ย้อนรอย 70 ปี จากจุดเริ่มต้นของด์ยามาฮ่า แบรนด์เครื่องดนตรีที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์จนเป็นผู้นำของแบรนด์มอเตอร์ไซค์ชั้นนำของโลก

บริษัท ยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ได้กำเนิดขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคม 2498 ในปีนี้จึงเป็นปีครบรอบที่ 70 ปี ของการก่อตั้งบริษัท ยามาฮ่ามอเตอร์ กับจุดเริ่มเรื่องราวของ “ยามาฮ่า” โดย มร.เกนอิจิ คาวาคามิ ประธานบริษัท นิปปอน กักกิ รุ่นที่ 4 บริษัทผู้ผลิตเครื่องดนตรีเบอร์ 1 ของประเทศญี่ปุ่นที่มีประวัติมาอย่างยาวนานจากการก่อนตั้งของ มร.โทรากุสึ ยามาฮ่า ในการผลิตออแกน และเปียนโน ที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น และได้ก่อตั้งบริษัท นิปปอน กักกิ ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2430 จนผลัดสู่การบริหารงานของ มร.เกนอิจิ คาวาคามิ ที่มีความสนใจในการมองหาโอกาสทางธุรกิจในอนาคต และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการทำงานอยู่เสมอ ด้วยความชื่อชอบ และหลงไหลในรถมอเตอร์ไซค์ชนิดที่ว่าเข้าเส้น จากความเชื่อนั้น เขาจึงตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจรถจักรยานยนต์ ในฐานะกิจการใหม่ ควบคู่ไปกับธุรกิจการผลิตเครื่องดนตรี

เมื่อโลกเข้าสู่สภาวะสงคราม จนก่อตัวเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 บริษัท ห้างร้านต่างๆ ภายในประเทศญี่ปุ่นได้ถูกรัฐบาลบังคับให้เปลี่ยแปลงการผลิตทุกอุตสหกรรมให้เป็นการผลิตยุธภัณฑ์ทางการทหาร ซึ่งในเวลานั้น บริษัท นิปปอน กักกิ ได้เป็นผู้เป็นผู้ผลิตใบพัดไม้ และโลหะสำหรับเครื่องบิน การเข้าสู่ธุรกิจรถจักรยานยนต์จึงเป็นส่วนหนึ่งในการประยุกต์ใช้อุปกรณ์เครื่องจักรกลของ บริษัทให้เกิดประโยชน์ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองปกติสุขหลังจากสภาวะสงครามโลกได้สิ้นสุดลง

ในช่วงเวลานั้น มร.เกนอิจิ คาวาคามิ จึงได้ตัดสินใจเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจใหม่อย่างเต็มตัวจากที่ได้ค้นคว้า และประเมินความเป็นไปได้ของธุรกิจใหม่ ด้วยการสร้างประโยชน์อันสูงสุดจากเครื่องจักรผลิตใบพัดเครื่องบินที่มีอยู่ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลระบบการออกใบอนุญาตขับขี่ครั้งใหญ่ โดยมีแนวโน้มว่าจะมีผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในการเดินทางกันมากขึ้น ซึ่งในขณะนั้นได้มีบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ภายในประเทศญี่ปุ่นมากถึง 180 ราย ที่เปิดตัวธุรกิตมาก่อน แต่ นิปปอน กักกิ ได้เดินเกมด้วยวิศัยทัศน์ และการประเมินความสามารถทางเทคโนโลยีที่มีอยู่ของบริษัท จึงไม่ได้เพียงแต่วางเป้ามหายไว้เป็นเพียงแบรนด์ชั้นนำภายในประเทศ หากแต่บริษัทนั้นตั้งเป้าหมายไปเป็นแบรนด์ระดับโลกให้ได้ พร้อมกับคำประกาศไว้ว่า “สิ่งใดที่ไม่ได้มีคุณภาพระดับโลก สิ่งนั้นไม่ถือว่าเป็นสินค้า” และ “ถ้าจะทำอะไรก็ต้องเป็นที่สุด” นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความท้าทายของธุรกิจใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น ซึ่งเป็นความทะเยอทะยานอย่างยิ่งใหญ่ และน่าจับตามองในเวทีโลก

การเข้าสู่ธุรกิจรถจักรยานยนต์นั้น บริษัท นิปปอน กักกิ ได้ดำเนินงานเป็นโปรเจคลับ โดยมีการดำเนินการ และพัฒนาด้วยบุคคลากรทีมีจำนวนจำกัด โดยมี มร.เกนอิจิ คาวาคามิ และคณะวิศวกรผู้บุกเบิก ได้ร่วมกันผลิตรถจักรยานยนต์คันแรกออกมาจากการถอดแบบของรถจักรยานยนต์จากเยอรมันตะวันตก ที่ใช้ในช่วงสงครามโลกอย่าง DKW RT125 จนเป็นต้นกำเนิดของจักรยานยนต์รุ่นแรกของยามาฮ่าในรุ่น YA-1 และทีมพัฒนายังคงมุ่งมั่นทดสอบ เจ้า YA-1 คันนี้อย่างต่อเนื่อง และได้ทำการเปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 1 ลูกสูบ ขนาด 125 ซีซี และพัฒนาเป็นเกียร์แบบ 4 สปีท เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาของญี่ปุ่นได้ดียิ่งขึ้น ระบบสตาร์ทด้วยเท้า (คิกสตาร์ท) เป็นพื้นฐานเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร คือคันเกียร์ และคันสตาร์ทเท้าถูกออกแบบให้อยู่บนแกนเดียวกัน ในรูปแบบการจัดวางอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อกับสีสันที่ล้ำสมัย และโดดเด่นจนเป็นที่กล่าวขานไปทั่วประเทศกับการออกแบบสีของรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า YA-1 ด้วยสีแดงเลือดหมู ตัดกับสีขาวของงาช้าง เป็นทูโทนที่โดดเด่นจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก (ซึ่งในสมัยนั้นรถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นจะเน้นการใช้งานในลักษณะทั่วไป และใช้ขนส่งสินค้า จึงนิยมออกแบบตัวรถเป็นสีดำ หรือสีเข้ม ที่ช่วยซ่อนคราบสกปรก) และด้วยเหตุนี้ ตัวรถที่เพรียวบาง สีสันสดใสของ YA-1 จึงโดดเด่นตัดกับบรรยากาศของเมืองที่ดูไร้สีสัน และยังคงทิ้งร่องรอยจากสงคราม จนผู้คนพากันเรียกกันว่า ” Akatombo ” หรือ “แมลงปอแดง”

