โมโต กุซซี่ เผยโฉม โมโต กุซซี่ V7 lll โร้ค MOTO GUZZI V7 III ROUGH

ความคลาสสิกผสมความสมบุกสมบันครั้งใหม่ส่งตรงจากอิตาลี บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมชั้นนำ “พิอาจิโอ” และ “เวสป้า” พร้อมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนาน “อาพริเลีย” และ “โมโต กุซซี่” สัญชาติอิตาเลี่ยนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พาเหล่าสาวกโมโต กุซซี่ร่วมเฉลิมฉลองโมโต กุซซี่ ตระกูล V7 ครบรอบ 50 ปี พร้อมสัมผัสตำนานบทใหม่ที่จะปลุกความตื่นเต้นอีกครั้งกับการเผยโฉมรถสองล้อมาดเท่สไตล์ Scrambler “โมโต กุซซี่ V7 lll โร้ค (MOTO GUZZI V7 III ROUGH)” ที่ผสมความคลาสสิกกับความสมบุกสมบันได้อย่างลงตัว ส่งตรงจากอิตาลีเพื่อตอบสนองความต้องการของเหล่าบรรดาไบค์เกอร์ที่มองหาความเป็นเอกลักษณ์ และต้องการตะลุยไปกับทุกเส้นทางให้สมกับคอนเซปต์ Urban Country โดยพบ โมโต กุซซี่ V7 lll โร้ค สนใจเป็นเจ้าของคันจริงก่อนใครได้ที่ผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ

โมโต กุซซี่ (Moto Guzzi) แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานจากอิตาลี พร้อมประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 จวบจนปัจจุบันมีอายุกว่า 97 ปี ที่นอกเหนือไปจากคุณภาพการผลิตมอเตอร์ไซค์แบบแฮนเมด (hand-made) ชั้นเยี่ยมแล้วนั้น โมโต กุซซี่ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบในทุกรายละเอียดเปรียบเสมือนผลิตงานศิลปะชั้นสูงอันปราณีต พิสูจน์ได้ด้วยมอเตอร์ไซค์ทุกรุ่นกับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์สะกดทุกสายตา และเป็นยานพาหนะที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและปลอดภัย ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสสุนทรียภาพแห่งการเดินทางในสไตล์อิตาเลี่ยนอย่างแท้จริง ประสบการณ์การขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยนของโมโต กุซซี่นั้น หากไม่พูดถึงรถรุ่น V7 (V-Seven) รถมอเตอร์ไซค์ที่เป็นตำนาน มีชื่อเสียงโดดเด่น และเป็นรู้จักมากที่สุดมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1967 คงไม่ได้ หลังจากที่ได้เริ่มผลิตและจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์รุ่น V7 ครั้งแรกปี ค.ศ. 1967 ในอิตาลี V7 ก็กลายเป็นรถยอดนิยมและเป็นตัวแทนรถมอเตอร์ไซค์ชั้นยอดจากอิตาลี่ เป็นรถสำหรับผู้เริ่มต้นขับขี่ (entry-level) ได้ทั้งหญิงและชาย และเป็นที่นิยมของสาวกสายคัสตอม (custom) ที่นิยมนำรถรุ่นนี้ไปแปลงโฉมตามสไตล์ที่ชื่นชอบเฉพาะคน นอกจากนี้ โมโต กุซซี่ V7 ยังโดดเด่นทั้งอุปกรณ์และดีไซน์ที่มาพร้อมกับตัวรถ จึงไม่แปลกที่จะเป็นที่ชื่นชอบของทั้งแฟนพันธุ์แท้และคนทั่วไป นอกจากนี้ยังเป็นรถสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นไอคอนที่ผลิตจากเมือง มานเดลโล เดล ลาริโอ (Mandello del Lario) อีกด้วย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปี ของรถตระกูล V7 ในโอกาสนี้ทางบริษัทฯ ได้ร่วมเฉลิมฉลองอีกครั้งด้วยการเผยโฉมรถตระกูล V7 เจเนอเรชั่นที่ 3 อีกรุ่น คือ “โมโต กุซซี่ V7 lll โร้ค (MOTO GUZZI V7 III ROUGH)” ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่สร้างความท้าทายและความแปลกใหม่ให้กับรถรุ่น V7 แต่ยังคงไว้ด้วยความคลาสสิคสไตล์ตระกูล V7 เพื่อ ครั้งนี้ โมโต กุซซี่ V7 lll โร้ค มาด้วยสไตล์ Scrambler โดดเด่นด้วยความสมบุกสมบันยิ่งขึ้นด้วยยาง knobby tires และล้อแบบซี่ลวดที่ช่วยให้การขับขี่คล่องตัวในทุกสภาพถนน นอกจากนี้ตัวเบาะยังดีไซน์ ตัดเย็บ และบุหนังอย่างพิถีพิถันเพื่อให้โมโต กุซซี่ V7 lll โร้ค สวยสง่าสมกับเป็นงานอิตาเลี่ยนแฮนคราฟท์ และสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกลยิ่งขึ้น พร้อมขับเน้นตัวถังด้วยสีเทาให้พิเศษกว่าใคร
“โมโต กุซซี่ V7 lll โร้ค (MOTO GUZZI V7 III ROUGH)” โดดเด่นด้วยจิตวิญญาณของสุดยอดมอเตอร์ไซค์ตระกูลที่ขายดีที่สุดของโมโต กุซซี่ไปด้วยเครื่องยนต์แบบสูบ V-Twin 4 จังหวะ 744 ซีซี ที่สร้างเสียงเครื่องอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ สนนราคาที่ 675,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารของโมโต กุซซี่ ได้ที่เฟซบุ๊ก Moto Guzzi Thailand และอินสตาแกรม @Motoguzzi_thailand

