ยามาฮ่า จัดการแข่งขันทักษะช่างชั้นสูงชิงแชมป์ประเทศไทย

ยามาฮ่า ค้นหาตัวแทนสุดยอดช่างไทยไปทำการแข่งขันช่างระดับโลกที่ประเทศญี่ปุ่น

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร มร.ฮิเดฮิโกะ ทาคากิ รองประธานกรรมการบริหาร นายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า และวางแผนการตลาด นายกัมพล พรสูงส่ง รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขาย บริการ และอะไหล่ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับมร.ยูคิโอะ ทานากะ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการ บริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ในการเปิดการแข่งขัน YAMAHA THAILAND TECHNICIAN GRAND PRIX 2025

สำหรับการแข่งขัน YAMAHA THAILAND TECHNICIAN GRAND PRIX 2025 รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ ได้ทำการแข่งขันในระดับภูมิภาคโดยมีช่างผู้ชำนาญการของศูนย์บริการยามาฮ่าเข้าร่วมทำการแข่งขันจำนวน 721 คน และผ่าน เข้ารอบสุดท้ายจำนวน 30 คน มาทำการแข่งขัน ณ Yamaha Technical Academy (YTA) โดยมี 6 สถานีการแข่งขันตามมาตรฐานสถาบัน Yamaha Technician Academy (YTA) โดยผู้ชนะจะเป็นตัวแทนช่างผู้ชำนาญการไปทำการแข่งขัน WORLD TECHNICIAN GRAND PRIX 2025 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

สำหรับการแข่งขัน YAMAHA THAILAND TECHNICIAN GRAND PRIX 2025 รอบสุดท้ายมีขึ้น ณ Yamaha Technical Academy (YTA) บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เมื่อเร็วๆ นี้

“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” เก็บประสบการณ์ครั้งแรก สังเวียนสุดโหด “จูเนียร์จีพี” สนาม 2 ที่ เฮเรซ

“ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” นักบิดดาวรุ่ง “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” 

“ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ ยอดนักบิดดาวรุ่งจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ฝ่าด่านหินในศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลก “เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025” สนาม 2 ด้วยฟอร์มยอดเยี่ยมและยกระดับความเร็วตลอดทั้งสุดสัปดาห์ ก่อนบิดเก็บชั่วโมงบินครั้งแรกของชีวิตในสังเวียนสุดโหดอย่าง เซอร์กิโต เด เฮเรซ อังเคล นิเอ็ตโต้ ประเทศสเปน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา

ดาวรุ่งชาวไทยเจ้าของหมายเลข 85 จาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ทำความเร็วได้ดีในรอบควอลิฟาย ผ่าน Q1 ในอันดับที่ 1 และคว้ากริดที่ 14 ในสนามที่ไม่เคยลงแข่งมาก่อน ซึ่งเกมเรซแรกดวลทั้งสิ้น 15 รอบสนาม “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” ไล่บดกับคู่แข่งในกลุ่มกลางได้ดี ก่อนจะบิดเข้าป้ายในอันดับ 17 ด้วยเวลา 26 นาที 53.097 วินาที

ส่วนเรซที่ 2 สถานการณ์ในกลุ่มกลางยังเข้มข้นเหมือนเดิม โดยนักบิดดาวรุ่งชาวไทยจบการแข่งขันในอันดับ 17 อีกครั้ง ด้วยเวลา 27 นาที 9.355 วินาที รั้งอันดับ 17 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ มีทั้งสิ้น 4 คะแนน

ทั้งนี้ ศึก เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคมนี้ ที่ เซอร์กิต แม็กนีย์-คูร์ส ประเทศฝรั่งเศส

แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #Motorsport #JuniorGP #Maikiw #Maikiw85 #KS85

“ทัพนักบิดไทยยามาฮ่า” พลิกเกมสุดโหด ARRC “ไอเดีย-กฤตภัทร” ปลดล็อก คว้าชัยแรกที่ มาเลเซีย

 “ตี-อนุภาพ” โชว์ฟอร์มดุ ! แซงจากท้ายเบิ้ลโพเดียม

ทัพนักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย หลังพลิกสถานการณ์สุดหินสู่ฟอร์มสุดโหด โดย “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ ดาวรุ่งเลือดใหม่ของทีม แซงท้ายเรซคว้าชัยครั้งแรกในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ขณะ “ตี” อนุภาพ ซามูล โชว์ฟอร์มระดับมาสเตอร์ไล่กวดจากท้ายแถวขึ้นโพเดียมอันดับ 3 ทั้งสองเรซ ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี จากเรซสุดมันของรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนาม 2 เรซที่ 2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย

ไฮไลต์ของสุดสัปดาห์นี้ที่ มาเลเซีย อยู่ที่ 2 นักบิดจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม กับการทำงานหนักร่วมกับทีมหลังจากที่ต้องเจอสถานการณ์ยากลำบากในการแข่งขัน โดย “ตี” อนุภาพ ซามูล เจ้าของรถแข่ง YZF-R6 หมายเลข 500 ที่ไล่บู๊จากกริดที่ 15 ขึ้นมาคว้าโพเดียมอันดับ 3 จากเรซแรกของรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ยังคงต้องออกตัวจากท้ายแถวเหมือนเดิม