โดยยามาฮ่า YA-1 ได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม พ.ศ. 2498 ทว่าหลังจากนั้นในวันที่ 1 กรกฎาคม บริษัท ยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ในปีเดียวกันนั้นเอง โดยเป็นการแยกธุรกิจรถจักรยานยนต์ออกจาก บริษัท นิปปอน กักกิ และก่อตั้งกิจการเป็นอิสระ โดยในปีแรกของการก่อตั้ง ยามาฮ่า มอเตอร์ ได้ครองตำแหน่งสูงสุดในการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และแม้จะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ใหม่ที่สุด ชื่อเสียงของบริษัท ได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาที่ฐานเงินเดือนของบัณฑิตจบใหม่ในประเทศญี่ปุ่น เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10,000 เยน แต่ราคาของ YA-1 ซึ่งสูงถึง 138,000 เยน ถือเป็นยานยนต์ที่มีราคาสูงเกินกว่าที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเข้าถึงได้ แต่อย่างไรก็ตาม YA-1 กลับประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และสามารถทำยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นถึง 11,000 คัน ตลอดระยะเวลาสามปีของการผลิต

และนี่คือต้นกำเนินอันยิ่งใหญ่ของ “ยามาฮ่า” แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีต้นกำเนินมาถึง 70 ปี กับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของคุณภาพของสิงค้า เทคโนโลยีใหม่ๆ ส่งต่อมายังปัจจุบัน

#YamahaDay2025 #Yamaha #ยามาฮ่า #70ปียามาฮ่า

ไทยฮอนด้า โชว์สปิริตขนทัพรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ร่วมขบวน ‘LOVE PRIDE PARADE BANGKOK 2025

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ไทยฮอนด้า ขนทัพรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า New Honda CUV e: โชว์สปิริตร่วมขบวน ‘LOVE PRIDE PARADE BANGKOK 2025’ ท่ามกลางสายฝน รวมทั้งหมดกว่า 50 คัน เป็นอีกปีที่เข้าร่วมขบวนเพื่อสร้างพลังไพรด์อันยิ่งใหญ่ในการสนับสนุนความเสมอภาค เฉลิมฉลองแสดงความยินดีที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมพร้อมประกาศใช้ในประเทศไทย นำทีมโดย ‘คุณนคร วิมลจิตรสอาด’ ผู้จัดการทั่วไปสายงานสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด พร้อมกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ เหล่า Biker และ Lady Biker ตัวแทนสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ชั้นนำในประเทศไทยมาร่วมแสดงพลังในขบวนพาเหรดสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้

สำหรับในปีนี้ ทางไทยฮอนด้าได้นำเสนอสีสันสร้างพลังแห่งความหลากหลายผ่านคอนเซปต์ ‘Honda Pride Ride’ โดยนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า New Honda CUV e: ร่วมขบวน LOVE PRIDE PARADE BANGKOK 2025 ที่ยาวที่สุดในเอเชีย สนับสนุนความเสมอภาค เฉลิมฉลองแสดงความยินดีที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมพร้อมประกาศใช้ในประเทศไทย เป็นการสะท้อนจุดยืนของไทยฮอนด้า ในการสนับสนุนสิทธิเสรีภาพและการเป็นตัวตนของทุกคนในสังคม

โดยขบวน LOVE PRIDE PARADE BANGKOK 2025 ครั้งนี้ เริ่มต้นจากสนามกีฬาแห่งชาติ ศุภชลาศัย ไปจนถึงศูนย์การค้าเอ็ม สเฟียร์ รวมระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร แม้ในช่วงเวลาของขบวนจะมีสายฝนโปรยปรายลงมา แต่ผู้ร่วมขบวนทุกคน ยังคงแสดงพลังสปิริตอย่างเต็มที่เพื่อส่งต่อพลังแห่งไพรด์ ผ่านยานยนต์พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างบรรยากาศแห่งความอบอุ่นและแรงบันดาลใจที่สะท้อนพลังของการยืนหยัดเพื่อความเท่าเทียมได้อย่างชัดเจน
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า : www.facebook.com/hondamotorcyclethailand
#HondaPrideRide #ThaiHonda
#LOVEPRIDEPARADEBKK2025 #PRIDEMONTH
#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda #HowWeMoveYou

ดูคาติ แต่งตั้ง เอเอเอส กรุ๊ป เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

