“ยามาฮ่า” ประกาศศักดาในรายการแข่งระดับโลก กวาดแชมป์ “ซูซูก้า เอ็นดูรานซ์”

ทัพนักบิดสังกัดทีมแข่ง “ยามาฮ่า แฟคตอรี่ เรซซิ่ง” และ “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ประกาศศักดาความสำเร็จในการแข่งขันเอ็นดูรานซ์ระดับโลก รายการ ซูซูก้า 8 ชั่วโมง และ ซูซูก้า 4 ชั่วโมง สร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบแบบมาราธอนชิงแชมป์โลก เอฟไอเอ็ม เอ็นดูรานซ์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2018 ในรายการ ซูซูก้า 8 ชั่วโมง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ สนาม ซูซูก้า อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น โดยผลการแข่งขันที่ออกมาถือเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของ ยามาฮ่า แฟคตอรี่ เรซซิ่ง เจ้าของแชมป์ 3 สมัยล่าสุด จากผลงานอันยอดเยี่ยมแบบไร้ที่ติจากการผนึกกำลังของ ไมเคิล ฟาน เดอร์ มาร์ค นักบิดดัตช์, อเล็กซ์ โลวส์ นักบิดอังกฤษ และ คัตซึยูกิ นากาซูกะ นักบิดาวญี่ปุ่น ที่สามารถยืนระยะรั้งอยู่ในตำแหน่งผู้นำได้ตลอดทั้งการแข่งขันสุดโหด 8 ชั่วโมง บวกกับความแข็งแกร่งของรถแข่งยามาฮ่า YZF-R1 ส่งผลให้พวกเขาผงาดคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ติดต่อกันไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยจำนวนรอบ 199 รอบสนาม และทิ้งห่างคู่แข่งถึง 30.974 วินาที

ส่วนทางด้าน ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เจ้าของแชมป์ปีที่ผ่านมา และเดินทางมาป้องกันแชมป์อีกครั้งในปีนี้ ด้วยนักแข่งตัวหลักของทีมอย่าง “ตี” อนุภาพ ซามูล, “ต๋ง” พีรพงศ์ บุญเลิศ และ “เบิร์ด” ประวัติ ญานวุฒิ ในฐานะโค้ช และนักบิดสำรอง ซึ่งใช้รถแข่ง ยามาฮ่า YZF-R6 หมายเลข 99 ลงทำการแข่งขันด้วยการออกสตาร์ทจากตำแหน่งโพล

ก่อนที่ อนุภาพ และ พีรพงศ์ โชว์ฟอร์มการขับขี่สุดร้อนแรง ช่วยกันกดเวลาต่อรอบเหนือคู่แข่งกว่ารอบละ 2-3 วินาที น็อครอบคู่แข่งอันดับ 2 ได้ถึง 2 รอบสนาม ก่อนเข้ารับธงตราหมากรุกเป็นคันแรก คว้าแชมป์ ซูซูก้า เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง ไปครอง 2 ปีติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่

นายธีระพงษ์ โอภาสกรกุล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายกีฬายานยนต์ และสถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด บอสใหญ่ของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม กล่าวหลังจบการแข่งขันว่า “ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้สร้างภาระกิจครั้งยิ่งใหญ่ในการนำชื่อเสียงกลับสู่ประเทศไทย นี่คือการประกาศว่าคนไทยพร้อมที่จะก้าวไปสู่การแข่งขันระดับโลก เราคว้าแชมป์ปีที่ 2 ติดต่อกันในศึก ซูซูก้า 4 ชั่วโมง เราทำสำเร็จตามที่รับปากกับแฟนชาวไทย ทุกคนดีใจ เราได้ทำอย่างเต็มที่ และมีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม เราขอมอบแชมป์ครั้งนี้ให้กับชาวไทยทุกคน นักบิดของเราทั้ง 3 คน ทำผลงานได้อย่างๆ ไร้ที่ติ และทีมงานเองก็พัฒนาขึ้นมาก ส่วนในสุดสัปดาห์ต่อไปเรายังมีงานหนักรออยู่ และพร้อมลุยกันต่อที่ประเทศอินเดีย ในรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ และเราจะคว้าแชมป์มาฝากแฟนๆ ทุกคน”

สำหรับ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ยังคงมีงานหนักรออยู่ในศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2018 สนามที่ 4 ที่ประเทศอินเดียในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญในการรักษาพื้นที่ในกลุ่มหัวตารางเพื่อลุ้นแชมป์เอเชียทั้งในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี และ เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี

SCOYCO JK63 หล่อไม่กลัวฝน

เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เห็นรายละเอียดแล้วอยากจะหยิบมาแนะนำกันมากๆ สำหรับแจ็คเก็ตเพื่อการขี่รถจักรยานยนต์รุ่นนี้ สคอยโก้ เจเค 63 กับการออกแบบภายนอกที่แทบดูไม่ออกว่ามันพร้อมลุยฝนที่ซ่อนอยู่ภายใน

ซื้อหนึ่งเหมือนได้ถึงสอง

แถบสะท้อนแสงนอกจากจะมีที่ต้นแขนแล้ว โลโก้ที่กลางหลังก็จะปรากฏเมื่อต้องแสงในที่มืด