เวสป้า พรีมาเวร่า ฉลองครบรอบ 50 ปีอย่างยิ่งใหญ่ ตอกย้ำความสนุกแห่งการขับขี่เหนือกาลเวลาด้วยรุ่นอิดิชั่นพิเศษจำนวนจำกัด

“Vespa Primavera 50th Anniversary Edition”   ชวนย้อนรำลึกและส่งต่อความสนุกสุดคลาสสิกด้วยกลิ่นอายยุค ‘60s ในงาน Vespa Primavera Wonderland ที่เนรมิตขึ้นใจกลางกรุงเทพฯ

 บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ชั้นนำ “พิอาจิโอ” และ “เวสป้า” พร้อมทั้งมอเตอร์ไซค์ระดับตำนาน “อาพริเลีย” และ “โมโต กุซซี่” สัญชาติอิตาเลี่ยนแต่เพียงผู้เดียวใน ประเทศไทย เผยโฉมเป็นครั้งแรกในไทยกับ Vespa Primavera 50th Anniversary Edition อิดิชั่นพิเศษที่ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปีอย่างยิ่งใหญ่ของเวสป้า พรีมาเวร่า โดยได้เนรมิตพื้นที่ความสนุก สุดคลาสสิกเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งยุค ‘60s ในงาน Vespa Primavera Wonderland อย่างยิ่งใหญ่เป็นเวลา 3 วันเต็มๆ อาทิ การจัดแสดงเวสป้า พรีมาเวร่า รุ่นแรกตั้งแต่ปี 1968, การเนรมิตพื้นที่ความสนุกด้วยแรงบันดาลใจจากศิลปะและวัฒนธรรมที่สื่อถึงการเคลื่อนไหวอันโดดเด่นแห่งยุค, การจัดแสดงสิ่งของและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ช่วงยุค ‘60s ที่ทำให้โลกเราเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล, กิจกรรมเวิร์คช็อปของเล่นย้อนยุคอนาล็อก และการจัดจำหน่ายสินค้าพรีเมี่ยม เพื่อนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วบริจาคให้แก่มูลนิธิเพื่อนหญิง โดยงานเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี เวสป้า พรีมาเวร่า จัดแสดงให้แฟนๆ เวสป้าและผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมและส่งต่อความสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 19-21 ตุลาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 10.30 – 22.00 . ณ Vespa Primavera Wonderland ลาน Fashion Hall ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ยามาฮ่าเปิดตัว New YZF-R3 พร้อมกันทั่วโลกอย่างยิ่งใหญ่

นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกันในพิธีเปิด GLOBAL LAUNCHING NEW YZF-R3 ภายใต้สโลแกน Ride the “R” Anytime ของตระกูล R-SERIES ผู้นำจิตวิญญาณความแรงที่ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยการเปิดตัวในครั้งนี้มีขึ้นพร้อมกันทั่วโลกอย่างยิ่งใหญ่ผ่านการ Live Streaming ส่งตรงจากประเทศอินโดนีเซีย โดยมีนักแข่งชื่อดังมาร่วมทำการเปิดตัวในครั้งนี้ด้วย สำหรับการเปิดตัวในประเทศไทยครั้งนี้มีขึ้น ณ AUDITORIUM สถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า (YRA) เมื่อเร็วๆ นี้

2018 NEW YZF-R3

เครื่องยนต์
 แบบ  4 จังหวะ สองสูบ DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ
 ปริมาตรกระบอกสูบ  321 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  11.2:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  68.0 * 44.1 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด T.C.I.
 ระบบคลัทช์ แบบเปียก ชนิดหลายแผ่น
 ระบบเกียร์ แบบสปอร์ต 6 ระดับ
ระบบสตาร์ท สตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า
น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว หรือ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ (E10)
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  14 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง 1.8 ลิตร (กรณีเปลี่ยนถ่ายตามระยะ)
กว้าง*ยาว*สูง 730 x 2,090 x 1,140 มม.
น้ำหนักรวมน้ำมันเครื่อง 170 กก.
ระบบกันสะเทือน

หน้า : เทเลสโคปิก แบบ หัวกลับ

หลัง : สวิงอาร์ม

ระบบเบรก

หน้า : ระบบเบรกรถป้องกันล้อล็อค ABS (Anti – Lock Brake System)

หลัง : ดิสก์เบรก

ยาง/ล้อ

หน้า : 110/70 R-17 M/C 54H

หลัง : 140/70 R-17 M/C 66H

 

New Yamaha YZF-R3

จิตวิญญาณจากสนามแข่ง ดีเอ็นเอ จากรถแข่งยามาฮ่า YZR-M1 เสริมความเท่ด้วยช่วงหน้าสุดสปอร์ต มิเตอร์ LCD แบบฟูลดิจิตอล ออฟชั่นเสริมระดับท็อปมาแล้วโช้คอัพหัวกลับ Upside Down หลังจากรอกันมานาน ถึงจะมาข้าแต่ก็โอเค แผงคอกัดเซาะแบบรุ่นพี่ R Series วงล้อแม็ก Y Type 10 ก้าน ยางเรเดียลหน้ากว้างพร้อมให้เข่าลงไปสัมผัสพื้น ระบบห้ามล้อหน้า/หลัง ดิสก์เบรก

ยามาฮ่า เชิญสื่อมวลชนกว่า 200 ชีวิต ร่วมชมและเชียร์การแข่งขันโมโตจีพีครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

นางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติกและตราสินค้า บริหารลูกค้าสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์ และสื่อดิจิทัล บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด นำคณะสื่อมวลชนชั้นนำทุกแขนงของเมืองไทย เดินทางสู่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เพื่อเข้าร่วมชมและเชียร์การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก MotoGP 2018 ในรายการ PTT THAILAND GRAND PRIX 2018 พร้อมร่วมส่งแรงใจเชียร์นักแข่งไทย “แสตมป์ – อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์” #9 ที่ลงทำการแข่งขันในรุ่น Moto3 ภายใต้สังกัด VR46 Master Camp ของ วาเลนติโน่ รอสซี่ และพาสื่อมวลชนร่วมเชียร์นักแข่งระดับโลกในรุ่น MotoGP อีกด้วย