“ตี-อนุภาพ” เริ่มเกมเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย และวางแผนการขับอย่างละเอียด ค่อยๆ ไล่แซงคู่แข่งจนกระทั่งไต่ขึ้นมาเกาะกลุ่มหน้าในช่วงกลางเรซ ก่อนจะทะยานเข้าป้ายอันดับ 3 ด้วยเวลา 21 นาที 57.045 วินาที ตามหลังผู้ชนะเพียง 2.538 วินาที สร้างปรากฏการณ์คว้าโพเดียมได้ทั้ง 2 เรซ แม้จะออกตัวจากท้ายแถวก็ตาม รั้งรองจ่าฝูงบนตารางแชมเปียนชิพ เก็บแต้มเพิ่มเป็น 63 คะแนน ไล่จี้จ่าฝูงเหลือเพียง 4 คะแนนเท่านั้น

ขณะที่ “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ ที่อกหักจากเรซแรกของรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี เจ้าของรถแข่ง YZF-R3 หมายเลข 39 ก็หมายมั่นปั้นมือที่จะกลับมายืนบนโพเดียมให้ได้ โดยยังคงได้ออกตัวจากกริดที่ 5 และเริ่มเกมได้อย่างดุดันในกลุ่มหน้า

เกมในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ขึ้นชื่อว่าขับเคี่ยวอย่างดุเดือดไม่แพ้ โมโตทรี เวิลด์ แชมเปียนชิพ โดยตลอด 8 รอบ “ไอเดีย-กฤตภัทร” ไล่บดอย่างสุดมัน ก่อนชิงจังหวะรอบสุดท้ายบิดเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 19 นาที 28.544 วินาที คว้าชัยชนะครั้งแรกมาครองได้สำเร็จ พร้อมกับขยับขึ้นมารั้งอันดับ 4 บนตารางแชมเปียนชิพ มีทั้งสิ้น 45 คะแนน บีบระยะห่างเข้าไปหาจ่าฝูงเหลือ 38 คะแนน

ทั้งนี้ ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนามถัดไป จะดวลความเร็วระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคมนี้ ที่ โมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น

—————————-
#YamahaThailandRacingTeam
#RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #No1RacingTeam
#YamahaSocietyThailand #YamahaRidersclubThailand
#RaceMachine #ARRC2025 #TheBlueShif #YamahaR6 #AS51 #YamahR3 #KK39
#YamahaThailandRacingOfficial

“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ครองหัวแถวแชมเปี้ยนชิพ “ชิพ-นครินทร์” ท็อป 4 ASB1000

 นักบิดดาวรุ่งไทยยกระดับผลงาน SS600 ศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย ARRC 2025 สนาม 2 เรซที่ 2 ที่ มาเลเซีย

ผลการแข่งขันของทัพนักบิด Honda CBR Series 2025 ในศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย ARRC 2025 สนาม 2 เรซที่ 2 ณ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา

สำหรับรุ่นใหญ่สุดอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (ASB1000) เกมยากที่ท้าทายของเหล่านักบิดระดับท็อปของรายการ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ และยอดรถแข่ง Honda CBR1000RR-R 2025 หมายเลข 41 ออกสตาร์ตจากกริดที่ 7 ท่ามกลางแรงกดดันสามารถใช้ประสบการณ์บริหารเรซและยางได้เป็นอย่างดี คว้าท็อป 4 มาครองได้สำเร็จ เก็บคะแนนสะสมรวม 70 คะแนน รั้งอันดับที่ 2 ของตารางแชมเปี้ยนชิพ ตามหลังผู้นำอยู่เพียง 1 คะแนนเท่านั้น

ขณะที่ รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600) The Next Successor ดาวรุ่งนักบิดไทยและยอดรถแข่ง Honda CBR600RR 2025 พัฒนาจากประสบการณ์ยกระดับผลงานอย่างยอดเยี่ยม “ไฮเปค” กฤษฎา ธนะโชติ หมายเลข 18 ออกสตาร์ตจากกริดที่ 13 คว้าท็อป 10 ได้สำเร็จ รั้งอันดับที่ 12 ของตารางคะแนนสะสม มีทั้งสิ้น 22 คะแนน ด้าน “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 ออกสตาร์ตจากกริดที่ 14 ปลดล็อคตามเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 11 รั้งอันดับที่ 16 ของตารางคะแนนสะสม มีทั้งสิ้น 5 คะแนน และ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 31 ออกสตาร์ตจากกริดที่ 10 พยายามบิดขึ้นอยู่ในกลุ่มนำตั้งแต่โค้งแรก แต่โชคร้ายประสบอุบัติเหตุต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย รั้งอยู่อันดับที่ 8 ของตารางคะแนนสะสม มีทั้งสิ้น 36 คะแนน

ทั้งนี้ ศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย ARRC 2025 สนาม 2 ระหว่างวันที่ 11 – 13 กรกฎาคมนี้ ที่สนามโมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น