ดูคาติ มอเตอร์ ประเทศไทย ประกาศแต่งตั้ง บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ดูคาติอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 การแต่งตั้งในครั้งนี้เป็นผลมาจากกระบวนการคัดเลือกอย่างรอบคอบ และถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในกลยุทธ์การเติบโตของดูคาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เอเอเอส กรุ๊ป เป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญในตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทย โดยเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวของปอร์เช่และเบนท์ลีย์ ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้กลุ่มโฟล์คสวาเกนมาอย่างยาวนานกว่า 35 ปี และได้รับการยอมรับในด้านการมอบประสบการณ์ลูกค้าระดับพรีเมียมและการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม พร้อมทั้งมีแผนการตลาดและกิจกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

มาร์โค บิออนดิ รองประธานฝ่ายขายและการตลาด ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทดูคาติ กล่าว:

“พวกเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับเอเอเอส กรุ๊ป เข้าสู่ครอบครัวดูคาติในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ในการดูแลแบรนด์ยานยนต์ระดับโลก รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก ทำให้เรามั่นใจว่า เอเอเอส กรุ๊ป จะสามารถยกระดับแบรนด์ดูคาติในตลาดประเทศไทยได้อย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าลูกค้าดูคาติจะได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจากความร่วมมือครั้งนี้”

บิออนดิ ยังได้กล่าวขอบคุณพันธมิตรเพิ่มเดิมด้วยว่า:
ในนามของดูคาติ ผมขอขอบคุณบริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด อย่างจริงใจ สำหรับความทุ่มเท ความมุ่งมั่น และความเป็นเลิศตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา พวกเขามีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับดูคาติในประเทศไทย”

คุณอนุวัชร อินทรภูวศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการณ์​ ส่วนจักรยานยนต์ เอเอเอส กรุ๊ป กล่าว:
เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากดูคาติในการแต่งตั้งให้เราเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทย เรามีวิสัยทัศน์ร่วมกันที่ชัดเจนในด้านความพึงพอใจของลูกค้าและการเติบโตของแบรนด์ ด้วยความพร้อมทั้งด้านการตลาด การขาย การบริการหลังการขาย และการพัฒนาบุคลากร เรามั่นใจว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าดูคาติในประเทศไทยได้อย่างแข็งแกร่ง และพร้อมร่วมมือกับทีมงานของดูคาติ เอเชียแปซิฟิก ในการส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับชุมชนดูคาทีสต้า (Ducatisti)”  คุณอนุวัชร กล่าวเพิ่มเติมว่าเราจะประกาศการเปิดโชว์รูมแฟลกชิพแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ เร็วๆ นี้ เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับโชว์รูมและศูนย์บริการที่เปิดดำเนินงานอยู่แล้วทั่วประเทศไทย”

เอเอเอส กรุ๊ป เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์หรูระดับโลกในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2529 และสร้างมาตรฐานใหม่อย่างต่อเนื่องในด้านยอดขาย การบริการลูกค้า และการตลาด ด้วยความมุ่งมั่นในคุณภาพและความเป็นเลิศ การร่วมมือกับดูคาติในครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของเอเอเอสฯ ในการขยายพอร์ตธุรกิจไปสู่กลุ่มรถจักรยานยนต์สมรรถนะสูงระดับโลก

“ก้อง-สมเกียรติ” สวมหัวใจนักสู้! แซงท้ายเรซ คว้าแต้มประวัติศาสตร์

“ก้อง-สมเกียรติ” คว้าแต้มประวัติศาสตร์ คะแนนแรกของคนไทยในโมโตจีพี

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ไม่ยอมแพ้! สู้สุดความสามารถไล่แซงคู่แข่งท้ายเรซ เข้าป้ายอันดับ 15 ในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 10 ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ ปลดล็อคคว้าแต้มแรกในประวัติศาสตร์ให้กับตนเองได้สำเร็จ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายนผ่านมา ที่ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์

ศึก ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ นับเป็นสนามที่พิสูจน์การทำงานอย่างหนักของ “ก้อง-สมเกียรติ” อย่างแท้จริง แม้จะเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่นักบิดไทยก็ยกระดับความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยออกตัวจากกริดที่ 22 ไล่ขึ้นมาจบเรซในอันดับ 15 ด้วยเวลา 41 นาที 3.291 วินาที เพียงพอให้คว้าแต้มแรกของตัวเองในเวทีสูงสุดของโลกได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นแต้มประวัติศาสตร์ คะแนนแรกของคนไทยในโมโตจีพี

ด้าน “โยฮันน์ ซาร์โก” นักแข่งชาวฝรั่งเศส หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า แอลซีอาร์ จบเรซในอันดับที่ 12 ด้วยเวลา 40 นาที 38.947 วินาที และ“อเลช เอสปาร์กาโร” นักบิดทดสอบชาวสแปนิช หมายเลข 41 ที่ลงบิดแทน “ลูกา มารินี” ในสนามนี้ จบเรซอันดับที่ 16 ด้วยเวลา 41 นาที 3.432 วินาที ส่วน “โจอัน เมียร์” นักบิดสแปนิช หมายเลข 36 จาก ฮอนด้า เอชอาร์ซี ไม่จบการแข่งขัน

ขณะที่รุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ หมายเลข 41 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย และ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทย หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ พยายามอย่างเต็มที่ แต่โชคร้ายพลาดล้มไปอย่างน่าเสียดาย

ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2025 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคมนี้ ที่ ซัคเซนริง เซอร์กิต ประเทศเยอรมนี ในรายการ เยอรมัน กรังด์ปรีซ์

#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #LCRHonda #JZ5 #HondaHRC #JM36 #AE41 #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto2 #Chip41 #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #DutchGP

