เตรียมเปิดฉาก! นักบิด MotoGP ถึงบุรีรัมย์แล้ว

เหล่านักแข่ง โมโตจีพี  ได้เดินทางมาถึง จ.บุรีรัมย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา 

มาร์ค มาร์เกซ และ ฟรานโก้ โมบิเดลลี่ รวมถึงเหล่านักแข่ง และขบวนตู้คอนเทนเนอร์ทีมแข่ง รถจักรยานยนต์ทางเรียบ ชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2024” ได้เดินทางมาถึง จ.บุรีรัมย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เพื่อร่วมทำการแข่งขัน ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคมนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ความเคลื่อนไหว การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2024” ศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่าง 25- 27 ตุลาคม 2567 ที่จะมีขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาระดับโลกรายการใหญ่ที่สุด ที่มีการจัดในประเทศไทย โดยมีผู้ติดตามชมมากกว่า  800 ล้านคนทั่วโลก จาก 220 ประเทศทั่วโลก

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา บรรดาทัพนักบิดชื่อดังระดับโลกจากนานาประเทศ อาทิ มาร์ค มาร์เกซ และ ฟรานโก้ โมบิเดลลี่ รวมถึงเหล่านักบิดโมโตจีพีคนอื่นๆ เดินทางถึงท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ต.ร่อนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ แล้วจากเที่ยวบินเช่าเหมาลำ 3 เที่ยวบิน จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รอบเวลา 22.00 น. 23.05 น. และ 23.45 น. เป็นที่เรียบร้อย เพื่อเตรียมทำศึกโมโตจีพี สนามที่ 18 รายการ PT Grand Prix of Thailand 2024

โดยมีนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายการแสดงต้อนรับและจัดแสดงสินค้า พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาคเอกชน ประชาชน และเหล่าบรรดาแฟนคลับโมโตจีพีที่มารอรับ พร้อมชุดการแสดง 5 ชุดการแสดง ได้แก่ การแสดงอัปสราต้อนรับ, การแสดงชุดเชิ้งกะโป๊ะ ,การแสดงชุดรำวงบุรีรัมย์ ,การแสดงชุดฟ้อนกลองยาว และการแสดงประกอบเพลง นี่คือ บุรีรัมย์ ท่ามกลางการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่และอบอุ่น

สมาคมรถโบราณฯ จับมือ เซ็นทรัล ขับรถเที่ยวกรุงเก่า เยี่ยมเงาอดีต

สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ร่วมกับ เซ็นทรัลพัฒนา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดขบวนรถโบราณ และรถคลาสสิคกว่า 30 คัน ขับเที่ยวชานกรุง เส้นทางกรุงเทพฯ – พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เผยว่า สมาคมฯ ร่วมกับ เซ็นทรัลพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดงาน “คาราวานชานกรุง 2024” ภายใต้แนวคิด “เยือนกรุงเก่า เยี่ยมเงาอดีต” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงบริเวณใกล้เคียง ผ่านขบวนรถโบราณ และรถคลาสสิคทรงคุณค่ากว่า 30 คัน

ด้านผู้บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เผยว่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา เป็นโครงการมิกซ์ยูสสปอตไลท์ระดับโลก แลนด์มาร์กของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายใต้แนวคิด “อัศจรรย์อยุธยา”  ด้วยสถาปัตยกรรมการตกแต่ง โดยเฉพาะฟาซาดสีขาวและสีทองที่สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัดฯ ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงรถโบราณ และรถคลาสสิค ให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวได้ชื่นชมเสน่ห์ของรถโบราณที่ทรงคุณค่า

ขบวนคาราวานรถโบราณ เริ่มเดินทางจาก ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ มุ่งหน้าสู่ เบนซ์เภตรา อยุธยา เยี่ยมชมโชว์รูม และศูนย์บริการฯ ครบวงจรแห่งแรกในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมพักทานอาหารกลางวัน

ช่วงบ่าย เคลื่อนขบวนไป พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ชมกรุเครื่องทองสมัยกรุงศรีอยุธยา จำนวนมากกว่า 2,200 รายการ ณ อาคารเครื่องทองอยุธยา โดยมีโบราณวัตถุชิ้นเด่น เช่น พระแสงขรรค์ชัยศรี พระคชาธารจำลอง จุลมงกุฎ และพระสุวรรณมาลา นอกจากนั้นยังมี เครื่องทองจากวัดราชบูรณะ และส่วนจัดแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับคติการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่พบในโบราณสถาน ได้แก่ พระปรางค์วัดพระราม พระปรางค์วัดมหาธาตุ เจดีย์วัดพระศรีสรรเพชญ์ และเจดีย์ศรีสุริโยทัย เป็นต้น

หลังจากนั้น มุ่งหน้าสู่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา เพื่ออวดโฉมรถโบราณ และรถคลาสสิค ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด และมอบเกียรติบัตรให้แก่เจ้าของรถโบราณที่เข้าร่วมกิจกรรม

ผู้สนใจสามารถติดตามกิจกรรมของสมาคมรถโบราณฯ ได้ที่ vintagecarclub.or.th และ facebook.com/vintagecarclub

เติมความแรงที่ปั๊มพีที! กับของพรีเมียมที่ระลึกสุดพิเศษ “พวงกุญแจ MotoGP”

“พวงกุญแจ MotoGP” สำหรับสมาชิกบัตร PT Max Card ทุกประเภท

นายสุทธิพงษ์ วรรณวานิช (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยผู้บริหาร บริษัท ปิโตรเลียมไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันพีที ในกลุ่ม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ขอเชิญลูกค้าทุกท่านมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ความแรง ผ่านการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2024” ที่ได้รับความนิยมจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก

ด้วยการมอบของพรีเมียมสุดพิเศษ “พวงกุญแจ MotoGP” ให้ได้เก็บสะสมกันเป็นที่ระลึก สำหรับสมาชิกบัตร PT Max Card ทุกประเภท เพียงเติมน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกชนิด ครบ 1,200 บาท หรือ เมื่อเติมน้ำมันดีเซล ครบ 2,000 บาท รับทันทีพวงกุญแจ MotoGP 2024 จำนวน 1 ชิ้น (มูลค่า 159 บาท) ที่สถานีบริการน้ำมันพีทีที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2567 ถึง 31 ตุลาคม 2567 หรือจนกว่าของจะหมด

สรยท.ประกาศรายชื่อรถเข้าเกณฑ์ THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR

สรยท. เปิดเผยรายชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่เข้าเกณฑ์การมอบรางวัล

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย หรือ สรยท. เปิดเผยรายชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่เข้าเกณฑ์การมอบรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2024 หรือ TCOTY2024 โดยในปีนี้ ทางสมาคมฯ เล็งเห็นความสำคัญของตลาดรถจักรยานยนต์ จึงมีมตินำการมอบรางวัลรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี หรือ THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR กลับมาอีกครั้ง นอกจากนั้น ยังถือเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่จะมีการมอบรางวัลให้กับกลุ่มรถยนต์พลังไฟฟ้าภายใต้ชื่อรางวัลรถยนต์พลังไฟฟ้ายอดเยี่ยมแห่งปี หรือ THAILAND EV OF THE YEAR

‘การจัดงาน THAILAND CAR OF THE YEAR มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการจัดงานยังคงบทบาทและหน้าที่สำคัญในการเป็นเวทีที่จะช่วยส่งเสริมและผลักดันผู้ผลิตยานยนต์ในการยกระดับสินค้าของพวกเขาให้มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ใช้ยานยนต์ที่มีคุณภาพ รวมถึงยังเป็นการช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในทุกภาคส่วนของระบบ Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำซึ่งทั้งหมดถูกสะท้อนผ่านเกณฑ์ในการคัดเลือกของทางสมาคมที่ถูกกำหนดเอาไว้อย่างเหมาะสม’ นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย หรือ สรยท. กล่าว

