซีซี, ความเร็วสูงสุด 155 กม./ชม. พละกำลังสูงสุด 44.25 แรงม้า หรือ 33 kW ที่ 9,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 37 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบต่อวินาที ระบบหัวฉีดน้ำมันเชื่อเพลิงอิเล็คทรอนิกส์ (EFI) จาก Bosch, ท่อไอเสียแบบคู่ทรงตอปิโด มีความเท่และคลาสสิค, คลัตช์ F.C.C. แบบ Slipper Clutch ช่วยให้การขับขี่ในทุกจังหวะสมูท ไม่กระชาก , ระบบเกียร์ 6 สปีด, เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดด้วยระบบเบรก ABS แบบ Dual-Channel, ระบบความปลอดภัย TCS (Traction Control System) ป้องกันการลื่นไถลและล้อฟรี ส่วนการดีไซน์ก็มีความโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น เฟรมอะลูมิเนียมอัลลอยด์, ล้อแม็กทั้งล้อหน้าและล้อหลัง โดยขนาดยางหน้าอยู่ที่ 120/80-70 ขนาดยางหลังอยู่ที่ 150/70-17 มีไฟหน้า Full LED รอบคัน, จอ TFT Full Color ปรับแสงอัตโนมัติ และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน มาพร้อมถังน้ำมันทรงหยดน้ำขนาดใหญ่ความจุ 17 ลิตร รับประกันเครื่องยนต์ 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตรอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน CYCLONE RA 401 มีสีให้เลือกถึง 4 สีสะท้อนตัวตนของผู้ขับขี่ ทั้ง Legend Black สีดำ – Gunmetal Gray สีเทา – Jungle Green สีเขียว และ Cornsilk White สีขาว โดยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ CYCLONE RA401 อยู่ที่ 189,900 บาท และพลาดไม่ได้กับแคมเปญสุดพิเศษช่วงเปิดตัว สำหรับลูกค้า 100 ท่านแรกที่จอง CYCLONE RA401 จะได้รับ Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท และฟรีชุดแต่ง มูลค่า 10,000 บาท

คุณ เกา จาน ยังกล่าวเสริมเพื่อความมั่นใจให้กับผู้บริโภคไทยอีกว่า บริษัท จงเซิน แมชชินเนอรี แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด มีจุดแข็งคือเรื่องบริการหลังการขาย ‘มีอะไหล่ไม่ต้องรอ’ บริษัท จงเซิน อินดัสเทรียลกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเรานั้น ผลิตรถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ ส่วนประกอบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และผลิตชิ้นส่วนเองเกือบทุกชิ้น

คุณ เกา จาน ยังกล่าวเสริมเพื่อความมั่นใจให้กับผู้บริโภคไทยอีกว่า บริษัท จงเซิน แมชชินเนอรี แมนูแฟคเจอริ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด มีจุดแข็งคือเรื่องบริการหลังการขาย ‘มีอะไหล่ไม่ต้องรอ’ บริษัท จงเซิน อินดัสเทรียลกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเรานั้น ผลิตรถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ ส่วนประกอบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และผลิตชิ้นส่วนเองเกือบทุกชิ้น

บริษัทฯ จึงมีสต็อกอะไหล่ในทุกรุ่นอย่างเพียงพอ ทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าหากต้องซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่หลังจากใช้งานผ่านไปเป็นเวลานาน ก็ยังมีอะไหล่ที่พร้อมให้บริการได้ทันท่วงที ไม่ต้องรอนานเหมือนกับที่ลูกค้าหลายแบรนด์ในตลาดที่ต้องเจอปัญหานี้และปัจจุบันเรามีดีลเลอร์ครอบคลุมทั่วประเทศ 50 แห่ง และมีจุดบริการครอบคลุมมากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ และเราเองมีแผนขยายดีลเลอร์ผู้แทนจำหน่าย และจุดบริการให้มากขึ้น รวมถึงมีแผนจะเปิดโชว์รูมของตัวเองเพื่อให้ลูกค้าสัมผัสกับตัวสินค้าด้วยประสบการณ์จริงในลำดับต่อไป

ด้านบริการ CYCLONE Assistance เป็นบริการที่ บริษัทฯ ตั้งใจมอบให้กับลูกค้าของ CYCLONE บริการผู้ช่วยส่วนตัวช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. นาน 2 ปี ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคฟรี ตลอด 24 ชม., ฟรี ! บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินไม่จำกัดครั้ง, ฟรี ! ตรวจเช็คแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ภายในระยะทางไม่เกิน 150 กม., ฟรี! บริการยก/ลากรถไปยังศูนย์บริการ CYCLONE ในระยะทางไม่เกิน 150 กม. ลูกค้าสามารถติดต่อได้ 24 ชม. ผ่านทางเบอร์โทรศัพท์ 02-039-5779 ซึ่งบริการนี้จะสร้างความอุ่นใจในทุกการขับขี่ภายใต้รถจักรยานยนต์ CYCLONE