#ThaiHonda #Motorsport #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #ARRC2025 #AsiaRoadRacingChampionship2025 #HondaCBR #Chip41 #Kaowkong20 #Mix31 #HiPeck18 #Idemitsu #Sittipol #KrungsriAuto #YumYum #KELA #Kushitani #SHOWA #SKF #KOWA #NGK #DID #ARAI #RCB #RuamJaiRakHospital #GariGari #EEST #DiosDesign #Nissin

“ตี-อนุภาพ” โชว์ความเก๋า ! ไล่แซงโหด 12 คัน คว้าโพเดียม “ซูเปอร์สปอร์ต เอเชีย” ที่ มาเลเซีย

“ตี-อนุภาพ” ไล่แซงจากกริด 15 คว้าโพเดียมอันดับ 3 

“ตี” อนุภาพ ซามูล ยอดนักบิดมากประสบการณ์ชาวไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม โชว์ความเร็วและมาตรฐานระดับสูง ไล่แซงจากกริด 15 คว้าโพเดียมอันดับ 3 ในศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนาม 2 เรซแรกของรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ที่ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รั้งรองจ่าฝูงบนตารางแชมเปียนชิพ เส้นทางลุ้นแชมป์ยังเปิดกว้าง

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนามที่ 2 ดวลความเร็วเรซแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย โดยนับเป็นอีกหนึ่งเรซที่พิสูจน์ความสามารถของทีมไทยอย่าง “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม”

โดยเฉพาะในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ซึ่ง “ตี” อนุภาพ ซามูล นักบิดไทยเจ้าของรถแข่ง YZF-R6 หมายเลข 500 โชคร้ายถูกคู่แข่งชนขณะควอลิฟาย ส่งผลให้ไม่สามารถบันทึกเวลาเพื่อจัดกริดสตาร์ตได้ ต้องถอยไปออกตัวจากท้ายแถวในกริดที่ 15

เกมเรซนี้ดวลกันทั้งสิ้น 10 รอบสนาม โดย “ตี-อนุภาพ” ออกสตาร์ตอย่างยอดเยี่ยมค่อย ๆ ไล่แซงคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง จนสามารถขยับขึ้นไปเกาะกลุ่มหน้าได้ ก่อนจะอาศัยจังหวะที่ดีแซงเข้าป้ายในอันดับ 3 ด้วยเวลารวม 21 นาที 52.811 วินาที ตามหลังผู้ชนะเพียง 0.344 วินาทีเท่านั้น เก็บแต้มสำคัญรั้งรองจ่าฝูงบนตารางแชมเปียนชิพ มีทั้งสิ้น 47 คะแนน (ตามหลัง 19 คะแนน)

ด้านเกมในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี เรซนี้ “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ นักบิดดาวรุ่งชาวไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เจ้าของรถแข่ง YZF-R3 หมายเลข 39 ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 5 และเกาะกลุ่มหน้าอย่างเหนียวแน่นจนถึงรอบสุดท้าย ก่อนจะเสียหลักล้มในโค้ง 15 พลาดโพเดียมอย่างน่าเสียดาย

ทั้งนี้ 2 นักบิด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม มีคิวดวลความเร็วเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายนนี้ เริ่มจากรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี เวลา 13.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ต่อด้วย ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ในเวลา 14.20 ถ่ายทอดสดทาง เฟซบุ๊ก Asia Road Racing Championship

—————————-
#YamahaThailandRacingTeam
#RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #No1RacingTeam
#YamahaSocietyThailand #YamahaRidersclubThailand
#RaceMachine #ARRC2025 #TheBlueShif #YamahaR6 #AS51 #YamahR3 #KK39
#YamahaThailandRacingOfficial

“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” สู้ทุกความท้าทาย! “มิกซ์-ธนัช” บิด Honda CBR600RR 2025 คว้าท็อป 4 SS600

 ศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย ARRC 2025 สนาม 2 เรซที่ 1 ที่ มาเลเซีย

รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600) ดาวรุ่งนักบิดไทยและยอดรถแข่ง Honda CBR600RR 2025 พบกับความท้าทายในต่างแดน ใช้โอกาสเรียนรู้และพัฒนาผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 31 ออกสตาร์ตจากกริดที่ 10 ดวลความเร็วเพื่อแย่งชิงโพเดียมกับนักแข่งระดับชั้นนำของเอเชียจนถึงโค้งสุดท้าย ก่อนคว้าท็อป 4 มาครอง

ด้าน “ไฮเปค” กฤษฎา ธนะโชติ หมายเลข 18 ออกสตาร์ตจากกริดที่ 13 แม้จะมีประสบการณ์ในคลาสนี้ที่น้อยกว่าคู่แข่งอย่างมาก เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 13 คว้าคะแนนสะสมได้สำเร็จ ขณะที่ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 หลังกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ออกสตาร์ตจากกริดที่ 14 จบเรซได้ตามเป้าในอันดับที่ 16