คาวาซากิบุกเชียงใหม่เปิดทัพรถใหม่เอาใจสายลุย พร้อมปรับราคาใหม่สุดเร้าใจ

คาวาซากิ ชวนแอ่วเหนืออีกครั้ง กับงาน Kawasaki Good Times Trail งานแข่งออฟโรดสุดมัน กับทางสุดโหด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ณ เทศบาลตำบลป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ พร้อมขนทัพรถใหม่สายทางฝุ่นไปเปิดกันที่ในงานถึง 4 รุ่น สำหรับสายลุยตัวจริง ได้แก่ KLX230 ABS, KLX230 SE ABS, KLR650 ABS และ KLR650 ADV ABS ตามด้วยกิจกรรมทดสอบขับขี่รุ่นใหม่ แถมด้วยการประกาศราคาใหม่สุดเร้าใจของ KLX230 Sherpa ตอกย้ำแคมเปญ Trail Time Begins ได้เวลาออกไปลุย!
KLX230 ABS & KLX230 SE ABS – โฉมใหม่ ขี่มันกว่าเดิม
สองรุ่นยอดนิยมจากตระกูล KLX ถูกอัปเกรดใหม่ให้ตอบโจทย์สายลุยยุคใหม่แบบจัดเต็ม!
KLX230 ABS (STD) สี Lime Green
KLX230 SE ABS   สี Ebony/ Neon Green
จุดเด่นหลัก:
ด้วยแรงบันดาลใจจากตระกูลสนามอย่าง KX ส่งผลให้ภาพลักษณ์มีความดุดันแต่ยังคงไว้ซึ่งความคล่องตัว
ระบบเบรก ABS เปิด-ปิดได้ทั้งล้อหน้าและหลัง – ควบคุมความปลอดภัยได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งทางเรียบและออฟโรด
เฟรมและซับเฟรมดีไซน์ใหม่เพิ่มระยะยุบโช๊คอัพ – ซับแรงได้มากกว่า ลุยได้ลึกขึ้น ยังคงความนุ่มนวลให้ทุกการขับขี่
ระยะยุบ รุ่น STD หน้า 240 มม. หลัง 250 มม. ระยะยุบ รุ่น SE หน้า 220 มม. หลัง 250 มม.
โช๊คอัพหน้า Upside down ในรุ่น SE สำหรับการขับใช้งานที่ต้องการการดูแลที่มากกว่า
สวิงอาร์มอะลูมิเนียมในรุ่น STD ที่ให้น้ำหนักที่เบาขึ้นอีกถึง 1.2 กก.
ความสูงเบาะเตี้ยลง 880 มม. (รุ่น STD)  และ 875 มม. (รุ่น SE) พร้อมดีไซน์ใหม่แบบ KX – นั่งกระชับ ควบคุมง่าย เปลี่ยนท่านั่งขับขับขี่ได้อย่างง่ายดาย
เอกลักษณ์น้ำหนักเบาเพียง 133 กก. (รุ่น STD) และ 136 กก. (รุ่น SE) – ให้ผ่านทุกอุปสรรค์ได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น
แม่ปั๊มเบรกหลังออกแบบใหม่ ให้บำรุงรักษาได้ง่ายยิ่งขึ้น และน้ำหนักเบาลง อีกทั้งยังเสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ต เช่นเดียวกับที่อยู่ใน KLX230R
เชื่อมต่อ Rideology The App ได้ – ติดตามข้อมูลรถแบบเรียลไทม์ผ่านสมาร์ทโฟน
โดยทั้งสองรุ่นนี้ เปิดตัวราคาขายปลีกเท่ากันที่ 131,900 บาท
โปรโมชั่นพิเศษ คูปองเงินสด 5,000 บาทฟรีประกันรถหาย (ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม  พ.ศ. 2568)
KLR650 ABS & KLR650 ADV ABS – พันธุ์แกร่ง ข้ามทุกพรมแดน!
สำหรับสายเดินทางไกลหรือแอดเวนเจอร์รุ่นใหญ่ KLR650 ยังคงเอกลักษณ์ความแข็งแรงและความทนทาน พร้อมอัปเกรดฟีเจอร์เพื่อการเดินทางอย่างไร้ขีดจำกัด
             
KLR650 (STD) สี Metallic spark black
KLR650 ADV สี Metallic matte dark green
จุดเด่นหลัก:
เครื่องยนต์สูบเดียว ทอร์คแน่น – ให้แรงบิดมหาศาลตั้งแต่รอบต่ำ
ความทนทานระดับตำนาน – พร้อมเผชิญทุกสภาพอากาศและภูมิประเทศ
ถังน้ำมันขนาดใหญ่ – วิ่งได้ไกลกว่าโดยไม่ต้องจอดเติมบ่อย
เวอร์ชั่น ADV มาพร้อมอุปกรณ์เสริมครบชุด – ทั้งกระเป๋าข้าง, การ์ดแฮนด์, และไฟเสริม
KLR650 เปิดตัวราคาขายปลีกที่ 237.900 บาท เปิดรับจอง พร้อมส่งมอบเดือนตุลาคม 2568
KLR650 ADV เปิดตัวราคาขายปลีกที่ 268,400 บาท พร้อมส่งมอบทันที
โปรโมชั่นพิเศษ คูปองเงินสด 8,000 บาท  ฟรีประกันภัยชั้น 1 (ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม  พ.ศ. 2568)
KLX230 Sherpa คู่ใจนักเดินทาง
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางเข้าสู่เส้นทางธรรมชาติ Super Sherpa นับได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้มาอย่างยาวนานด้วยเป็นรถที่มีประวัติยาวนานมากว่าทศวรรษ และในปีนี้ Kawasaki ได้กลับมาสืบทอดแนวคิดนี้จนออกมาเป็น KLX230 Sherpa ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
KLX230 Sherpa มาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 233 ซีซี ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 134 กก. เบาะนั่งต่ำ เพียง 845 มม. ให้ความมั่นใจแก่นักเดินทาง พร้อมระบบเบรก ABS ที่สามารถเปิด-ปิดได้ทั้งหน้าและหลัง เพื่อความคล่องตัวในการขับขี่ที่หลากหลาย การเชื่อมต่อผ่าน Rideology the app เพื่อการเข้าถึงตัวรถที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น สีและลายสไตล์เอิร์ธโทนสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ พร้อมด้วยอุปกรณ์ตกแต่งติดรถให้คุณพร้อมออกไปลุยได้ทันที
และในวันนี้ คาวาซากิปรับลดราคาเอาใจสายเข้าป่า จากเดิม 159,000 บาท เหลือเพียง 136,900 บาท
โปรโมชั่นพิเศษ คูปองเงินสด 5,000 บาท ฟรีประกันรถหาย (ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม  พ.ศ. 2568)
เข้าเยี่ยมชมและสัมผัสกับรถจริง พร้อมทดสอบขับขี่ได้ที่โชว์รูมคาวาซากิทั่วประเทศ
ติดตามเราได้ที่
Line OA: @KawasakiTHA หรือ https://lin.ee/ETWncw7