แผนส่งเสริมการตลาดปีนี้ บริษัทฯ จะเน้นการสร้างความรับรู้แบรนด์และสื่อสารกับลูกค้าผ่านสื่อออฟไลน์ และออนไลน์ การทดลองใช้ผ่าน KOL และ KOC ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่จะจัดขึ้นทั่วประเทศ โดยจะโฟกัสไปที่การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าสัมผัสจากการขับขี่จริง อาทิ การจัดทริปให้ได้ทดลองขับขี่และกิจกรรมที่น่าสนใจอีกหลากหลายรูปแบบ “กว่า 10 ปีที่ผ่านมาแม้บริษัทฯและแบรนด์ ไม่ได้มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ทำการตลาด แต่ ‘จงเซิน’ สามารถอยู่ในตลาดรถจักรยานยนต์ของไทย และได้รับการตอบรับที่ดี นั่นสะท้อนให้เห็นศักยภาพของแบรนด์ สินค้าคุณภาพสูงตามมาตรฐานบริษัทแม่ วันนี้ในการเปิดตัว CYCLONE RA401 จะเป็นการย้ำต่อผู้บริโภคว่า เราพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าบุกตลาดในไทยอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าจะได้ใช้รถจักรยานยนต์คุณภาพ มีดีไซน์สวยงามตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานพร้อมบริการหลังการขายที่ดี และเราขอให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่ทอดทิ้งและจะไม่หยุดพัฒนา เพื่อตอบสนองความต้องการและส่งมอบความสุขให้กับคนไทยและคนทั่วโลกต่อไป”  คุณเกา จาน กล่าวปิดท้าย

สามารถติดตามข่าวสารด้านผลิตภัณฑ์ บริการ ตัวแทนจำหน่าย และกิจกรรมของจักรยานยนต์ CYCLONE เพิ่มเติมได้ที่   www.facebook.com/CycloneThailand LINE Official : @zongshenth หรือ โทร. 038-027-397

Kawasaki MEGURO S1 – The Centennial Beat จังหวะแห่งศตวรรษ MEGURO S1

Kawasaki เปิดราคา 2 รุ่นใหม่ ครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย

ในช่วงเริ่มต้นของอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์ของญี่ปุ่น แบรนด์ MEGURO มีบทบาทอย่างมากในวงการแข่งรถ โดยแข่งขันกับคู่แข่งต่างชาติที่มีสมรรถนะสูง โดยแบรนด์นี้วางรากฐานให้กับรถจักรยานยนต์สปอร์ตที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่ผลิตในญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Kawasaki Aircraft แล้ว MEGURO ก็ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนามอเตอร์ไซค์ระดับสูงและความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่นให้กับแบรนด์ W

สโลแกนของแบรนด์ MEGURO คือ “มรดกและความไว้วางใจ: จังหวะแห่งศตวรรษ” รวมไปถึงความภาคภูมิใจของแบรนด์ MEGURO ในฐานะแบรนด์รถจักรยานยนต์สปอร์ตขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น

MEGURO S1 ซึ่งเป็นรุ่นเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์นี้ ไม่เพียงแต่เป็นผู้สืบทอดของ Kawasaki 250 MEGURO SG ที่เปิดตัวในปี 1964 เท่านั้น แต่ยังสืบสานสายเลือดของ “MEGURO Single” มาจากช่วงก่อนสงคราม MEGURO S1 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์คลาส 250 ซีซี SOHC 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ เครื่องยนต์ขนาด 233 ซีซี ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ที่กำลังขับถูกปรับปรุงดีขึ้นในช่วงรอบต่ำถึงกลางทำให้ขับขี่ได้ผ่อนคลายพร้อมอัตราเร่งที่สบาย น้ำหนักเบาเพียง 143 กก. ง่ายต่อการควบคุม ความสูงเบาะ 740 มม. ไม่สูงมากนักทำให้รู้สึกมั่นใจ ไม่ว่าใครก็สามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

