“บางกอกมอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46  กรังด์ปรีซ์ฯ ผนึกพันธมิตร 54 แบรนด์ดัง

“บางกอกมอเตอร์โชว์”ปลุกอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) รวมกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์กว่า 54 แบรนด์ดัง จัดงาน “บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 ภายใต้ธีม “The Talk of Sensuous  Automotive” หรือ “สนทนาภาษายานยนต์” ชูไฮไลต์พื้นที่โซนใหม่จัดแสดงอะไหล่รถอีวีและสันดาป หลังปิดดีลเครือข่ายผู้ผลิตและจำหน่ายจากประเทศจีน โดยงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน พ.ศ.2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และ ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงาน “บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 กล่าวว่า “สำหรับงานมอเตอร์โชว์ในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้ธีม “The Talk of Sensuous  Automotive” หรือ “สนทนาภาษายานยนต์” สื่อถึงปรัชญาแนวทางการออกแบบในโลกยานยนต์ที่สื่อสารเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง ความปรารถนา แรงบันดาลใจ สื่อสารเป็นภาษาของยานยนต์ เพื่อสะท้อนแนวคิด การสร้างสรรค์พัฒนา และประสบการณ์สุนทรียภาพทางอารมณ์อย่างที่คุณค่า”
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงาน “บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ครั้งที่ 46 “โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการยานยนต์จากยุโรปและเอเชียตอบรับเข้าร่วมออกบูธภายในงานฯ แล้ว 54 ราย แยกเป็นรถยนต์ 41 บริษัท และจักรยานยนต์ 13  สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมออกงานอย่างเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังได้รับการตอบรับการเข้าร่วมออกงานฯของกลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่เป็นแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า ที่เพิ่งเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย อาทิ ZEEKR, OMODA&JAECOO, CHERY, KINGGEN, JUNEYAO , RIDDARA และ GEELY รวมถึงเทคโนโลยีระบบนำทางภายในรถยนต์ HUAWEI นอกจากนี้ยังมีแบรนด์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า YADEA ที่มาเปิดตัวครั้งแรกภายในงานฯ โดยในปีนี้มีผู้ประกอบการจากประเทศจีนเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 14 ราย”
“ส่วนในไฮไลต์ของการจัดงานฯ ปีนี้ นอกจากมีการเปิดตัวรถยนต์และรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ทั้งรถสันดาปและรถอีวีของผู้ประกอบการยานยนต์แล้ว บริษัทฯ ได้จัดเตรียมพื้นที่ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 พื้นที่กว่า 9,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับการออกบูธอุปกรณ์ตกแต่งรถโดยเฉพาะ โดยในปีนี้ได้ขยายฐานผู้ออกบูธแสดงสินค้าสู่กลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถอีวีและสันดาปที่ต้องการขยายตลาดในประเทศไทย เนื่องจากเห็นโอกาสและศักยภาพของงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่เป็นงานจัดแสดงยานยนต์ระดับสากล”
“จึงได้รับความร่วมมือจาก บริษัท หนานจิง ฉ่วงฉี เอ็กซิบิชั่น จากประเทศจีน ได้นำสินค้าอุปกรณ์อะไหล่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จากประเทศจีน มาจัดแสดงเพื่อให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยที่สนใจเป็นร่วมตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย นับได้ว่า เป็นครั้งแรกของการจัดงานแสดงรถยนต์เพื่อผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์โดยตรง เป็นการเชื่อมโยงทางธุรกิจ และการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการ บนพื้นที่กว่า 3,800 ตารางเมตรภายในฟอรั่ม ฮอลล์ 4 ระหว่างวันที่ 24 – 30 มีนาคม 2568 มั่นใจได้ว่า จะได้สินค้าที่ตรงตามคุณภาพ ราคาจากผู้ประกอบการโดยตรง”
นอกจากนี้ ยังมีการออกบูธจัดแสดง USED CAR หรือรถมือสองระดับลักชัวรี่ รวมถึง สินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่น สินค้ามูเตลู การแข่งขันชิงรางวัล พร้อมกิจกรรมสนุกๆอีกมากมาย ภายในฮอลล์
และอีก 1 งานที่แต่งเติมสีสันให้ล้อกันไปกับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ คือ MU-NIVERSE “เปิดจักรวาลมูเตลูไทย สู่คนรุ่นใหม่” เป็นอีเวนต์ที่รวบรวม เรื่องราวมูเตลูของเมืองไทยในแบบที่เข้าถึงง่าย เชื่อมโยง ความเชื่อม ศิลปะ เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน ระหว่าง วันที่ 2-6 เมษายน 2568 ที่บริเวณฟอรั่ม ฮอลล์ 4 พบปะกับอ.ลักษณ์ โหราธิบดี และแขกรับเชิญสายมูชื่อดังมากมาย พร้อมกิจกรรมดูดวง ปรึกษาฤกษ์ออกรถ ป้ายทะเบียนมงคล สินค้าเครื่องรางวัตถุมงคล กิจกรรมแลกเปลี่ยนข้อมูลของดีของสะสมสายมู พร้อมรับสติ๊กเกอร์เสริมดวงรุ่นพิเศษเฉพาะงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เท่านั้น
นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่สายการผลิต บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “สำหรับกิจกรรมในปีนี้ นอกจากกิจกรรม E-Racing ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์การแข่งขันรถยนต์เสมือนจริงผ่านเครื่องเล่น Simulator แล้ว ทางผู้จัดยังได้รับความร่วมมือจาก R.C.S. (Runbike Championship Series) ประเทศญี่ปุ่น จัดกิจกรรมการแข่งขันจักรยานทรงตัวรายการ “Grandprix Runbike Championship With R.C.S.” ขึ้นภายในงาน โดยเป็นการจัด Pre-Event จำนวน 2 สนาม ซึ่งการจัดการแข่งขันดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันวงการกีฬาสำหรับเยาวชนในประเทศไทย รวมถึงบูธแสดงสินค้าเกี่ยวกับเด็ก กีฬา และไลฟ์สไตล์ ตลอดจนโซนกิจกรรมสำหรับครอบครัวอีกด้วย”
นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมาบริษัทฯ ในฐานะผู้จัดงาน ได้มีการพัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทั้งผู้เข้าร่วมงาน และผู้เข้าชมงานได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยี digital transformation เข้ามาอำนวยความสะดวกในการเข้าชมงาน”
“เราได้พัฒนาบัญชี LINE Official Account หรือ Line OA ขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกใช้ในการลงทะเบียน และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารระหว่างบริษัทฯ กับผู้บริโภคในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และรูปแบบการให้บริการใหม่ๆ ทั้งกลุ่ม Auto และ กลุ่ม Lifestyle ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นมา เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ”
“นอกจากนี้ เรายังได้จัดทำโปรแกรม Fullloop ที่สามารถเก็บข้อมูลฟีดแบ็กจากผู้เข้าชมได้ในรูปแบบที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ผู้เข้าชมสามารถกรอกแบบสอบถามสั้นๆ เพื่อประเมินการจัดงาน ช่วยให้ผู้จัดงานสามารถรวบรวมข้อมูลได้ทันทีและวิเคราะห์ผลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการเก็บฟีดแบ็กจากผู้เข้าชมในงานมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้จัดงานสามารถปรับปรุงการจัดงานในหลายๆ ด้าน และตอบสนองต่อความต้องการของผู้เข้าชมได้ดียิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการจัดงานฯ ปีนี้จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา  ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้คาดว่าจะทรงตัว เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนและเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน ประกอบกับสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเนื่องจากภาวะหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าผู้บริโภคยังมีความต้องการซื้อรถใหม่และรถมือสอง
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ผู้จัดงานฯ มีการปรับเพิ่มวันสำหรับสื่อมวลชน หรือ Press day เป็น วันที่ 24 มีนาคม 2568 สือมวลชนสามารถเข้าภายในบริเวณงานได้ตั้งแต่เวลา 7:30 น. โดยรอบนำเสนอของบริษัทแรกจะเริ่มในเวลา 8:00 – 21:00 น. ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมจากแบรนด์ที่ร่วมออกงานฯ โดยสื่อมวลชนที่ไม่ได้ลงทะเบียนล่วงหน้า สามารถลงทะเบียนได้ที่กองอำนวยการ ได้ตั้งแต่เวลา 7:00 น.
ในวันที่ 25 มีนาคม 2568 พิธีเปิดการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 อย่างเป็นทางการ จะเริ่มในเวลา 9:00 – 10:00 น. และ เปิดรอบสำหรับ VIP ตั้งแต่เวลา 10:00 น.- 18:00 น.
การจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 นี้ มีความคืบหน้าเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ มั่นใจว่า การจองรถยนต์ ภายในงานครั้งนี้ จะได้รับข้อเสนอที่คุ้มค่า เข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด และสิทธิพิเศษมากมาย ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตัดสินใจ!  และ สร้างความตื่นตาตื่นใจไม่แพ้การจัดงานในอดีตที่ผ่านมา
 