“ก้อง” สมเกียรติ ขยับเวลา Practice ที่ Assen

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา #35 จาก Idemitsu LCR Honda ทำเวลา 1:33.114 นาที ในรอบ Practice ที่ TT Circuit Assen อยู่ในอันดับที่ 21
.
FP1 1:34.809
Practice 1:33.114
.

Eldiablo กดเวลา Practice สุดตารางที่ Assen

ในรอบ Practice ของ MotoGP สนาม 10 ที่ TT Circuit Assen เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Fabio Quartararo #20 จาก Monster Energy Yamaha MotoGP ทะยานสู่หัวตารางด้วยเวลา 1:31.156 นาที พร้อมผ่านเข้าสู่รอบ Q2 เป็นที่เรียบร้อย
.

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา 1:34.809 FP1 DutchGP

การแข่งขัน MotoGP สนาม 10 รายการ Motul Grand Prix of The Netherlands ณ TT Circuit Assen ประเทศเนเธอร์แลนด์ รอบ FP1 “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา #35 จาก Idemitsu LCR Honda อยู่ในอันดับที่ 22 ด้วยเวลา 1:34.809 นาที
.
8. Johan Zarco
16.Joan Mir
21.Aleix Espargaro
22.Somkiat Chantra
#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto2 #Chip41 #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #DutchGP

ดูน้อยลง

BMW R1300 GSA การเดินทางที่สมบูรณ์แบบ ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือระดับ

ได้เวลาสนุกแล้วสิ กับการเดินทางที่สมบูรณ์แบบ ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือระดับ

BMW R1300 GSA ยานยนต์สองล้อที่รวมเอาทุกสิ่งทุกอย่างมาเพื่อการขับขี่ที่เร้าใจ และเพลิดเพลิน

BMW R1300 GSA มาพร้อมการดีไซน์ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสรีระความบึกบึนของ แรด Rhino กับชุดเกราะด้านข้าง แต่แฝงไปด้วยความปราดเปรียว ถึงจะดูใหญ่แต่ใส่เดี่ยวได้หมด ส่วนที่เพรียวเรียวเล็กก็มี ชุดไฟหน้าใหม่แบบ Matrix LED มีให้ถึง 46 ดวง มาพร้อมกับไฟเสริมอีก 2 ดวง ฟอคแลมป์ สามารถเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติได้ มาพร้อมกับระบบไฟส่องสว่างในโค้ง และแน่นอนว่ามาพร้อมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน และมุมอับสายตาด้านข้าง ไฟท้ายขนาดกะทัดรัด ที่จับเอาไฟเลี้ยวบิ้วอินเช้าในอยู่ในชุดเดียวกันเลย

ถังน้ำมันดีไซน์ใหม่ให้ดูเพรียวกว่าเดิม แต่มีขนาดความจุ 30 ลิตร วิ่งได้ประมาณ 630 กม. ด้านบนถังมีช่องสำหรับเก็บโทรศัพท์ สามารถชาร์ทไฟแบบไวเลทได้ ประกับสวิตช์ทั้งสองข้างใช้งานง่าย มีฮีทกริปมาให้ด้วยสำหรับอุ่นมือ ขับขี่วิ่งอากาศหนาวๆ ใช้ได้จริงๆ เช่นเดียวกัน สำหรับ BMWR1300 GSA เบาะนั่งสองทอนที่มาพร้อมกับ ฮีทซีท อากาศหนาวเย็น ฝนตกช่วยได้

เทคโนโลยีปรับความสูงอัตโนมัติ สำหรับชาวเอเชีย ก็คงคิดมาแบบนั้น ถูกออกแบบ และนำมาใช้ในตัว R1300GS เพื่อให้รถตัวมีความสมดุลเมื่อจอดนิ่ง และออกตัวขับขี่ ความสูงของรถสามารถปรับลดลงได้มากถึง 30 มม. เมื่อจอดอยู่กับที่ และขณะใช้ความเร็วต่ำ โดยความสูงเดิมของเบาะนั่งอยู่ที่ 840 มม. และถ้ารถเริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่า 25 กม./ชม. ระบบจะยกสูงขึ้นเป็น 870 มม. และเช่นกันเมื่อลดความเร็วต่ำกว่า 25 กม./ชม. ก็จะปรับความสูงลดลงเหลือ 840 มม.

