หลังจากที่ทางบริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัวรถจักรยานยนต์บาจาจครบทุกรุ่นในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากสื่อมวลชน และลูกค้า โดยเฉพาะเรื่องการทดสอบขับขี่ที่เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าได้พิจารณาตัดสินใจเลือกแบรนด์บาจาจ ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทางบริษัทฯ จึงได้เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์ร่วมทดสอบสมรรถนะ และสัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถจักรยานยนต์บาจาจครบทุกรุ่นในทุกสภาพถนน
ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้สื่อมวลชนจะได้สัมผัสถึงเทคโนโลยีของรถจักรยานยนต์บาจาจ รวมถึงสมรรถนะที่ทรงพลังของเครื่องยนต์ที่ให้อำนาจในการควบคุมให้กับผู้ขับขี่ ทำให้ทุกเส้นทางการเดินทางไม่ว่าจะเป็นทางโค้ง คดเคี้ยว หรือในสถานการณ์ที่ต้องการอัตราเร่ง เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย สนุกสนาน และมีความปลอดภัย
วรูม ไทยแลนด์นั้นได้วางรูปแบบในการทดสอบขับขี่ครั้งนี้ตามคอนเซ็ปต์ของรถจักรยานยนต์บาจาจคือ แรง แกร่ง เท่ โดยเตรียมรถจักรยานยนต์บาจาจให้สื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ได้ร่วมทดสอบสมรรถนะทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันคือ Pulsar NS 160, Pulsar NS 200, Pulsar RS 200 และ Dominar 400 โดยเลือกเส้นทางที่แตกต่างถึง 3 เส้นทางใน 3 วัน แต่ละวันจะเดินทางทดสอบขับขี่ในสถานที่ที่ต่างกันไป วันแรกเริ่มจากกรุงเทพ – กาญจนบุรี – กรุงเทพ วันที่สองเริ่มจาก กรุงเทพ – ระยอง – กรุงเทพ วันที่สามเริ่มจาก กรุงเทพ – เขาใหญ่ – กรุงเทพ ระยะทางรวมทั้งหมดมากกว่า 1,300 กิโลเมตร โดยกำหนดเส้นทางให้มีความหลากหลายในแต่ละวัน เผชิญทุกสภาพถนนเพื่อทดสอบรายละเอียดต่างๆ
จุดนัดพบรวมพลกันที่สำนักงานใหญ่ที่ แฟล็กชิพ ลาดพร้าวซอย 122 ซึ่งช่วงแรกนี้ทุกคนจะได้มีโอกาสทำความรู้จักและได้รับทราบรายละเอียดของตัวรถ ทั้งในส่วนการออกแบบรถในส่วนต่างๆ ที่ผสมผสานความหรูหรา โฉบเฉี่ยว สปอร์ต และความเรียบง่ายไว้ด้วยกัน จากนั้นจะใช้เส้นทางผ่านถนนช่วงนี้มีพื้นที่โล่งๆ ให้ทดสอบการตอบสนองของเครื่องยนต์ ทั้งในเรื่องของการทำความเร็ว อัตราเร่ง การเร่งแซง ระบบเกียร์ รวมถึงความคล่องตัวเมื่อมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเลนไปมา การขับขี่ในรูปแบบนี้ต้องอาศัยความพร้อมหลายอย่างของตัวรถ ทั้งอัตราการเร่งที่ดี ช่วงล่างที่ยึดเกาะถนน รถทุกรุ่นจะผ่านเส้นทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถนนที่มีสภาพการจราจรที่แออัด ถนนทางตรง ถนนโค้ง หรือสภาพถนนขรุขระ ความคล่องตัว และสมรรถนะของเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์บาจาจทุกรุ่นสามารถผ่านมาได้สบายๆ ในทางกลับกันให้ความรู้สึกสนุกสนาน ขี่ง่าย และที่สำคัญคือสามารถเดินทางไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย
นายวรท กมลโชติรส รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท วรูม จำกัด กล่าว “ตลอดการเดินทางไป-กลับของทริปนี้ ผมมั่นใจว่าสื่อมวลชนจะได้สัมผัสถึงความโดดเด่นของเทคโนโลยีขุมพลังของเครื่องยนต์บาจาจที่ทรงประสิทธิภาพตอบสนองการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้การเดินทางตลอดทั้งวันมีแต่ความเพลิดเพลิน สนุกสนาน และประจักษ์ได้ว่ารถจักรยานยนต์บาจาจที่อัดแน่นไปด้วยความแรง อารมณ์สปอร์ต รวมถึงคุณสมบัติ