แคมเปญแจกรถรางวัล สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เรามี 4 แคมเปญด้วยกัน ดังนี้
1.     ซื้อบัตรเข้าชมงาน ตอบแบบสอบถาม ลุ้นรับรางวัลรถยนต์รถยนต์ไฟฟ้า  JAECOO 6 EV (2WD) และ รถจักรยานยนต์ 2 รางวัล จากแบรนด์ YAMAHA และ HONDA
2.   จองรถยนต์ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ลุ้นรับรถยนต์ไฟฟ้า NETA V-II smart  หรือ จองรถจักรยานยนต์ภายในงานฯ ลุ้นรางวัล รถจักรยานยนต์ KAWASAKI W230
3.         ร่วมกิจกรรมลงทะเบียนบัตรอภินันทนาการ ลุ้นรับรางวัลรถจักรยานยนต์ SUZUKI BURGMAN  ได้ที่ ฟอรั่ม ฮอลล์ 4
4.         กิจกรรม Shopping  มูลค่า 1,000 บาทขึ้นไปภายใน ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 ร่วมลุ้นรางวัล E-Scooter YADEA MODERN
สำหรับบัตรเข้าชมงานฯ มีจำหน่ายบริเวณด้านหน้างาน และ ทางออนไลน์ ผ่านไลน์แอปพลิเคชั่น ทั้งนี้นอกจากสิทธิประโยชน์จากการร่วมลุ้นรางวัลรถยนต์และรถจักรยานยนต์แล้ว สามารถนำบัตรเข้าชมงานแบบซื้อที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว มาร่วมกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลต่างๆมากมายได้ที่ บูธกิจกรรมพิเศษ ภายในอาคารฟอรั่ม ฮอลล์4 และ สำหรับการจัดงานฯ ครั้งนี้ ผู้จัดงานฯ ได้จัดเตรียมรถshuttle ไว้อำนวยความสะดวก สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีชมพู สามารถลงที่สถานีศรีรัช แล้วต่อรถ shuttle ที่ผู้จัดงานฯได้เตรียมไว้ เพื่อเข้าสู่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 เส้นทางศรีรัช  – ACTIVE HALL 4 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ประการใด
มาร่วมสัมผัสนวัตกรรมแห่งยานยนต์ AI ที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และคุณภาพชีวิตใหม่ของทุกคนได้ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 นี้  วันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2568 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และ ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี งานแสดงเทคโนโลยียานยนต์ อันดับ 1 ของเมืองไทย
 

Harley-Davidson สร้างปรากฎการณ์ในงานโมโตจีพีไทยแลนด์ 2025

Harley-Davidson เปิดตัว Pan America® 1250 ST ใหม่ ในราคา 874,000 บาท

Harley-Davidson กลับมาอีกครั้งที่งานโมโตจีพี ไทยแลนด์ 2025 โดยการกลับมาในครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อตำนานในวงการมอเตอร์สปอร์ตของ Harley-Davidson เพื่อมอบประสบการณ์สุดมันส์ให้กับลูกค้า เหล่านักขับขี่ และแฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ต พร้อมเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์สายแอดเวนเจอร์สปอร์ต Pan America® 1250 ST รุ่นใหม่ ปี 2025 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

บูธ Harley-Davidson ใน MotoGP Fan Village ดึงดูดเหล่าผู้ร่วมงาน โดยการนำคอลเลกชันรถมอเตอร์ไซค์สุดพรีเมียมที่เหล่านักขับขี่ต่างเฝ้ารอมาจัดแสดง พร้อมกันนี้ ภายในบูธยังมีกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย ให้เหล่าแฟน ๆ ได้ดื่มด่ำไปกับ Harley-Davidson กันอย่างเต็มที่ตลอดงานระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคม 2568

สานต่อตำนานเจ้าแห่งความเร็วของ Harley-Davidson ในงานโมโตจีพี ไทยแลนด์ 2025

Harley-Davidson ต่อยอดความเป็นผู้นำในวงการมอเตอร์สปอร์ต โดยการประกาศเปิดตัวทีมแข่ง Harley-Davidson® x Dynojet Factory Race Team ซึ่งจะลงแข่งขันในศึก MotoAmerica™ Mission Foods King of the Baggers 2025 โดยฤดูกาลนี้จะมี Bradley Smith สุดยอดนักแข่งจากรายการโมโตจีพีมาเสริมทัพร่วมกับ Kyle Wyman และ James Rispoli พร้อมพารถมอเตอร์ไซค์ Road Glide® ลงแข่ง

ทีมแข่ง Harley-Davidson® x Dynojet Factory Race เตรียมลงแข่งขันในศึกชิงแชมป์ 14 สนาม โดยจะเปิดฤดูกาลระหว่างวันที่ 6-8 มีนาคม ณ สนาม Daytona International Speedway เมือง Daytona Beach รัฐฟลอริดา สำหรับฤดูกาล 2025 ทีมจะส่งนักแข่งทั้งสามคนลงชิงชัย โดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® Road Glide® ที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อการแข่งขันครั้งนี้โดยเฉพาะ

รถมอเตอร์ไซค์แข่ง Road Glide® ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Screamin’ Eagle® Milwaukee-Eight® 131 Performance Crate Engines ที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อเพิ่มสมรรถนะสูงสุด โดยตัวรถมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนอัปเกรดใหม่ รวมถึง โช้คหลัง Screamin’ Eagle/Öhlins Remote Reservoir Rear Shocks, ท่อไอเสียสำหรับการแข่งขัน, ยางแข่ง และตัวถังน้ำหนักเบาที่ออกแบบมาเพื่อความเร็วและความคล่องตัวสูงสุด

สัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ บูธ Harley-Davidson ในงานโมโตจีพีไทยแลนด์ 2025