เมื่อสวมชั้นกันฝนเข้าด้านใน กันลมหนาวก็เอาอยู่

ช่องเก็บของด้านในซ้ายและขวา

แขนเสื้อทรงกระบอกเน้นการหมุนเวียนของอากาศระบายร้อน

กระเป๋าสองใบที่ชายเสื้อด้านนอก และอีกสองใบที่ด้านใน

ปกเสื้อสั้นหุ้มขอบกันระคายจะมองเห็นขอบเสื้อกันฝนนิดๆ

สำหรับการใช้งานปกติ วัสดุที่เห็นจากภายนอกก็อาจจะคุ้นตาจากแจ๊คเก็ตสคอยโก้หลายรุ่นที่มีจำหน่าย ด้วยผ้าสังเคราะห์แบบตาข่ายที่พลิ้วไหว รุ่นใหม่ไม่หนา ไม่แข็ง น้ำหนักเบา สามารถระบายอากาศได้ดี เหมาะกับเมืองร้อนอย่างประเทศไทยเป็นอย่างดี ส่วนผ้ารองอีกชั้นที่ด้านในก็จะเป็นผ้ารูที่มีผิวนุ่มไม่ระคายผิว ทำให้ระบายอากาศได้ดีด้วยการที่อากาศสามารถผ่านได้สะดวกทั้งสองชั้น ปลายแขนทั้งสองข้างเป็นทรงกระบอกไม่จั๊มรัดข้อมือ ทำให้อากาศไหลผ่านขณะขับขี่ได้ดี คอเสื้อยกปกไม่สูง ทั้งคอเสื้อและปลายแขนหุ้มปลายเอาไว้ด้วยหนังเทียมทำให้ไม่กัดผิวเมื่อมีเหงื่อ และไม่ระคายเคืองกับผิวแห้ง ที่คอ แขน และเอว สามารถปรับกระชับให้เข้ากับรูปร่างได้ 2 ระดับด้วยกระดุมกดที่สะดวกมากว่าด้วยเรื่องความสะดวกแล้ว สคอยโก้ เจเค 63 มีกระเป๋าให้ 4 จุดที่ชายเสื้อ ด้านนอกเป็นกระเป๋าซิป 2 ข้าง และด้านในยังมีให้เก็บของเพิ่มได้อีก 2 กระเป๋า การ์ดป้องกันสามารถถอดออกเพื่อความสะดวกในการซักล้างทำความสะอาดอย่างง่ายดายสิ่งที่ สคอยโก้ เจเค 63 ให้ได้มากกว่าก็คือ ทุกตัวจะมีซับในที่สามารถกันฝนได้แถมมาให้โดยไม่ต้องซื้อเพิ่ม ไม่ต้องสวมทับแบบเสื้อกันฝนทั่วไป เป็นการสวมด้านในถอดและใส่ได้ด้วยซิปที่หลบอยู่หลังซิปอกด้านหน้าอย่างแนบเนียน ดังนั้นเวลาสวมใส่จึงไม่ทำให้ความเท่ลดลง แต่ฝนจะไม่ทำให้เราเปียกได้เลย นับเป็นความคุ้มค่าที่น่าสนใจสำหรับการขับขี่ในช่วงที่มีฝนตกบ่อย โดยไม่เสียบุคลิกความเป็นนักบิดเลยมาตรฐานความปลอดภัยนั้นก็ยังคงมาพร้อมกับการ์ด 5 จุด (ไหล่ 2 ศอก 2 หลัง 1) แถมด้วยการเพิ่มแถบสีสดใส และโลโก้สะท้อนแสงด้านหลังซึ่งจะมองไม่เห็นในตอนกลางวัน กับแถบสะท้อนแสงที่ต้นแขนอีกสองจุด มั่นใจว่าจะไม่ใช่นักบิดล่องหนที่ทำให้เกิดอันตรายแน่นอนประโยชน์ใช้สอยเพียบๆ ขนาดนี้ราคาจำหน่ายเพียง 2,850 บาท ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายสคอยโก้ทั่วประเทศ

New Honda Click150i ขีดสุดความแรงแห่งสปอร์ต เอ.ที.

เผยโฉมความเฉียบคมแห่งดีไซน์ทุกองศาคือความโฉบเฉี่ยว ทุกมิติคือความเจิดจ้า สะท้อนพลังความเป็นตัวจริงที่โดดเด่น โดยในรุ่น New Honda Click 150i มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ eSP 150 ซีซี ให้ขีดสุดแห่งสมรรถนะการขับขี่ที่ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีฮอนด้าสมาร์ทคีย์ ถือเป็นหนึ่งในโมเดลกลยุทธ์ที่ไม่หยุดตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้คนเมืองที่ต้องการรถเอ.ที. ที่สมบูรณ์แบบด้วยขีดสุดแห่งสมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบายจากเทคโนโลยีสุดล้ำ

ขีดสุดความแรงแห่งสปอร์ต เอ.ที. New Honda Click 150i เปิดตัวครั้งแรกในไทย เพื่อตอบโจทย์ทุกความเป็นที่สุดของการขับขี่ ที่มากับขุมพลังขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ eSP 150 ซีซี (enhanced Smart Power) หนึ่งในหัวใจสำคัญของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสมาร์ทเทคโนโลยี ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI ซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ พร้อมระบบระบายความร้อนดีเยี่ยมแบบ build in liquid cool ให้ประสิทธิภาพการขับขี่เต็มกำลัง เครื่องยนต์ทนทานประหยัดน้ำมัน ให้การขับขี่ที่คล่องตัวด้วยน้ำหนักรถที่พัฒนาให้เบาควบคุมง่าย มาพร้อมดีไซน์เฉียบคมกับไฟ LED รอบคัน สะท้อนความเท่ดุดันอย่างลงตัว พร้อมเพิ่มเทคโนโลยีความสะดวกสบายกับ Honda Smart Key กุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมฟังก์ชั่นระบุตำแหน่งรถ เพื่อป้องกันการโจรกรรม ช่องเก็บของอเนกประสงค์ทั้งคอลโซนด้านในและใต้เบาะ ล้ำหน้าด้วยแผงหน้าปัดดิจิตอลใหม่เต็มรูปแบบเด่นอ่านชัดเจน แสดงนาฬิกา ระดับแบตเตอรี่อัตราการใช้น้ำมัน พร้อมไฟแจ้งเตือน ไฟเลี้ยวและบังโคลนแบบแยกสไตล์เดียวกับบิ๊กไบค์ ท่อไอเสียดีไซน์ใหม่รับกับช่วงท้ายให้เสียงทุ้ม ดิสก์เบรกจานสไตล์สปอร์ตขอบเป็นคลื่น พร้อมการทำงานกับคาลิเปอร์แบบลูกสูบเดี่ยวที่ใช้สีแดงเพิ่มความโดดเด่นสะดุดตา และวงล้อแม็กใหม่สไตล์สปอร์ตพร้อมหน้ายางขนาดใหญ่แบบไม่มียางใน ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