“ก๊อง-ธัชกร” ประเดิมโพเดี้ยมเอเชีย ทาเล้นต์ ตอกย้ำวันแห่งความสำเร็จของฮอนด้าที่บุรีรัมย์

นักบิดดาวรุ่งชาวไทยจาก เอ.พี.ฮอนด้า “ก๊อง” ธัชกร บัวศรี ร่วมฉลองวันแห่งความสำเร็จของทีมแข่งฮอนด้า ในศึกโมโตจีพีครั้งแรกบนแผ่นดินไทย หลังทำผลงานตามเป้า สามารถประเดิมตำแหน่งบนโพเดี้ยมของตัวเอง ในรายการเอเชีย ทาเล้นต์ คัพ 2018 ที่บุรีรัมย์ การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์นักบิดดาวรุ่งแห่งทวีปเอเชีย รายการอิเดมิตซึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ประจำปี 2018 สนามที่ 4 มีคิวจัดขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระยะทางต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร โดยจัดร่วมเป็นซับพอร์ตเรซในศึกใหญ่ระดับโลก โมโตจีพี ครั้งแรกที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2561

โดยวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา เป็นรอบการแข่งขันชิงชนะเลิศเรซสอง เริ่มชิงชัยเวลา 15.30 น. ผลการดวลความเร็ว 16 รอบ ปรากฏว่า นักบิดสายเลือดใหม่ชาวไทยภายใต้การสนับสนุนจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ “ก๊อง” ธัชกร บัวศรี ลงแข่งขันโดยใช้หมายเลข 5 สามารถประเดิมตำแหน่งบนโพเดี้ยมของตัวเองในรายการนี้ได้สำเร็จตามเป้าหมาย หลังวิ่งเข้าเส้ยชัยเป็นอันดับที่ 3 พร้อมร่วมตอกย้ำวันแห่งความสำเร็จของทีมแข่งฮอนด้า ตามสุดยอดนักบิดมหัศจรรย์ “มาร์ค มาร์เกซ” ผู้คว้าแชมป์ไทยแลนด์จีพีครั้งแรกบนแผ่นดินไทย

ขณะที่ดาวรุ่งร่วมสังกัด “แชมป์” กอบชัย แซ่หลิว หมายเลข 23 จบเรซในอันดับที่ 9 และ “ไอซ์” นิติพงษ์ แสงสว่าง หมายเลข 17 วิ่งรับธงในอันดับที่ 16 ส่วน “บิว” วริทธ์ ทองนพคุณ หมายเลข 6 ที่ร่วมชิงชัยด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ด เข้าป้ายในอันดับที่ 20

ศึกเอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2018 ผ่านไป 4 สนาม สรุปอันดับบนตารางคะแนนแชมเปี้ยนชิพ บิล ฟาน เออร์เด นักบิดชาวออสซี่ นำจ่าฝูง มี 144 แต้ม ด้านนักบิดยังบลัดค่ายปีกนก ธัชกร รั้งที่ 7 มี 55 แต้ม ตามด้วย กอบชัย อันดับ 8 มี 54 แต้ม วริทธ์ อันดับ 14 มี 31 แต้ม และนิติพงษ์ อันดับที่ 21 มี 9 แต้ม

สำหรับการดวลความเร็วสังเวียนต่อไป เตรียมจัดขึ้นที่สนามทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น โดยจะจัดร่วมในศึกโมโตจีพี รายการเจแปนิส กรังด์ ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 19-21 ตุลาคมนี้.