ที่บูธ Harley-Davidson ในงาน MotoGP Thailand 2025 ยังจัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์รุ่น  CVO™ Road Glide™ ST ซึ่งถอดแบบมาจากรถแข่งของจริง ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ Screamin’ Eagle™ Stage IV Kit เพื่อสมรรถนะสูงสุด และมอเตอร์ไซค์รุ่น Road Glide™ ที่ตกแต่งด้วยลวดลายกราฟิกสไตล์เรซซิ่งจากรายการแข่ง King of the Baggers มาจัดแสดง พร้อมกันนี้ ภายในงานยังมีไฮไลท์สำคัญอย่างรถมอเตอร์ไซค์ Cruiser ทรงพลังรุ่น Low Rider™ ST และรถมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมกับแรงบิดสุดเร้าใจอย่างรุ่น Sportster™ S ซึ่งมาช่วยเติมเต็มจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้สัมผัสกับรถมอเตอร์ไซค์คัสตอมจากฝีมือคนไทยที่มาพร้อมกับดีไซน์ Bagger และ Drag Racing สุดดุดัน

นอกเหนือจากไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์สุดเร้าใจแล้ว ผู้เข้าชมบูธ Harley-Davidson ยังได้สัมผัสกับคอลเลกชันเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์เสริมจาก Harley-Davidson® มากมาย ที่พร้อมให้เหล่าแฟน ๆ เลือกสะสมเป็นที่ระลึกกลับบ้านไปด้วย พร้อมกันนี้ Harley-Davidson Asia ยังได้ต้อนรับเหล่านักขับขี่และแฟนๆ สู่ Harley-Davidson VIP Lounge พร้อมมอบประสบการณ์รับชมการแข่งขันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ Pan America 1250 ST ปี 2025

การเผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ST ปี 2025 ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากสื่อมวลชน ลูกค้า และแฟน ๆ และถือเป็นอีกขั้นของการพัฒนารถมอเตอร์ไซค์สายแอดเวนเจอร์สปอร์ตจาก Harley-Davidson เพื่อเสริมทัพรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Adventure Touring

นอกจากนี้ การเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นดังกล่าว นับเป็นการเจาะตลาดรถมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์สปอร์ตอย่างเต็มตัวครั้งแรกของ Harley-Davidson โดยรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เปี่ยมไปด้วยพลังที่พร้อมจะเป็นเพื่อนเดินทางในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเพิ่มความเร้าใจบนทางโค้ง ตลอดจนใช้ขับขี่เพื่อท่องเที่ยวในวันหยุด รถมอเตอร์ไซค์ รุ่น Pan America 1250 ST เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์การขับขี่บนท้องถนน และออกแบบขึ้นเพื่อนักขับขี่ที่ต้องการเปลี่ยนสไตล์จากการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตหรือสตรีทไฟท์เตอร์ มาสู่รถมอเตอร์ไซค์ที่คล่องตัวกว่าแต่ยังคงให้ความสะดวกสบายและความสามารถในการขับขี่ทางไกลที่เหนือระดับ

รถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ST ออกแบบเบาะที่นั่งให้ผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งที่พร้อมควบคุมตัวรถได้อย่างมั่นใจและสะดวกสบาย มาพร้อมกับสมรรถนะรอบด้านจากเครื่องยนต์ Revolution® Max 1250 แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ล้อหน้า 17 นิ้วพร้อมยางสตรีทแบรนด์ชั้นนำ ส่วนประกอบช่วงล่างและระบบเบรกระดับพรีเมียม ปรับช่วงล่างและตำแหน่งเบาะนั่งใหม่ต่ำลง พร้อมด้วยระบบท่อไอเสียน้ำหนักเบาและระบบควิกชิฟเตอร์ (Quickshifter)

รถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ST รุ่นใหม่ อยู่ในคอลเลกชันเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์ Pan America® 1250 Special โดยเป็นการขยายรุ่นและเสริมทัพรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Adventure Touring ของ Harley-Davidson

รถมอเตอร์ไซค์ Pan America 1250 ST ปี 2025 เปิดตัวในราคา 874,000 บาท พร้อมเปิดให้จองแล้วอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และจะวางจำหน่ายในตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและภูมิภาคอื่น เร็ว ๆ นี้

#HarleyDavidson #UnitedWeRide #HarleyDavidsonAsia #MotoGP #ThaiGP

จากรันเวย์สู่แทร็ก! “Grid Girl ผ้าไหมไทย” กระหึ่มศึก MotoGP2025

 “ผ้าไหมไทย”  สู่สายตาแฟนความเร็ว 800 ล้านคน 220 ประเทศทั่วโลก

ประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง กับการนำหัตถศิลป์พื้นถิ่นเผยแพร่สู่การแข่งขันระดับตำนาน MotoGP 2025 ศึกชิงเจ้าความเร็วอันดับหนึ่งของโลกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพสนามแรก กับการนำสุดยอดผ้าไหมไทย ภายใต้โครงการตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา นำชุดผ้าไหมที่ไปเฉิดฉายในรันเวย์โลก มาสู่สุดยอดอีเว้นต์กีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด บูรณาการองค์ความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่นกับเทคโนโลยีสมัยใหม่จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ร่วมสมัยที่มีความเป็นสากล เพิ่มรายได้และสร้างโอกาสส่งออกสินค้าไปยังตลาดนานาชาติ ให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน นำเสน่ห์ของวิถีชุมชนสู่โลกมอเตอร์สปอร์ต

นายเนวิน ชิดชอบ ประธาน สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ” ศึก MotoGP นับเป็นการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเข้าสู่ปีที่ 76 ฤดูกาลนี้จะมีการแข่งขันทั้งหมด 22 สนาม โดยประเทศไทยรับบทเป็นเจ้าภาพสนามเปิดฤดูกาล ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2025”  ถ่ายทอดสู่สายตาแฟนๆ โมโตจีพีที่มีมากกว่า 800 ล้านคน จาก 220 ประเทศทั่วโลก ด้วยเสน่ห์วิถีไทยครองใจคนทั่วโลก

การจัดงานภายใต้แนวคิด Thailand to The World ในโอกาสนี้ฝ่ายจัดการแข่งขัน ร่วมกับดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์โมโตจีพี ชูความงามของ Grid Girl “สาวงามสนามแข่ง” หรูหรา สง่างาม สวมใส่ชุดผ้าไหมไทย นำเสนอความสวยงามของผ้าไทยในช่วงพิธีเปิดการแข่งขัน MotoGP ซึ่งเป็นรุ่นใหญ่ที่สุดของรายการ

ชุดที่สวมใส่เป็นผ้าไหมมัดหมี่ทอมือจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ แนวคิดการออกแบบอ้างอิงจาก EXPRESSIVE EXOTIC “ตัวตนข้ามวัฒนธรรม” หนึ่งในแนวคิดจากหนังสือ Thai Textiles Trend Book หนังสือจากพระดำริใน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี  นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการบริหาร นำเสนอข้อมูลตั้งแต่ประเภทเนื้อผ้า การเลือกสี การออกแบบลวดลาย รวมไปถึง ‘เทรนด์’ ของอุตสาหกรรมแฟชั่น

ทั้งนี้ เทรนด์ EXPRESSIVE EXOTIC เล่าถึงเฉดสีของป่าไม้ และความอุดมสมบูรณ์ในธรรมชาติ พัฒนาผ้าไทยในรูปแบบร่วมสมัย เชื่อมโยงตั้งแต่รากฐานความดั้งเดิมในการรังสรรค์เป็นงานฝีมือสุดประณีต สีสันเน้นความสีสดเป็นชุดสีเหลืองและเขียว ภายใต้รูปแบบที่สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ผลงานการออกแบบของ อู๋-วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข ดีไซเนอร์ชาวบุรีรัมย์ที่นำผ้าไทยไปเฉิดฉายบนรันเวย์โลกมากมาย จนเป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล

สร้างความตื่นตาตื่นใจและมิติใหม่ให้กับการแข่งขันในครั้งนี้อย่างมากและยังถือเป็นโอกาสสำคัญในการเผยแพร่เสน่ห์ความสวยงามของผ้าพื้นเมืองของไทยสู่สายตาชาวโลกได้อีกทางหนึ่งด้วย”

“นับเป็นโอกาสอันดีในช่วงหลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันชิงเจ้าความเร็วอันดับหนึ่งของโลกที่จังหวัดบุรีรัมย์ ยังมีกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ต่อเนื่องไว้รองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นความร่วมมือของจังหวัดบุรีรัมย์ร่วมกับภาคเอกชน จัดงาน Colors of Buriram งานผ้าไทยครั้งใหญ่แห่งปีของจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมทั้งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ของดีของขึ้นชื่อมากมาย ภายในโดมติดแอร์ขนาดมหึมา  ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม -16 เมษายน 2568 เวลา 10.00-18.00 น. บริเวณสนามฟุตบอลช้าง อารีนา เปิดให้เข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าชมงานกันมากๆครับ”

ทั้งนี้ การจัดงาน Color of Buriram จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 อย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในเรื่องการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย จัดแสดงผลการขับเคลื่อนงานผ้าและงานหัตถกรรม ที่ดำเนินการตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเพื่อจัดแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทยและงานหัตถกรรมภูมิปัญญาชุมชนของจังหวัดบุรีรัมย์ ให้ช่างทอผ้า ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงท่องเที่ยวได้สัมผัสและเรียนรู้ภูมิปัญญาวัฒนธรรมความเป็นไทยผ่านผลิตภัณฑ์ผ้านานาชนิด

PTG ร่วมกับกรมการค้าภายใน ให้ความมั่นใจ เติมน้ำมันเต็มลิตร ที่สถานีบริการน้ำมันพีที

โครงการ “หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนผู้บริโภค

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ พีที (PT) ร่วมกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ประกาศเสริมสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนผู้บริโภค ในการเข้าร่วมโครงการ “หัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนผู้บริโภคในการใช้บริการสถานีบริการน้ำมันพีที

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เผยว่า “การสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประชาชนผู้บริโภคได้รับเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำมันที่เติมเงินที่จ่ายไปนั้นถูกต้อง และครบถ้วน ดังนั้นพีทีจี จึงได้เข้าร่วม “โครงการหัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์พีทีทุกแห่งทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการฯ และพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ โดยจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของหัวจ่ายเป็นประจำทุก 15 วัน ต่อเนื่องกัน 6 เดือน หลังจากนั้นจะเป็นการตรวจสอบเป็นประจำทุกเดือน ทั้งนี้เราตั้งเป้าในการผลักดันให้สถานีบริการน้ำมันพีทีทุกแห่งในประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขได้อย่างถูกต้อง ซึ่งในปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมันพีทีที่ผ่านการรับรองหัวจ่ายมาตรฐานแล้ว 1,680 สถานี เพราะเราตระหนักถึงความสำคัญของความโปร่งใส และการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนผู้บริโภคที่จะได้รับน้ำมันมาตรฐานเต็มลิตร และเต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพ รวมถึงมาตรฐานการให้บริการ เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับบริการที่ดีที่สุด ทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการในสถานีบริการน้ำมันพีที”

 

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า “ตามที่ทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมฯ กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วม “โครงการหัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อการสนับสนุน ส่งเสริม และกำกับดูแลมาตรวัดปริมาณเชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมัน ให้มีความเที่ยงตรง ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพครอบคลุมทุกหัวจ่าย สำหรับสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์พีทีนั้น ให้ความร่วมมือในการผลักดัน และปฏิบัติตามกฎหมายพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัดอย่างเข้มงวด โดยสถานีบริการน้ำมันพีทีนั้นสามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ ได้อย่างถูกต้องต่อเนื่องกัน 6 เดือน จึงได้รับการยกระดับป้ายสัญลักษณ์เป็นสีเงิน (Silver) ดังนั้นผู้บริโภคจึงสามารถมั่นใจได้ว่า ในการเติมน้ำมันในสถานีบริการน้ำมันที่ได้รับเครื่องหมายสัญลักษณ์ “โครงการหัวจ่ายเชื้อเพลิงมาตรฐาน” จะได้รับปริมาณน้ำมันที่ครบถ้วน ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด”

ทั้งนี้ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) มุ่งมั่นเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้หลักการเที่ยงธรรม เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการที่เป็นเยี่ยมสู่ลูกค้าผู้ไว้วางใจ ทั่วประเทศ ปัจจุบันสถานีบริการน้ำมันพีทีมีมากถึง 2,062 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ  ครบครันด้วยบริการหลากรูปแบบ อาทิ ร้านค้าสะดวกซื้อ “Max Mart” “ร้านกาแฟ พันธุ์ไทย” รวมทั้ง “Autobacs” ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร มาตรฐานจากญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องตามวิสัยทัศน์ของ PTG ในการพัฒนาสังคมให้ “อยู่ดีมีสุข” ต่อไป

ไทยฮอนด้า เติมฝัน สู่อนาคต มอบทุนการศึกษากว่า 1.3 ล้านบาท

ไทยฮอนด้า ส่งเสริมการศึกษาเยาวชนไทยสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย สนับสนุนการศึกษาและพัฒนาเยาวชนไทย ด้วยการมอบทุนการศึกษามูลค่ารวม 1.3 ล้านบาท ภายใต้โครงการ ‘ไทยฮอนด้า เติมฝัน สู่อนาคต’ ให้กับนักเรียนและนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีและขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยได้มอบให้แก่สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 150 ทุน ในระดับมัธยมศึกษา มูลค่า 600,000 บาท และมอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาที่เรียนดี ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในระดับอุดมศึกษา จำนวน 23 ทุน มูลค่า 730,000 บาท เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน
ดร.อารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ไทยฮอนด้า ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาในการพัฒนาอนาคตของชาติ การมอบทุนการศึกษาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจของบริษัทฯ ในการสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยได้พัฒนาตนเองและนำความรู้ไปใช้ในการพัฒนาสังคมและประเทศต่อไป ทั้งนี้ ไทยฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นในการดำเนินโครงการไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนทางการศึกษานี้จะเป็นแรงผลักดันให้เยาวชนไทยสามารถก้าวสู่อนาคตที่สดใสและประสบความสำเร็จในชีวิต”
สำหรับโครงการ ‘ไทยฮอนด้า เติมฝัน สู่อนาคต’ ได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษา ณ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการฯ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และคณะพร้อมทั้งตัวแทนนักเรียนผู้ได้รับทุนเข้ารับมอบจำนวน 150 ทุน และในระดับอุดมศึกษาได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษา ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จำนวน 23 ทุน เป็นการมอบทุนการศึกษาแบบต่อเนื่องจนจบการศึกษา เพื่อช่วยเหลือเยาวชนที่มีศักยภาพ แต่ขาดโอกาสทางการศึกษาให้ได้นำความรู้ไปใช้ในการพัฒนาสังคมและประเทศต่อไป
ติดตามโครงการต่างๆ ของไทยฮอนด้าเพิ่มเติมได้ที่
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : https://facebook.com/hondamotorcyclethailand
เฟซบุ๊กฮอนด้าบิ๊กไบค์ : https://facebook.com/HondaBigBikeTH
เฟซบุ๊กฮอนด้าเรซทูเดอะดรีม : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #ThaiHonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