การควบคุมง่ายคล่องตัว บอดี้กำลังดี
เป็นการออกแบบรูปทรงให้มีความเป็นสปอร์ต เอ.ที. โดดเด่นมากยิ่งขึ้น สามารถตอบโจทย์การขับขี่ที่ใช้งานได้คล่องตัวสำหรับในเมืองเป็นอย่างยิ่ง ชิ้นงานถูกประกอบติดกันอย่างมิดชิดดูเรียบเนียน ระดับความสูงของเบาะที่ไม่มากเหมาะสำหรับสรีระของชาวเอเชีย และพื้นที่นั่งสัมผัสได้ถึงความนิ่มการเว้าช่วงหน้าขาด้านในทำให้สะดวกในการยกขาหรือขยับได้ง่าย ด้านท้ายที่จับกันตกก็ต่อเป็นชุดเดียวกับแฟริ่ง ฟุตบอร์ดวางได้เต็มเท้า แฮนด์อยู่ในระดับกำลังดีได้วงเลี้ยวที่แคบ

ออพชั่นเสริมนำเทรนด์ เติมมาเต็มพิกัดพร้อมขย่มคู่แข่ง
สิ่งอำนวยความสะดวกและระบบต่างๆ ที่เติมมาให้นี้ แต่บางทีมันก็ใช้ยาก 555 สมารท์ คีย์ ปรับระบบเปิดการทำงานใหม่เล็กน้อย ต้องกดสวิตช์สตาร์ทก่อนเพื่อยืนยันการทำงานแล้วจึงบิดสวิตช์พร้อมสตาร์ทได้ หน้าปัดแสดงผลจัดเต็มเหมือนกับบิ๊กสกู๊ตเตอร์ เพิ่มเติมรายละเอียดขึ้นมาอีก ระดับของแบตเตอรี่ อัตราการใช้น้ำมัน ขณะที่กำลังขับขี่ใช้งานแบบค่าเฉลี่ย ทำให้ผู้ขับขี่รู้ถึงสถานะของเครื่องยนต์กลไกต่างๆ ได้สะดวก

สมรรถนะเครื่องยนต์ 150 ซีซี eSP ตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น แต่ช่วงรอบปลายยังไม่ถึงใจ
การออกแบบรูปทรงที่ไม่ใหญ่เกินความจำเป็นของจุดประสงค์การใช้งานกับการเสริมพละกำลังด้วยเครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ และระบบ eSP ซึ่งการันตีได้ถึงเทคโนโลยีทันสมัย มันได้
อารมณ์นิ่มๆ ที่สนุกเร้าใจบิดติดมือยิ่งขึ้น และเมื่อต้องการใช้ความเร็วบิดเร่งแซงรถ หรือการออกตัวที่รวดเร็วก็สามารถกดคันเร่งได้เลย นั่นเป็นจุดเด่นของกำลังช่วงต้นและกลาง แต่เมื่อลากกันยาวๆแล้ว ช่วงรอบปลายไม่รู้สึกว่ากำลังของรถจะถูกผลักดันออกมาอีก หรือความรู้สึกถึงเครื่องยนต์จะครางลั่นเรียกร้องความต้องการที่จะไปต่อ กับตัวเลขท็อปสปีดที่ทำได้กับทางตรงยาวๆ 120-125 กม./ชม. (น้ำหนักผู้ขับขี่ 67 กก.) แต่ถ้าเป็นเรื่องของความประหยัดต้องยกนิ้วให้เพราะเป็นเรื่องที่ฮอนด้าให้ความสำคัญและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย กับระบบหัวฉีด PGM-Fi และสุ้มเสียงกับรถเดิมๆ ไม่ได้แผดดังหรือเงียบจนเกินไป แต่ก็มีปล่อยเสียงให้ได้ยินช่วงเปิดคันเร่งเร็วๆ พอได้เร้าบ้าง

ช่วงล่างวงล้อแม็กพร้อมยางหน้ากว้าง เกาะถนนดี โช้คหนึบเข้าโค้งได้เนียน
คงไม่แปลกสำหรับการเกาะถนนที่ดีขึ้นด้วยหน้ายางที่กว้างและใหญ่ขึ้น ถึงจะเป็นยาง OEM ที่ติดมากับรถเป็น IRC และ VEERUBBER ก็เพียงพอกับสมรรถนะของตัวรถ รู้สึกได้ถึงองศาการเลี้ยวที่มั่นใจในโค้งที่ใช้ความเร็ว ประกอบกับการทำงานของโช้คอัพหน้าและหลังที่เซ็ทมาพอดี ไม่นิ่มจนเกินไปและก็ไม่หนึบจนเกินไป การข้ามลูกระนาดและขี่ผ่านหลุมไม่ทำให้รถเสียการควบคุมและไม่สะท้านขึ้นมาถึงผู้ขับขี่มากนัก