นอกจากนี้ยังความสัมพันธ์กับจักรยานยนต์ขนาดใหญ่อย่าง “MEGURO K3” และ “W800” ด้วยถังน้ำมันเชื้อเพลิงรูปหยดน้ำที่ผสมผสานการชุบสีดําและโครเมี่ยมเข้าด้วยกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของ MEGURO โดยตรา MEGURO บนถังน้ำมันจะเหมือนกับ MEGURO K3 ซึ่งเป็นการทำมือโดยช่างฝีมือที่ญี่ปุ่น ตัวหน้าจอผสมผสานระหว่างอนาล็อกและดิจิตอลมีสีขาวตรงกลางพร้อมโลโก้  (MEGURO – เมกุโระ)

สำหรับ MEGURO S1 ราคาขายปลีกอยู่ที่ 167,900 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเปิดตัว คูปองเงินสดมูลค่า 10,000 บาท เมื่อจองและรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้

The Original Icon เอกลักษณ์แห่งต้นกำเนิด W230

W คือ แบรนด์รถสปอร์ต Kawasaki รุ่นดั้งเดิมที่นิยามความหมายของ “Kawasaki ให้มีความจุกระบอกสูบใหญ่และสมรรถนะสูง” รถรุ่นเหล่านี้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความงดงามเหนือกาลเวลาของรถจักรยานยนต์ Kawasaki ที่มีทั้งความงามอันบริสุทธิ์และเครื่องยนต์อันทรงพลัง ซึ่งสืบทอดมาจาก Meguro โดยตรงและไม่ได้รับผลกระทบจากกระแสแฟชั่น

สโลแกนของแบรนด์ “The Original Icon” สื่อถึงความจริงที่ว่าแบรนด์ W เป็นต้นกำเนิดของจักรยานยนต์ Kawasaki ทุกรุ่นโดยสืบทอดความท้าทายที่ไม่เคยหยุดนิ่งของ Kawasaki นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รวมถึงแบรนด์ Z และ Ninja

W230 เป็นโมเดลสไตล์คลาสสิคที่สืบทอดสายเลือดของซีรี่ย์ Kawasaki W เครื่องยนต์สูบเดียว SOHC 4 จังหวะระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาด 233 ซีซี ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ที่กำลังขับถูกปรับปรุงดีขึ้นในช่วงรอบต่ำถึงกลางทำให้ขับขี่ได้ผ่อนคลายพร้อมอัตราเร่งที่สบาย ไฟหน้าทรงกลมเดี่ยว ถังน้ำมันหยดน้ำ หน้าปัดเรือนไมล์คู่ผสมผสานระหว่างอนาล็อกและดิจิตอล ล้อซี่ลวดและบังโคลนเหล็ก พร้อมกับตราสัญลักษณ์ W ที่ออกแบบใหม่ รวมกันเพื่อรวบรวมความงามของสไตล์สากลของรถจักรยานยนต์คาวาซากิ

โดยตัวรถ ยังมีน้ำหนักเบา เบาะต่ำเพื่อความมั่นใจในการใช้งานและการควบคุมที่ง่าย สืบทอดจิตวิญญาณของแบรนด์ “W” ที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินกับความสุขในการใช้งานและการเป็นเจ้าของได้อย่างง่ายดาย

สำหรับ W230 ราคาขายปลีกอยู่ที่ 149,900 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเปิดตัว คูปองเงินสดมูลค่า 10,000 บาท เมื่อจองและรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้

Kawasaki MEGURO S1 จังหวะแห่งศตวรรษ และ Kawasaki W230 เอกลักษณ์แห่งต้นกำเนิด ในเดือนสิงหาคม ปี 2024 แบรนด์ MEGURO จะเฉลิมฉลองการก่อตั้งครบรอบ 100 ปี

รถจักรยานยนต์ Kawasaki MEGURO S1 และ W230 ใหม่ที่ได้เปิดตัวในปีแห่งการรำลึกนี้ ถือเป็นรถจักรยานยนต์ที่เป็นตัวแทนของแบรนด์อย่างแท้จริง และมีบทบาทสำคัญในการสืบสานประเพณีอันยาวนานของ Kawasaki

แบรนด์ MEGURO ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ.1924 ถือเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน และแบรนด์นี้ยังได้วางรากฐานให้กับรถจักรยานยนต์สปอร์ตบิ๊กไบค์ของประเทศญี่ปุ่น โดยเพื่อสืบทอดสายเลือดต่อไปนั้น รถจักรยานยนต์ตระกูล W จึงได้รับการเปิดตัวในปี ค.ศ. 1965 โดยเป็นรุ่นเรือธงที่ตั้งเป้าที่จะเป็นรถจักรยานยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก และยังเป็นรุ่นที่ทำให้ Kawasaki กลายมาเป็นผู้ผลิตจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่มีชื่อเสียงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