สมาคมรถโบราณ จัดขบวนพาเหรด ร่วมงานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 38

ขบวนพาเหรดรถโบราณ และ รถคลาสสิค

สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย จัดขบวนพาเหรดรถโบราณ และรถคลาสสิค ทรงคุณค่า 12 คัน ร่วมพิธีเปิด งานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 38 ประจำปี 2568 ภายใต้ชื่องาน “วิมานฟ้าพระนครคีรี อัญมณีแห่งสยาม” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568

เชิญชมภาพรถโบราณในงาน พระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 38 เพิ่มเติมได้ที่ vintagecarclub.or.th และ facebook.com/VintageCarClub

ROYAL ENFIELD GUERRILLA 450 “กองโจร” ชนเผ่าจากแอฟริกา

ROYAL ENFIELD GUERRILLA 450

ROADSTER STYLE ออกแบบในแนวคิด กับกลุ่ม เกอร์ริล่า “กองโจร” ชนเผ่าจากแอฟริกา Royal Enfield Guerrilla 450 (รอยัล เอ็นฟิลด์ เกอร์ริล่า 450) รถมอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิกที่ถูกสร้างสรรค์มาให้สามารถขับขี่ได้อย่างสนุกสนานในทุกๆ วัน ตามแนวคิด Pure Motorcycling อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Royal Enfield

SHERRRPA
เครื่องยนต์ของ Royal Enfield Guerrilla 450 ใช้เครื่องยนต์ Sherpa 450 แบบ 1 สูบ DOHC 4 จังหวะ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ 452cc มอบพละกำลังสูงสุด 40.02 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40 นิวตันเมตร ที่ 5,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์แมนนวล คลัตช์มือ 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยโซ่ โดยเครื่องยนต์มีพื้นฐานเดียวกับ Himalayan 450 แต่มีการปรับจูนรายละเอียดใหม่ ให้มีแรงบิดช่วงต้นที่มากขึ้น บิดติดมือมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมกับระบบสลิปเปอร์คลัทช์

Guerrilla 450 ได้ถูกปรับให้เข้ากับผู้ขับขี่ ถูกสร้างมาเพื่อนักขับขี่ทุกคนในทุกระดับของประสบการณ์การขี่ โดยให้ความคล่องตัวสูงสุด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในรอบความเร็วใดก็ตาม ท่าทางการขี่ที่ตั้งตรง ความสูงของเบาะนั่งที่ไสตล์เอเชีย และแชสซีที่ตอบสนองเป็นพิเศษ ทำให้รถคันนี้เป็นรถที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกวัน กับการใช้งานในเมือง หรือเดินทางไกล ถังน้ำมันดีไซน์เรียวกระชับ ความจุอยู่ที่ 11 ลิตร

Guerrilla 450 เน้นการออกแบบให้เรียบง่ายแต่โดดเด่น มีกลิ่นอายความเป็นเน็กเก็ดไบค์ ร่างเปลือยโชว์สัดส่วนโครงสร้างที่แข็งแรงพร้อมเหลี่ยมและมุมที่สมบูรณ์แบบ ให้ภาพลักษณ์ความเป็นรถจักรยานยนต์ที่แข็งแกร่ง ไฟหน้าทรงกลม ไฟท้ายดีไซน์เป็นชิ้นเดียวกับไฟเลี้ยว ใช้เป็น LED รอบคัน หน้าจอเรือนไมล์แบบจอสี TFT ทรงกลมขนาด 4 นิ้ว บอกข้อมูลการขับขี่ครบครัน รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 2 แบบ พร้อมให้โหมดการขับขี่ ECO / PERFORMANCE แอนด์เดิ้ลบาร์ปีกนก สวิตช์สตาร์ท และ เปิดไฟหน้า สูง/ต่ำ ดีไซน์ย้อนยุคแบบโลเลอร์

ช่วงล่างโช้คอัพหน้าแบบเทเลสโกปิกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43 มม. มาพร้อมกับยางหุ้มโช้ค ระยะยุบ 140 มม. ล้อหน้าใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ชนิดไม่มียางใน รัดด้วยยางบล็อคแพทเทิ้ลขนาด 120/70 R17 มาพร้อมกับระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 310 มม. คาลิเปอร์เบรก 2 พอร์ท พร้อมระบบ ABS ป้องกันล้อล็อก ล้อหลังอัลลอย 17 นิ้ว ยางขนาด 160/60-17 ดิสก์เดี่ยว 270 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว

ฟิลลิ่ง การขับขี่
มาถึงการขับขี่ลองของจริงกันหน่อยสิว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง กันรถกองโจร ว่าจะปราดเปรียวเฟี้ยวขนาดไหน ก่อนอื่นมาเรื่องของไรดิ้งโพลสิชั่นกันก่อน ท่านั่ง ให้ความสบายดีนะ นั่งได้หลังตรงไม่ก้ม ระยะแฮนด์ปรับเข้าหาตัวแขนไม่ตึง เบาะกว้าง พักเท้าใหญ่ว่างได้มั่นคงดี ขาเกียร์ ขาเบรก วางตำแหน่งให้ใช้งานได้สะดวก ทั้งหมดนั้นทำให้การควบคุมง่าย ถึงแม้ว่าความกว้างของแฮนด์จะยาวไปสักนิด และวงเลี้ยวก็กว้างไปหน่อย หักแฮนด์ได้น้อย การซิกแซกในช่องทางแคบต้องคำนวณ และตั้งลำดีๆ ผ่านได้ไม่ยาก

เครื่องยนต์ Sherpa 450 แบบสูบเดี่ยว 4 วาล์ว 40 แรงม้า สำหรับเครื่องตัวนี้ให้ แรงบิด แรงทอร์ค ที่ดีในช่วงต้น และกลาง ออกตัวได้เร็ว กระแทกคันเร่งแรงๆ มีหน้าลอย อัตราทดเกียร์ ไม่สั้น ไม่ยาว จนเกินไปถือว่ากำลังดีเลยนะ แต่ละเกียร์รับกันต่อเนื่องไม่มีติดขัด มีระบบสลิปเปอร์คลัทช์ช่วยให้การลดเกียร์แบบรวบได้ง่าย ช่วงความเร็วปลายๆ อาจจะต้องลากกันยาวหน่อย ไหลไปเรื่อยๆ 160+ กม./ชม. การสั่นสะท้านมันเรื่องปกติสำหรับรถสูบเดี่ยวในความเร็วที่เกิน 120 กม/.ชม. แต่ต้องบอกว่าการพัฒนาเฟรม และเครื่องยนต์แบบแขวน ของโรยัล เอนฟิลด์ ทำได้ดี การให้บูทยางรองที่จุดยึดต่าง ลดการสั่นสะเทือนไม่เยอะ

ช่วงล่าง เกทับ ในคลาสเดียวกันมาพร้อมกับแบนรด์ SHOWA แกนโช้คหน้าใหญ่ ให้ความนุ่มหนึบ อันนี้ถือว่าดีอย่างเห็นได้ชัดลดการสะเทือนขึ้นถึงมือน้อยลง ระยะยุบให้มาถึง 140 มม. แต่โช้คอัพหลังถึงจะเป็นการซับแรงสองชั้นแบบกระเดื่อง มันยังรู้สึกกระด้างอยู่บ้าง ยางหน้า 120/70-17 ยางหลังใหญ่ 160/60-17 หน้าว้างให้การสัมผัสถนนได้เยอะ ถึงหน้ายางจะเป็นแบบ บล็อกแพทเทิ้ล ถึงออฟโรด ก็ถือว่ายังเกาะถนนได้ดี