เด่นอื่นๆ ในทุกๆ รุ่นจะสร้างประสบการณ์การขับขี่ใหม่ๆ ให้กับสื่อมวลชน”
ความคิดเห็นผู้ทดสอบ
Pulsar NS160 น้องเล็กสุด สไตล์เน็กเก็ดไบค์ รูปทรงมีขนาดกะทัดรัด ทำให้การคอนโทรลง่าย คล่องแคล่ว นั่งสบาย แต่แฮนด์เป็นแบบที่ยึดกับหัวโช้คไม่ใช่แบบเทเปอร์ ดูขัดๆ ตาไปหน่อย กำลังของเครื่องยนต์ให้ความนุ่มนวลไม่กระชาก สูบเดี่ยวก็เฟี้ยวได้ แต่มีอัตราเร่งที่ต่อเนื่องของรอบเครื่องยนต์ เกียร์ 5 สปีด ในอัตราทดที่สมส่วน สิ่งที่โดดเด่นก็คือการเซ็ทช่วงล่างที่ไม่กระด้าง และเกาะเข้าโค้งได้นิ่งเกินที่คาดเอาไว้ รอบปลายลากกันยาวๆ มีอาการตัดรอบ อั้นๆ เหมือนอยากจะไปต่อ อันนี้เอาไปปลดรอบก็มิดเกจ์แน่นอน
Pulsar NS200 Fi ABS
ด้วยรูปทรงแล้วไม่ได้แตกต่างกับตัว 160 ซีซี มีความคล่องตัว นั่งสบาย เพียงแต่เพิ่มในเรื่องของความจุกระบอกสูบเป็น 200
ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ และการจุดระเบิดด้วยหัวเทียน 3 หัว อารมณ์มันก็เปลี่ยนไป อัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน การบิดออกตัว หรือการเร่งแซง มาเร็วขึ้น มีความปลอดภัยด้วยระบบดิสก์หน้าพร้อม ABS อันนี้ได้ใช้งานรู้สึกว่ามั่นใจในถนนที่มีกรวด และแน่นอนว่าการทรงตัวที่โดดเด่น สำหรับช่วงล่างต้องบอกว่าแหล่มจริงๆ
Pulsar RS200 Fi ABS
เปลี่ยนอารมณ์จากเน็กเก็ดมาเป็นรถสปอร์ต ด้วยรูปทรงที่ออกแบบฟูลแฟริ่ง ให้ความสปอร์ต ด้านหน้าสวยสไตล์ยุโรป ไฟคู่โปรเจคเตอร์ งานประกอบไม่ก๊องแก๊ง คม เฉี่ยว ตามสมัยนิยม เรือนไมล์ดิจิตอลผสมกับอานะล็อค ที่วัดเกจ์รอบสไตล์เรซซิ่ง
เรพลิก้า ท่านั่งไม่ก้มมากนิ่งได้สบาย ตัวรถกระชับถังเว้าให้หนีบได้แน่นๆ แฮนด์สูงไปนิดขัดๆ ตา น่าจะจับหัวโช้คและต่ำลงหน่อยรับรองวิ่งอร่อยเหาะพร้อมหมอบ เครื่องยนต์ 200 ซีซี ระบบหัวฉีด มีอัตราเร่งที่กำลังพอดี มาเรียบๆ นุ่มๆ ไม่หวือหวา แต่มีกำลังอัดที่พอตัว ใช้เกียร์สูงในรอบต่ำได้สบายๆ เกียร์ 6 สปีด ดีดทุกเกียร์เหมือนกับลองได้เล่นลากกันยาวๆ ท็อปสปีด 146 กม./ชม. ดิสก์เบรกหน้าหลังโดยใช้คาลิเปอร์ BEBRE แบรนด์รองจาก Brembo ติดตั้งมาพร้อมสายเบรกถัก
DOMINAS D400
สายพันธุ์เน็กเก็ดสปอร์ตทัวร์ริ่ง แต่ไม่ได้บึกบึนใหญ่โตจนเกินไป หน้าตาฟัดกับค่ายแดนมังกรได้เลย มีลูกเล่นไฟบูลไลท์ ที่สวิตช์ทั้งสองข้าง เครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี สูบเดี่ยว ระบายความร้อนด้วยน้ำ จุดระเบิดด้วยหัวเทียน 3 หัว รับรองเผาไหม้หมดจด ได้กำลังอัดที่รุนแรง และรวดเร็ว เปิดคันเร่งดีดคลัทช์ที่ 7,000 รอบ มันกระโจนล้อลอยง่ายๆ ขนาดกำลังดี คล่องตัว นั่งสบายๆ จุดศูนย์ถ่วงอยู่ประมาณกึ่งกลาง ทำให้มีความเสถียร ไม่หนักหน้าพลิกเลี้ยวแล้วไม่รู้สึกท้ายแกว่ง การใช้เบรกลึก เบรกหนัก ด้วยจานที่ใหญ่ถึง 320 มม. มั่นใจ โช้คอัพหน้าหัวกลับ 35 มม. ก็เพียงแล้วสำหรับรถขนาดกลาง โช้คอัพหลัง คอยล์สปริง และซับแทงค์แก๊ส เอาอยู่ทุกสภาพถนนเลย เวลาเลี้ยวเข้าโค้งรู้สึกว่าเกาะถนนได้ดี การสั่นสะท้านถึงแฮนด์ก็มีบ้างเป็นธรรมดาแต่ไม่แรงจนมือสั่น ขี่ระยะทางสั้นๆ มีไอร้อนที่ขาเหมือนกันนะ มาให้ได้ลองขนาดนี้ก็ต้องกดท็อปสปีดดูสักหน่อย เชนลงเกียร์ 3 แล้วบิดคันเร่งสับเกียร์ช่วงไฟชิฟไลท์โชว์ ต่อเนื่อง 4-5-6 หมอบให้มิด หันมาไมล์ 178 กม./ชม. อันนี้ไม่ได้โม้ ไม่ได้อวย ค่าเฉลี่ยจากนักทดสอบทั้งหมดอยู่ที่ 173 กม./ชม. พอแล้ว กับเครื่องยนต์สูบเดี่ยว