โดยรวมๆ แล้ว New Click150i เป็นรถ เอ.ที. ที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองที่คล่องตัว มีความโดดเด่น สวยงาม และให้ความประหยัด ส่วนเรื่องของราคาเปิดตัวแนะนำ ที่ 60,200 บาท จะคุ้มหรือไม่คุ้มคุณคือผู้ตัดสินใจ

 

Review New Honda Click150i #Ridingmagazine/273

ผยโฉมความเฉียบคมแห่งดีไซน์ทุกองศาคือความโฉบเฉี่ยว ทุกมิติคือความเจิดจ้า สะท้อนพลังความเป็นตัวจริงที่โดดเด่น โดยในรุ่น New Honda Click 150i มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ eSP 150 ซีซี ให้ขีดสุดแห่งสมรรถนะการขับขี่ที่ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีฮอนด้าสมาร์ทคีย์ ถือเป็นหนึ่งในโมเดลกลยุทธ์ที่ไม่หยุดตอบโจทย์

https://www.youtube.com/watch?v=jrJdLQLgYVk&t=6s

เบเนลลี่ เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจร สาขาแคราย

เบเนลลี่ ประเทศไทย ประกาศก้าวสู่ท็อปทรีตลาดบิ๊กไบค์ เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจร Benelli Servizio แครายนนทบุรี พร้อมส่ง TRK 502X และ Leoncino Trail รุ่นใหม่ลุยตลาด นายธนชาต ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบเนลลี่ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่าหลังจากที่เริ่มรุกตลาดบิ๊กไบค์ในประเทศไทยมาได้กว่า 8 ปี ปัจจุบัน มีโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานทั้งหมด 23 แห่งใน 17 จังหวัด ทั่วประเทศ ภายในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มทุนพร้อมรุกเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ Benelli Servizio และเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยเพิ่มอีก 11 แห่ง รวมเป็น 34 แห่งให้ครอบคลุม 28 จังหวัดทั่วประเทศในปีนี้ สำหรับโชว์รูมและศูนย์บริการ Benelli Servizio แครายแห่งนี้ ใช้งบลงทุนกว่า 160 ล้านบาท มีพื้นที่บริการกว่า 1,600 ตร.ม.” ภายใต้การเน้นแกนหลักของ 3C เป็นสำคัญ โดย C แรก คือ Culture & Community เน้นไปที่การถ่ายทอดจิตวิญญาณ วัฒนธรรมและสังคมของ Benelli Biker ส่วน C ที่สอง คือ Customization & Costume คือ การใส่ใจในรายละเอียดความต้องการของลูกค้าทั้งส่วนของตัวรถและผู้ขับขี่ และ C สุดท้ายที่ Benelli Servizio ทุกแห่งให้ความสำคัญ คือ Customer Satisfaction การให้ความพึงพอใจของลูกค้าสูงสุดเป็นที่ตั้ง โดยเน้นให้ลูกค้าจะได้รับการบริการมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ นอกจากนโยบายที่เน้นการให้เป็นหลักแล้ว เบเนลลี่ยังเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่ริเริ่มในระบบการรับประกันเครื่องยนต์ 3 ปีโดยไม่จำกัดระยะทาง

นายธนชาต กล่าวเพิ่มเติมว่า “กลยุทธ์การตลาดในครึ่งปีหลัง จะเน้นการนำรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้

ซึ่งมีความหลากหลายครบทุกเซ็กเม้นต์ ส่วนการสื่อสารการตลาดจะใช้กลยุทธ์ F.R.A.P.I. คือ Familiar สร้างความคุ้นเคย

จากตำนาน Benelli ที่ยาวนานกว่า 108 ปี Recognize การสร้างความจดจำผ่านรุ่น 300 ซีซี 2 สูบ parallel-twin เป็น

ตัวธงรบหลักตั้งแต่ปี 2557 Accept สร้างการยอมรับโดยใช้รุ่น 500 ซีซี 2 สูบที่เน้นดีไซน์และสเปคที่เหนือกว่าคู่แข่งใน

รุ่นเดียวกัน  Prefer และ Insist เป็นสเต็ปที่จะเกิดขึ้นในปี 2562-2563 สู่นิยาม Benelli บิ๊กไบค์แกร่งดีไซน์อิตาลีที่

ตอบโจทย์ทุกการใช้งานในราคาที่จับต้องได้ ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่า พร้อมจำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการ Benelli Servizio ทั่วประเทศที่รองรับการบริการหลังการขายได้ครอบคลุมทุกพื้นที่”

 

“เป็นที่ทราบกันดีว่าการแข่งขันในปัจจุบันของตลาดรถมอเตอร์ไซค์สูงขึ้นจากคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการจากผู้บริโภคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการใช้งานของรถบิ๊กไบค์แต่ละประเภท เบเนลลี่ ประเทศไทย มั่นใจว่าจะสามารถก้าว

สู่ตำแหน่งผู้นำในตลาดได้อย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งได้เปิดตัวรุ่นใหม่สู่ตลาดเดือนนี้ ได้แก่ TRK 502X, Leoncino Trail

ทั้งนี้ การเพิ่มไลน์อัพสินค้าจะทำให้ครอบคลุมกลุ่มรถสไตล์ Naked, Sport, Touring, Adventure, Enduro, Classic และ Cruiser เมื่อลูกค้ารู้จักและได้สัมผัส Benelli จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่เหนียวแน่น การขยายช่องทางจำหน่ายและศูนย์บริการ รวมถึงบริการหลังการขาย

 

 

 