โดยรุ่นใหญ่สุดแรงสุดอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (ASB1000) “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ และยอดรถแข่ง Honda CBR1000RR-R 2025 หมายเลข 41 ออกสตาร์ตจากกริดที่ 7 ขึ้นรั้งในกลุ่มนำตั้งแต่ต้นเกม ดวลความเร็วกับนักแข่งประสบการณ์คลาสโมโตจีพีและเวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ได้อย่างดุเดือด ขยับอันดับขึ้นมาอยู่ในกลุ่มคว้าโพเดียม ใส่หัวใจไม่ยอมแพ้ จนล้มในช่วงครึ่งหลังของการแข่งขัน แต่พยายามยกรถแข่งกลับมาสู้ในสนามอีกครั้งอย่างที่ไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวัง บิดเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 9 เก็บคะแนนสะสมเพิ่มเติมในเรซนี้

ทั้งนี้ ศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย ARRC 2025 สนามที่ 2 จะปิดท้ายการแข่งขัน เรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายนนี้ โดยรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600) แข่งขันในเวลา 14.20 น. ตามด้วย รุ่น เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (ASB1000) แข่งขันในเวลา 15.15 น. ตามเวลาประเทศไทย ชมไลฟ์สดทาง https://www.youtube.com/@AsiaRoadRacingChampionship

 

#ThaiHonda #Motorsport #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RaceToTheChampion #ARRC2025 #AsiaRoadRacingChampionship2025 #HondaCBR #Chip41 #Kaowkong20 #Mix31 #HiPeck18 #Idemitsu #Sittipol #KrungsriAuto #YumYum #KELA #Kushitani #SHOWA #SKF #KOWA #NGK #DID #ARAI #RCB #RuamJaiRakHospital #GariGari #EEST #DiosDesign #Nissin

ยามาฮ่า” ฟอร์มแรงประเดิม ARRC เซปังฯ “ตี-อนุภาพ” ท็อป 4 ซูเปอร์สปอร์ต

“ไอเดีย-กฤตภัทร” อันดับ 8 เอเชีย โปรดักชั่น

“ตี” อนุภาพ ซามูล ยอดนักบิดชาวไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ทะยานรั้งท็อป 4 วันแรกจากการซ้อมในศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนาม 2 ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ขณะ “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ รั้งอันดับ 8 ในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น จากผลซ้อมรวม ก่อนลุ้นล่าโพเดียมที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย สุดสัปดาห์นี้

การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 เดินทางเข้าสู่สนาม ที่ 2 ของฤดูกาล ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 1 มิถุนายนนี้ โดยล่าสุดผ่านการลงสนามซ้อมอย่างเป็นทางการ 3 ช่วงแรก

ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ปรากฏว่า “ตี” อนุภาพ ซามูล นักบิดมากประสบการณ์ชาวไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ทำงานอย่างหนักเพื่อหาเซ็ตติ้งสำหรับควอลิฟายและจำลองการแข่งขัน โดยรั้งอันดับ 4 จากการซ้อมรวมวันแรก ด้วยเวลาต่อรอบ 2 นาที 10.719 วินาที ตามหลังจ่าฝูงเพียง 0.515 วินาทีเท่านั้น

ส่วน “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ ดาวรุ่งของทีม ประเดิมลงสนามในวันแรกด้วยผลงานยอดเยี่ยม ผ่านการซ้อม 3 ครั้งแรก ด้วยการอันดับ 8 ในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ด้วยเวลาต่อรอบ 2 นาที 24.157 วินาที สร้างโอกาสลุ้นชัยชนะอย่างเต็มตัวในสุดสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2025 สนาม 2 จะจับเวลาควอลิฟายในช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 31 พ.ค.นี้ ก่อนจะดวลความเร็วเรซแรกในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน จากนั้นจะแข่งขันเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายนนี้

—————————-
#YamahaThailandRacingTeam
#RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #No1RacingTeam
#YamahaSocietyThailand #YamahaRidersclubThailand
#RaceMachine #ARRC2025 #TheBlueShif #YamahaR6 #AS51 #YamahR3 #KK39
#YamahaThailandRacingOfficial

“ชิพ-นครินทร์” นำทัพรุ่นใหญ่พร้อมดาวรุ่งไทย The Next Successor ศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย ARRC 2025 สนามที่ 2 มาเลเซีย