ทางด้าน นายสุรมิส เจริญงาม อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการคัดเลือกและตัดสิน THAILAND CAR OF THE YEAR 2024 เปิดเผยขั้นตอนการตัดสินและมอบรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปีนี้ว่า หลังจากนี้จะส่งรายชื่อรถยนต์ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดให้กับสมาชิก สรยท.โหวตคัดเลือกรถยนต์รอบแรกจำนวนกึ่งหนึ่ง เพื่อเข้าสู่การพิจารณารอบสุดท้ายซึ่งเป็นการทดสอบภาคสนามโดยคณะสื่อมวลชนที่มีความรู้ ประสบการณ์ ในการทดสอบรถยนต์ของเมืองไทยต่อไป

การทดสอบภาคสนามในรอบ 2 นั้น เป็นการร่วมให้คะแนนของสื่อมวลชนสายยานยนต์แลรถจักรยานยนต์ ตั้งแต่ระดับบรรณาธิการ คอลัมนิสต์ จนถึงผู้สื่อข่าวอาวุโส ที่คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ไทยมากกว่า 20-30 ปี เป็นการให้คะแนนตามหลักเกณฑ์ของการตัดสินรางวัล European Car of The Year ของยุโรป และ Japan Car of The Year ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อคัดเลือกรถยนต์เพียง 1 รุ่น ให้เป็นรถยอดเยี่ยมประจำปีของประเทศไทย

‘การจัดงานในปีนี้ยังคงต้องเผชิญหน้ากับบริบทของความเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์เหมือนกับปีที่ผ่านมา ซึ่งการจัดงาน THAILAND CAR OF THE YEAR ถือเป็นดัชนีที่สามารถใช้วัดและระบุถึงความเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์ไทยในแง่ของผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะในกลุ่มของรถยนต์พลังไฟฟ้า เราจะพบว่ามีทางเลือกในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมากกว่าในปี 2023 ซึ่งเป็นปีแรกของการจัดงาน’ นายสุรมิส กล่าวเพิ่มเติม

‘ในกลุ่มของรถจักรยานยนต์นั้น ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์หลักอีกประเภทของประเทศไทย และบ้านเราถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญสำหรับภูมิภาคนี้ ดังนั้น ด้วยการเล็งเห็นความสำคัญ และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น การมอบรางวัล THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR เพื่อเป็นหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมให้กับบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ได้พัฒนาและยกระดับสินค้าของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น’ เพื่อให้คนไทยได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพ

สำหรับในปีนี้ ถือเป็นการจัดงานครั้งที่ 10 แล้ว โดยในกลุ่มรางวัล THAILAND CAR OF THE YEAR 2024 มีรถยนต์ที่เข้าเกณฑ์ตามกรอบการคัดเลือกจำนวน 8 คัน โดยพิจารณาจาก 3 หัวข้อหลักคือ เปิดตัวในช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึง 30 กันยายน 2567 เป็นรถยนต์ใหม่แบบโมเดลเชนจ์ และจะต้องมีการผลิตในประเทศไทย หรือนำเข้าจากประเทศในแถบอาเซียน  โดยรถยนต์ทั้ง 8 รุ่นประกอบด้วย

1.BMW Series 5 (G60) – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว 19 ตุลาคม 2567

2.BYD Sealion 6 DM-i – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว 8 สิงหาคม 2567

3.Honda Accord e:HEV – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว  17 พฤศจิกายน 2566

4.Mercedes-Benz CLE Coupe 4Matic (300 และ AMG53) – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว  6 กันยายน 2567

5.Mercedes-Benz E-Class (W214) – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว 4 มีนาคม 2567

6.MG3 Hybrid+ – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว 20 สิงหาคม 2567

7.Toyota Hilux Champ – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว 27 พฤศจิกายน 2566

8.Toyota Yaris Cross – ประกอบในประเทศ : เปิดตัว 5 ตุลาคม 2566

**การคัดเลือกรถเข้าสู่รอบสุดท้ายจะมีจำนวนทั้งสิ้น 5 คัน**

ส่วนกลุ่มรางวัล THAILAND EV OF THE YEAR 2024 นั้น จะยึดตามกรอบของ THAILAND CAR OF THE YEAR 2024 ยกเว้นเรื่องฐานการผลิต แต่จะใช้การเป็นบริษัทที่อยู่ในโครงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่บีโอไอ (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) ได้อนุมัติให้การส่งเสริมแล้วในปี 2566-2567 นี้แล้วเท่านั้น และต้องสามารถแล่นทำระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้งไม่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC หรือเทียบเท่า โดยอ้างอิงจากเอกสารการทดสอบ หรือ ECO Sticker ของผู้ผลิตเป็นสำคัญ ซึ่งในปีนี้มีรถยนต์พลังไฟฟ้าผ่านเกณฑ์ถึง 18 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย

1.Avatr 11 : เปิดตัว 17 กันยายน 2567

2.BMW i5 : เปิดตัว 19 ตุลาคม 2566

3.BMW iX2 : เปิดตัว 1 กุมภาพันธ์ 2567

4.BYD M6 : เปิดตัว 9 กันยายน 2567

5.Changan Deepal L07 : เปิดตัว 29 พฤศจิกายน 2566

6.Changan Deepal S07 : เปิดตัว 29 พฤศจิกายน2566

7.Changan Lumin : เปิดตัว 24 มีนาคม 2567

8.GAC HYPTEC HT : เปิดตัว  19 กันยายน 2567

9.Honda e:N1 : เปิดตัว 26 มีนาคม 2567

10.Hyundai IONIQ 5 (หรือ 5N) : เปิดตัว 30 พฤศจิกายน 2566

11.Hyundai IONIQ 6 : เปิดตัว 25 มีนาคม 2567

12.Mercedes-EQS 450 4Matic SUV : เปิดตัว 23 สิงหาคม 2567

13.MG Cyberster : เปิดตัว 27 มีนาคม 2567

14.MG Maxus 7 : เปิดตัว 13 มิถุนายน 2567

15.MINI Aceman : เปิดตัว 19 สิงหาคม 2567

16.MINI Cooper SE : เปิดตัว 18 กรกฎาคม 2567

17.Neta X : เปิดตัว 27 กรกฎาคม 2567

18.ORA07 : เปิดตัว 29 พฤศจิกายน 2566

**การคัดเลือกรถเข้าสู่รอบสุดท้ายจะมีจำนวนทั้งสิ้น 9 คัน**

ส่วนรางวัล THAILAND MOTORCYCLE OF THE YEAR 2024 จะยึดตามเกณฑ์การคัดเลือกเช่นเดียวกับ THAILAND CAR OF THE YEAR 2024 ในทั้ง 3 ประเด็นหลัก คือ เปิดตัวในช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึง 30 กันยายน 2567 เป็นรถยนต์ใหม่แบบโมเดลเชนจ์ และจะต้องมีการผลิตในประเทศไทย หรือนำเข้าจากประเทศในแถบอาเซียน ซึ่งในปีนี้มีรถจักรยานยนต์ที่ผ่านเข้าเกณฑ์จำนวน 11 รุ่น ประกอบด้วย

1.BMW R 1300GS – เปิดตัวพฤษภาคม 2567

2.CYCLONE  RA401 – เปิดตัว กันยายน 2567

3.DUCATI DESERT X RALLY – เปิดตัว พฤษภาคม 2567

4.GPX DZ3 – เปิดตัว กรกฎาคม 2567

5.HARLEY DAVIDSON Street Glide – เปิดตัว มกราคม 2567

6.KAWASAKI  Meguro-S1 – เปิดตัว กันยายน 2567

7.KEEWAY GEMMA 125 – เปิดตัว มกราคม 2567

8.KEEWAY V 302C – เปิดตัว เมษายน 2567

9.TRIUMPH SCRAMBLER 400X – เปิดตัว ตุลาคม 2566

10.YAMAHA PG-1 – เปิดตัว พฤศจิกายน 2566

11.Zontes 350e – เปิดตัว มิถุนายน 2567

**การคัดเลือกรถเข้าสู่รอบสุดท้ายจะมีจำนวนทั้งสิ้น 6 คัน**

การลงคะแนนรอบแรกจะลงคะแนนโดยสมาชิกสามัญของสมาคมโดยมีระยะเวลาในการโหวตตั้งแต่วันที่ 17-22 ตุลาคม 2567 จากนั้นจะมีการนับคะแนนในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 โดยอนุกรรมการทำงานในปีนี้ และจะมีการประกาศรายชื่อรถยนต์และรถยนต์จักรยานยนต์ที่เข้ารอบสุดท้ายในวันที่ 28 ตุลาคม 2567 นี้ ก่อนที่จะมีการจัดทดสอบเพื่อให้คณะกรรมการที่ได้รับการคัดเลือกได้ลงคะแนนอีกครั้งในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ที่สนามทดสอบของศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และจะมีการจัดงานมอบรางวัลในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ที่ The HALLS Bangkok ถนนวิภาวดีรังสิต