กำเนิด MEGURO

■ 1924 – ก่อตั้งที่เขตเมกุโระ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยได้สร้างชื่อเสียงในด้านผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีสมรรถนะและคุณภาพสูงด้วยเทคโนโลยีชั้นนำของญี่ปุ่น

■ 1937 – รถจักรยานยนต์รุ่น Z97 รถจักรยานยนต์รุ่นแรกของ MEGURO ได้วางรากฐานให้กับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ของญี่ปุ่น โดยได้เข้าร่วมการแข่งขันหลายรายการและได้รับผลงานที่ยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่ผลิตในต่างประเทศ และยังเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาเครื่องยนต์แบบสปอร์ตสูบเดียว ระบายความร้อนด้วยอากาศขนาด 498 ซม.³ อีกด้วย เครื่องยนต์นี้มีประสิทธิภาพที่น่าประทับใจมากจนถูกนำมาใช้กับรถจักรยานยนต์ของตำรวจ
ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของ MEGURO แบรนด์รถจักรยานยนต์สปอร์ตขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่จนถึงปัจจุบัน
■ 1944 โรงงานย้ายไปที่เมืองคาราสึยามะ ในจังหวัดโทชิกิ (ปัจจุบันคือเมืองนาสึคาราสึยามะ)

■ 1950 – ไม่นานหลังสงคราม รถจักรยานยนต์รุ่น Junior J1 ก็เปิดตัวเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงระบบการออกใบอนุญาตขับขี่ของญี่ปุ่น โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดที่เริ่มมีความต้องการมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก สไตล์ของ Junior Series ได้รับการถ่ายทอดไปยัง Kawasaki 250 MEGURO SG และต่อมายัง Kawasaki Estrella นับเป็นผู้บุกเบิกรถมอเตอร์ไซค์ขนาด 250 ซีซี ในญี่ปุ่น

ความรุ่งโรจน์ในการแข่งขัน

■ 1957 – เข้าร่วมการแข่งขัน Asama Volcano Race ครั้งที่ 2 ในการแข่งขันประเภทที่มีความจุกระบอกสูบสูงสุด (500cc) และชนะการแข่งขัน MEGURO ได้แสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ของตนอย่างชัดเจนในฐานะแบรนด์รถจักรยานยนต์สปอร์ตบิ๊กไบค์ในการแข่งขันทางเรียบระยะทางไกลที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นในขณะนั้น

ความร่วมมือกับ Kawasaki
■ 1960 – ความร่วมมือกับ Kawasaki Aircraft (ปัจจุบันคือ Kawasaki Motors) เกิดขึ้นในช่วงที่ MEGURO ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อแข่งขันกับบริษัทกว่า 100 แห่งที่ผลิตมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก Master of the Skies ซึ่งเป็นผู้สร้างเครื่องบินมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1922 ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตยานพาหนะทางบกชื่อดังเพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและเทคโนโลยีร่วมกัน

หลังการรวมกิจการ/ร่วมพันธมิตรทางธุรกิจ

■ 1964 – Kawasaki 250 MEGURO SG รถจักรยานยนต์แบบสปอร์ตคันนี้สืบทอดสไตล์ของรุ่น Junior Series โดยมีรูปลักษณ์สปอร์ตด้วยเครื่องยนต์เอียงไปด้านหน้า สูบเดียวระบายความร้อนด้วยอากาศที่มีกำลังสูง ซึ่งสืบทอดต่อไปยัง MEGURO S1
4 ปีหลังจากการเริ่มต้นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่าง Kawasaki Aircraft และ MEGURO Manufacturing ทั้งสองบริษัทได้ควบรวมกิจการกันในเดือนกุมภาพันธ์ 1964 เพื่อก่อตั้งเป็นบริษัทเดียว

■ 1965 – บิ๊กไบค์คันแรกของคาวาซากิ คือ Kawasaki 500 MEGURO K2
หลังจากความร่วมมือทางธุรกิจของ Kawasaki และ MEGURO Stamina K1 ได้รับการออกแบบใหม่โดย Kawasaki Aircraft การออกแบบเฟรมและเทคโนโลยีของ MEGURO Manufacturing ถูกนำมาใช้ในการผลิตและ Stamina K1 มีอิทธิพลต่อรถรุ่น Kawasaki ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่หลายรุ่นตามมา
โดยรุ่นนี้ได้เริ่มใช้ตราสัญลักษณ์ Kawasaki River Mark ในโลโก้ของแบรนด์ MEGURO