ช่วงล่างใหม่ EVO Telelever อัพเกรดเช่นเดียวทำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีความแข็งแรงสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า พร้อมช่วงล่างหลัง EVO Paralever ที่ปรับปรุงใหม่ ทำให้การบังคับเลี้ยวมีความเฉียบคม และตัวรถมีความเสถียรในการเข้าหรือออกจากโค้งมากขึ้น การเปลี่ยนชุดซับเฟรมด้านหลัง จากเดิมที่เป็นอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป และแยกชิ้นได้ เปลี่ยนให้เพื่อความแข็งแรงด้วยโครงเหล็กถักสำหรับการกระจายแรงที่ดีขึ้น

เน้นความปลอดภัยขึ้นอีกระดับ ด้วยการอัพเกรด คาลิเปอร์ทั้ง หน้า และหลัง เป็นแบบ Sport เพิ่มขนาดลูกสูบขนาดใหญ่ขึ้น 1 มม. และเคลือบด้วยสาร ไนไตร ที่ผิวด้านนอกลูกสูบให้การทำงานที่ลื่นไหลมากขึ้น ทำให้ได้ระยะเบรกที่สั้น และมีกำลังเบรกที่สูง ใช้แรงในการบีบเบรกน้อย และอีกหนึ่งระบบที่ช่วยให้การตั้งรถสแตนด์ขาคู่ง่ายขึ้นด้วยระบบไฮโดรลิค เมื่อรถจอดนิ่งเหยียบสแตนด์ขาคู่ ช่วงท้ายจะยกขึ้นเพื่อผ่อนแรงในการยก แต่ต้องเปิดสวิตช์ด้วยนะ

ซึ่งด้วยการอัพเกรดทั้งหมดนี้ ทำให้ BMW R1300 GSA มีความยอดเยี่ยม ทั้งด้านพละกำลังที่มากกว่า การควบคุมที่ง่าย ส่งผลให้มีประสิทธิภาพ และความรู้สึกในการขับขี่ที่สนุกปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วย มาพร้อมกับการออกแบบเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบนอน อันเป็นเอกลักษณ์ที่ปรับปรุงมาใหม่ ให้มีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น และการจัดเรียงเพลาลูกเบี้ยวใหม่จนได้ขนาดเครื่องยนต์ 1,300 ซีซี มอบพละกำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 149 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที ทำให้มันเป็นเครื่องยนต์ Boxer ที่เต็มไปด้วยพละกำลัง พร้อมที่จะกระโจน หรือพุ่งไปข้างได้อย่างฉับไว นอกจากนี้ มีการขยายเส้นผ่านศูนย์กลางของวาล์วไอดี และวาล์วไอเสียใหม่ โดยวาล์วไอดีมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มม. (เดิม 40 มม.) และวาล์วไอเสีย มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 35.6 มม. (เดิม 34 มม.)

แล้วระบบ ASA (อาซ่า) มันคืออะไร ทำงานอย่างไร

BMW ASA หรือ Automated Shift Assistant ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติของ BMW ซึ่งมันถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องถึง 7 ปี ในรถ BWM เรียกได้ว่าบ่มจะสุขงอมพร้อมใช้ และมันถูกประกอบเขาไปเป็นครั้งแรกใน BMW R1300 GSA กับชุดสั่งการเกียร์ และกล่อง TCU ซึ่งจะรับคำสั่งมาจาก กล่อง ECU ในการประมวลผล การบิดคันเร่ง รอบเครื่องยนต์ ให้สัมพันธ์กัน โดยที่แฮนด์ด้านซ้ายรถจะไม่มีก้านคลัทช์ในการออกตัว หรือเปลี่ยนเกียร์ และหยุดรถ จะไม่ต้องใช้คัลทช์ในการควบคุม เพราะการเสริมชุดเกียร์ขนาดเล็กเข้าไป และก้านกระทุ้งที่จะทำหน้าที่เป็นคลัทช์ออโตเมติกแทน

ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ (ASA) มันจะสั่งให้คลัทช์ทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ แต่ก็ยังสามารถที่จะเปลี่ยนเกียร์ได้เช่นกัน แต่ยังมีโหมด แมนนวล ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้เพื่อความสนุก และได้อารมณ์ความสปอร์ตกับการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งช่วงแรกๆ ที่ได้สัมผัสอาจจะยังไม่ชิน กับระบบนี้ แต่พอคุ้นบอกเลยว่า โคตรสบาย

               อ้อ….สำหรับประเทศไทย ระบบ ASA นี้ จะเป็นออปชั่นเฉพาะรุ่น Option 719 เท่านั้นนะจ๊ะ

สำหรับราคาของ BMW R1300GSA มี 4 รุ่นดังนี้

BMW R1300GSA TRIPLEBACK 1,225,000
BMW R1300GSA TROPHY 1,225,000
BMW R1300GSA OPTION719 STD 1,275,000
BMW R1300GSA OPTION719 ASA 1,305,000

“ลุงเนวิน” จัดใหญ่! ฉลอง “10 ปี บุรีรัมย์ มาราธอน” รางวัลกว่า 10 ล้าน

แถลงข่าวยิ่งใหญ่ 15 ก.ค.นี้ ที่ One Bangkok ลุ้นรับทองและของที่ระลึกลิมิเต็ด อิดิชั่น