ทัพหน้า MotoGP ถึงไทย! โค้งสุดท้าย “บุรีรัมย์” สุดคึกคัก

 เดินหน้าเต็มระบบ ก่อนเปิดบ้านรับแฟนความเร็วจากทั่วโลก

โค้งสุดท้ายสู่สัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์ มอเตอร์สปอร์ตโลกที่จะระเบิดศึกบนผืนแผ่นดินไทย กับความมันส์เต็มขั้นของศึกโมโตจีพี สนามประเทศไทย รายการ “PT Grand Prix of Thailand 2024” ที่จะดวลกันวันที่ 25-27 ต.ค.นี้ ที่สนามช้างฯ จ.บุรีรัมย์ ทุกฝ่ายเร่งระดมจัดการความเรียบร้อยแบบองค์รวม เตรียมเปิดประตูบานใหญ่ต้อนรับแฟนความเร็วทั่วโลกอย่างเต็มระบบ พร้อมเผยยอดค้นหาที่พักบุรีรัมย์พุ่ง 45% รับศึกจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก

ฝ่ายจัดการแข่งขัน ได้มีการเผยภาพขบวนตู้คอนเทนเนอร์ MotoGP ศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกชุดแรกที่เริ่มทยอยนำอุปกรณ์ต่างๆมาติดตั้งที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ส่วนรถแข่งต่างๆจะเดินทางมาถึงในช่วงสัปดาห์หน้า หลังจบการแข่งขัน สนาม 17 รายการ ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคมนี้ ที่ สนาม ฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย

ทั้งนี้ คณะกรรมการจัดการแข่งขัน ร่วมกับจังหวัดบุรีรัมย์ระดมจัดการความเรียบร้อยแบบองค์รวม ใส่ใจรายละเอียดในทุกส่วน เพื่อให้พร้อมที่สุดในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ในการจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ไทยแลนด์ รายการ “PT Grand Prix of Thailand 2024” ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ สนามที่ 18 ที่จังหวัดบุรีรัมย์

ล่าสุด สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มีการจัดอบรมทีมมาแชล อบรมทีมแพทย์ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานโมโตจีพีอย่างเข้มข้น นอกจากนี้ จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ แขวงทางหลวงบุรีรัมย์ แขวงทางหลวงชนบทจังหวัดบุรีรัมย์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังร่วมกันทำความสะอาด สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สถานที่จัดการแข่งขันอีกด้วย

ด้านจังหวัดบุรีรัมย์นำโดย นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต, รองผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดทั้งคณะกรรมการสนับสนุนการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ MotoGP ได้มีการประชุมสำหรับการเตรียมความพร้อมต้อนรับ อำนวยความสะดวก สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวให้มากที่สุด

ทั้งนี้ คณะทำงานฝ่ายต่างๆ นำเสนอความก้าวหน้าของคณะทำงานฝ่ายต่างๆ อาทิ “ที่พักและอาหาร” ได้จัดทำแอพลิเคชันที่มีข้อมูลครบถ้วน ทั้งตรวจสอบราคาโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว จุดให้บริการสถานพยาบาล, เตรียมพร้อมด้านการแพทย์ฉุกเฉิน, มีการประสานขอใช้รถ Low Floor EV จุดรับส่ง นักท่องเที่ยว, การจัดระเบียบการจราจร การรักษาความปลอดภัยตามสถานที่ต่างๆ , เตรียมพร้อมด้านอาสาสมัคร Ask me , อาสาสมัครดูแลรักษาความสะอาด GU เก็บ, จัดเตรียมสถานที่การแข่งขัน และเตรียมรถประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว, รถสุขาเคลื่อนที่, การจัดพาวิลเลียนด้านการท่องเที่ยว, จุดประชาสัมพันธ์การแข่งขัน, สนับสนุนระบบสาธารณูปโภค เตรียมพร้อมด้านสัญญาณเครือข่ายสื่อสาร -อินเตอร์เน็ตพร้อมรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก, การอำนวยความสะดวก ณ ท่าอากาศยานบุรีรัมย์, การแสดงต้อนรับและจัดแสดงสินค้า OTOP ฯลฯ

ด้านอโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว เผยข้อมูลการค้นหาที่พักในจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มขึ้น 45% ในช่วงวันที่ 25 – 27 ตุลาคม 2024 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกที่กำลังจะจัดขึ้นในสนาม ณ จังหวัดบุรีรัมย์  โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจากการค้นหาที่พักในเดือนแรกหลังจากเปิดจำหน่ายบัตรการแข่งขัน โดยเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ข้อมูลจากการค้นหายังพบว่า นักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรครองตำแหน่งอันดับหนึ่ง ในกลุ่มประเทศที่มีความสนใจเดินทางไปจังหวัดบุรีรัมย์ ตามมาด้วยออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์ การค้นหาที่พักในจังหวัดบุรีรัมย์จากทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงความสนใจของการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งแพร่หลายในระดับสากล

สำหรับแฟนความเร็วที่สนใจเข้าชมการแข่งขัน ยังสามารถหาซื้อบัตรได้ที่ Counter Service ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือเว็บไซด์ All Ticket โดยบัตรชมการแข่งขัน สามารถเข้าชมพื้นที่กิจกรรม (Commercial Area) ได้ฟรี ด้วยความบันเทิงจัดเต็มทั้งคอนเสิร์ต, มวยและร้านค้า ร้านอาหารให้เลือกช้อป ชิม พาวิลเลียนขนาดยักษ์ของแบรนด์สินค้าและหน่วยงานราชการให้ร่วมสนุกร่วมชมมากมาย  หรือซื้อบัตรแอดมิชชั่น(ADMISSION) สำหรับเข้าชมพื้นที่กิจกรรม ราคา 100 บาทต่อวัน หรือเหมา 3 วัน 200 บาท โดยซื้อบัตรได้ที่บูธ Allticket หน้างาน วันที่ 25-27 ต.ค. เท่านั้น! ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram

แฟนมอเตอร์สปอร์ตเตรียมมันส์คูณสอง กับการชม ThaiGP เสร็จแล้วชมเกมฟุตบอลไทยลีกกันต่อ ในเกมระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ ลำพูน วอริเออร์ วันเสาร์ที่ 26 ต.ค. 2567 เวลา 18.00 น. ฟรี!

“ชิพ-นครินทร์” นำทัพนักบิด “ไทยฮอนด้า” เดินหน้าล่าแชมป์ มาเลเซีย ซูเปอร์ไบค์ สนาม 3

ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในศึก มาเลเซีย ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2024

“ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตดาวบิดโมโตทรีชาวไทยจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ พร้อมด้วยกองทัพดาวรุ่งอย่าง “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ และ “อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ พร้อมเต็มร้อยลงลุยศึก มาเลเซีย ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 สนาม 3 ในสุดสัปดาห์นี้ ที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 11-13 ตุลาคมนี้

ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ตัดสินใจเดินหน้าหาความท้าทายใหม่ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับนักบิดดาวรุ่งกับสนามแข่งระดับโลกให้หลากหลายมากขึ้น ด้วยการส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในศึก มาเลเซีย ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 ซึ่งรวมเอานักบิดแถวหน้าของเอเชียไว้หลายคน รวมถึงการลงบิดในสนามสุดหินอย่าง เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่มีคาแรคเตอร์หลากหลาย จนถูกวางเป็นสนามทดสอบหลักของศึก โมโตจีพี