“W” เข้าสู่วงการ – จาก MEGURO สู่ W

■ 1965 – 650-W1 : รถจักรยานยนต์แบรนด์ W คันแรกและเป็นต้นกำเนิดของรถสปอร์ตบิ๊กไบค์ 4 จังหวะรุ่นปัจจุบันของ Kawasaki
เกิดจากความมุ่งหวังที่จะเป็นรถจักรยานยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก เพื่อตอบสนองความต้องการมอเตอร์ไซค์ที่มีความจุกระบอกสูบใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีความนิยมสูงเป็นพิเศษในช่วงทศวรรษ 1960 รุ่นเรือธงของ Kawasaki จึงเกิดขึ้นโดยเพิ่มความจุกระบอกสูบของ Kawasaki 500 MEGURO K2 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2 สูบ แนวตั้งระบายความร้อนด้วยอากาศ ซึ่งมีความจุกระบอกสูบสูงสุดในญี่ปุ่นในขณะนั้นที่ 624 ลูกบาศก์เซนติเมตร รุ่นระดับโลกนี้เปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจด้วยสีแดงเข้มสดใสและการชุบโครเมียมคุณภาพสูง
Kawasaki จึงได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองไปทั่วโลกในฐานะผู้ผลิตรถบิ๊กไบค์ด้วย W1 รุ่นนี้

เทคโนโลยีที่สืบทอดมา

■ 1972 – กำเนิด Z1 (900 Super Four) ในตำนาน Z1 เป็นเครื่องยนต์ DOHC 4 สูบแถวเรียง รุ่นแรกของญี่ปุ่นที่มีปริมาตรกระบอกสูบที่มากกว่าปกติทั่วไปในขณะนั้นที่ 903 ซม.³ ภายใต้ชื่อ “Z” ซึ่งเป็นอักษรลำดับสุดท้ายในภาษาอังกฤษ อันบ่งบอกถึงประสิทธิภาพ “อันเหนือชั้น ขั้นสุดยอด” นั่นเอง

■ 1984 – สุดยอดรถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ตสำหรับขับขี่บนถนนของ Kawasaki รุ่น GPZ900R (“Ninja” รุ่นแรก) กับเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง 908 ซีซี ระบายความร้อนด้วยของเหลว พร้อมโซ่ราวลิ้นข้าง ด้วยพลังอันล้นหลามและการออกแบบตัวถังอันเป็นเอกลักษณ์ของ Ninja รุ่นแรกนี้ ได้เปิดประตูสู่ยุคใหม่ของกีฬาสำหรับขับขี่บนถนน

 

การกลับมาของ W – ความงามเหนือกาลเวลา
รุ่นต่างๆ ของแบรนด์ W กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของ Timeless Beautiful “ความงามเหนือกาลเวลา” ที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะของรถจักรยานยนต์รุ่น Kawasaki จนถึงปัจจุบัน

■ 1999 – W650 โมเดลแบรนด์ W กลับมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปกว่า 25 ปี นับตั้งแต่ 650-RS (หรือที่เรียกว่า W3) ในปี 1973 โดยมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวโดยใช้เฟืองดอกจอกทำให้รถรุ่นนี้ดูสมกับชื่อ W

■ 2011 – W800 กลับมาอีกครั้งพร้อมพลังที่มากขึ้นยังคงใช้ชื่อ W โดยปริมาตรกระบอกสูบเพิ่มขึ้นเป็น 773 ซม.³ ในขณะที่ยังคงสไตล์คลาสสิกแบบเดียวกับ W650

ตระกูลรถสปอร์ตขนาดใหญ่
MEGURO และ W ถือเป็นต้นกำเนิดและจุดเริ่มต้นของรถจักรยานยนต์สปอร์ต 4 จังหวะที่มีความจุกระบอกสูบขนาดใหญ่ของ Kawasaki ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

■ 2014 Ninja H2R รุ่นเรือธงที่มีเครื่องยนต์ซุปเปอร์ชาร์จรุ่นแรกของโลก สร้างความตื่นตะลึงให้กับโลกด้วยโมเดลสมรรถนะสูงที่ผสมผสานพลังอันล้นหลามและความสนุกในการขับขี่

■ 2015-2020 – Ninja ZX-10R (10RR) คว้าแชมป์ World Superbike Championship (WSBK) 6 สมัยติดต่อกัน