New PCX150 Hybrid

เครื่องยนต์
 แบบ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด  4 จังหวะ/ 1 สูบ
 ปริมาตรกระบอกสูบ  149.32 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  10.6:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  57.3 * 57.9 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  Full Transistorized
 ระบบคลัทช์  ครัทช์แห้งแบบแรงเหวี่ยง
 ระบบเกียร์  อัตโนมัติ
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  8 ลิตร
ขนาด กว้าง ยาว สูง 745 x 1,923 x 1,107
น้ำหนักรวม  134 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิค

หลัง : โช้คอัพแบบยูนิตสวิง

ระบบเบรก

หน้า : ดิสก์

หลัง : ดรัมเบรก

ยาง/ล้อ

หน้า : 100/80-14 M/C 48P

หลัง : 120/70-14 M/C61P

2019 Yamaha YZ250F

ได้ฤกษ์ส่งรถโมโตครอสในพิกัด 250F ออกมาสู่ตลาดกับ all-new YZ250F โมเดลปี 2019 ที่ออกแบบใหม่เสริมสมรรถนะความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและที่สำคัญคือมาพร้อมกับความสะดวกสบายด้วย electric start engine หรือสตาร์ทไฟฟ้าที่ Yamaha ได้นำมาติดตั้งกับรถสูตรเครื่องยนต์ 250 ซีซี 4 จังหวะรหัส YZ-F ในที่สุด

ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ของโมเดลปี 2019 ที่เครื่องยนต์ DOHC 4valve ระบายความร้อนด้วยน้ำได้รับการออกแบบให้เสื้อสูบมีลักษณะลาดเอียงไปทางด้านหลังเพื่อปรับสมดุลตำแหน่งการจัดวางที่ส่งผลถึงการไหลเวียนของอากาศผ่านพอร์ทไอดีไอเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับปรับเรือนลิ้นเร่งขนาด 44 มม. ให้มีน้ำหนักเบาขึ้นรวมทั้งมีประสิทธิภาพในการจ่ายเชื้อเพลิงที่ดีผ่านหัวฉีด denso injector แบบ 12 รู โดยรวมแล้วเครื่องยนต์ใหม่ของ YZ250F เวอร์ชั่นใหม่นี้ ได้พัฒนาหลายๆจุดให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการให้กำลังที่มากขึ้นในช่วงรอบกลางและสูง ซึ่งจะสามารถให้การตอบสนองที่ง่ายและมีความเป็นมิตรต่อผู้ขับขี่มากขึ้น เช่นเดียวกับระบบส่งกำลังและชุดคลัทช์ ที่ได้รับการพัฒนาออกมาใหม่ให้มีความทนทานและมั่นคงยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับหม้อน้ำที่มีน้ำหนักเบาแล้วยังออกแบบใหม่ให้มีขนาดใหญ่มากพอที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับอากาศช่วยในเรื่องของการนำพาความร้อนกล่าวคืออากาศที่ไหลผ่านหม้อน้ำจะมีส่วนช่วยในการระบายความร้อนได้ดีขึ้นระหว่างแข่งขัน

แม้จะมีการปรับเปลี่ยนหลายส่วนในแบบ all-new ทว่าไฮไลท์ที่น่าสนใจสำหรับ 2019 YZ250F ก็คือ เป็นรถสูตรรุ่นแรกในพิกัด 250F ที่มาพร้อมกับ แอพปรับจูนที่เรียกว่า power tuner app ด้วยการปรับแต่งพื้นฐานของเครื่องยนต์โดยผ่านการทำงานด้วยสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อด้วยสัญญาณไวเลส ซึ่ง Yamaha Power Tuner App นี้ได้นำมาใช้ครั้งแรกกับ 2018 YZ450F ก่อนที่จะส่งผ่านมาใช้กับ 2019 YZ250F ด้วยการเชื่อมต่อทาง wireless ระหว่างสมาร์ทโฟน กับ CCU หรือ communication control unit ของ YZ250F นอกจากนี้ยังติดตั้งปุ่มปรับค่า map ของรถ Dual-mode switchable engine mapping ให้เหมาะสมกับสภาพแทร็คและอากาศได้อย่างเหมาะสม ซึ่งข้อมูลของตัวรถ all-new YZ250F

สำหรับโมเดลปี 2019 มีรายละเอียดดังนี้

Engine type 4-stroke, liquid-cooled, DOHC, 4-valves
Displacement 250cc
Bore x stroke 77 mm x 53.6 mm
Compression ratio 13.8 : 1
Maximum power N/A
Limited power version kW (PS) @ rpm
Maximum torque N/A
Lubrication system Wet sump
Clutch type Wet, Multiple Disc
Fuel system Fuel Injection
Ignition system TCI
Starter system Electric
Transmission system Constant Mesh, 5-speed
Final transmission Chain
Frame Semi double cradle
Front travel 309.8 mm
Caster angle 27.1º
Trail 119 mm
Front suspension system Telescopic forks
Rear suspension system Monoshock
Rear travel 314.96 mm
Front brake Hydraulic single disc 270 mm
Rear brake Hydraulic single disc 245 mm
Front tyre 80/100 – 21 51M
Rear tyre 100/90 – 19 57M
Overall length 2,175 mm
Overall width 825 mm
Overall height 1,285 mm
Seat height 970 mm
Wheel base 1,475 mm
Minimum ground clearance 335 mm
Wet weight (including full oil and fuel tank) 106 kg
Fuel tank capacity 6.2 L
Oil tank capacity 0.95 L

 

New Honda PCX Hybrid วางจำหน่ายสิงหาคมนี้

ฮอนด้า เผยสุดยอดนวัตกรรม “รถจักรยานยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของโลกที่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน” พร้อมยืนยันสมรรถนะขับสนุกได้ประหยัดมากขึ้น กับ New Honda PCX Hybrid วางจำหน่ายสิงหาคมนี้