วันแห่งความสำเร็จของ “ฮอนด้า” “มาร์ค มาร์เกซ”

วันแห่งความสำเร็จของ “ฮอนด้า” “มาร์ค มาร์เกซ” หมายเลข 93 สลักชื่อลงประวัติศาสตร์เมืองไทย บิดคว้าแชมป์ “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ ปรีซ์” คนแรกที่สนามช้างฯ ท่ามกลางกองเชียร์นับแสน มาร์ค มาร์เกซ นักบิดซูเปอร์สตาร์ของ เรปโซล ฮอนด้า หมายเลข 93 สร้างชื่อกระหึ่มสังเวียน ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อจัดการสลักชื่อของตัวเองเป็นแชมป์การแข่งขัน “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ ปรีซ์” ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองไทย ก่อนเตรียมตัวลุ้นแชมป์โลกสมัยที่ 5 ในเรซถัดไปที่ ญี่ปุ่น วันที่ 21 ตุลาคมนี้

ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี สนามที่ 15 ของฤดูกาล 2018 รายการ “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ ปรีซ์” ณ สนาม ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561 เป็นการดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักเมื่อสาวกของ “มาร์ค มาร์เกซ” แชมป์โลก โมโตจีพี 4 สมัย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติตีตั๋วเข้าชมกันจนแน่นสนาม

การแข่งขัน โมโตจีพี ครั้งแรกในเมืองไทยนี้ มาร์ค มาร์เกซ หมายเลข 93 ออกสตาร์ทจากกริดอันดับแรก อันเป็นกริด โพล โพซิชั่น ครั้งที่ 50 ในการเป็นนักแข่งอาชีพของเจ้าตัว ขณะที่ทีมเมทจอมเก๋าอย่าง “ดานี เปโดรซ่า” ออกสตาร์ทลำดับที่ 7 โดยรอบชิงชนะเลิศของรุ่นใหญ่ โมโตจีพี ดวลความเร็วทั้งสิ้น 26 รอบสนามด้วยกัน

สิ้นสัญญาณไฟ มาร์ค มาร์เกซ ออกตัวจากกริดได้ดีและทะยานขึ้นเป็นผู้นำ แม้ตลอดการแข่งขันนักบิดหมายเลข 93 จะมีจังหวะพลาดถูกคู่แข่งอย่าง วาเลนติโน รอสซี และ อันเดรีย โดวิซิโอโซ ที่สตาร์ทจากอันดับ 2-3 แซงขึ้นไป แต่นักบิดชาวสแปนิช ยังขี่ได้นิ่งรักษาตำแหน่งท็อป 3 เอาไว้ได้ ขณะที่ ดานี เปโดรซ่า พยายามขยับอันดับขึ้นมาแต่มาพลาดล้มในรอบที่ 18 ต้องออกจากการแข่งขันน่าเสียดาย

ช่วงท้ายเกมกองเชียร์ของ มาร์ค มาร์เกซ ส่งเสียงกระหึ่มเมื่อเจ้าตัวบิดไล่จี้จ่าฝูงอย่าง อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ แบบไม่ลดละและในที่สุด รอบสุดท้าย มาร์ค มาร์เกวซ ช่วงชิงจังหวะเสียบแซงคู่แข่งในบริเวณโค้งสุดท้าย แล้วปิดมุมวิ่งเข้าเส้นชัยคันแรกด้วยเวลา 39 นาที 55.722 วินาที ทิ้งให้ อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ เป็นเพียงรองแชมป์และ มาเวอริค บิญาเลส เข้าอันดับ 3

สรุปตารางคะแนน มาร์ค มาร์เกวซ เก็บสะสมเพิ่มเป็น 271 แต้ม ครองตำแหน่งจ่าฝูงในการชิงแชมป์โลกต่อไป ส่วน ดานี เปโดรซ่า ซึ่งไม่มีแต้มในสนามนี้ อยู่อันดับ 11 มี 87 แต้ม โดยสนามต่อไป รายการ เจแปนิส กรังด์ ปรีซ์ ที่สนาม ทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 19-21 ตุลาคม นี้ อาจถูกนับเป็นสังเวียนตัดสินแชมป์โลกของฤดูกาล 2018 ของ มาร์ค มาร์เกซ ก็เป็นได้ หากเจ้าตัวคว้าแชมป์ได้อีกครั้งที่สนามดังกล่าว