“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” พร้อมทัพ Honda CBR Series
“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” เดินหน้าสร้างผลงานต่อเนื่อง ในการแข่งขัน FIM Asia Road Racing Championship 2025 นักบิดไทยผงาดคว้าชัยชนะได้อย่างยิ่งใหญ่ต่อหน้ากองเชียร์สนามแรก ขณะที่มิติการพัฒนานักแข่งส่งมอบโอกาสให้ดาวรุ่งนักแข่งไทยได้ลงเก็บประสบการณ์พร้อมสร้างผลงาน เพื่อผลักดัน The Next Successor รุ่นต่อไปให้กับมอเตอร์สปอร์ตไทย โดยมีคิวการแข่งขันสนามที่ 2 ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน นี้ ณ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย
นายเฉลิมพล ครองสุขเลิศ ผู้จัดการทั่วไปสายงานบริหารกีฬายานยนต์ เผยว่า “สำหรับ รายการ Asia Road Racing พวกเราทีมฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในสนามแรก โดยเฉพาะ “ชิพ-นครินทร์” ที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าดับเบิ้ลวินเนอร์ 2 เรซติด ในโฮมเรซรุ่นใหญ่สุดของรายการอย่าง เอเชียซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (ASB1000) กวาด 50 คะแนนเต็มตั้งแต่สนามแรก ส่วนรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600) “มิกซ์-ธนัช” และ “ไฮเปค-กฤษฎา” ก็สร้างผลงานได้ดีเช่นกัน ซึ่ง มิกซ์ เองก็เกือบจะคว้าโพเดียมในรุ่นนี้ได้สำเร็จ จากการจบที่ 4 ในเรซแรก สำหรับสนามที่ 2 นี้ที่เซปัง มาเลเซีย ทีมเรามีความพร้อมอย่างเต็มที่ และยังได้ “ข้าวกล้อง- จักรีพัฒน์” ที่ได้รับบาดเจ็บจากสนามแรกกลับมาร่วมลงแข่งด้วย โดยเรามีเป้าหมายที่จะคว้าแชมป์ และ โพเดียม กลับมาฝากแฟนๆชาวไทยให้ได้ แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เป้าหมายสูงสุดของทีมฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ คือ การเพิ่มประสบการณ์ให้กับนักแข่งและทีมงาน ให้สามารถพัฒนาทักษะต่างๆ สำหรับการแข่งขันในระดับสูง รวมถึงการเรียนรู้ และถ่ายทอด การทำงานของนักแข่งและทีมงานไปสู่ Next Successors ที่จะก้าวขึ้นมาต่อไปในอนาคตอีกด้วย”
ผลคะแนนสะสม รุ่น เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (ASB1000) รุ่นใหญ่ที่สุดแรงที่สุดของรายการ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ และยอดรถแข่ง New Honda CBR1000RR-R หมายเลข 41 ที่ระเบิดผลงานต่อหน้ากองเชียร์ชาวไทยในสนามแรก ด้วยการครองเหมาชัยชนะได้ทั้ง 2 เรซ เก็บ 50 คะแนนเต็มรั้งอันดับที่ 1 ในตารางคะแนนสะสมด้วยทีมไทยร้อยเปอร์เซ็นต์
ด้านรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600) อีกรุ่นท็อปของการแข่งขันระดับเอเชีย ดันนักบิดดาวรุ่ง The Next Successor ลงทำผลงานด้วยรถแข่ง New Honda CBR600RR ประกอบด้วย “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว หมายเลข 31 รั้งท็อป 5 ตารางคะแนนสะสม มี 23 คะแนน คู่กับ “ไฮเปค” กฤษฎา ธนะโชติ หมายเลข 18 ที่ลงแข่งขันคลาสนี้เป็นฤดูกาลแรก เก็บคะแนนได้ทั้งสองเรซ รั้งท็อป 10 ตารางคะแนนสะสม มี 13 คะแนน และ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 จะลงแข่งขันสนามนี้หลังจากได้รับบาดเจ็บที่มือซ้าย ที่ทำให้พลาดลงแข่งสนามแรกไปอย่างน่าเสียดาย
ทั้งนี้ ศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย ARRC 2025 สนามที่ 2 จะมีคิวลงซ้อมกันในวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม ตามด้วยการควอลิฟายจะมีขึ้นในช่วงเช้าและลงแข่งขันชิงชนะเลิศเรซที่ 1 ในวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม และปิดท้ายด้วยเรซที่ 2 ในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน นี้

ไทยฮอนด้า เดินหน้าส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย จัดอบรมเพื่อรับใบขับขี่สำหรับชุมชนและสถานศึกษา

ไทยฮอนด้า จัดโครงการ “อบรมเพื่อรับใบขับขี่สำหรับชุมชนและสถานศึกษา”

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย จัดโครงการ “อบรมเพื่อรับใบขับขี่สำหรับชุมชนและสถานศึกษา” (Driving License Training for Community and School) โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ผู้คนในชุมชนและนักศึกษาที่ใช้รถจักรยานยนต์ในชีวิตประจำวันมีใบขับขี่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย การอบรมในโครงการฯ นี้ครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และทักษะการขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎจราจร อันเป็นส่วนสำคัญในการลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนน

สืบเนื่องจากความสำเร็จของโครงการ “ชุมชนปลอดภัย” ซึ่งไทยฮอนด้าได้ริเริ่มในพื้นที่เขตลาดกระบังและนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังเมื่อปีที่ผ่านมา และได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากประชาชนในพื้นที่ จึงเป็นแรงผลักดันให้ขยายผลสู่กลุ่มนักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มประสบอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ในระดับสูง โดยส่วนใหญ่ยังไม่มีใบขับขี่ที่ถูกต้อง

โครงการฯ ในปีนี้เริ่มต้นที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเป็นแห่งแรก มีนักศึกษาเข้าร่วมอบรมจำนวน 40 คน และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมอบรมรวมตลอดทั้งปีไม่น้อยกว่า 320 คน โดยมีแผนขยายกิจกรรมไปยังสถานศึกษาอื่น ๆ ในลำดับต่อไป