โดยสุดสัปดาห์นี้จะเป็นการแข่งขันสนามที่ 3 ของฤดูกาล ซึ่งทัพนักบิดจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ก็สร้างผลงานอย่างโดดเด่น นำโดย “ชิพ-นครินทร์” ในรุ่น MSBK1000 ด้วยการพารถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 41 คว้าชัยชนะ 2 เรซติดต่อกันจากสนามล่าสุด รั้งจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสม มีทั้งสิ้น 74 คะแนน

ส่วนในรุ่น MSBK600 “มิกซ์-ธนัช” ฉายแววยอดเยี่ยมกับรถแข่ง Honda CBR600RR หมายเลข 31 ขึ้นโพเดียมมาแล้วถึง 3 ครั้ง รั้งรองจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสม มีทั้งสิ้น 52 คะแนน

นอกจากนี้ ยังส่ง 2 ดาวรุ่งจากโครงการ ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ ลงแข่งขันในรุ่น MSBK250 ซึ่ง บิดรถแข่ง Honda CBR250RR “ไฮเปค-กฤษฎา” หมายเลข 7 คว้าโพเดียมมาครองได้จาก 2 เรซแรกที่ลงแข่งขัน ทะยานขึ้นมารั้งท็อป 7 บนตารางคะแนนสะสม มีทั้งสิ้น 36 คะแนน แม้จะไม่ได้ลงแข่งสนามแรกก็ตาม ส่วน “อุ้ม-นพรุธพงษ์” หมายเลข 8 มีทั้งสิ้น 20 คะแนน เก็บคะแนนได้ทั้งสองเรซ

ทั้งนี้ ทัพนักบิดไทยฮอนด้าผ่านการซ้อม 2 ครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม ก่อนจะจับเวลารอบควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ตในช่วงสายวันเสาร์ที่ 12 ตุลาคมนี้ และดวลความเร็วเรซแรกในบ่ายของวันเดียวกัน เริ่มต้นด้วยรุ่น MSBK250 เวลา 13.05 น. ต่อด้วย MSBK600 เวลา 13.50 น. ปิดท้ายวันด้วย MSBK1000 เวลา 14.40 น. ตามเวลาประเทศไทย ส่วนเรซที่ 2 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคมนี้ ในช่วงเวลาเดียวกันของทุกรุ่น ถ่ายทอดสดทาง https://www.facebook.com/malaysiasbk

#HondaRacingThailand #Chip41 #Mix31 #Aum8 #HiPeck7

#MSBK2024 #TheNewChallenge #RaceToTheChampion

“ไทยฮอนด้า” ส่ง “ก้อง-สมเกียรติ” สู่นักบิดโมโตจีพีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์! 

“ไทยฮอนด้า” ประกาศความสำเร็จระดับโลก! สานฝันความภูมิใจของคนไทย 

“ไทยฮอนด้า” ผู้นำอันดับหนึ่งวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ประกาศความภูมิใจกับความสำเร็จสุดยิ่งใหญ่ เมื่อ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ได้รับโอกาสเป็น “คนไทยคนแรกที่ขยับขึ้นแข่งขันในศึกสองล้ออันดับหนึ่งของโลกในคลาสสูงสุดอย่าง “โมโตจีพี” ในฤดูกาล 2025” ตอกย้ำความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม“ ที่เป็นไปตามเป้าหมายที่เคยประกาศไว้ ลั่นเดินหน้าให้โอกาสและพัฒนานักแข่งรุ่นใหม่สู่เวทีระดับโลกอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดตัวลายรถแข่งเวอร์ชั่นพิเศษที่ใช้ในการไล่ล่าแชมป์โฮมเรซของ “ก้อง-สมเกียรติ” ต่อหน้าแฟนชาวไทย พร้อมส่งมอบประสบการณ์ระดับโลกให้กับแฟนๆ ชาวไทย ผ่านกิจกรรมต่างๆ มากมาย ชวนแฟนชาวไทยร่วมพลังส่งแรงใจเชียร์นักแข่งไทยในศึก “พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์” ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ วันที่ 25-27 ตุลาคมที่จะถึงนี้

บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), สมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย (FMSCT), ฮอนด้า เรซซิ่ง คอร์เปอร์เรชั่น (HRC), ทีม อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ (IDEMITSU Honda LCR) และ สนามช้าง  อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต แถลงข่าวความสำเร็จของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยในการสนับสนุน “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักแข่งรถชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ เข้าร่วมการแข่งขันในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ในฤดูกาล 2025-2026

โดยในงานแถลงข่าวครั้งนี้ มี ดร.อารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, นายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย, นายธงชัย วงศ์สวรรค์ ประธานสมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย, นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต, มร. ยูซึรุ อิชิคาว่า General Manger Motorcycle Racing Division/ Honda Racing Corporation (HRC), มร. ลูซิโอ เชคคิเนลโล่ Team Manager IDEMITSU Honda LCR และ มร. ยูอิจิ คุโจ President บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด ในนามโกลบอลสปอนเซอร์ เข้าร่วมประกาศความสำเร็จพร้อมสนับสนุนนักบิดไทยอย่างเต็มที่

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เริ่มต้นความฝันการเป็นนักแข่งระดับโลก จากการเข้าร่วมโครงการ Honda Racing School ในปี 2007 ตอนอายุ 9 ขวบ และใช้เวลาเพียง 5 ปีกวาดรางวัลในการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบในประเทศไทย กระทั่งได้รับโอกาสจาก Dorna ผู้จัดการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบระดับโลก ให้เข้าสู่เส้นทาง “Road To MotoGP” ในรายการ Asia Talent Cup โครงการสร้างนักแข่งดาวรุ่งเอเชีย ในปี 2014 ก้าวขยับขึ้นเป็นนักแข่งระดับโลกในรุ่น Moto2 ในปี 2019 สังกัด IDEMITSU Honda Team Asia พร้อมยกระดับความสามารถของตัวเองอย่างต่อเนื่อง คว้าชัยชนะครั้งแรกใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ในปี 2022 ที่ อินโดนีเซีย จากนั้นนักบิดไทยเดินหน้าสร้างผลงานอย่างโดดเด่น เก็บมาได้ทั้งสิ้น 6 โพเดียม และ 2 ชัยชนะ ก่อนจะได้รับโอกาสสำคัญและเซ็นสัญญากับทีม อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ยอดทีมแข่งในศึก โมโตจีพี ขยับขึ้นสู่การแข่งขันระดับพรีเมียร์คลาส รุ่นใหญ่ที่สุดของโลก ในฤดูกาล 2025 โดยนับเป็นนักแข่งรถชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกในการแข่งขันระดับ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์”

มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ไทยฮอนด้ารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการกลับมาอีกครั้งของไทยจีพีที่บุรีรัมย์ เพราะนี้คือรายการแห่งปีที่ทุกคนรอคอย นับเป็นความภาคภูมิใจของไทยฮอนด้าที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันนี้ เราพร้อมแล้วที่จะส่งมอบสุดยอดประสบการณ์ให้กับแฟนๆ ชาวไทย กับสองนักแข่งไทยจากโครงการ ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม เข้าร่วมการแข่งขัน นั่นคือ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในรุ่นโมโตทู และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ในรุ่นโมโตทรี และนักแข่งเยาวชนรุ่นใหม่ในรายการ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ เช่นเดียวกับการจัดเตรียมกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ ได้ร่วมสนุก เปิดประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับโลกไปด้วยกันกับเรา และวันนี้อีกหนึ่งความภูมิใจของเราคือการได้ร่วมยินดีกับความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ได้รับโอกาสให้เป็นนักแข่งโมโตจีพีในปีหน้า นับเป็นนักแข่งไทยคนแรกที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในระดับสูงสุด สมเกียรติ จันทรา ถือเป็นฮีโร่ของคนไทยอย่างแท้จริง คือความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณ การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สปอนเซอร์ผู้สนับสนุน สื่อมวลชนทุกท่านที่ได้ร่วมกันผลักดันจนความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้จริง และต้องขอขอบคุณทาง ฮอนด้า เรซซิ่ง คอร์เปอร์เรชั่น (HRC) และ อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ (IDEMITSU Honda LCR) เป็นอย่างสูง ที่เชื่อมั่นในตัว “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในการไล่ล่าความฝัน ในขณะที่ไทยฮอนด้าพร้อมยืนเคียงข้าง เราจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้ก้องประสบความสำเร็จในการแข่งขันโมโตจีพี ความสำเร็จของโครงการ ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม ไม่ได้ทำให้เราหยุดนิ่ง จากนี้ ไทยฮอนด้าพร้อมทุ่มเททรัพยากรและแรงกายแรงใจในการสร้างนักแข่งรุ่นใหม่ๆ เราคาดหวังที่จะได้พบ และปลุกปั้นนักแข่งดาวรุ่งที่จะมาเป็น สมเกียรติ จันทรา คนต่อๆไป ขอขอบคุณทุกแรงสนับสนุนและความเชื่อมั่นที่มีให้กับฮอนด้า ด้วยความร่วมมือของพวกเราทุกคน เราจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ๆ ได้อย่างไม่รู้จบ”