สำหรับ มาร์ค มาร์เกซ ผลงานชัยชนะที่สนาม ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักบิดคนแรกที่คว้าแชมป์ โมโตจีพี ที่เมืองไทย หลังจากประเทศไทย ได้รับสิทธิการเป็นเจ้าภาพครั้งแรกในปีนี้ และนั่นก็ทำให้ชื่อของนักบิดวัย 25 ปี ดีกรีแชมป์โลก 4 สมัย ถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์วงการแข่งขันระดับโลกที่เมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย

Moto2 รุ่นรองของความแรงระดับโลกบิดคันเร่งกับหมดปลอก

Moto2 รุ่นรองของความแรงระดับโลกบิดคันเร่งกับหมดปลอก และก็มีนักแข่งไทยคนเดียวที่ได้สิทธิ์ไวด์การ์ดร่วมทำการแข่งขันด้วย ฐิติพงศ์ วโรกร หมายเลข 99 ยิ่งทำให้เสียงเชียร์ดังกระะหึ่มแกรนด์สแตนด์
เกนรุ่นนี้ได้ไฟท์กันตั้งแต่เริ่มออกตัว ตำแหน่งของผู้นำช่วงแรกๆ ยังไม่ชัดเจนเพราะมีการเปลี่ยนแปลงจากการล้ม ทำให้นักแข่งเสียจังหวะต้องไล่กันกดดันกันอย่างต่อเนื่อง การแบทเทิ้ลแย่งตำแหน่งผู้นำของ ลูก้า มารีนี่, ฟรานเชสโก้ บักเนีย, มิคเกล โอลิเวียร่า และ แบรนด์ บินเดอร์ ด้วยระยะห่างเพียงครึ่งคันรถ ยิ่งทำให้ผู้ชมนั้้นไ้ด้ลุ้นกันอย่างตื่นเต้นทุกืรอบ แต่พอมาถึงช่วงท้ายของเกมตำแหน่งมีการเปลี่ยนแปลงขยับขึ้นๆ ลงๆ สุดท้ายแล้ว บักเนีย หลุดขึ้นมานำ และรักษาตำแหน่งจนเข้าเส้นคว้าแชมป์ไปได้ มารีนี่ อันดับ 2 และ โอลิเวียร่า อันดับ 3

ส่วนนักแข่งไทย ฐิติพงศ์ ออกสตาร์ทจากตำแหน่งที่ 26 ไล่เสียงแซงทำผลงาได้อย่างเต็มที่จบการแข่งขันในอันดับที่ 18

ผลการแข่งขัน Moto2
1 Francesco BAGNAIA
2 Luca MARINI
3 Miguel OLIVEIRA
4 Brad BINDER
5 Fabio QUARTARARO
6 Mattia PASINI
7 Iker LECUONA
8 Tetsuta NAGASHIMA
9 Andrea LOCATELLI
10 Simone CORSI
11 Xavi VIERGE
12 Remy GARDNER
13 Joe ROBERTS
14 Bo BENDSNEYDER
15 Niki TUULI
16 Dominique AEGERTER
17 Jorge NAVARRO
18 Thitipong WAROKORN
19 Edgar PONS
20 Jules DANILO
21 Khairul Idham PAWI
22 Xavi CARDELUS
23 Steven ODENDAAL
24 Isaac VIÑALES
25 Federico FULIGNI