ทั้งนี้ ไทยฮอนด้ามุ่งหวังว่าโครงการฯ อบรมดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยได้พัฒนาทักษะการขับขี่อย่างปลอดภัย เสริมสร้างวินัยจราจร และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนรุ่นใหม่อย่างยั่งยืน

#HondaSafetyThailand #HaveAGoodRide #ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

“กวาร์ตาราโร” แฮปปี้ประสิทธิภาพ M1 ที่ ซิลเวอร์สโตน

“กวาร์ตาราโร” ชี้เป็นรถแข่งที่ดีที่สุดในรอบ 3-4 ปีของ “ยามาฮ่า”

“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ยอดนักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี ออกโรงแสดงความพอใจกับศักยภาพของรถแข่ง M1 ที่โชว์ความเร็วระดับท็อป ชี้เป็นรถแข่งที่ดีที่สุดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา หวังยกระดับต่อเนื่องในศึก โมโตจีพี ยอมรับผิดหวังที่ต้องรีไทร์ขณะเป็นผู้นำ บริติช กรังด์ปรีซ์ แต่ไม่ยอมแพ้ในการทำงานเพื่อพา ยามาฮ่า กลับสู่ความยิ่งใหญ่

การแข่งขัน โมโตจีพี 2025 สนาม 7 รายการ บริติช กรังด์ปรีซ์ ดวลความเร็วเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต สหราชอาณาจักร และนับเป็นอีกครั้งที่ ยามาฮ่า เดินหน้ายกระดับความเร็วของรถแข่ง M1 โดยเฉพาะการคว้าโพลเป็นสนามที่ 3 ติดต่อกันของ กวาร์ตาราโร

เกมในรอบ “เมนเรซ” ต้องออกตัวครั้งที่ 2 หลังมีเหตุธงแดง กวาร์ตาราโร ทะยานขึ้นนำและทิ้งห่างคู่แข่งออกไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นเรซ และนี่คือโอกาสคว้าชัยชนะ กรังด์ปรีซ์ ครั้งแรกของ ยามาฮ่า ในรอบหลายปี ก่อนที่รถแข่งของนักบิดเฟรนช์จะมีปัญหากับระบบ Rear Ride High Device ขณะเป็นผู้นำ จนต้องออกจากการแข่งขันอย่างน่าเสียดาย

กวาร์ตาราโร กล่าว่า “มันคือเรซที่น่าทึ่งสำหรับเรา แต่โชคร้ายที่ต้องเจอปัญหาทางเทคนิคกับระบบ Rear Ride High Device ผมคิดว่าการแข่งขันของเราไปได้สวยเลยละ ผมรู้ว่าต้องเค้นตรงไหน ต้องเบรกลึกตรงไหนเมื่อต้องคำนึงถึงลมในสนามระหว่างแข่ง ทุกอย่างอยู่ภายใต้ความควบคุมจนกระทั่งถึงรอบนั้น (ที่รถมีปัญหา)”

“ผมคิดว่าเราสามารถพอใจกับงานที่ทำได้ในวันนี้ นี่คือรถแข่งที่ดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา เรากำลังทำได้ดี ผมหวังว่าเราจะทำมันได้อีกครั้ง แม้ผมจะผิดหวังแต่ก็ไม่ยอมแพ้” กวาร์ตาราโร ทิ้งท้าย

สำหรับ พัฒนาการของรถแข่ง M1 จากการคว้าโพล 3 สนามติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าอย่างมากในแง่การค้นหาประสิทธิภาพ ก่อนที่ศึก โมโตจีพี 2025 สนามถัดไป จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายนนี้ ที่ มอเตอร์แลนด์ อารากอน ประเทศสเปน ในรายการ อารากอน กรังด์ปรีซ์

—————————–
#YamahaSocietyThailand #RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaMotoGP25 #TheBlueShift
#YamahaFactoryRacingTeam
#MonsterEnergyYamahaMotoGP #FQ20 #AR42
#PrimaPramacYamaha
#JM43 #MO88

“ชิพ-นครินทร์” ระเบิดผลงาน บิด Honda CBR1000RR-R คว้าโพเดียม ST1000

ดาวรุ่งไทย คว้าท็อป 4 J-GP3 ศึกออลเจแปน ที่ ซูโก้ ประเทศญี่ปุ่น

“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ระเบิดผลงานประเดิมสนาม ศึกออลเจแปน 2025 MFJ All Japan Road Race Championship “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภัวภัทร์ ยอดนักบิดไทยจาก “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะแชมเปี้ยน” และยอดรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 34 สังกัดทีม Astemo SI Racing with Thai Honda ทำผลงานคว้าโพเดียมอันดับที่ 2 ขณะที่นักแข่งดาวรุ่งไทยลงแข่งขันเพื่อพัฒนาศักยภาพระดับนานาชาติด้วยเรซแมชชีน Honda NSF250R ทำผลงานเก็บคะแนนสะสมได้ทั้ง 3 คัน นำโดย “อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ แซงคู่แข่งขึ้นมาคว้าท็อป 4 ได้อย่างยอดเยี่ยม ที่ สนามซูโก้ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ศึกออลเจแปน 2025 สนามที่ 2 ซึ่งเป็นสนามแรกที่ทัพนักบิดไทยลงสนามร่วมทำการแข่งขัน ในรุ่น ST1000 และรุ่น J-GP3 ไปดวลกันที่ สนามซูโก้ ประเทศญี่ปุ่น ด้วยความท้าทายจากความแข็งแกร่งของคู่แข่งในรายการท่ามกลางสภาพอากาศที่เปียกชื้น