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เผยนวัตกรรมแห่งความภาคภูมิใจ New PCX Hybrid “รถจักรยานยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของโลกที่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน” ประเดิมจัดสื่อมวลชนไทยทดลองขับยืนยันสมรรถนะจากขุมพลังนวัตกรรมไฮบริด ที่ขับสนุกบิดทันใจทุกครั้งที่เร่งความเร็วและช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วยมาตรฐานระบบไฮบริดระดับโลก พร้อมวางจำหน่ายให้คนไทยได้สัมผัสต้นเดือนสิงหาคมนี้

 

 

นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า “ภายใต้แนวคิด What Stops You ฮอนด้าในฐานะผู้นำตลาดที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ความท้าทายเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา เรามุ่งมั่นพัฒนาเพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีคุณภาพและได้มาตรฐานระดับโลก มาให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสมาโดยตลอด เช่น การท้าทายจากเครื่องยนต์ 2 จังหวะเป็น 4 จังหวะ การท้าทายจากระบบคาร์บูเรเตอร์ไปสู่ระบบหัวฉีด PGM-FI รวมไปถึงการท้าทายเทคโนโลยีรถเอทีด้วยฮอนด้าสมาร์ทเทคโนโลยีที่มีการใช้มอเตอร์มาทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ในเครื่องยนต์ eSP Engine ตั้งแต่เมื่อ 9 ปีที่แล้ว”

“และในครั้งนี้เป็นการท้าทายอีกขั้นของฮอนด้า กับเทคโนโลยีระบบไฮบริดในรถจักรยานยนต์รุ่นแรกของโลกที่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานระดับโลก โดยมีจุดเด่น คือ 1.) ใช้พลังจากแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนเช่นเดียวกับระบบไฮบริดในรถยนต์ 2.) มอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลัง ช่วยเสริมการทำงานให้กับเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 3.) สมองกล PDU ที่สั่งการแบบ Full Time Operation ทุกครั้งที่มีการเร่งความเร็ว 4.) แสดงสัญญลักษณ์ Hybrid ตัวนูน แบบเดียวกับสัญญลักษณ์รถยนต์ไฮบริดที่ฮอนด้าใช้กันทั่วโลกเพื่อความภูมิใจของผู้ครอบครอง นอกจากนั้น Honda PCX Hybrid ยังมีสวิทช์ Riding Mode ให้ผู้ขับเลือกสนุกได้มากขึ้น ทั้งโหมดปกติ หรือ โหมด Sport ที่สนุกเร้าใจมากขึ้น”

อนึ่ง การทำงานของระบบไฮบริดของฮอนด้าเป็นระบบไฮบริดแบบขนาน มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่ 1. แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (LI-Ion Battery) ขุมพลังสำคัญของระบบไฮบริดที่มีแรงเคลื่อนไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ ทำหน้าที่จ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเสถียรและต่อเนื่อง ตัวแบตเตอรี่มีขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา และมีอายุการใช้งานยาวนาน 6-8 ปี 2. กล่องควบคุมอัจฉริยะ PDU (Power Deliver Unit) กล่องควบคุมการทำงานระบบไฮบริด มีหน้าที่สั่งการไปยังแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ให้จ่ายไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า ทุกครั้งที่มีการเร่งความเร็วให้ได้ดั่งใจ เพื่อให้มอเตอร์ไฟฟ้าเสริมการทำงานให้กับเครื่องยนต์ ในการเพิ่มอัตราเร่งตอบสนองความเร้าใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ 3. ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า (Motor Assist) คือ มอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลัง มีหน้าที่เสริมการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ eSP 150 ซีซี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนให้สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้แรงทันใจทุกครั้งที่มีการเร่งความเร็วให้ได้ดั่งใจ

โดยการทำงานของระบบไฮบริดของฮอนด้านั้น ทุกครั้งที่ผู้ขับขี่เร่งความเร็ว กล่อง PDU จะสั่งการไปที่แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนให้จ่ายไฟไปให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ เพื่อผลลัพธ์แห่งความแรงที่สัมผัสได้ทุกครั้งที่เร่งความเร็ว เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำสมัยไปกับขุมพลังไฮบริดที่ได้มาตรฐานระดับโลก

สำหรับแนวคิดในการนำมาพัฒนาให้กับ Honda PCX คุณสุชาติได้เสริมว่า “เพราะฮอนด้า PCX เป็นรถเอที ระดับพรีเมี่ยม ที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นผู้ที่ชื่นชอบสินค้าที่สร้างความภูมิใจในการครอบครอง จึงเชื่อว่าด้วยความเป็น ”รถจักรยานยนต์ระบบไฮบริดแท้ครั้งแรกของโลกที่ใช้แบตลิเที่ยม” ของ Honda PCX Hybrid ในครั้งนี้จะสร้างความภูมิใจให้กับเจ้าของรถได้มากยิ่งขึ้น”

สำหรับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า New PCX Hybrid มาในแนวคิด “Power of the Pride” พลังแห่งความภูมิใจครั้งใหม่ สามารถสัมผัสความแรงได้ทุกครั้งที่บิดคันเร่ง เพื่อเร่งความเร็ว และยังประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังขับสนุกทุกโหมดการขับขี่ ซึ่งแต่ละโหมดจะให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่ต่างกัน ได้แก่ Drive Mode โหมดขับขี่ปกติ, Sport Mode โหมดขับขี่แบบสปอร์ต ช่วยให้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังให้เครื่องยนต์ตอบสนองการขับขี่ได้แรงเร้าใจมากยิ่งขึ้นกว่าปกติ และ Blank Mode โหมดปิดการทำงานระบบ Idling Stop สร้างความภูมิใจให้กับผู้ครอบครองด้วย Hybrid 3D Emblem โลโก้ไฮบริดแบบ 3 มิติ ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกในผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นของฮอนด้าที่เป็นระบบไฮบริด ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เสริมความมั่นใจด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 14 นิ้ว มาพร้อมกับยาง Michelin หน้ายางขนาดใหญ่ ยึดเกาะถนนได้มั่นใจ ทั้งยังติดตั้งกล่อง Console Box พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟสำหรับสมาร์ทโฟนของผู้ขับขี่ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล พรีเมียมไปอีกขั้นกับดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟ Full LED รอบคัน และเพิ่มความพิเศษด้วย New Blue Liner LED Headlight ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ Hybrid สะท้อนความล้ำหน้าตั้งแต่แรกเห็น พร้อมด้วยสมาร์ทคอนโทรลเลอร์ ชุดควบคุมการทำงานระบบสตาร์ทอัจฉริยะ และฮอนด้าสมาร์ทคีย์ รีโมทอัจฉริยะ สั่งการ 3 ฟังก์ชั่น ช่วยระบุตำแหน่งค้นหารถ สัญญาณกันขโมยป้องกันการโจรกรรมส่งสัญญาณเตือนทันทีเมื่อรถมีการเคลื่อนที่หรือสั่นสะเทือน และระบบเปิด-ปิดสัญญาณรีโมท เพื่อสั่งการเปิดหรือล็อกการเชื่อมต่อสัญญาณรีโมทกับสมาร์ทคอนโทรลเลอร์ล็อกนิรภัยอีกขั้น

หรูหราด้วยแผงหน้าปัดระบบดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่บอกค่าสถานะต่าง ๆ ได้ครบถ้วนตอบโจทย์ชีวิตยุคดิจิทัล อาทิ Assist Level ช่องแสดงระดับการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ในขณะที่บิดคันเร่งเพื่อเร่งความเร็ว, Charge Level ช่องแสดงระดับการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ในขณะผ่อนคันเร่ง และขณะรอบเดินเบา, Li-ion Battery Level ช่องแสดงระดับพลังงานแบตเตอรี่, Li-ion Battery Indicator สัญลักษณ์เตือนการทำงานของแบตเตอรี่เมื่อมีความผิดปกติ, จอแสดงผลระบบ Riding Mode, ช่องแสดงผลระบบ Hybrid, มาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล, ไฟแจ้งเตือนการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง, นาฬิกาดิจิทัลบอกเวลา, ไฟสัญญาณ Smart Key, ไฟแสดงความพร้อมเครื่องยนต์, ไฟ Stand By ระบบ Idling Stop, ระบบบันทึกระยะทางการขับขี่ และมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงระบบดิจิทัล สามารถคำนวณอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ ยังคงเอกลักษณ์ที่เป็นมาตรฐานของรถประเภทเอ.ที. ของฮอนด้าด้วย ฮอนด้าสมาร์ทเทคโนโลยี (Honda Smart Technology) เพื่อการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ประกอบด้วย เครื่องยนต์ eSP 150 ซีซี PGM-FI เทคโนโลยีเครื่องยนต์ทรงประสิทธิภาพ, ระบบ Idling Stop เทคโนโลยีหยุดเครื่องยนต์อัจฉริยะ ที่พัฒนาขึ้นอีกขั้นในรุ่น PCX Hybrid โดยระบบจะช่วยหยุดการทำงานของเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติในเวลาเพียง 0.5 วินาทีเมื่อหยุดรถ หลังจากขับมาด้วยความเร็วมากกว่า 6 กม.ต่อชม. และ Combi Break แบบ 3 pots เทคโนโลยีกระจายแรงเบรก สร้างความมั่นใจแก่ผู้ขับขี่

เตรียมพบกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า New PCX Hybrid รุ่นแรกของโลก “Power of the Pride” พลังแห่งความภูมิใจครั้งใหม่ วางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่สิงหาคมนี้เป็นต้นไป ผู้สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่ Honda Wing Center ทั่วประเทศ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมทาง www.aphonda.co.th เฟสบุ๊ค www.facebook.com/hondamotorcyclethailand และ LINE @HondaMotorcycleTH
####

กรมการขนส่งทางบก เสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการขับขี่รถจักรยานยนต์และปฏิบัติตาม กฎจราจร สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม

กรมการขนส่งทางบก เสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการขับขี่รถจักรยานยนต์และปฏิบัติตาม กฎจราจร สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายสร้างความปลอดภัยทางถนน เสวนาภายใต้แนวคิด จักรยานยนต์ปลอดภัย Smart Ride – Safe Lives พร้อมเดินหน้าโครงการ DLT Helmet Area กำหนดพื้นที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศเป็นเขตสวมหมวกนิรภัย 100% ทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อน มุ่งลดอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศอย่างยั่งยืน วันนี้ (5 กรกฎาคม 2561) เวลา 10.00 น. ณ ห้องโถงอาคาร 1 ชั้น 1 กรมการขนส่งทางบก นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าว พร้อมร่วมเสวนาสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของประเทศ เรื่อง “จักรยานยนต์ปลอดภัย Smart Ride – Safe Lives” โดยมี พ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง และนายอารักษ์ พรประภา ผู้อำนวยการศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นและแนวทางการดำเนินงานเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการขับขี่รถจักรยานยนต์ ตระหนักและปฏิบัติตามกฎจราจร นำสู่การปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมในการใช้รถใช้ถนนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดความสูญเสีย ลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศ สอดคล้องตามนโยบายด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศและกระทรวงคมนาคม

.