ดิสก์เบรก นี่ก็จัดหนักแบบ คู่แข่งอายไปเลยในคลาส 400-500 ซีซี ดิสก์หน้า 310 มม. สายเป็นถักสแตนเลสด้วยมันช่วยลดการบวมของยางแบบยาง กดสั่งได้หนึบจริง มี ABS ให้ด้วย ใช้งานหนักๆ หรือกะทันหัน มีการตอดขึ้นที่นิ้วเหมือนกัน ดิสก์เบรกหลัง 270 มม. นี่ก็ให้มาใหญ่กว่าชาวบ้าน ไม่ต้องเหยียบลงหนักมาก คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยวขนาดใหญ่เอาอยู่

สนใจก็ไปดูตัวจริง หรือ บางดีลเลอร์อาจมีรถให้ลองขับขี่ ลองเปิดใจสักครั้ง…เดี๋ยวนี้เทคโนโลยี มันก้าวทันกันแล้ว
ราคาเริ่มต้น 179,900 บาท สำหรับสี Mirage Silver

183,900 บาท สำหรับสี Playa Back และ 185,900 บาท สำหรับสี Brava Blue / Yellow Ribbon

ไทยฮอนด้า สานต่อกิจกรรม “สพฐ.–ไทยฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 20

เพื่อเฟ้นหาสุดยอดทีมเยาวชนที่สามารถรวมพลังแห่งความสามัคคี

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สานต่อกิจกรรม “สพฐ.–ไทยฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 20 เพื่อเฟ้นหาสุดยอดทีมเยาวชนที่สามารถรวมพลังแห่งความสามัคคีและฝึกฝนจนสามารถวิ่งเข้าเส้นชัยได้ด้วยความเร็วสูงสุด โดยรอบชิงแชมป์ประเทศไทยประจำปีการศึกษา 2567 จัดขึ้นในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สนามกีฬากองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์)
ดร.อารักษ์ พรประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด กล่าวถึงการแข่งขันในครั้งนี้ว่า “กีฬาวิ่ง 31 ขา ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเยาวชนให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังปลูกฝังทักษะการทำงานเป็นทีม ความเสียสละ ความมุ่งมั่น และการมีน้ำใจนักกีฬา ซึ่งล้วนเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้เด็ก ๆ เติบโตขึ้นเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศ ไทยฮอนด้าภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ และขอแสดงความยินดีกับทุกทีมที่แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในด้านพลังกาย พลังใจ และความสามัคคี”

“การแข่งขันครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาเยาวชนผ่านกิจกรรมกีฬา โดยเสริมสร้างทั้งร่างกาย จิตใจ ความคิด และทักษะการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการก้าวไปเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่าของประเทศ ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนถึงปัจจุบัน ไทยฮอนด้าได้จัดกิจกรรม สพฐ.–ไทยฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี ต่อเนื่องมาจนถึงปีที่ 20 มีเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันแล้วกว่า 490,000 คน และยังคงได้รับความสนใจจากโรงเรียนทั่วประเทศเพิ่มขึ้นทุกปี โดยรอบชิงแชมป์ประเทศไทยในวันนี้ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อันจะเป็นเกียรติประวัติและความภาคภูมิใจของเยาวชนสืบไป”

สำหรับการแข่งขันวิ่ง 31 ขา สามัคคี ในปีนี้ มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 200 ทีม โดยคณะกรรมการได้คัดเลือกนักกีฬาเป็นรายจังหวัด ที่ทำเวลาดีที่สุดจำนวน 20 ทีม จาก 4 ภาค ทั่วประเทศ

โดยกติกาการแข่งขันเบื้องต้น ดังนี้ แต่ละทีมต้องประกอบด้วยนักกีฬาตัวจริง 30 คน โดยมีหัวหน้าทีม 1 คน พร้อมนักกีฬาสำรอง 4 คน และครูผู้ฝึกซ้อม 1-3 คน นักกีฬาทั้ง 30 คนต้องผูกขาติดกันและร่วมกันวิ่งเข้าเส้นชัยในระยะทาง 50 เมตร โดยอาศัยพลังของความสามัคคี การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม ที่มีผลมาจากการฝึกฝนที่เข้มข้นอย่างต่อเนื่อง

สรุปผลการแข่งขันรอบชิงแชมป์ประเทศไทยในปีนี้
อันดับ 1: โรงเรียนบ้านริมใต้ จังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุนโดย บริษัท นัติมอเตอร์ จำกัด ทำเวลา 8.64 วินาที
อันดับ 2: โรงเรียนบ้านละหานทราย (คุรุราษฎร์บำรุงวิทยา) จังหวัดบุรีรัมย์ สนับสนุนโดย บริษัท บุรีรัมย์ยนตรการ จำกัด ทำเวลา 8.83 วินาที
อันดับ 3: โรงเรียนอามานะศักดิ์ (A) จังหวัดปัตตานี สนับสนุนโดย บริษัท อริยะมอเตอร์ จำกัด ทำเวลา 8.91 วินาที

ทั้งนี้ กีฬาวิ่ง 31 ขา สามัคคี ถือกำเนิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2538 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและฝึกฝนทักษะการทำงานเป็นทีมให้กับนักเรียนระดับประถมศึกษา จนกลายเป็นหนึ่งในกีฬายอดนิยมที่ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย ซึ่งกีฬานี้ได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี 2548 โดยกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขัน และต่อมา บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขยายการแข่งขันสู่โรงเรียนทั่วประเทศ โดยมุ่งหวังให้เยาวชนไทยได้พัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม ฝึกฝนความอดทน ความมุ่งมั่น การมีน้ำใจนักกีฬา ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของการเติบโตเป็นบุคคาลกรและผู้นำที่มีคุณภาพในอนาคต

ติดตามความเคลื่อนไหว และผลการแข่งขัน “สพฐ.-ไทยฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี” ได้ที่ www.facebook.com/honda31legs

#ไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #Thaihonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

ไทยฮอนด้า รับโล่ประกาศเกียรติคุณจาก สอศ.