ยิ่งใหญ่กว่าเดิม! “บุรีรัมย์มาราธอน” สุดยอดไนท์ รัน อันดับหนึ่งขวัญใจคนไทย เตรียมฉลองครบรอบ 10 ปี แจกของรางวัลกว่า 10 ล้านบาท” ตอบแทนนักวิ่งทุกคน ที่ทำให้ บุรีรัมย์มาราธอน เติบโตด้วยมาตรฐานการจัดงานระดับโลก เป็นงานวิ่งที่มากกว่างานวิ่ง และอยู่เคียงข้างคนไทยมาอย่างยาวนาน เปิดแคมเปญพิเศษ “BRM Superfans” จัดเต็มเอาใจทั้งแฟนพันธุ์แท้บุรีรัมย์มาราธอนทุกคนให้ได้ใจฟูไปกับของรางวัลพิเศษมากมาย รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และกลับมาอีกครั้ง ตามคำเรียกร้องกับการเปิดรับสมัครแบบ On-Site “ลุงเนวิน” เชิญชวนนักวิ่งร่วมอีเว้นต์สุดพิเศษ ฉลองครบ 10 ปี และสมัครหน้างานแถลงข่าว วันที่ 15 ก.ค.นี้ ที่ลาน The Storeys Square (เดอะ สตอรี่ส์สแควร์) ชั้น G วันแบงค็อก ตั้งแต่เวลา 12.00 -14.00 น. สมัครแล้วรับทันที ถุงเท้าวิ่งรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ฉลอง 10 ปี มูลค่า 420 บาท ฟรี ทุกคน และยังมีสิทธิ์ลุ้นรับทองคำ 1 สลึง ถึง 10 เส้น พร้อมเผยวันรับสมัครออนไลน์ วันที่ 19 กรกฎาคม สำหรับนักวิ่งเก่าและวันที่ 20 กรกฎาคม สำหรับนักวิ่งใหม่

การจัดการแข่งขัน “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” ภายใต้แนวคิด Your Ultimate Destination สวรรค์ของนักวิ่ง ที่จะจัดแข่งขันในวันที่ 24 มกราคม 2569 ออกสตาร์ทจากสนามแข่งรถระดับโลก “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” และเข้าเส้นชัยที่สนามฟุตบอล”ช้าง อารีนา” แข่งขันทั้งสิ้น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะมาราธอน (42.195 กม.), ระยะฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.), ระยะมินิมาราธอน (10 กม.), ระยะฟันรัน (4.554 กม.)

นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ผู้ริเริ่มจัดการแข่งขันบุรีรัมย์มาราธอน กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า บุรีรัมย์มาราธอนเป็นงานมาราธอนฝีมือคนไทย ที่เคยก้าวไปสู่มาตรฐานระดับโลก ด้วยเหรียญทองของ World Athletics หรือสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติการันตีเป็นความภาคภูมิใจ สร้างความประทับใจมาแล้วด้วยกองเชียร์มากที่สุด นับหมื่นคน ความสนุกสนานของเทศกาลดนตรี ความยาว 42.195 กม. แสงสีเสียงจัดเต็มตลอดเส้นทาง และสร้างชื่อเสียงและรายได้เข้าสู่ประเทศมหาศาลตลอด 9 ปีที่ผ่านมา”

“ผมขอให้ความมั่นใจว่า “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” เราจะจัดอย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยมาตรฐานระดับโลกเช่นเคย พร้อมทั้งยังยืนหยัดในการมอบสิ่งที่ดีที่สุด  มอบความสุขและความประทับใจมากที่สุดให้กับทุกคนที่รัก “บุรีรัมย์มาราธอน” และอยู่เคียงข้างกันตลอดมา โดยได้เตรียมการเฉลิมฉลองวาระการฉลองครบรอบ 10 ปี อย่างยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยรางวัลพิเศษรวมสูงสุดกว่า 10 ล้านบาท”

“โดยปีนี้ภายในงานแถลงข่าวจะมีการเปิดรับสมัครตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป และภายในงานจะมีการแจกทอง 1 สลึง จำนวน 10 รางวัล สำหรับนักวิ่ง โดยประกาศผลบนเวทีแถลงข่าว เวลาประมาณ 14.30 น. ทั้งนี้ยังได้เตรียมของที่ระลึก “ลิมิเต็ด” เวอร์ชั่นฉลอง 10 ปี เป็นถุงเท้าจาก Warrix มูลค่า 420 บาท แจกจำนวนไม่จำกัด คุ้มที่สุดสำหรับผู้ที่มาสมัครในงานแถลงข่าวทุกคน”

และพิเศษสำหรับปีที่ 10 นี้ กับแคมเปญ “ BRM Superfans” แทนคำขอบคุณจากใจ โดยวันงานวิ่ง จะมีการมอบเหรียญสำหรับ “BRM Superfans” ผู้วิ่งครบรอบ 10 ปี, และมอบ “หมวก BRM Sub 3 ลิมิเต็ด เวอร์ชั่นฉลอง 10 ปี” เป็นรางวัลสำหรับนักวิ่งระยะ Marathon Sub 3 ภายในเวลาต่ำกว่า 3:00:00 ชม. และมอบของที่ระลึก “ไอเท็มลับ ฉลอง 10 ปี” สำหรับแจกนักวิ่งทุกคน (จัดส่งไปกับ Race pack)

นอกจากนี้ “ลุงเนวิน” และคณะกรรมการฝ่ายจัดการแข่งขัน ยังยืนยันที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่งเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น รางวัลจากผู้สนับสนุนและเงินรางวัลการแข่งขัน รวมสูงที่สุดในประเทศไทยกว่า 1.65 ล้านบาท, และยังอัดฉีดเพิ่ม 1,300,000 บาท มอบเป็นเงินรางวัลพิเศษ สุ่มแจกให้กับนักวิ่งทุกระยะละ 50 รางวัลรวม 200 รางวัล เหมือนเช่นปีที่ผ่านมา