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกตระหนักและมุ่งดำเนินทุกโครงการ
เพื่อแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด กรมการขนส่งทางบกจึงริเริ่มโครงการความร่วมมือรณรงค์ เพื่อเสริมสร้างความตระหนัก ปรับเปลี่ยนทัศนคติ จนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย ให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และคนทั่วไปให้มีความตื่นตัวเกี่ยวกับอันตรายจากการใช้รถใช้ถนน พร้อมให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการที่เหมาะสมในการขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันอันจะนำมาซึ่งชีวิตที่มีความปลอดภัยมากขึ้น จนเป็นวัฒนธรรมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาว โดยผนึกกำลังหน่วยงาน ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนของประเทศภายใต้แนวคิดการดำเนินการแบบประชารัฐ เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับความปลอดภัยทางถนนของประเทศให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ผ่านกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจและปลูกจิตสำนึกที่ดีให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์โดย จัดทำสกู๊ปรณรงค์ลดอุบัติเหตุ จำนวน 22 ตอน เพื่อออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ และนำไปเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย, จัดทำเพลงและมิวสิควิดีโอ, จัดกิจกรรมประกวดคลิปส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนระดับอุดมศึกษา ชิงเงินรางวัล 100,000 บาท, จัดกิจกรรมเชิงรุกรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในมหาวิทยาลัย 4 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มหาวิทยาลัยจันทรเกษม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยสยาม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความรู้ความเข้าใจในการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย และจัดกิจกรรมสานพลังประชารัฐในการในการขับขี่ ณ ศูนย์การค้าเมกะ บางนา  อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกรณรงค์ส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้รถจักรยานยนต์ โดยกำหนดให้พื้นที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นเขตสวมหมวกนิรภัย 100% ทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย “DLT Helmet Area” ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 เป็นต้นมา เพื่อต้องการสร้างความตระหนักถึงผลกระทบและให้เห็นความสำคัญที่จะต้องสวมใส่หมวกนิรภัยอย่างถูกวิธีทุกครั้งที่ใช้รถจักรยานยนต์ และนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัยและเกิดการบอกต่อในสังคมเป็นวงกว้าง อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด

 

 

New MSX 125 SF

เครื่องยนต์
 แบบ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด  4 จังหวะ/ 1สูบ
 ปริมาตรกระบอกสูบ  124.9 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  9.3 :1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  52.4 * 57.9 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน หัวฉีดขนาด
 ระบบจุดระเบิด จุดระเบิดแบบอิเล็กทรอนิกส์
 ระบบคลัทช์  ครัทช์เปียก
 ระบบเกียร์  4 สปีด
ระบบสตาร์ท สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 5.5
ความจุน้ำมันเครื่อง  –
กว้าง*ยาว*สูง 755 * 1760 * 1010 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม 102 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : โช้คหน้าแบบอัพไซส์ดาว

หลัง : โช้คอัพเดี่ยวปรับระดับได้

ระบบเบรก

หน้า : Disc

หลัง : Disc

ยาง/ล้อ

หน้า : 120/70-12M/C 51L

หลัง : 130/70-12M/C 56L

 

New R15

เครื่องยนต์
 แบบ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด  4 จังหวะ/ 1 สูบ
 ปริมาตรกระบอกสูบ  155 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  11.6:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  58.0 * 58.7 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  T.C.I
 ระบบคลัทช์  คลัทช์เปียก
 ระบบเกียร์  แบบสปอร์ต 6 ระดับ
ระบบสตาร์ท  สตาร์ทมือ
น้ำมันเชื้อเพลิง  น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วหรือแก๊สโซฮอล์ E10
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  11.0 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง

 0.85  ลิตร ไม่มีการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง

0.95 ลิตร มีการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง

กว้าง*ยาว*สูง  725 * 1990 * 1135 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม 137 กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือน

หน้า : เทเลสโคปิค (โช้คหัวกลับ)

หลัง : โช้คเดียวร่วมกับสวิงอาร์มและกระเดื่องซับแรง

ระบบเบรก

หน้า : ดิสก์

หลัง : ดิสก์

ยาง/ล้อ

หน้า : 100/80-17M/C 52P

หลัง : 140/70-17M/C 66S

 

New Grand Filano Hybrid

เครื่องยนต์
 แบบ ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด  4 จังหวะ/ 1 สูบ
 ปริมาตรกระบอกสูบ  125 cc
 อัตราส่วนกำลังอัด  11.0:1
 กระบอกสูบ x ระยะชัก  52.4 * 57.9 mm
 ระบบหล่อลื่น  แบบเปียก
 ระบบจ่ายน้ำมัน  หัวฉีด
 ระบบจุดระเบิด  T C I
 ระบบคลัทช์  คลัทช์แห้ง
 ระบบเกียร์  ออโต้
ระบบสตาร์ท  รุ่น ABS สตาร์ทมือ รุ่น Hybrid สตาร์ทมือ/เท้า
น้ำมันเชื้อเพลิง  E20,91,95
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง  4.4 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง  0.8 ลิตร
กว้าง*ยาว*สูง  685 * 1820 * 1150 มิลลิเมตร
น้ำหนักรวม  รุ่น Hybrid 101 กก. รุ่น ABS 102 กก.
ระบบกันสะเทือน

หน้า : เทเลสโคปิค,คอยล์สปริง

หลัง : ยูนิตสวิง,คอยล์สปริง

ระบบเบรก

รุ่น ABS : หน้า  ดิสก์เบรก ABS/หลังดรัม

รุ่น Hybrid : หน้า ดิสก์เบรก /หลังดรัม

ยาง/ล้อ

หน้า : ไม่มียางใน ขนาด 110/70-12 47L

หลัง : ไม่มียางใน ขนาด 110/70-12 47L