โดยการแข่งขันรุ่น ST1000 “ชิพ-นครินทร์” บิด Honda CBR1000RR-R หมายเลข 34 ออกสตาร์ตขึ้นดวลความเร็วกับนักบิดเจ้าถิ่นได้ทันทีและเข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 2 จากการขับเคี่ยวชิงอันดับลุ้นแชมป์ที่เป็นไปอย่างสูสี ตามหลังผู้ชนะเพียง 0.117 วินาที เท่านั้น

ด้านการแข่งขันรุ่น J-GP3 ของดาวรุ่งนักแข่งไทย ที่ได้รับการพัฒนามาจาก ฮอนด้า อะคาเดมี่ และ ไทยแลนด์ ทาเลนต์ ลงแข่งขันใน สังกัด Astemo SI Racing with Thai Honda ด้วยรถแข่ง Honda NSF250R ที่มีการปรับแต่งตามที่กติการายการกำหนด เก็บประสบการณ์ในเวทีระดับนานาชาติต่อกรกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถเก็บคะแนนสะสมได้ทันทีทั้ง 3 คนในการลงแข่งขันสนามแรก

โดย “อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ หมายเลข 30 สามารถคว้าท็อป 4 มาครองได้สำเร็จ ขณะที่ “ออสติน” ธนฉรรต ประทุมทอง หมายเลข 15 เข้าเส้นชันมาในอันดับที่ 11 โดยมี “ไบร์ท”เตชินท์ อินทร์อภัย หมายเลข 31 ตามมาในอันดับที่ 13

ทั้งนี้ การแข่งขันโปรแกรมต่อไป รุ่น J-GP3 จะลงสนามอีกครั้งในโปรแกรมสนามที่ 3 ของรายการ ออลเจแปน ระหว่างวันที่ 21-22 มิถุนายน ที่ สนามสึคุบะ เซอร์กิต (Tsukuba Circuit) ประเทศญี่ปุ่น และรุ่น ST1000 จะแข่งขันกันอีกครั้งในสนามที่ 4 ของโปรแกรมออลเจแปน ระหว่างวันที่ 23-24 สิงหาคม ที่ สนามโมบิลิตี้ รีสอร์ท โมเตกิ (Mobility Resort Motegi) ประเทศญี่ปุ่น

แฟนๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ต ร่วมติดตามข่าวสารของ นักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กเฟซบุ๊กฮอนด้าเรซทูเดอะดรีม : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #HondaRaceToTheDream #HondaRaceToTheChampion #RoadToMotoGP #Motorsport #AllJapan

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่! ฮอนด้าสร้างสถิติยอดผลิตรถจักรยานยนต์ ครบ 500 ล้านคันทั่วโลก

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า บันทึกสถิติใหม่ เผยยอดการผลิตรถจักรยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ที่ทะยานสู่ 500 ล้านคันทั่วโลก โดยนับว่าเป็นครั้งแรกของโลก* ที่บริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์สามารถทำยอดการผลิตได้ถึงระดับดังกล่าว หลังจากที่ฮอนด้าเริ่มต้นการผลิตรถจักรยานยนต์รุ่นแรก “Dream D-Type” เมื่อปี ค.ศ. 1949 หรือกว่า 76 ปีก่อน