เกมสุดมันเร้าใจรุ่นเล็กสเปคระดับโลก Moto3

เกมสุดมันเร้าใจรุ่นเล็กสเปคระดับโลก Moto3 ที่มีนักแข่งไทยร่วมทำการแข่งขันด้วย และก็ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง เบียดกับนักแข่งต่างชาติได้อย่างสมศักดิ์ศรี ไล่เสียบแซงได้ดุเดือดท่ามกลางสายตาผู้ชมทั่วโลก เกมสนุกตั้งแต่เริ่มออกสตาร์ท รถแข่ง 30 คัน เกาะกันเป็นกลุ่มใหญ่สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งรอบต่อรอบ มีล้ม มีเสียจังหวะหลุดไปบ้าง ได้เฮได้เสียวกันทุกโค้ง เสียงกำลังใจส่งดังลั่นทั่วสนาม และไฮไลท์ที่นักแข่งทุกคนต้องสัมผัส นั่นก็คือการชิงโค้งสุดท้ายก่อนผ่านธงตราหมากรุก รถแข่ง 11 คันเกาะกันเหนียวแน่น แต่แล้ว อีเนีย บายเตียนีนี่ เสียบเข้าในรถเสียอาการล้มสไลด์ไปโดน มาร์โค เบียเซคชี่ ข้างหลังสวนขึ้นผ่านไป ฟาบิโอ ดิ เจียอันดตนีโอ คว้าแชมป์ไปครอง ลอเรนโซ่ ดาลลา ปอร์ต้า อันดับ 2 และ เดนนีส ฟอกเจีย อันดับที่ 3 


ส่วนนักแข่งไทย สมเกียรติ จันทรา จากสังกัด เอ.พี. ฮอนด้าเรซซิ่ ไทยแลนด์ โชว์ผลงงานสุดหรูในเกมระดับเวิลด์ครั้งแรกในประเทศไทย เข้าอันดับที่ 9 ได้ 7 คะแนน อีกหนึ่งนักแข่งที่จบการแข่งขัน อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ สังกัด VR46 Master Camp ไล่แบบได้เสียวจบอันดับที่ 16
ผลการแข่งขัน Moto3
1 Fabio DI GIANNANTONIO
2 Lorenzo DALLA PORTA
3 Dennis FOGGIA
4 Jorge MARTIN
5 Gabriel RODRIGO
6 Vicente PEREZ
7 Nicolo BULEGA
9 Somkiat CHANTRA
10 Jakub KORNFEIL
11 Andrea MIGNO
13 Philipp OETTL
14 Tony ARBOLINO
15 Adam NORRODIN
16 Apiwath WONGTHANANON
17 Jaume MASIA
18 Jeremy ALCOBA
19 Stefano NEPA
20 Kazuki MASAKI
21 Marco BEZZECCHI

“Nine Stamp” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ สู้สุดใจ ไล่บี้นักแข่งระดับโลกสุดมันส์

“Nine Stamp” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ สู้สุดใจ ไล่บี้นักแข่งระดับโลกสุดมันส์ จบอันดับ 16 ศึก Moto3 ในเกมเวิลด์ กรังซ์ปรีซ์ แรกต่อหน้ากองเชียร์ไทยในสนามโฮมเรซ “Nine Stamp” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #9 นักบิดดาวรุ่ง ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ซึ่งได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดลงทำการแข่งขันศึกชิงแชมป์โลกรุ่น Moto3 ในนามสังกัด VR46 MASTER CAMP ทีมของ “เดอะ ด๊อกเตอร์” วาเลนติโน่ รอสซี่ ในรายการ PTT Thailand Grand Prix 2018 สวมหัวใจนักสู้ กระชากคันเร่งรถแข่งหมายเลข 9 ไล่บี้เบียดแย่งตำแหน่งกับนักบิดระดับโลกแบบสุดมันส์จนถึงรอบสุดท้าย ก่อนจบการแข่งขันในอันดับที่ 16 ในการเข้าร่วมเกมการแข่งขันระดับเวิลด์ กรังซ์ปรีซ์ ครั้งแรกในชีวิตบนแทร็คโฮมเรซ ณสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

ก้อง-สมเกียรติ” คนไทยคนแรกที่สร้างชื่อกระหึ่มสนามช้างฯ!! บิดเข้าที่ 9 เก็บแต้ม “โมโตทรี” บนแผ่นดินแม่ครั้งแรก ที่บุรีรัมย์