ไทยฮอนด้า ตอกย้ำความมุ่งมั่นพัฒนาทักษะเยาวชนไทย

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย นำโดย ดร.อารักษ์ พรประภา ประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เข้ารับโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณภาคีเครือข่ายภาคเอกชน จาก นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย (อวท.) ระดับชาติ ครั้งที่ 33 ซึ่งจัดขึ้น ณ เวทีโดมอเนกประสงค์ วิทยาลัยเทคนิคตรัง จังหวัดตรัง เมื่อเร็วๆ นี้

รางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยฮอนด้าในการพัฒนาเยาวชนไทยให้มีทักษะที่พร้อมต่อยอดสู่อนาคต โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมทักษะด้านเครื่องยนต์เล็กแก๊สโซลีน ทักษะด้านเครื่องยนต์อเนกประสงค์ และทักษะการขับขี่ปลอดภัย ซึ่งเป็นองค์ความรู้สำคัญที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับนักเรียนอาชีวศึกษา และเตรียมความพร้อมสู่โลกการทำงานต่อไป นอกจากนี้ ไทยฮอนด้ายังคงเดินหน้าสนับสนุนองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อันเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ภายในงานยังได้มีพิธีมอบรางวัลรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ แก่นักเรียนอาชีวศึกษา และคุณครูผู้ชนะจากการแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าระดับชาติ ครั้งที่ 5 ที่ไทยฮอนด้าได้ร่วมกับ สอศ. เพื่อสานต่อภารกิจลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย

ติดตามความเคลื่อนไหวของฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย ได้ที่
เว็บไซต์ : hondasafety.thaihonda.co.th
แฟนเพจเฟซบุ๊ก : facebook.com/HondaSafetyThailand
และฝึกคาดการณ์อุบัติเหตุ ช่วยการตัดสินใจอย่างแม่นยำขณะใช้รถใช้ถนนได้ที่ : HondasafetyAPT.com

#HondaSafetyThailand #HaveAGoodRide #ฮอนด้าเมืองไทยขับขี่ปลอดภัย
#ไทยฮอนด้าเพื่อสังคมไทย #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycle #Thaihonda #ไทยฮอนด้า #HowWeMoveYou

IRC ยางรถจักรยานยนต์ระดับนานาชาติ โชว์เทคโนโลยียางรถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์ ยางอุตสาหกรรม ในงาน FTI EXPO 2025

ร่วมขับเคลื่อนการเติบโตอุตสาหกรรมไทยสู่เวทีโลก 

บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IRC บริษัทร่วมทุน ไทย-ญี่ปุ่น กว่า 55 ปีในการนำความปลอดภัยสู่ผู้ขับขี่ในประเทศไทยและนานาชาติ ด้วยเทคโนโลยีทุกมิติ ของการขับขี่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยางนอก ยางในสำหรับรถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์อีลาสโตเมอร์คุณภาพสูงมาตรฐานระดับโลก ผ่านการจัดแสดงนวัตกรรม เทคโนโลยี และความยั่งยืนในงาน ‘FTI EXPO 2025 : Empowering Thai Industry, Elevating Thailand’s Future เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน’ โดยบูธของ IRC จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “IRC 55 ปี แห่งนวัตกรรมและความยั่งยืน”

นายคณิน เหล่าจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “IRC มุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมประเทศไทย ผ่านการพัฒนานวัตกรรมยางและผลิตภัณฑ์อีลาสโตเมอร์คุณภาพสูงที่สอดรับกับความต้องการของตลาดในประเทศ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน สู่ผู้บริโภคในประเทศไทยและนานาชาติ การที่ภาคการผลิตในประเทศขยายตัว ไม่เพียงช่วยเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมไทย แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวม IRC พร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตไปสู่เวทีโลก ผ่านการนำเสนอและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมกับการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับหลัก ESG”

ภายในบูธของ IRC ได้จัดแสดงนวัตกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น IRC Green Tube ยางในแห่งอนาคต ที่ผลิตจากยางธรรมชาติและวัสดุที่ยั่งยืน ยาง IZ Series ยางรถจักรยานยนต์ยอดนิยมในประเทศไทย ยางที่ใช้ในการแข่งขันประเภทต่างๆ ยาง on-off road, ยางวิบาก (Motocross) ยางวีลแชร์สำหรับแข่งขัน ยางสำหรับแข่งขันจักรยานระดับโลก ไปจนถึงยางสำหรับพื้นถนนที่มีหิมะ ที่เป็นผลจากการพัฒนานวัตกรรมร่วมกันในกลุ่มบริษัทที่ขยายกิจการไปมากกว่า 40 ประเทศ
นอกจากนี้ IRC ยังได้แสดงผลิตภัณฑ์จากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่าง พื้นยางนวัตกรรม Vi-Pafe ยางรองรางรถไฟฟ้า และเสาจราจรล้มลุกจากยางธรรมชาติ พร้อมจัดแสดงรถประหยัดพลังงานที่ชนะการแข่งขันกิจกรรม Honda Eco Mileage Challenge 2025 และเครื่อง Riding Trainer ที่ได้รับความร่วมมือจากไทยฮอนด้า เพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้เรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนนให้แก่ผู้เข้าชมงานอีกด้วย
“IRC เป็นยางรถจักรยานยนต์มีชื่อเสียงมากจากประเทศญี่ปุ่นที่นำความปลอดภัยบนท้องถนนสู่ผู้ขับขี่ในไทยมายาวนานกว่า 55 ปี เราให้ความสำคัญกับการวิจั และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานเสมอมา และยังคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG) จากการได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว (Green Culture) การรับรองเป็นโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่มีคุณค่าต่อสังคม จากกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับรางวัล Rising Star Sustainability Award และได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating A จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงผ่านการประเมิน CGR (Corporate Governance Report) ระดับ 5 ดาว (ดีเลิศ)  นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและความยั่งยืนซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของ IRC ให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง” นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวปิดท้าย

Kawasaki เซอร์ไพรส์เปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

Kawasaki Coffee Break Meeting ครั้งที่ 2 เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมเซอร์ไพรส์
กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมมีตติ้งสำหรับชาวคาวาซากิ กับงาน Kawasaki Coffee Break Meeting หลังจากประสบความสำเร็จในครั้งที่ 1 ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ จ.นนทบุรี ครั้งนี้คาวาซากิจึงขนขบวนยกทัพมาเอาใจแฟนสายเขียวแถบภาคเหนือ พร้อมเซอร์ไพรส์สุดพิเศษ เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดภายในงาน
จบไปแล้วกับงาน Kawasaki Coffee Break Meeting ครั้งล่าสุด ที่พาไปจิบกาแฟท่ามกลางบรรยากาศสุดชิล ณ เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ภายในงานมีกิจกรรมบนเวทีมากมายให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสความสนุกสนาน แถมของรางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้าน พร้อมดนตรีฟังสบายท่ามกลางธรรมชาติสุดฟิน
นอกจากนี้ในงานคาวาซากิยังได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด KLX230 Sherpa รถจักรยานยนต์ทะยานสู่เส้นทางแห่งความสนุกสนานจากถนนในเมืองสู่เส้นทางแห่งการผจญภัยในธรรมชาติ รถทื่สืบทอดมาจาก SUPER SHERPA ซึ่งเป็นรุ่นที่ Kawasaki ผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ปี 1997 ถึงปี 2007  คำว่า Sherpa คือ คำที่ใช้เรียกคนในท้องถิ่นที่เป็นไกด์และขนสัมภาระระหว่างการปีนเขาหิมาลัย และชื่อ SHERPA นี้ยังสื่อถึง ความหมายว่าเป็นเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้ ที่จะเดินทางไปพร้อมกับผู้ขับขี่ และด้วยสโลแกน “จากเมืองสู่ธรรมชาติ” ทำให้รถจักรยานยนต์รุ่นนี้ได้รับความนิยมจากผู้ขับขี่หลายคนในฐานะรุ่นอเนกประสงค์ที่เป็นมิตรและใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะขี่ในเมืองหรือในป่า KLX230 SHERPA สืบทอดชื่อ “SHERPA” ในฐานะรุ่นอเนกประสงค์อันทรงเกียรติของ Kawasaki ที่สืบทอดแนวคิดของ SUPER SHERPA
พลังเครื่องยนต์ของ KLX230 SHERPA ออกแบบมาเพื่อการขับขี่บนทางดินโดยเฉพาะ ประกอบกับแรงบิดที่นุ่มนวลขับขี่ง่าย อีกทั้งเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กทำให้รถมีน้ำหนักเบาเพียง 134 กก. และมีความคล่องตัว ด้วยโครงสร้างที่เรียบง่ายของระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ทำให้รถรุ่นนี้เหมาะสำหรับการขี่ในรูปแบบเทรลเป็นอย่างมาก รวมถึงความสูงเบาะนั่งที่ต่ำเพียง 845 มม, จึงทำให้เข้าถึงผู้ขับขี่ที่หลากหลาย และเป็นมิตรแม้กับผู้ขับขี่มือใหม่ อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบ ABS ที่สามารถเปิด-ปิดได้ ทั้งหน้าและหลัง เพื่อตอบโจทย์ทุกสไตล์การขับขี่ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Rideology the App ให้คุณเข้าถึงข้อมูลต่างๆของตัวรถ รวมถึงแชร์ข้อมูล ตำแหน่ง และบันทึกการขับขี่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆนักเดินทางคอเดียวกันได้อีกด้วย
และเพื่อความพร้อมในการออกเดินทาง KLX230 Sherpa จึงมาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น แผ่นปิดใต้ท้องเครื่อง (Skidplate) อลูมิเนียมอันทนทาน ช่วยลดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ขณะขับขี่รูปแบบเทรล, การ์ดแฮนด์เสริมโลหะช่วยเพิ่มความสมบุกสมบันและความมั่นใจเมื่อขับขี่แบบออฟโรด นอกจากนี้ยังสามารถเลือกอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมตามสไตล์การใช้งานได้อีกด้วย สำหรับสีที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยคือ Medium Smoky Green สีเขียวเอิร์ธโทน สุดเท่
KLX230 Sherpa มาพร้อมกับราคาขายปลีกแนะนำที่159,000 บาท และพิเศษโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวกับคูปองเงินสดมูลค่า 5,000 บาท และฟรีประกันรถหาย 1 ปี
พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ตัวแทนจำหน่ายคาวาซากิอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.kawasaki.co.th/th/motorcycle/klx230-sherpa
ติดตามเราได้ที่
Line OA: @KawasakiTHA หรือ https://lin.ee/ETWncw7