*ข้อมูลจากการวิจัยของฮอนด้า

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1948 ฮอนด้า ได้พัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์รวมถึงบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลายประเทศและภูมิภาค ภายใต้ความเชื่อ “จุดประสงค์ของเทคโนโลยี คือการทำให้ชีวิตของผู้คนง่ายขึ้น”
ฮอนด้า เริ่มต้นการผลิตรถจักรยานยนต์ในต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่ประเทศเบลเยียมในปี 1963 หลังจากนั้นได้สานต่อและขยายการผลิตไปทั่วโลก โดยยึดหลักการสำคัญของบริษัทคือ “ผลิตในพื้นที่ที่มีความต้องการ”
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ฮอนด้าได้บรรลุยอดการผลิตสะสมครบ 100 ล้านคันในปี 1997 ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 200 ล้านคันในปี 2008 และ 300 ล้านคันในปี 2014 ซึ่งในปี 2018 ฮอนด้าได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการผลิตรถจักรยานยนต์กว่า 20 ล้านคันภายในปีเดียว จนมียอดการผลิตสะสมทั่วโลกถึง 400 ล้านคันในปี 2019
แม้ว่าการผลิตรถจักรยานยนต์จะลดลงชั่วคราวในปี 2020 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่อุปสงค์ทั่วโลกก็ได้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจนกลับสู่ระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด
นอกเหนือจากรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ฮอนด้ายังได้กำหนดให้ปี 2024 เป็น “ปีแรกของการขยายตัวสู่ระดับโลก” ของรถจักรยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยเริ่มเปิดตัวรุ่นใหม่ ๆ เพื่อสร้างไลน์ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น
ปัจจุบัน ฮอนด้า มีไลน์ผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์หลากหลายประเภท ตั้งแต่รุ่นที่ตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงรุ่นขนาดใหญ่สำหรับกิจกรรมในช่วงสุดสัปดาห์ รวมถึงรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยมีกำลังการผลิตประจำปีมากกว่า 20 ล้านคัน ใน 23 ประเทศและภูมิภาค ผ่านศูนย์การผลิต 37 แห่ง พร้อมทั้งส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการให้แก่ลูกค้าทั่วโลกผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายฮอนด้ากว่า 30,000 ราย
ฮอนด้า จะยังคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจรถจักรยานยนต์ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายและน่าดึงดูดใจ เพื่อมอบ “ความสนุกและอิสระในการเดินทาง” ให้กับลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งยกระดับโครงสร้างธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน รวมถึงพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
นายโทชิฮิโระ มิเบะ ผู้อำนวยการ ประธานกรรมการบริหาร และตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจรถจักรยานยนต์คือธุรกิจที่ผู้ก่อตั้งของเราวางรากฐานไว้ และจะยังคงเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของฮอนด้าต่อไป เราสามารถสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย จนสามารถบรรลุยอดการผลิตสะสมกว่า 500 ล้านคันได้สำเร็จ”
“ผมขอขอบคุณลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่มีบทบาทสำคัญในความสำเร็จครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายพัฒนา ผลิต ฝ่ายขาย หรือบริการหลังการขาย ฮอนด้าจะยังคงมุ่งมั่นก้าวข้ามทุกความท้าทาย เพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง”
เส้นทางของฮอนด้าในการก้าวสู่การผลิตรถจักรยานยนต์กว่า 500 ล้านคัน

1948
บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ก่อตั้งขึ้น
1949
ฮอนด้า เปิดตัวรถ ‘Dream D-Type’ จักรยานยนต์รุ่นแรก
1958
ฮอนด้าเปิดตัว Super CUB C100 รถตระกูล Super CUB รุ่นแรก
1963
ฮอนด้า เริ่มต้นการผลิตในประเทศเบลเยียม
(การผลิตรถจักรยานยนต์นอกประเทศญี่ปุ่นครั้งแรก)
1964
ฮอนด้า เริ่มการผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศปากีสถาน
1967
ฮอนด้า เริ่มการผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย (ก่อตั้งโรงงานครั้งแรก ในปี 1965)
1968
ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์ทั่วโลกของฮอนด้าทะยานสู่ 10 ล้านคันทั่วโลก
1969
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศมาเลเซีย
1971
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศอินโดนีเซีย
1973
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศฟิลิปปินส์
1976
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศบราซิล
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศอิตาลี
1979
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในอเมริกาเหนือ
1980
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศไนจีเรีย
1984
ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์ทั่วโลกของฮอนด้าทะยานสู่ 50 ล้านคันทั่วโลก
1985
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศอินเดีย
1988
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศเม็กซิโก
1992
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศจีน
1997
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศเวียดนาม
ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์ทั่วโลกของฮอนด้าทะยานสู่ 50 ล้านคันทั่วโลก (ภายใน 48 ปี)
2004
ฮอนด้า สร้างประวัติศาสตร์ผลิตรถจักรยานยนต์เกิน 10 ล้านคันต่อปีเป็นครั้งแรก
2006
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศอาร์เจนตินา
2007
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศเปรู
2008
ฮอนด้า สร้างประวัติศาสตร์ผลิตรถจักรยานยนต์ทั่วโลกครบ 200 ล้านคัน
(11 ปีนับตั้งแต่ผลิตครบ 100 ล้านคัน)
2013
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศบังกลาเทศ
ฮอนด้า เริ่มผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศเคนยา
2014
ฮอนด้า สร้างประวัติศาสตร์ผลิตรถจักรยานยนต์ทั่วโลกครบ 300 ล้านคัน
(6 ปีนับตั้งแต่ผลิตครบ 200 ล้านคัน)
2018
ฮอนด้า สร้างประวัติศาสตร์ผลิตรถจักรยานยนต์กว่า 20 ล้านคันต่อปีเป็นครั้งแรก
2019
ฮอนด้า สร้างประวัติศาสตร์ผลิตรถจักรยานยนต์ทั่วโลกครบ 400 ล้านคัน
(5 ปีนับตั้งแต่ผลิตครบ 300 ล้านคัน)
2025
ฮอนด้า สร้างประวัติศาสตร์ผลิตรถจักรยานยนต์ทั่วโลกครบ 500 ล้านคัน
(6 ปีนับตั้งแต่ผลิตครบ 400 ล้านคัน)