สมเกียรติ จันทรา นักบิดดาวรุ่งมือไวลด์การ์ดของ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ สร้างชื่อต่อหน้ากองเชียร์ชาวไทยเมื่อบิดเข้าอันดับ 9 คว้าแต้มสำคัญในศึก “โมโตทรี” ครั้งแรกที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ และนับเป็นคนไทยคนแรกที่คว้าแต้มได้สำเร็จในการแข่งขันรายการรถจักรยานยนต์อันดับ 1 ของโลก ในโฮมเรซของตัวเอง

ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี สนามที่ 15 ของฤดูกาล 2018 รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ ปรีซ์ ณ สนาม ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561 เป็นการดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศ ท่ามกลางสภาพอากาศแจ่มใส และมีแฟนๆ ชาวไทย ชาวต่างชาติ มาชมกันแน่นทั้งบริเวณ แกรนด์ สแตนด์ และ ไซด์ สแตนด์

โดยเวลา 11.00 น. เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของรุ่นโมโตทรี ดวลความเร็ว 22 รอบสนาม โดยเรซนี้มีนักบิดไทยสังกัด เอ.พี.ฮอนด้า ลงแข่ง 2 รายคือ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ หมายเลข 41 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ออกสตาร์ทกริดที่ 21 และ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา หมายเลข 35 นักบิดดาวรุ่งของไทยที่ได้สิทธิ์ไวลด์การ์ด ของ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ออกสตาร์ทกริดที่ 24

ก่อนเรซจะเริ่มต้นขึ้น ทั้งคู่สร้างความประทับใจแก่ผู้ชมรอบสนาม รวมถึงผู้ชมที่รับชมการถ่ายทอดสดเมื่อ “ชิพ” และ “ก้อง” นำธงชาติไทยเข้ามาที่สนามพร้อมกับรถแข่งคู่ใจของพวกเขา ก่อนทั้งสองจะปูธงบนพื้นแล้วคุกเข่าก้มกราบพื้นแทร็ค อันเป็นแผ่นดินบ้านเกิด ที่พวกเขาได้ลงแข่งรายการระดับโลกครั้งแรก และบันทึกลงในประวัติศาสตร์ของเมืองไทย

ส่วนการแข่งขัน เมื่อสิ้นสัญญาณไฟ สมเกียรติ จันทรา หมายเลข 35 ออกตัวจากกริดได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนบิดคันเร่งแซงคู่แข่งขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่องหลังผ่านไป 6 รอบสนาม ท่ามกลางคู่แข่งมือพระกาฬจากต่างแดนที่พยายามช่วงชิงอันดับเก็บแต้มในสนามแห่งนี้ กระนั้น “เจ้าก้อง” ก็ยังรักษาพื้นที่ของตัวเองในการลุ้นแต้มในโฮมเรซได้อย่างเหนียวแน่น

และในรอบสุดท้าย สมเกียรติ โชว์ฟอร์มนิ่งพารถเข้าเป็นลำดับที่ 9 ส่งผลให้เจ้าตัวเก็บแต้มเข้ากระเป๋าไป 7 แต้ม ด้วยเวลา 38 นาที 12.432 วินาที ขณะที่ นครินทร์ ไม่มีแต้มหลังพลาดล้มในช่วง 2 รอบสุดท้ายอย่างน่าเสียดาย ส่วนแชมป์ตกเป็นของ ฟาบิโอ ดิ จานนานโตนิโอ นักบิดชาวอิตาเลียน สังกัด เดล คอนชา เกรซินี โมโตทรี เวลา 38 นาที 10.789 วินาที

สำหรับ สมเกียรติ จันทรา สร้างประวัติศาสตร์สำคัญในวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยเมื่อเจ้าตัวกลายเป็นนักบิดชาวไทยคนแรกที่คว้าแต้มในรายการ โมโตทรี ที่โฮมเรซบ้านของตัวเอง ต่อหน้าผู้ชมชาวไทย นับเป็น 7 แต้มล้ำค่าที่สำคัญยิ่ง หลังเพิ่งได้รับข่าวดีจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ด้วยการผลักดันเข้าร่วมทีมเพื่อแข่งขันในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2019 แบบเต็มฤดูกาล