ขณะเดียวกัน ภายในงานแถลงข่าวยังสร้างความเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวรถแข่งลายพิเศษเพื่อลุยศึกสนามโฮมเรซ “พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์” ครั้งนี้ ของ “ก้อง-สมเกียรติ” ที่มีการออกแบบมาเฉพาะอย่างสวยงาม ซึ่งถูกออกแบบโดย ดีไซน์เนอร์ จาก Honda R&D Southeast Asia ที่นำเสนอดีไซน์จากแรงบันดาลใจของ “ก้อง” ที่อยากนำเสนอถ่ายทอดความเป็นตัวตนของตัวเองให้ได้มากที่สุด โดย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เกิดปีเสือ จึงเป็นที่มา ของชื่อ “พยัคฆ์คำราม” โดย “พยัคฆ์” สำหรับคนไทยหมายถึงคนที่มีความพิเศษกว่าคนอื่น “คำราม” หมายถึงการประกาศศักดา หรือประกาศศักยภาพออกมาให้ทุกคนได้รับรู้ การออกแบบลวดลายเสือบนตัวรถแข่ง จะออกแบบผ่าน 3 Keyword คือ Strong, Dynamic และ Powerful ใช้โทน สี ดำ ขาว แดง ของลายเส้นให้ความรู้สึก Aggressive บวกกับความ Powerful เข้าไป สำหรับตัวเลข 35 ต่อยอดมาจากครั้งที่แล้ว โดยออกแบบให้แสดงออกถึงความเป็นไทย ผสมผสานกับความร้อนแรงของโทนสี ครั้งนี้ยังมี Gimmick ของความเป็นเด็กชลบุรี โดยมีลวดลายบรรยากาศของเมือง “พัทยา” เข้ามาผสมผสาน และตอนนี้เสือตัวนี้พร้อมแล้วที่จะออกไปล่าชัยชนะในไทยจีพีกับ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา

ทั้งนี้ ฮอนด้าพร้อมเปิดโอกาสให้แฟนความเร็วชาวไทยเข้ามามีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมที่มีมากมายในไทยจีพี 2024 ที่จะถึงนี้ อาทิ  EV Shuttle ที่พร้อมรับ-ส่งชาวมอเตอร์สปอร์ตจากโซน Welcome Area ด้วย Honda EV Bike ตามมาด้วย Honda stand ที่จะส่งมอบประสบการณ์เชียร์เต็มรูปแบบให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตได้เชียร์นักบิดฮอนด้าไปพร้อมๆกัน พิเศษสุดด้วย Honda Exhibition Hall ติดแอร์ ที่จะเปิดโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ตให้แฟนๆ ชมรถแข่งระดับตำนาน World Champion ที่คว้าชัยชนะมาแล้วจากทั่วโลก ทั้งทางเรียบและทางฝุ่น พร้อม Moto Trainer ทดลองขับขี่สัมผัสประสบการณ์เป็นนักแข่ง และ Meet and Greet กับนักแข่ง MotoGP อย่าง ลูก้า มารินี, โจอัน เมียร์, โยฮันน์ ซาร์โก และ ทาคาอากิ นาคากามิ รวมถึงขวัญใจนักบิดไทย “ก้อง-สมเกียรติ” และ “ก๊องส์-ธัชกร” ในคืนวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม นี้ และกิจกรรม Honda Carnival ที่จัดเต็ม ทั้งคลับ Honda Wing Center, Honda BigBike และ CUB House พร้อมชมคอนเสิร์ต The Joker Family อาหารดังบุรีรัมย์ ดนตรีสด ถ่ายทอดสดฟุตบอล และ พิเศษ สำหรับ แฟน BigBike กับการนอนรถบ้านติดแอร์ รวมถึงกิจกรรม Test Riding Honda BigBike, CUB House หลากหลายรุ่น

#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #HondaRacingThailand #Motorsport #MotoGP #HondaBigBike #ExcitesTheWorld #HondaRacingCorporation #HRC #RepsolHondaTeam #JM36 #LM10 #LCRHondaTeam #LCRHonda #TN30 #JZ5 #Moto2 #IdemitsuHondaTeamAsia #SC35 #Kong #Moto3 #TB5 #ThaiGP2024 #PTGrandPrixofThailand2024 #HondaNo1 #RaceToTheOne #เชียร์ไทยให้เป็นหนึ่ง

ไทยฮอนด้า ส่งทีมเยาวชนไทยชิงแชมป์การแข่งขันรถประหยัดเชื้อเพลิงระดับนานาชาติที่ญี่ปุ่น

งาน Soichiro Honda Cup 2024 Honda Eco Mileage Challenge ครั้งที่ 43
ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ในประเทศไทย เตรียมส่ง 2 ทีมเยาวชนเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันรถประหยัดเชื้อเพลิงระดับนานาชาติในรายการ “Soichiro Honda Cup 2024 Honda Eco Mileage Challenge 43rd National Competition” ที่สนามทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 12-13 ตุลาคม 2567
สำหรับทีมเยาวชนไทยทั้ง 2 ทีมที่ไทยฮอนด้า เป็นผู้สนับสนุนในการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ก็คือ ทีม ‘NMVC 2’ จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเทศบาลนครปฐม แชมป์จากระดับอาชีวศึกษา และทีม ‘ตะโกราย.2’ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา แชมป์จากระดับอุดมศึกษา ซึ่งเป็น 2 ทีมที่สามารถทำคะแนนได้สูงสุดในรายการแข่งขัน Honda Eco Mileage Challenge 2024 ของไทยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยการแข่งขันนี้จัดขึ้นภายใต้โครงการ ‘ไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย’ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพเยาวชน ควบคู่กับการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงาน
สำหรับกิจกรรม Honda Eco Mileage Challenge ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้ออกแบบและประดิษฐ์ยานพาหนะที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด อีกทั้งยังได้ทดลองเพื่อศึกษาทำความเข้าใจการทำงานของเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI ของฮอนด้าอย่างถ่องแท้ ทำให้เยาวชนไทยได้แสดงความสามารถด้านนวัตกรรม ไปพร้อมกับสร้างวิศวกรคุณภาพรุ่นใหม่ให้กับประเทศไทยในอนาคตด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ร่วมส่งพลังแรงใจให้ทีมเยาวชนไทยคว้ารางวัลชิงแชมป์กลับมาได้สำเร็จ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.hondaeconothai.com
ติดตามความเคลื่อนไหวของกิจกรรมจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้ที่
#ฮอนด้าประหยัดเชื้อเพลิง #HondaEcono #HondaEcoMileageChallenge
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda

ไทยยามาฮ่า ฉลอง 60 ปี สานต่อความปลอดภัย ส่งมอบหมวกนิรภัยขนาดเล็กที่ได้รับมาตรฐานการผลิต จำนวน 500 ใบ ให้กับกรุงเทพมหานคร

หมวกกันน็อกขนาดเล็กที่ได้รับมาตรฐานการผลิต จำนวน 500 ใบ

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วย มร.ฮิเดฮิโกะ ทาคากิ รองประธานกรรมการบริหาร และผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ร่วมกันส่งมอบหมวกกันน็อกขนาดเล็กที่ได้รับมาตรฐานการผลิต จำนวน 500 ใบ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 175,000 บาท โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายไวทยา นวเศรษฐกุล รอง ผอ.สำนักการจราจร และขนส่ง (รักษาการผู้อำนวยการ) และนายสิทธิพร สมคิดสรรพ์ รอง ผอ.สำนักการจราจร ร่วมรับมอบ โดยหมวกกันน็อกจำนวนดังกล่าวจะนำไปแจกจ่ายให้กับโรงเรียนต่างๆ ในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และกระจายสู่ประชาชนในกรุงเทพมหานครต่อไป