■ 2021 – MEGURO K3 ฟื้นคืนชีพหลังจากห่างหายไปเกือบครึ่งศตวรรษ

Heritage and Innovation
ในขณะที่แบรนด์ MEGURO เฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ในปี 2024 Kawasaki ได้เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฮบริดรุ่นแรกของโลก และทำการทดสอบมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ไฮโดรเจนที่ผลิตโดยโรงงานผลิตหลักเป็นครั้งแรกของโลกต่อสาธารณชน
เห็นได้ชัดว่า 2 แบรนด์ประวัติศาสตร์นี้ ทั้ง MEGURO และ W คือสิ่งที่สร้างรากฐานให้กับมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ 4 จังหวะของ Kawasaki ที่ก้าวล้ำนำสมัยอย่างต่อเนื่อง โดยเป็น 2 แบรนด์ที่สืบทอดและสืบสาน “มรดก” อันเป็นแกนหลักสองประการของ Kawasaki นั่นก็คือ Heritage and Innovation นั่นเอง

การแข่งขัน MotoGP รายการ Gran Premio Pramac dell’Emilia-Romagna จบลงอย่างน่าตื่นเต้นด้วยดราม่าท้ายเกมรุ่นใหญ่

เกมรอบสปริ๊นเริ่มก่อนในช่วงเย็นวันเสาร์ มาร์ตินทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงเริ่มต้นการแข่งขันสปรินต์เรซ โดยรถหมายเลข 89 พุ่งทะยานเข้าโค้งที่ 1 โดยเร่งเครื่องอย่างหนักในรอบแรก และขณะที่ แบรด บินเดอร์ แซงหน้าแชมป์โลกคนปัจจุบันได้เช่นกัน ทำให้ บันญาญ่า ตกไปอยู่อันดับที่ 3 จากนั้น บินเดอร์ ก็ถูกไล่แซงจนตกไปอยู่อันดับที่ 4 ขณะที่ บันญาญ่า และ บาสเตียนีนี่ พุ่งแซงหน้าไป และต่อมาเป็น มาร์เกซ ที่เริ่มขยับขึ้นมาจากตำแหน่งสตาร์ทที่ 7 แซงบินเดอร์ ได้อีก และไม่นาน เปโดร อาคอสต้า ก็แซงหน้าไปได้เช่นกัน

เกมที่มีเพียงครึ่งเรซจากเมนเรซ มีอะไรก็ใส่กันเต็มที่ ยิ่งทำให้มีความทั้งความกดดัน และความตื่นเต้น ให้กับผู้ชมในสนาม มาร์ติน ดูแล้วน่าจะมีโอกาสคว้าวินเนอร์ด้วยระยะห่างพอสมควร บันญาญ่า ต้องเจอกันความกดดันด้วยตำแน่งที่ไม่ดีนัก แต่ที่ดูโดดเด่นขึ้นมาก็คือ เอเนีย ขยับแรงขึ้นมาเรื่อยๆ มาร์เกซ ที่สร้างผลงานคว้าวินเนอร์ในเรซก่อนหน้านี้ยังไม่มวี่แววจะขึ้นมาถึงหัวขบวน

รอบสุดท้าย มาร์ติน หนีไม่ออกทำให้ เอเนีย ไล่เข้าจ่อติดท้าย และก็ได้จังหวะในรอบสุดท้ายโค้งที่ 4 และมันก็เป็นดราม่า เอเนีย กดเข้าไลน์ในแต่รถมันดันไม่รักดีบานเล็กน้อย ทำให้ มาร์ติน โดนเบียดออกต้องนั่งตัวตรงควบคุมรถเข้าไลน์ เอเนีย พุ่งออกจากโค้งได้ก่อนแล้วผ่านธงตราหมากรุก คว้าชัยในโฮมเรซท่ามกลางกองเชียร์ และเสียงวิพาก์ษวิจารณ์ และนี่คือคว้าชัยชนะในบ้านอย่างดุเดือด เพิ่มสถิติการขึ้นโพเดี้ยม MotoGP™ 100% ที่มิซาโน่ และลดช่องว่างคะแนนให้เพื่อนร่วมทีม บันญาญ่า ไม่ห่างจาก มาร์ติน มากนัก

MotoGP

อีเนีย บาสเตียนีนี่ คว้าชัยชนะในรอบสุดท้าย ทำให้ Ducati คว้าแชมป์ผู้ผลิตประจำปี 2024 และเป็นชัยชนะครั้งที่ 100 ของ Ducati ในรุ่นพรีเมียร์คลาส ฮอร์เก้ มาร์ติน จบอันดับ 2 แต่ยังคงนำในตารางคะแนนรวม โดยทิ้งห่างอันดับ 2 ไป 24 คะแนน ฟรานเชสโก้ บันญาญ่า แชมป์เก่าล้มในขณะที่อยู่อันดับ 3 ทำให้ มาร์ก มาร์เกซ ขึ้นมาครองอันดับ 3 แทน