และยังคงแจกภาพนักวิ่งฟรีทุกคนไม่ต้องซื้อรูปอีกต่อไป โดยหลังสแกน QR Code จะได้รับภาพแบบเรียลไทม์ โดยใช้ระบบที่ทันสมัยที่สุด ที่ถูกออกแบบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ  เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักวิ่ง เมื่อวิ่งผ่านช่างภาพ และช่างภาพทำการกดชัตเตอร์รูปจะปรากฎที่มือถือนักวิ่งทันที, สนับสนุนนักวิ่งต่อยอดไปยังงาน “โตเกียวมาราธอน” ทั้งค่าสมัคร ค่าเดินทาง ค่าที่พัก สำหรับนักวิ่งชาวไทยที่ไม่ใช่ทีมชาติ และทำสถิติดีที่สุด 10 อันดับแรก ทั้งชายและหญิงของ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026 พรีเซนเต็ดบาย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” และล็อตโต้งานโตเกียวมาราธอน 2027 ได้สำเร็จ

นอกจากนี้ยังยืนยันมอบรางวัลพิเศษ “นักวิ่ง New PB ฟรีหมูกระทะ” เปิดเตาตามคำเรียกร้อง สำหรับนักวิ่งระยะ “มาราธอน” ที่สามารถทำ NEW PB ของตัวเองได้ในปีนี้นอกจากของรางวัล Special Prize แล้วยังมีรางวัลพิเศษเติมสำหรับผู้พิชิตสถิติใหม่ Beat your Buriram Marathon Personal Best หรือ NEW PB รับไปเลยหมูกระทะ 1 ชุด โดยคูปอง 1 ใบ แลกหมูกระทะได้ 1 ชุด มูลค่า 250 บาท (สำหรับนักวิ่ง 1-3 ท่าน)

ทั้งนี้ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026 พรีเซนเต็ด บาย น้ำแร่ธรรมชาติ ตราช้าง” ประจำปี 2569 เปิดรับสมัครนักวิ่งจากทั่วโลกอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 และ วันที่ 20 กรกฎาคม 2568 ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยในต้นปี 2568 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากทั้ง นักวิ่งระดับท็อปจากทั่วทุกมุมโลก, ระดับแชมป์ประเทศไทยและผู้รักในการวิ่งมากกว่า 32,936 คน คาดว่าในปีนี้หลังเปิดรับสมัครออนไลน์ จะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม มีนักวิ่งสมัครเต็มทุกระยะอย่างรวดเร็วเช่นเดิม

นักวิ่งที่สนใจสามารถสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ www.burirammarathon.com และ www.runningconnect.com โดยแบ่งเป็น นักวิ่งเก่า (ปี 2017-2025) สมัครได้ตั้งแต่ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568 เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป และนักวิ่งทั่วไปสมัคร วันที่ 20 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป และจะมีการแถลงข่าวการจัดการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00 น. ที่ ลาน The Storeys Square (เดอะ สตอรี่ส์ สแควร์) ชั้น G วันแบงค็อก กรุงเทพ ภายในงานมีการรับสมัครนักวิ่งแบบ On-Site และของรางวัลพิเศษแก่นักวิ่งและสื่อมวลชนที่ร่วมงานมากมาย”

“โจอัน เมียร์” ฮึดไล่ไต่อันดับ พา “ฮอนด้า” คว้าอันดับ 11

ศึก อิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ ดวลความเร็วรอบ “เมนเรซ” ท่ามกลางอากาศร้อนระอุ นับเป็นงานสุดท้าทายของทัพนักบิดฮอนด้า ที่เจอปัญหาการยึดเกาะเล่นงานตลอดทั้งสุดสัปดาห์ “โจอัน เมียร์” ที่ออกตัวจากกริดที่ 18 สามารถต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม กอบกู้ตำแหน่งขึ้นมาเข้าป้ายในอันดับ 11 ด้วยเวลารวม 41 นาที 32.091 วินาที ส่วนทีมเมทชาวญี่ปุ่นอย่าง “ทาคาอากิ นาคากามิ” หมายเลข 30 จบเรซในอันดับ 16

ขณะที่ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา หมายเลข 35 นักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ออกตัวจากกริดที่ 22 แต่โชคร้ายโดนโทษ “ดับเบิล ลองแล็ป เพนัลตี้” ทำให้โดนยืดออกจากกลุ่ม ก่อนฮึดสู่เข้าเส้นชัยในอันดับ 18 ด้านทีมเมทชาวฝรั่งเศสอย่าง “โยฮันน์ ซาร์โก” หมายเลข 5 พลาดล้มไม่จบการแข่งขัน

ส่วนผลการแข่งขันในรุ่น โมโตทู “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ หมายเลข 41 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย จบเรซอันดับ 25

ขณะที่รุ่น โมโตทรี เป็นอีกหนึ่งครั้งที่นักบิดดาวรุ่งชาวไทย “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี หมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ต่อสู้ได้ดี สตาร์ตกริดที่ 24 ไล่แซงขึ้นมาเข้าป้ายในอันดับ 17 ตามหลังผู้ชนะเพียง 11.350 วินาที เข้าใกล้อันดับที่มีแต้มเพียงไม่ถึง 1 วินาทีเท่านั้น

ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2025 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 มิถุนายนนี้ ที่ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในรายการ ดัตช์ กรังด์ปรีซ์

แฟนมอเตอร์สปอร์ตส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH

#HondaRacingThailand #RaceToTheDream #MotoGP #HondaBigBike #HondaRC213V #IdemitsuHondaLCR #SC35 #Kong #JZ5 #HondaHRC #JM36 #TN30 #IdemitsuHondaTeamAsia #Moto2 #Chip41 #HondaTeamAsia #Moto3 #TB5 #Gonz #ItalianGP