สำหรับการมอบหมวกกันน็อกขนาดเล็กจำนวน 500 ใบในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 60 ปี บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ภายใต้โครงการ “หมวกกันน็อกยามาฮ่าขนาดเล็กเพื่อสังคม” จึงได้ผลักดันในการผลิตหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อเยาวชนและสตรีที่มีขนาดศีรษะที่เล็กได้ใช้งานหมวกที่ได้มาตรฐานในการผลิต และสามารถป้องกันศีรษะเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี

โดยการส่งมอบในครั้งนี้มีขึ้น ณ โถงหน้าห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เมื่อเร็วๆ นี้

โซ่ “TURANO” ทน คุ้มค่า และ น่าใช้ที่สุดแล้วในเวลานี้

TURANO 420VTL & 428HDN… The best quality chain

Daido Sittipol ผู้ผลิตโซ่-สเตอร์ OEM & Aftermarket ที่มีมาตรฐานการผลิตและคุณภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ตอบสนองกระแสตลาดโซ่รถจักรยานยนต์พิกัดไม่เกิด 125 ซีซี. โดยเปิดตัวแบรนด์ TURANO โซ่รถจักรยานยนต์แบรนด์ใหม่เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ารถจักรยานยนต์ขนาดเล็กซึ่งมีอยู่จำนวนมาก โดยโจทย์ที่ได้นั้นมีอยู่ว่า… วัสดุต้องมีคุณภาพ ตัวงานต้องมีมาตราฐาน ราคาสามารถเข้าถึงง่าย กลุ่มเป้าหมาย 100-125 ซีซี. สามารถใช้งานได้ยาวนาน โดยโซ่ TURANO นั้น ปัจจุบันมีวางจำหน่ายในตลาด 2 รุ่น ได้แก่ TURANO 420VTL และ 428HDN ซึ่งสามารถตอบสนองครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้งานได้ทุกครบถ้วน

TURANO 420VTL เปิดราคาเริ่มต้นไว้ที่ 250 บาท โดยเป็นโซ่แบบปิดผนึก(Sealed Chain) เป็นระบบที่ช่วยป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกอื่นๆ ไม่ให้เข้าสู่ข้อต่อโซ่ ทำให้ช่วยลดการสึกหรอ สามารถใช้งานได้ยาวนาน มีความยาว 104-130 ข้อโซ่ และมีน้ำหนักเพียง 0.56 กก. เท่านั้น และยังมีเทคโนโลยี T-Ring ที่มีซีลยางรูปตัว “T” ทำหน้าที่กักเก็บน้ำมันหล่อลื่น ช่วยลดการเสียดทาน และการสึกหรอระหว่างการทำงานของโซ่ ซึ่งเทคโนโลยี T Ring นี้ ยังกักเก็บน้ำมันหล่อลื่นได้ดีกว่าแบบ O-Ring ทำให้โซ่มีความยืดหยุ่นสูง และลดความดังของเสียงระหว่างโซ่ทำงานได้ดีอีกด้วย

TURANO 428HDN รุ่นนี้เปิดราคาเริ่มต้นไว้ที่ 160 บาท ซึ่ง 428HDN เป็นโซ่แบบข้อหนา แต่มีน้ำหนักเบา มีคุณสมบัติให้ตัวได้ดี และตัวโซ่มีขนาดเอวเล็ก ทําให้ไม่ติดบังโซ่ และหนา 2.0 มิลลิเมตร เป็นโซ่คุณภาพที่ราคาเป็นมิตรมาก ทั้งนี้เมื่อรวมกับเทคโนโลยี Solid bush หรือปลอกสลักไร้รอยต่อ ที่ช่วยให้ทนทานต่อการสึกหรอ เป็นปลอกสลักที่เรียบกลมไร้รอยยต่อ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้โซ่ TURANO 428HDN มีความอึด ถึก ทน ใช้งานกันไปแบบยาวๆ

การทดสอบการใช้งานจริงกับ TURANO 420VTL เราพบว่า… ตัวโซ่มีความเงียบใช้ได้เลยทีเดียวเมื่อวิ่งออกทริป เรื่องเสียงดังสร้างความพะว้าพะวัง หรือหงุดหงิดเสียอารมณ์ระหว่างขับขี่เพลินๆ เป็นอันตัดทิ้งไปได้เลย และยังรู้สึกว่ามีความลื่นไหลของโซ่ได้ดีตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะในอากาศร้อนแดดจัด ฝนตกอากาศชื้น หรือเมื่อใช้ความเร็วเต็มพิกัด TURANO 420VTL ก็ยังให้อารมณ์ลื่นไหลได้ดีทุกสถานการณ์

การถ่ายทอดกำลังของ TURANO 420VTL ทั้งทางราบ และทางชัน สามารถส่งเรี่ยวแรงจากเครื่องยนต์สู่ล้อได้อย่างเต็มกำลัง แม้การลดเกียร์ระหว่างรถมีความเร็ว โซ่สามารถดูดซับการกระชากตัวได้ดี ทำให้ลดอาการลากรอบได้ประมาณหนึ่ง แถมเมื่อกลับมาตรวจสอบสภาพโซ่เมื่อจบทริปแล้วเราก็พบว่าโซ่ยังคงอยู่ในสภาพดีงาม ไม่มีอาการโซ่ยืดให้ได้เห็น จึงน่าจะพอสรุปได้ว่า… โซ่รถจักรยานยนต์ TURANO 420VTL ให้สัมผัสระหว่างใช้งานทั้งเงียบ และลื่นไหล ส่วนการถ่ายทอดกำลังสามารถส่งผ่านกำลังลงสู่ล้อได้ดีเยี่ยมทั้งแรงบิด/ความเร็ว ทั้งยังมีส่วนในการซับแรงกระชากจากอัตราเร่งแบบทันทีทันใดได้อีกด้วย และในส่วนของความทนทาน เราสามารถบอกได้ว่าอัตราการยืดของโซ่นั้นอยู่ในเกณฑ์ที่น้อยมาก ทำให้อายุการใช้งานหรือระยะเวลาการบำรุงรักษายิ่งนานขึ้นตามไปด้วย โซ่รถจักรยานยนต์ TURANO 420VTL จึงเป็นโซ่ที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงพี่ๆ ไรเดอร์ที่วิ่งงานยาวๆ จึงเรียกได้ว่าโซ่ “TURANO” เป็นโซ่ที่คุ้มค่า และน่าใช้ที่สุดแล้วในเวลานี้

ฟรานเชสโก บันยาญาคว้าชัย สปริ้นท์เรซ ที่ โมเตกิ

บาสเตียนินี และมาร์ค มาร์เกซ เข้ามาเป็นที่ 2 และ3 ตามลำดับ

ฟรานเชสโก บันยาญา ทีมดูคาติ เลโนโว นักแข่งชาวอิตาเลียนได้คว้าชัยชนะในการแข่งขัน Tissot Sprint การแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกรายการ Motul Grand Prix of Japan ทำให้ช่องว่างคะแนนในการชิงแชมป์ลดลงเหลือเพียง 15 คะแนน ก่อนการแข่งขันในวันอาทิตย์

บรรยากาศตึงเครียดบนกริดสตาร์ท ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวนตลอดทั้งวันและมีฝนตกปรอยๆ ทำให้การแข่งขัน Tissot Sprint ครั้งนี้น่าจดจำ บันยาญาออกสตาร์ทอย่างสมบูรณ์แบบ พุ่งขึ้นนำในการเข้าโค้งที่ 1 นักแข่งหมายเลข 1 เร่งความเร็วทันที ขณะที่เปโดร อคอสต้า ทีมเรดบูล GASGAS Tech3 สตาร์ทจากกริดที่หนึ่งตกไปอยู่อันดับ 3