การแข่งขันเต็มไปด้วยความดุเดือด มีการแซงกันไปมาระหว่างนักบิดดูคาติ แฟคเทอรี่ และแซทเทิลไลท์ มาร์ติน, บันญาญ่า และ บาสเตียนีนี่ ในช่วงต้นเกม Bastianini ทำการแซงอย่างดุเดือดในโค้งที่ 4 ของรอบสุดท้าย เพื่อคว้าชัยชนะ แม้จะมีข้อถกเถียงเรื่องความเหมาะสมของจังหวะการแซงครั้งนี้

สนามนี้นักข่งขันหลายคนประสบปัญหาเรื่องของการเซ็ทติ้ง และล้มไปหลายคัน รวมถึงเจ้าฉลามน้อย เปโดร อาคอสต้า พลาดไปแบบเจ้าตัวยังงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นฟาบิโอ กวาตาราโร่ ผลงานเริ่มขยับขึ้นมาอย่างยอดเยี่ยม และโดดเด่นที่สุดของรถค่ายจากแดนอาทิตย์อุทัย จบอันดับ 7 ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขาและทีม Yamaha ในฤดูกาลนี้ ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับ จัวอัน เมียร์ และ ลูก้า มารีนี่ ของทีม Honda ทำผลงานได้ดีขึ้น จบในอันดับ 11 และ 12

ในจังหวะดราม่ารอบสุดท้าย มาร์ติน ถูกเบียดกระแทกเสียหลังเข้าโค้งไม่ได้ ถึงกับออกอาการโกรธแค้น แต่เมื่อจบเกมก็เฉลิมฉลองกับความได้เปรียบขยับหนีห่างเป็น 24 คะแนน มาร์ค มาร์เกซ ก็ได้รับการเลื่อนขึ้นไปยืนบนโพเดี้ยมหลังจากที่ บาญาญ่า ประสบอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นอีกการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่ออันดับสูงสุดของการแข่งขันชิงแชมป์ ถัดจากนั้น เบียเซกกี้ จบอันดับที่ 4 ทำผลงานได้ดีอีกสัปดาห์ อันดับที่ 5 ในเซกเตอร์สุดท้ายของการแข่งขัน ดูเหมือนจะเป็นของ ฟาบิโอ กวาตาราโร่ แต่ปัญหาในช่วงโค้งสุดท้ายน้ำมันหมด ทำให้นักบิดชาวฝรั่งเศสต้องพยายามรักษาทำให้ ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี  และ มาเวอริค บีญาเลส แซงเขาที่เส้นชัย อย่างไรก็ตาม กวาร์ตาราโร่ ทำผลงานในอันดับที่ 7

Moto2

หลังจากออกตัวได้อย่างยอดเยี่ยม อาร์โบลิโน่ ก็ทะยานขึ้นนำตั้งแต่ช่วงต้น โดย เวียติ และ คาเน็ท ตามมาอย่างรวดเร็ว โอกุระ ผู้นำการแข่งขันชิงแชมป์โลกทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจากอันดั บที่ 7 บนกริดสตาร์ทขึ้นมาที่ 4 ไปได้ในช่วงเปลี่ยนรอบ เมื่อการแข่งขันเข้าสู่ช่วงสุดท้าย ความตื่นเต้นก็เกิดขึ้นกับผู้หวังคว้าแชมป์ทั้งสองราย ขณะที่กำลังเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 7 เจค ดิกสัน ล้มในโค้งที่ 2 และตามมาไม่ไกล เซอร์จิโอ การ์เซีย ก็ล้มไปอีกคัน

อาร์บอลิโน่ ซึ่งเป็นผู้นำถูก เวียติ และ คาเน็ท แซงหน้าไป เกมผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเหลืออีก 6 รอบ เวียติ ได้ทำผิดพลาดในโค้งที่ 2 ทำให้ คาเน็ท ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 เกมยิ่งเดือดขึ้น อาร์บอริโน่ และ คาเน็ท สลับกันขึ้นเป็นที่ 1 ถึงสองครั้งของรอบรองสุดท้าย จนมารอบสุดท้าย! อาร์บอลีโนขึ้นนำ คาเน็ท ขณะที่ เวียติ อยู่อันดับสุดท้ายร่วมกับสองคันแรก อาร์บอลีโน่ รักษาตำแหน่งผู้นำเอาไว้ได้ตลอด แต่ที่เหลือเชื่อคือ อาร์บอลีโน่ บานออกนอกโค้งที่ 14 ไม่ใช่แค่ออกนอกโค้ง แต่ออกนอกโค้งมาก ทำให้คาเน็ท แซงขึ้นนำในช่วงสองโค้งสุดท้ายเพื่อคว้าชัยชนะ แต่ในโค้งสุดท้าย เวียติ ขึ้นมาประกบข้างและก็แซง คาเน็ท แบบเฉียดฉิวคว้าชัยชนะในบ้านได้สำเร็จ อาร์บอลีโน่ เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 3

แต่ไม่น่าเชื่อเลยที่ อาร์บอลิโน่ คร่อมนอกโค้งที่ 14 ทำให้ คาเน็ท ได้โอกาสแซง เวียติ ขึ้นนำในช่วงสองโค้งสุดท้ายเพื่อคว้าชัยชนะ แต่ใครจะเชื่อในโค้งสุดท้าย เวียติ ที่ตามตืดออกมาจากโค้ง ขึ้นปะกบด้านข้าง และก็แซง คาเน็ท ที่หน้าเส้นชัย คว้าวินเนอร์สนามเหย้าได้สำเร็จ อาร์โบลิโนที่เสียหลักเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 3 และ โอกุระ จบในอันดับที่ 4 ซึ่งทำให้ผู้ขับชาวญี่ปุ่นขยับช่องว่างคะแนนนำในแชมเปี้ยนชิพเป็น 22

Moto3

เกมเริ่มด้วยผลงานสุดแรงของ ไทโย ฟูรุซาโตะ คว้าโฮลช็อตได้สำเร็จหลังจากออกตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่ดราม่าเกิดขึ้นที่โค้งที่ 2 เป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันสำหรับ ดาวิด มูนนอซ นักบิดชาวสเปนไล่ตาม สเตฟาโน่ เนป้า ปะทะกันจนหลุดออกไป ในระหว่างนั้น อลอนโซ่ ค่อยๆ ไต่อันดับขึ้นนำในช่วงสิ้นสุดรอบที่ 1 ขณะที่โฮลกาโดค่อยๆ ไต่อันดับขึ้นมาที่ 5 จากอันดับที่ 11 บนกริดสตาร์ท

เหลืออีก 2 รอบ นักบิด 4 คน 3 ตำแหน่งบนโพเดี้ยม อลอนโซ่ ผู้นำ ฮอลกาโด, ปิเคเรส และ วีเฮร์ โดยที่ โฮลกาโด เปิดก่อนได้เปรียบในโค้งที่ 14 ในรอบรองสุดท้าย แซง อลอนโซ่ และ ปิเคเรส ตามเพื่อนร่วมชาติของเขาไปในรอบสุดท้าย ฮอลกาโด นำอยู่จนกระทั่งถึงโค้งที่ 8 อลอนโซ่ บวกเวลาเข้าจ่อท้าย และเบียดแซงกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง และไม่พลาดเป็นครั้งที่สอง ขึ้นโพเดี้ยมรับวินเนอร์ เก็บคะแนนได้อีก 25 คะแนน ขณะที่ ปิเคเรส จบอันดับที่สองอย่างเฉียดฉิว โฮลกาโด เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 3 แต่หลังจากฝ่าฝืนกฎแทร็กลิมิตที่โค้งสุดท้าย ไวเยอร์ก็เลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ออโทร่า ไม่สามารถแซงหน้า  โจ เคลโซ่ ขึ้นมาได้พร้อมกับ ลูเนทต้า คว้าอันดับที่ 6 และ 7 ตามลำดับ

“ก้อง-สมเกียรติ” คว้าอันดับ 14 โมโตทู มิซาโน

“ก้อง-สมเกียรติ”สตาร์ตจากกริดที่ 18 ในแถว 6 ไล่แซงคู่แข่งบิดคว้าอันดับ 14

“ก้อง-สมเกียรติ” ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่ออกสตาร์ตจากกริดที่ 18 ในแถว 6 ไล่แซงคู่แข่งบิดคว้าท็อป 14 เก็บแต้มสำคัญในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 สนาม 14 รายการ เอมิเลีย-โรมันญ่า กรังด์ปรีซ์ ที่ มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเชลลี ประเทศอิตาลี รั้งอันดับ 11 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ คะแนนสะสม 78 คะแนน หลังผ่านไปทั้งสิ้น 14 สนาม

ส่วน “ก๊องส์-ธัชกร” หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในศึก โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ พยายามอย่างหนักเพื่อขยับอันดับ ก่อนพลาดล้มและต้องนำรถเข้าพิทอย่างน่าเสียดาย

ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2024 สนามถัดไป จะดวลความเร็วระหว่างวันที่ 27-29 กันยายนนี้ ที่ เปอร์ตามิน่า มันดาลิกา เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย ในรายการ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #MotoGP #Moto2 #SC35 #Kong #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #EmiliaRomagnaGP