โรยัล เอ็นฟีลด์ ย้ำความเชื่อมั่น แก่ผู้ขับขี่ด้วยบริการหลังการขาย

โรยัล เอ็นฟีลด์ เผยโครงการส่งมอบประสบการณ์ไร้รอยต่อ

โรยัล เอ็นฟีลด์ ผู้นำระดับโลกด้านรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (250cc-750cc) เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งด้านการบริการหลังการขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมทั้งริเริ่มโครงการใหม่เพื่อมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่ราบรื่นและน่าประทับใจยิ่งขึ้น

ล่าสุด Royal Enfield ได้เปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมเฉพาะทางแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ศูนย์ฝึกอบรม “POWERTRAIN” นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการฝึกอบรมเชิงเทคนิคในห้องเรียน โดยเน้นไปที่ทีมช่างเทคนิคจากดีลเลอร์ รวมถึงที่ปรึกษาการบริการ ผู้จัดการฝ่ายบริการ ผู้จัดการรับประกันและอะไหล่ ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ และผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด อีกทั้งยังมีการฝึกอบรมภาคปฏิบัติที่ครบครันด้วยรถจักรยานยนต์รุ่นปัจจุบันและเครื่องยนต์เฉพาะรุ่นสำหรับการฝึกใช้งานจริ

นอกจากการฝึกอบรมเชิงเทคนิคแล้ว ศูนย์ฝึกอบรม POWERTRAIN ยังมีระบบการเรียนรู้ (Learning Management System: LMS) ซึ่งเป็นเครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยในการฝึกอบรมออนไลน์และการสนับสนุนการประเมินรถตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันทั้งปี  มากไปกว่านั้นศูนย์แห่งนี้ยังถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการฝึกอบรมด้านการขายและการตลาดให้กับดีลเลอร์และพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย

ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติงานที่เป็นเลิศของโรยัล เอ็นฟีลด์ และเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับช่างเทคนิคจากดีลเลอร์ โดยโรยัล เอ็นฟีลด์ได้จัดโครงการ Supersquad สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นการแข่งขันทักษะประจำปีในหมู่ช่างเทคนิคจากดีลเลอร์ทั่วภูมิภาค เพื่อทดสอบความสามารถด้านเทคนิค การแก้ไขปัญหา และการประเมินสภาพรถ โดยมีช่างเทคนิคจำนวน 314 คนจาก 11 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน และผู้ชนะในแต่ละประเทศจะเข้าร่วมแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ศูนย์ฝึกอบรม POWERTRAIN ณ ประเทศไทย

โครงการ Supersquad ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในการยกระดับความสามารถทางเทคนิคและมาตรฐานการดำเนินงาน โดยการให้โอกาสแก่เหล่าช่างเทคนิคในการแสดงความเชี่ยวชาญของตน งานนี้ได้เสริมสร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่น และความภักดีในกลุ่มลูกค้าทั่วโลกของโรยัล เอ็นฟีลด์ นอกจากนี้ ผู้ชนะและรองชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัลและของที่ระลึก เพื่อเฉลิมฉลองการมีส่วนร่วมในการสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์

การแข่งขัน Supersquad 2025 เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ของโรยัล เอ็นฟีลด์ที่มุ่งมั่นในการเสริมพลังให้กับทีมงานบริการ และการกำหนดมาตรฐานใหม่ในความเป็นเลิศทางเทคนิค โดยการรวมผู้เข้าร่วมจากหลากหลายภูมิภาคและส่งเสริมการเติบโตในวิชาชีพ กิจกรรมนี้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการมอบมาตรฐานการบริการที่ไม่มีใครเทียบได้

โรยัล เอ็นฟีลด์ ขอแสดงความยินดีแก่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่าน รวมถึงผู้ชนะและรองชนะเลิศสำหรับความสำเร็จอันยอดเยี่ยมใน Supersquad 2025 ความมุ่งมั่นและทักษะของพวกเขายังคงเป็นแรงบันดาลใจและยกระดับตำนานความเป็นเลิศของโรยัล เอ็นฟีลด์

Supersquad 2025 เป็นเวทีกำหนดมาตรฐานการบริการที่เป็นเลิศและความเชี่ยวชาญทางเทคนิคของโรยัล เอ็นฟีลด์ โดยส่งเสริมแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุด ช่วยเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้กับดีลเลอร์และผู้จัดจำหน่าย ส่งต่อความไว้วางใจและความพึงพอใจของลูกค้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผู้เข้าร่วมยังได้รับความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการบริการขั้นสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างศักยภาพการบริการที่มีประสิทธิภาพ ยืนยันความเป็นผู้นำของโรยัล เอ็นฟีลด์ในอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ได้อย่างดีเยี่ยม

โดยล่าสุด ช่างเทคนิคจากเกาหลีใต้ได้รับตำแหน่งชนะเลิศในระดับเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ช่างเทคนิคจากประเทศไทยได้รับรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ทั้งสองท่านจะเป็นตัวแทนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการแข่งขัน Supersquad 2025 ระดับโลกที่ประเทศอินเดียในอนาคต โครงการนี้มุ่งเน้นในการส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่ “First Time Right” และ “Reasonable Service Time” ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของโรยัล เอ็นฟีลด์ในการมอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า และสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งในตลาดหลักทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเพิ่มการเข้าถึงให้ดียิ่งขึ้น