อย่างไรก็ตาม อคอสต้าเริ่มตั้งลำได้ไล่กลับมา แซงบาสเตียนินีขึ้นมาอยู่อันดับ 2 และเริ่มทำความเร็วแซงขึ้นเป็นผู้นำในรอบที่ 3 ในขณะเดียวกัน มาร์ติน ฝ่าฝูงจากแถวที่ 4 มาอยู่อันดับ 5 โดยมีมาร์ค มาร์เกซ อยู่ด้านหลัง ไม่นานนักหมายเลข 93 ก็แซงขึ้นมาแทนอันดับ 5 ทำให้มาร์ตินตกไปอยู่อันดับ 6

ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้นำ อคอสต้าทิ้ง นำ บันยาญา ไปประมาณ 0.4 วินาที และเกิดหายนะกับอคอสต้า เมื่อเขาล้มจากการนำในการแข่ง Sprint ในรอบที่ 9 ทำให้บันยาญา ขึ้นมาเป็นผู้นำทันที ทิ้งห่างเพื่อนร่วมทีม บาสเตียนินีไป 0.7 วินาที และถูกกดดันอย่างหนักจากมาร์ค มาร์เกซในอันดับ 3

จากความได้เปรียบ 1 วินาที ซึ่งถูกไล่มาเหลือน้อยกว่า 0.2 วินาที ทำให้เป็คโก้ คว้าชัยชนะในการแข่งขัน Tissot Sprint บาสเตียนินี เข้ามาเป็นในอันดับ 2 ซึ่งปฏิเสธการกลับมาของมาร์ค มาร์เกซ ที่เข้าเป็นที่ 3 มาร์ตินคว้าอันดับ 4 เอาชนะเพื่อนร่วมทีมฟรังโก มอร์บิเดลลี่ ทีมพริมา พรามัค เรซซิ่ง โดยหมายเลข 21 ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน ฟาบิโอ ดิ จานนันโตนิโอ ทีมเพอร์ตามินา เอ็นดูโร VR46 เรซซิ่ง คว้าอันดับ 6 โดยทิ้งห่างอเล็กซ์ มาร์เกซ ทีมเกรซินี่ เรซซิ่ง MotoGP™ ไป 0.120 วินาที ส่วน แจ็ค มิลเลอร์ ทีมเรดบูล KTM แฟคทอรี่ เรซซิ่ง และมาเวริค บียาเลส ของทีมอาพริเลีย เรซซิ่ง คว้าตำแหน่งสุดท้ายที่ได้คะแนน

เครดิต : MotoGP™ | News

พร้อมกระหึ่ม! “โมโตจีพี” ปีที่5 บนแผ่นดินไทย พร้อมเปิดตัวถ้วยรางวัล ThaiGP2024

รัฐ-เอกชนผนึกแถลงนับถอยหลังสู่กรังด์ปรีซ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก 

รัฐบาลไทยผนึกภาคเอกชน แถลงความพร้อมโค้งสุดท้ายสู่สุดยอดศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก “PT Grand Prix of Thailand 2024”  ที่แฟนความเร็วทั่วโลกรอคอย ชูความพร้อมเดินเครื่องเต็มระบบ บูรณาการความร่วมมือทุกมิติ พร้อมเปิดตัวโทรฟี่ ThaiGP สง่างามด้วยธีม “บัลลังก์เจ้าแห่งความเร็ว” สไตล์ไทยโมเดิร์นผสานความงดงามปราสาทหินพนมรุ้ง โดยมีการนำชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซค์มาเป็นส่วนหนึ่งของถ้วยรางวัล กลางถ้วยมีสัญลักษณ์การพนมไหว้ “สวัสดี” สื่อถึงการต้อนรับอันอบอุ่นและการให้ความเคารพในแบบไทย เผยภายในงานจะได้พบกับจุดไฮไลท์ใหม่ Thai Thai Pavilion นำเสนอเสน่ห์แบบไทยสุดอลังการ 25-27 ต.ค.นี้ที่ จ.บุรีรัมย์ การันตีชื่อชั้นความมันส์ พร้อมสร้างความประทับใจและความสุขครบเครื่องระดับโลกสู่แฟนกว่า 800 ล้านคนทั่วโลกแล้ว

 

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวนับถอยหลังการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ PT Grand Prix of Thailand 2024” ศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก  ระหว่าง 25- 27 ตุลาคม 2567 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

 ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้สนับสนุนภาครัฐและเอกชน นำโดย, จังหวัดบุรีรัมย์, การท่องเที่ยวแห่ง  ประเทศไทย, กรมการขนส่งทางบก, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด (ดูคาติ ไทยแลนด์) รวมทั้ง อินฟลูเอนเซอร์ แพร ทวินันท์ เพิ่มพูน และ  ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ทัพสื่อมวลชน-ผู้สนับสนุนร่วมงานมากมาย


พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว “ถ้วยรางวัลการแข่งขันหรือโทรฟี่” ThaiGP ประจำปี 2024 ด้วยธีม “บัลลังก์เจ้าแห่งความเร็ว” ลักษณะไทยโมเดิร์น ผสานความงดงาม “ปราสาทหินพนมรุ้ง” ส่วนกลางถ้วยมีสัญลักษณ์การพนมไหว้ “สวัสดี” สื่อถึงการต้อนรับอันอบอุ่นและการให้ความเคารพในแบบไทย “ตัวเลข ๑ ของไทย” อยู่ตรงกลางและด้านล่างจะเป็นลวดลายไทย ส่วนวัสดุของตัวถ้วยมีการดัดแปลงนำ “ชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซค์” มาเป็นส่วนหนึ่งของถ้วยรางวัล เช่น ตัวน็อต และ เฟรมอลูมิเนียม 5 แผ่น สื่อถึงการจัดการแข่งขันโมโตจีพีที่ประเทศไทยเป็นปีที่ 5 ด้วยสีทองและดำที่เป็นสีแห่งเกียรติยศ ความแข็งแกร่ง ความสง่าและทรงคุณค่า การออกแบบสอดผสานความงดงามแบบไทยสู่สายตาชาวโลก

 

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โมโตจีพี ถือเป็นการแข่งขันกีฬาระดับโลกรายการใหญ่ที่สุดที่มีการจัดในประเทศไทย มีผู้ติดตามชมมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก โอกาสสำคัญที่จะได้แสดงศักยภาพมาตรฐานการจัดแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติฝีมือคนไทยและพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬาไทยในทุกมิติ รวมทั้งช่วยผลักดันการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยไปสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง

“นับถอยหลังอีกเพียงไม่ถึง 1 เดือน จะเข้าสู่สุดสัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตไทย จากความร่วมแรง    ร่วมใจของหน่วยงานทั้งส่วนกลาง-ภูมิภาค ภาคเอกชน-ประชาชนที่ร่วมกันวางแผนงานเป็นอย่างดีนั้น จะทำให้การจัดการแข่งขันในครั้งนี้จะบรรลุเป้าหมายตามที่รัฐบาลตั้งไว้ รวมทั้งทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างราบรื่นและประทับอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป เป็นสนามแข่งขันที่ถูกยกย่องว่าที่ดีสุด มีความสุขที่สุดในโลก ครบเครื่อง คุ้มค่าที่สุด ตามเป้าหมายสำคัญของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะใช้ “มหกรรมกีฬา” ในการเป็นแรงส่งสู่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องทั้งระบบ สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม”

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTGกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 5 ของการแข่งขันโมโตจีพีบนผืนแผ่นดินไทย แต่เป็นปีแรกของ PTG ในฐานะ Title Sponsor  รายใหม่ของการแข่งขัน ยาวนานต่อเนื่องถึง 3 ปี สิ่งหนึ่งที่ทาง PTG มองว่าสำคัญไม่แพ้กันคือการได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาประเทศไทยตามสโลแกน “บริษัทพลังงานของคนไทย เพื่อเติมความสุขให้คนไทยอยู่ดีมีสุข” นั่นคือการได้ประชาสัมพันธ์ประเทศสู่สายตาคนทั่วโลก แสดงศักยภาพคนไทยและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของคนในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง

“ขอเชิญชวนทุกท่านให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ระดับโลก ในสีสันที่แตกต่างออกไปในครั้งนี้ ภายใต้กิจกรรมมากมายที่เตรียมไว้ต้อนรับที่ PTG Pavilion โดยได้ยกทัพแบรนด์ในเครือของ PTG ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น PT Station, PT Maxnitron, Autobacs, กาแฟพันธุ์ไทย, Coffee World, Max Card Plus ฯลฯ ขนสิทธิพิเศษ ของรางวัล และกิจกรรมสนุกๆ ให้ร่วมลุ้น แลก แจก ชม ช็อป อย่างเต็มอิ่มจุใจ รวมทั้งกิจกรรมสุด Exclusive ที่แฟนๆ จะได้กระทบไหล่นักแข่งคนดังทุกรุ่นแบบใกล้ชิด ซึ่งจะมีที่ PTG Pavilion ที่เดียวเท่านั้น คือ กิจกรรม Hero Walk และ Meet and Greet ซึ่งจะมีนักแข่งจากทุกคลาสไม่ว่าจะเป็น MotoGP Moto2 Moto3 แฟนๆ จะสามารถ ถ่ายภาพและขอลายเซ็นได้อย่างใกล้ชิด โดย PTG มุ่งมั่นและตั้งใจ ที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่แฟนมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วโลกได้มาสัมผัสกับประสบการณ์อันยิ่งใหญ่นี้ด้วยกัน”

นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง กล่าวว่า หนึ่งในไฮไลต์ของการจัดโมโตจีพีวิถีไทยที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุด นอกจากจะได้ชมเรซที่สนุกสุดมันส์ แฟนความเร็วจากทั่วโลกยังได้สนุกสนานไปกับกิจกรรมบันเทิงในรูปแบบของมอเตอร์สปอร์ตเฟสติวัล ซึ่งน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง เตรียมจัดเต็มความสนุกตลอดทั้ง 3 วัน บริเวณลานกิจกรรมเพื่อให้ผู้ชมได้สนุกเต็มอิ่ม ครบรส ได้แก่ ประสบการณ์สุด Exclusive ใน Chang House ที่จะได้รับชมการแข่งขันโมโตจีพีในเต็นท์ติดแอร์ขนาดใหญ่ วงดนตรี และดีเจ พร้อมมีผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติตราช้างบริการตลอดทั้งวัน

รวมทั้งคอนเสิร์ต Chang Music Connection ตลอด 3 วัน เริ่มต้นวันแรก วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พบกับ “ยังโอม” เจ้าพ่อฮิปฮอปขวัญใจวัยรุ่น และปิดท้ายค่ำคืนกับศิลปินลูกทุ่งขวัญใจชาวอิสาน อย่าง “ก้อง ห้วยไร่”, วันเสาร์ที่   26 ตุลาคม สนุกกันต่อกับการแข่งขัน “ศึกมวยไทย วิถีถิ่นไทย” โดยมีการประกบคู่ชกสุดมันส์ด้วยกันถึง 7 คู่ โดยมีไฮไลท์คู่เอกอยู่ที่ ยอดกตัญญู จิตรเมืองนนท์ ปะทะ เพชรสมาน ส.สมานการ์เมนท์ เอาใจแฟนมวยทั้งไทยและต่างชาติอย่างเต็มที่ และปิดท้ายค่ำคืนพบกับ “จ๊ะ นงผณี” ลูกทุ่งตัวแม่สุดเซ็กซี่  ส่วนวันสุดท้าย อาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม ปิดฉากโมโต จีพี 2024 ไปกับคอนเสิร์ตสุดมันส์จากศิลปินสุดกวนที่ยกมาทั้งแก็งอย่าง “แจ๊ส สปุ๊กนิค       ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก” และมียังมีจุดบริการ Chang Shuttle Station  บริการ “ชัตเติ้นแต๋น” นับร้อยคัน มาใช้ใน การรับ – ส่งผู้ชมสู่เซอร์กิต ซึ่งมีที่เดียวในโลก คอยรับส่งแฟนๆ กันแบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ด้านนายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า สนามช้างฯพร้อมเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะตลอดทั้งปีมีอีเวนต์ต่างๆ มากมาย ที่ต้องรองรับมาตรฐานระดับโลกทั้ง FIM และ FIA ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นผิวสนาม เจ้าหน้าที่บุคลากร หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่พรั่งพร้อม ซึ่งปีนี้จะมีจุดเล็กๆ ที่เพิ่มมิติการแข่งขันในสนุก เร้าใจมากยิ่งขึ้นก็คือเรื่อง Misano Curve ที่ปีที่แล้วได้ทำเพิ่ม 1 จุด และปีนี้เพิ่มเป็น 3 จุด ที่โค้ง 1 โค้ง 5 และโค้ง 8 ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันขับเคี่ยวกันสนุกยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ส่วนลานกิจกรรมปีนี้ยังได้พบกับครั้งแรกของ Thai Thai Pavilion ที่มีคอนเซ็ปต์ต่อยอดจากโมโตจีพีวิถีไทย ที่จะนำเสนอเสน่ห์ วัฒนธรรมของไทย ทั้งงานศิลปะ หัตถกรรม ของกิน ของฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน นอกจากนี้ด้านการอำนวยความสะดวกของผู้ชม จังหวัดบุรีรัมย์เป็นแกนหลักในประสานไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบขนส่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อาสาสมัคร และที่พัก เพื่อให้ทุกๆ อย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดรองรับแฟนความเร็วผู้มาเยือนให้มีช่วงเวลาที่สุดแสนจะประทับใจ รับรองว่ามาชมการแข่งขันที่สนาม สนุกกว่ารับชมที่จอโทรทัศน์ที่บ้านแน่นอน

ปีนี้เรียกได้ว่าจะเป็นปีที่มีความสุขที่สุดของแฟน MotoGP ประเทศไทย เพราะนอกจากจะได้เชียร์นักบิดระดับโลกที่ชื่นชอบ ยังได้เชียร์ “ก้อง สมเกียรติ จันทรา” นักบิดที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย แข่งขันทิ้งท้ายในรุ่น Moto2 ก่อนที่ในฤดูกาลที่จะถึงในปี 2025 นี้ จะได้ขยับไปแข่งขันในรุ่นใหญ่ที่สุดของโลก MotoGP ได้สำเร็จ เป็นคนไทย  คนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการกีฬารถจักรยานยนต์ของไทย

นอกจากนี้ยังมี PT Grand Prix of Thailand 2024 Expo ที่เนรมิตลานกิจกรรมด้านหน้าสนามช้างอินเตอร์-  เนชั่นแนลเซอร์กิต เป็นงานเอ็กซ์โปสำหรับคนมอเตอร์ไซค์ ตั้งแต่ 09.00-20.00 น. ตลอด 3 วันเต็ม โดยมีทั้งพาวิลเลียนขนาดยักษ์และร้านค้ารายย่อยมากมาย ได้แก่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), น้ำแร่ธรรมชาติ  ตราช้าง, ฮอนด้า, ยามาฮ่า, โตโยต้า, ดูคาติ, กรมการขนส่งทางบก โดย กปถ. ฯลฯ ที่พร้อมสร้างสีสัน ความสนุกให้แก่แฟนๆ ได้ช็อปสินค้าแบรนด์ดังมากมาย รวมทั้งครั้งแรกกับการเนรมิต Thai Thai Pavilion ได้ส้มผัสความสวยงามของวัฒนธรรมไทย ชม ชิมเลือกซื้อของดีของขึ้นชื่อ ร้านอาหารชื่อดังจากบุรีรัมย์และทั่วประเทศมาไว้ในงาน ครบจบที่เดียว โดยลานกิจกรรมนี้ผู้ถือบัตรชมการแข่งขันทุกประเภทเข้าชมฟรี หรือซื้อบัตรแอดมิชชั่น (ADMISSION) ราคา 100 บาทต่อวัน หรือเหมา 3 วัน 200 บาท

บัตรเข้าชมการแข่งขันยังสามารถหาซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนบัตรแอดมิชชั่น (ADMISSION)  ซื้อบัตรได้ที่บูธ All Ticket หน้างาน วันที่ 25-27 ต.ค. เท่านั้น! ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram