“อุ้ม–นพรุธพงษ์” ผงาดติดท็อป 5 เอเชีย! ปิดฉากฤดูกาล “อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2025” มาเลเซีย

“อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2025” สนามที่ 6 ปิดฉากฤดูกาล ที่ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

นักบิดดาวรุ่งไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ควบรถ Honda NSF250R ในรอบคลอลิฟาย “อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ หมายเลข 20 ทำเวลา 02:19.337 นาที สตาร์ตลำดับที่ 7 ลุ้นคว้าท็อป 5 เอเชีย ตามมาด้วย “ออสติน” ธนฉรรต ประทุมทอง หมายเลข 5 ทำเวลา 02:19.867 นาที สตาร์ตลำดับที่ 13

เรซแรกการแข่งขันเป็นไปอย่างเข้มข้น “อุ้ม-นพรุธพงษ์” เริ่มต้นเกมด้วยการตกไปอยู่อันดับที่ 9 ก่อนที่จะโชว์ฟอร์มสุดแกร่งยกระดับความเร็วไล่แซงจนขยับไปลุ้นโพเดียมก่อนที่จะคว้าอันดับ 5 ได้อย่างยอดเยี่ยมเก็บแต้มสะสมเพิ่มไป 11 คะแนน ขณะที่ “ออสติน-ธนฉรรต” ต่อสู้ท่ามกลางสนามสุดท้าทายจบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 14 เก็บแต้มสะสมเพิ่มไป 2 คะแนน

เรซสองซึ่งเป็นเรซสุดท้ายของฤดูกาล 2025 นักบิดดาวรุ่งไทยต้องฝ่าฟันอุปสรรคท่ามกลางอากาศสุดร้อนระอุ เกมการแข่งขันก็ดำเนินไปอย่างเข้มข้น “อุ้ม-นพรุธพงษ์” สู้สุดกำลังจบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 9 เก็บแต้มสะสมเพิ่มไป 7 คะแนน คว้าอันดับที่ 5 ของเอเชียไปครองด้วยแต้มสะสมรวมทั้งฤดูกาล 120 คะแนน ด้าน “ออสติน-ธนฉรรต” ใส่สุดขยับมาจบอันดับที่ 10 เก็บแต้มสะสมเพิ่มไป 6 คะแนน ได้อันดับที่ 11 ของเอเชียด้วยแต้มสะสมรวมทั้งฤดูกาล 60 คะแนน

ด้าน “เฟอร์” ปัญจรุจน์ จิตวิรุฬห์ฉัตร หมายเลข 24 ดาวรุ่งหน้าใหม่ แม้ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในสนามนี้ แต่ผลงานตลอด 5 สนาม 10 เรซ ที่ผ่านมาเก็บแต้มสะสมได้ทั้งหมด 39 คะแนน จบอันดับที่ 13 ของเอเชีย

#ThaiHonda #HondaRacingThailand #RaceToTheDream #RoadToMotoGP #Motorsport #AsiaTalentCup #IATC #Austin5 #Aum20 #Fer24

โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเยี่ยม เอช เซม มอเตอร์ เปิดประสบการณ์เรียนรู้นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด เปิดโรงงานต้อนรับนักศึกษาชั้นปีที่ 2 และ 3 สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ จากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จำนวน 60 นาย พร้อมคณะอาจารย์ 6 ท่าน เข้าศึกษาดูงานและเรียนรู้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอย่างใกล้ชิด

โดยมี คุณวันชัย ลี้นะวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด พร้อมทีมวิศวกรและทีมงานจากสำนักงานใหญ่ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พาชมกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีภายในโรงงาน รวมถึงการสาธิตระบบสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ MOVE EV X ที่เป็นหนึ่งในนวัตกรรมสำคัญของบริษัท

การเยี่ยมชมในครั้งนี้ มุ่งหวังให้นักศึกษาได้เห็นภาพจริงของเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดทั้งด้านวิชาการและการปฏิบัติจริงในอนาคต ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

70 ปี ยามาฮ่า เปิดวิสัยทัศน์แห่งอนาคต โชว์นวัตกรรมล้ำโลกใน Japan Mobility Show 2025

ยามาฮ่ามอเตอร์ ฉลองครบรอบ 70 ปี แห่งความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ของโลกยานยนต์ ภายใต้แนวคิด “Feel the Future of Human–Machine Mobility” ในงาน Japan Mobility Show 2025 ที่จัดโดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Automobile Manufacturers Association: JAMA) ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 9 พฤศจิกายน 2568 ณ Tokyo Big Sight ประเทศญี่ปุ่น

ยามาฮ่าขนทัพยานยนต์ต้นแบบสุดล้ำกว่า 16 โมเดล เข้าร่วมจัดแสดงภายในบูธ “Feel. Move.” ณ East Hall 5 ถ่ายทอดแนวคิด “สัมผัสอนาคตของการเดินทางระหว่างมนุษย์ และเครื่องจักร” ผ่านเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแห่งอนาคตที่ผสาน “ความรู้สึก” และ “พลังแห่งการเคลื่อนไหว” ให้กลายเป็นแรงบันดาลใจและความสุขในทุกเส้นทาง

MOTOROiD:Λ (โมโตรอยด์ แลมบ์ดา)

วิวัฒนาการขั้นสุดของแนวคิด “ความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร” จากโครงการ MOTOROiD ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2017 รุ่นใหม่ MOTOROiD:Λ พัฒนาด้วยเทคโนโลยี Reinforcement Learning ให้รถสามารถ “เรียนรู้ และพัฒนาด้วยตัวเอง” ผ่านสภาพแวดล้อมเสมือนจริง (Virtual Environment) ก่อนนำทักษะมาใช้จริงด้วยเทคนิค Sim2Real รถจักรยานยนต์ต้นแบบรุ่นนี้สามารถโต้ตอบและปรับตัวตามผู้ขี่ได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการผสาน AI + Exoskeleton ที่เบา แข็งแรง และเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ ถือเป็นก้าวสำคัญของโลกยานยนต์สองล้อ ที่เปิดมิติใหม่ของ “ยานยนต์ที่เติบโตไปพร้อมกับมนุษย์”

 

 

 

TRICERA proto (ไทรเซร่า โปรโต)

ยานยนต์สามล้อไฟฟ้าแบบเปิดประทุนที่ถ่ายทอดแนวคิด “ความสนุกในการขับขี่” อย่างเต็มรูปแบบ มาพร้อมระบบ Three-Wheel Steering System (3WS) ที่เลี้ยวได้ทุกล้อ สร้างความมั่นใจ และเร้าใจในการเข้าโค้ง
TRICERA proto ยังมาพร้อมระบบเสียง αlive AD Sound Control ที่ปรับแต่งเสียงมอเตอร์ให้มีมิติ และอารมณ์แบบสปอร์ต พร้อมดีไซน์เฟรมกลางโค้งมนโดดเด่น สะท้อนความล้ำยุค และเอกลักษณ์แห่งอนาคต

 

PROTO BEV (โปรโต บีอีวี)
PROTO BEV รถต้นแบบที่สามารถใช้งานได้จริงคันนี้ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “ความสนุกที่มีได้เฉพาะในรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ความจุสูง” เพื่อยกระดับความสนุกในการขับขี่ให้ถึงขีดสุด และได้ประสบการณ์ขับขี่ที่สนุกสูงสุด ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบรถซูเปอร์สปอร์ต ยามาฮ่าจึงให้ความสำคัญในการดีไซน์ “ความเบา และขนาดที่กะทัดรัด” ส่งผลให้เกิดเป็นรถ EV Supersport ที่ขี่ง่าย คล่องตัว และควบคุมได้อย่างง่ายดายซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า จากรถเครื่องยนต์สันดาปรุ่นต่างๆ เข้ากับ “ความเรียบลื่น และความแรงเร่งอันทรงพลัง” ของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ตอบสนองคันเร่งได้อย่างเป็นเส้นตรงและแม่นยำ นอกจากนี้ ระบบ Human–Machine Interface (HMI) ยังถูกออกแบบให้ช่วยให้ผู้ขับ “โฟกัสกับการขี่ในสนามได้อย่างเต็มที่” ด้วยปุ่มควบคุมที่จัดวางให้อยู่ในตำแหน่งใช้งานสะดวกที่ปลายนิ้ว พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ Visualizer และระบบเสียงที่สื่อสารสถานะของรถทั้งในรูปแบบภาพและเสียง
PROTO BEV จึงเป็นการผสานเทคโนโลยีไฟฟ้าเข้ากับจิตวิญญาณแห่งความเร้าใจของยามาฮ่า เพื่อสร้างนิยามใหม่ของ “ความสนุกในการขับขี่” ในยุคแห่ง EV อย่างแท้จริง

H2 Buddy Porter Concept (เอชทู บัดดี้พอร์ตเตอร์)

ต้นแบบเครื่องยนต์พลังงานไฮโดรเจนที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Yamaha Motor และ Toyota Motor Corporation มาพร้อมถังเก็บไฮโดรเจนแรงดันสูงขนาดกะทัดรัดที่พัฒนาเพื่อรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ สามารถวิ่งได้กว่า 100 กิโลเมตรต่อการเติมเชื้อเพลิงหนึ่งครั้ง พร้อมผ่านมาตรฐาน Euro 5 และ NOx ครบถ้วน โปรเจ็กต์นี้คืออีกก้าวของยามาฮ่าที่มุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality อย่างยั่งยืน

 

 

 

Y-00B:Base / Y-00B:Bricolage

คอนเซ็ปต์ eBike รุ่นใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ “แสดงตัวตนได้อย่างอิสระ”
รุ่น Y-00B:Base โดดเด่นด้วยดีไซน์ Dual Twin Frame น้ำหนักเบา และมินิมอล พร้อมแบตเตอรี่และชุดขับขนาดกะทัดรัดที่กลมกลืนไปกับตัวรถ และสามารถปรับแต่งต่อยอดได้ตามไลฟ์สไตล์
ส่วนรุ่น Y-00B:Bricolage คือเวอร์ชันพิเศษฉลอง 70 ปีของ Yamaha ที่ได้แรงบันดาลใจจากรุ่นคลาสสิก YA-1 ผสมผสานดีไซน์ร่วมสมัย และความหรูหราอย่างลงตัว

 

 

e-Axle for Automotive Drive Unit

ชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบ 3-in-1 ที่รวมมอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ และระบบเกียร์ไว้ในชุดเดียวกัน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในน้ำหนักที่เบา และขนาดกะทัดรัด
รองรับแรงดันไฟฟ้า 350V–800V และมีกำลังขับสูงสุดถึง 450 kW ถือเป็นเทคโนโลยีหลักที่เตรียมส่งต่อให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกในอนาคต

 

เทคโนโลยีแห่งการขับเคลื่อนยุคใหม่

PROTO HEV (โปรโต เอชอีวี)

รถต้นแบบไฮบริดแบบ Series–Parallel Hybrid (SPHEV) ที่มอบประสบการณ์ขับขี่ทั้งนุ่มนวล และเร้าใจ
ผู้ขับสามารถสลับโหมด “Serene” และ “Spirited” ได้อย่างอิสระ ด้วยระบบจัดการพลังงานขั้นสูง (Power & Energy Management Technology) ที่ช่วยเพิ่มความประหยัดได้มากกว่า 35%* เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน

PROTO PHEV (โปรโต พีเอชอีวี)

รถต้นแบบ Plug-in Hybrid ที่ผสานความแรงของเครื่องยนต์สันดาปเข้ากับเทคโนโลยีไฟฟ้าอย่างลงตัว สามารถสลับขับได้ทั้ง Engine Mode และ Electric Drive Mode เพื่อความสนุกและประหยัดพลังงานในทุกสถานการณ์

 

นวัตกรรมเพื่ออิสระของการเคลื่อนไหว

NACTUS VS TRE-X

ต้นแบบรถวีลแชร์ไฟฟ้า 3 ล้อ ที่พัฒนาร่วมกับ Nissin Medical Industries ใช้ล้อขนาด 26 นิ้วแบบ Mountain Bike พร้อมระบบ JWX-2 Electric Power-Assist Unit มอบเสถียรภาพสูง และความสะดวกแม้ในเส้นทางขรุขระ

 

ONE-MAX Urban / ONE-MAX Historical

รถเข็นไฟฟ้าออกแบบพิเศษจากความร่วมมือระหว่าง Yamaha Motor และ Matsunaga Manufactory Co., Ltd. รุ่น Urban เน้นความคล่องตัว น้ำหนักเบา ส่วนรุ่น Historical โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหรา ให้ความรู้สึกเหมือน “กระเป๋าเดินทางที่สรรค์สร้างอย่างประณีต”

 

 

 

โซนพิเศษ Sound xR จากความร่วมมือกับ Yamaha Corporation

อีกหนึ่งไฮไลต์ของบูธ “Feel. Move.” คือการผนึกกำลังระหว่าง Yamaha Motor และ Yamaha Corporation นำเสนอเทคโนโลยีเสียงแห่งอนาคต Sound xR ที่สร้างมิติใหม่ของการฟังผ่านระบบ AFC Image และ Reverberation Control พร้อมโชว์เครื่องดนตรีรุ่นไฮไลต์ เช่น
• FGDP-30 / FGDP-50 Drum Pads – ตีกลองด้วยปลายนิ้วได้อย่างสมจริง
• N3X AvantGrand Hybrid Piano – เปียโนไฮบริดเรือธงที่ให้สัมผัสเหมือนแกรนด์เปียโนระดับโลก
• DTX10K-X BLACK FOREST Electronic Drums – กลองไฟฟ้าสุดล้ำที่ผสานฟังก์ชันมืออาชีพกับดีไซน์สวยหรู

 

 

 

 

 

 

โมเดลเชิงพาณิชย์ที่ร่วมจัดแสดง

ยามาฮ่ายังนำรถยอดนิยมระดับโลกมาร่วมจัดแสดงภายในงาน อาทิ
• YAMAHA TRACER9 GT+ Y-AMT สปอร์ตทัวริ่งระดับท็อปที่มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า
• YAMAHA FAZZIO HYBRID รถสกู๊ตเตอร์แฟชั่นสุดฮิตจากไทย เตรียมเปิดตัวที่ญี่ปุ่นเร็วๆ นี้
• YAMAHA YZF-R1 รถแข่งที่ใช้ในรายการ Coca-Cola Suzuka 8 Hours Endurance 2025
• YAMAHA TY-E 3.0 รถ Trial พลังงานไฟฟ้าที่คว้าแชมป์ระดับโลกในรายการ FIM Trial-E Cup

 

 

 

ยามาฮ่า – 70 ปีแห่งการขับเคลื่อนแรงบันดาลใจ

ทั้งหมดนี้คือการประกาศวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญของ Yamaha Motor ในการเฉลิมฉลอง 70 ปีแห่งการเดินทาง พร้อมมุ่งสู่อนาคตที่ “เทคโนโลยี และมนุษย์เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์แบบ”
ติดตามความเคลื่อนไหว และนวัตกรรมจากยามาฮ่าได้ที่
Facebook: YAMAHA Society Thailand

#YAMAHAJapanMobility2025 #FeelMove #MOTOROiD #YamahaInnovation #FazzioHybrid #Yamaha70Years

ไทยฮอนด้า รวมพลคนรักความคลาสสิก เปิดตัว All New Honda Super Cub และ FUJISAN Limited Edition เติมเสน่ห์เรโทรเหนือกาลเวลาในงาน “Super Cub THE ORIGINAL CLUB MEETING” ย่านทรงวาด

ไทยฮอนด้า จัดงานสุดพิเศษ “Super Cub THE ORIGINAL CLUB MEETING” รวมพลคนรักความคลาสสิกเฉลิมฉลองตำนานออริจินัลที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 60 ปี พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด All New Honda Super Cub ที่มาพร้อม 2 สีทูโทนใหม่ สีฟ้า-ขาว และ สีเหลือง-ขาว สไตล์เรโทรสุดคลาสสิกสะท้อนความเป็นตัวตนได้เต็มที่ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Find Your Original ถึงเวลาออริจินัล’ และรุ่นพิเศษ All New Super Cub FUJISAN Limited Edition ดีไซน์เรโทรมินิมอลสะท้อนความเป็นญี่ปุ่น ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น ท่ามกลางบรรยากาศสุดอบอุ่นที่รวบรวมเหล่าสาวก Super Cub จากทั่วประเทศที่ยกพลมาร่วมเฉลิมฉลองความคลาสสิกกว่า 200 คัน ณ Mahapho Riverview อีเวนต์สเปซริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านทรงวาด

 

 

 

 

All New Honda Super Cub มาพร้อมคอนเซปต์ ‘Find Your Original ถึงเวลาออริจินัล’ ยังคงเอกลักษณ์ความเรโทรสุดคลาสสิกที่สะท้อนตัวตนผู้ขับขี่ไว้ครบถ้วน พร้อมเสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีใหม่ ระบบ Combined Brake System (CBS) ที่ช่วยกระจายแรงเบรกหน้าและหลังอย่างสมดุล พร้อม ดิสก์เบรกหน้า ช่วยให้เบรกได้แม่นยำขึ้น มอบความมั่นใจในทุกจังหวะการขับขี่ ขับเคลื่อนด้วย เครื่องยนต์ Honda Smart Engine 110 ซีซี ระบบหัวฉีด PGM-FI ที่ให้ทั้งความประหยัด สมรรถนะ และความทนทานเหนือชั้น อีกทั้งโดดเด่นด้วย ไฟหน้า LED และกระจกทรงกลมดีไซน์คลาสสิก สำหรับ All New Honda Super Cub มาพร้อม 2 สีทูโทนใหม่ สะท้อนเสน่ห์เรโทรอย่างลงตัว เลือกเผยความเป็นตัวตนได้ตามต้องการ โดยพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้ ทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีฟ้า-ขาว (SBW), สีเหลือง-ขาว (Y-W), สีเขียว (GRN) และ สีเทา-ขาว (G-W) ในราคาแนะนำ 50,600 บาท

 

อีกหนึ่งไฮไลต์คือการนำเสนอความโดดเด่นไม่ซ้ำใครไปกับ All New Super Cub FUJISAN Limited Edition ที่ออกแบบมาเพื่อคนรักอิสระและหลงใหลการเดินทาง ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากบรรยากาศเส้นทางท่องเที่ยวของภูเขาไฟฟูจิในฤดูหนาว ผ่านดีไซน์เรโทรมินิมอลสะท้อนความเป็นญี่ปุ่น ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คันทั่วประเทศ

 

 

 

 

 

 

รุ่นพิเศษนี้มาพร้อมชุดแต่งเฉพาะที่สร้างเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทั้งบังลมหน้าสีฟ้าใส Blue Wind Shield ดีไซน์มินิมอลเข้ากับตัวรถ เพิ่มมิติความเท่สไตล์ญี่ปุ่นและช่วยลดแรงลมปะทะ รวมถึงสติกเกอร์ลายกราฟิกภูเขาไฟฟูจิและพระอาทิตย์ Fuji San Body Sticker โทนสีฟ้า-ขาวตัดแดง สะท้อนความเป็น Japanese Retro มาพร้อมกันลายและตะแกรงเหล็กหน้า Blue Body Protector & Front Carrier สีน้ำเงินเข้าชุด เพิ่มความสะดวกและเสริมลุคคลาสสิก อีกทั้งของพิเศษที่ออกแบบมาเข้าธีมเดียวกันคือ เสื้อแจ็กเกต Fuji San Jacket และ หมวกกันน็อกทรงคลาสสิก Fuji San Classic Helmet ที่ได้แรงบันดาลใจจากวิวภูเขาไฟฟูจิในฤดูหนาว มอบความโดดเด่นในทุกเส้นทาง ในราคาแนะนำ 54,000 บาท

 

 

ภายในงาน Super Cub THE ORIGINAL CLUB MEETING เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเรโทรสุดคลาสสิกในแบบฉบับ Super Cub โดยมีรถ Super Cub กว่า 200 คัน จากทั่วประเทศมาร่วมอวดโฉมในลานรวมรถสุดยิ่งใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สะท้อนพลังแห่งคอมมูนิตี้คนรักความออริจินัลที่มาร่วมเฉลิมฉลองความคลาสสิกไปด้วยกัน ผู้เข้าร่วมได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่จัดเต็มในสไตล์ Super Cub ไม่ว่าจะเป็นโซนอาหารและเครื่องดื่มสุดชิคให้ชิลกันฟรี กิจกรรม DIY สุดคูล การประกวดรถแต่งสวยจำกัดผู้เข้าประกวด 30 คัน การประกวดแต่งตัวออริจินัลสไตล์ รวมถึงการแสดงดนตรีสดและดีเจที่เพิ่มสีสันแห่งความสนุก พร้อมพบปะเหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายคลาสสิกที่มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟน Super Cub ได้อบอุ่นและประทับใจตลอดงาน

 

 

 

 

 

 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษที่สะท้อนจิตวิญญาณของ Super Cub ผ่านโซนคอมมูนิตี้ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ผู้ขับขี่ได้พบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความประทับใจ พร้อมร่วมสนุกกับการแจกของรางวัลและเซอร์ไพรส์มากมาย โดยไทยฮอนด้ายังมอบของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Super Cub Original Club Bandana Limited Edition” ให้กับลูกค้า Super Cub ทุกรุ่นที่ลงทะเบียนและขี่รถมาร่วมงาน 100 ท่านแรก เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวของคอมมูนิตี้คนรักความออริจินัล งานนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของไทยฮอนด้าในการตอกย้ำความสำเร็จของ Super Cub รถจักรยานยนต์ออริจินัลที่อยู่ในใจคนไทยมายาวนาน พร้อมส่งต่อดีไซน์คลาสสิกเหนือกาลเวลา ควบคู่กับเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การขับขี่ในทุกยุค

สำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ All New Honda Super Cub และ All New Super Cub FUJISAN Limited Edition สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Honda Wing Center ทุกสาขาทั่วประเทศ

#AllNewHondaSuperCub #SuperCub #HondaSuperCub #FindYourOriginal #ถึงเวลาออริจินัล #TheOriginalClubMeeting #คนรักความออริจินัล #CUBHouse #CUBHousebyHonda

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda

เทคโนโลยีจากเลอโนโวเสริมความแข็งแกร่งให้ทีม ดูคาติ คอร์เซ่ คว้าแชมป์ ทริปเปิลคราวน์

เมื่อวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ทีมดูคาติ เลอโนโว ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ด้วยการคว้าแชมป์โลกประเภททีมจากการแข่งขันโมโตจีพี ประจำปี 2025 ซึ่งการคว้าแชมป์ดังกล่าวนี้ถือเป็นการได้แชมป์แบบ “ทริปเปิลคราวน์”  ต่อเนื่องจากที่ทีมดูคาติ คอร์เซ่ (Ducati Corse) ได้ตำแหน่งแชมป์ผู้ผลิตยอดเยี่ยมจากสนามที่กรุงบาร์เซโลนา และจากที่นักแข่ง มาร์ก มาร์เกซ (Marc Márquezคว้าแชมป์นักแข่งจากสนามโมเตกิ ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ดูคาติ และ เลอโนโว ที่นำนวัตกรรม และเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนทีมจนเกิดเป็นความสำเร็จ และเป็นการสร้างประวัติศาสต์แชมป์ทริปเปิลคราวน์อีกครั้ง หลังจากเคยคว้าแชมป์เมื่อปี 2022 ที่ ฟรานเชสโก บาญายา

นอกจากนี้ เลอโนโว ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะพันธมิตรหลักด้านเทคโนโลยี และผู้สนับสนุนหลักของ ดูคาติ คอร์เซ่ ผ่านเทคโนโลยีในการประมวลผลที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูล จำลองรูปแบบการแข่งได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ทีมสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และชาญฉลาด ซึ่งเป็นการเปลี่ยนโฉมกระบวนการออกแบบ ทดสอบ และพัฒนารถที่นำมาใช้แข่งอย่างแท้จริง นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เวิร์กสเตชัน และเซิร์ฟเวอร์ของเลอโนโวยังช่วยให้แผนก R&D ของทีมดูคาติ ที่เมืองโบโลญญา สามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ AI จึงช่วยให้ทุกการตัดสินใจในวันแข่งขันสามารถทำได้แม่นยำ เทคโนโลยีของเลอโนโวจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของทุกชัยชนะในฤดูกาลอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้

นอกจากนี้ เลอโนโว ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะพันธมิตรหลักด้านเทคโนโลยี และผู้สนับสนุนหลักของ ดูคาติ คอร์เซ่ ผ่านเทคโนโลยีในการประมวลผลที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูล จำลองรูปแบบการแข่งได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ทีมสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และชาญฉลาด ซึ่งเป็นการเปลี่ยนโฉมกระบวนการออกแบบ ทดสอบ และพัฒนารถที่นำมาใช้แข่งอย่างแท้จริง นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เวิร์กสเตชัน และเซิร์ฟเวอร์ของเลอโนโวยังช่วยให้แผนก R&D ของทีมดูคาติ ที่เมืองโบโลญญา สามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ AI จึงช่วยให้ทุกการตัดสินใจในวันแข่งขันสามารถทำได้แม่นยำ เทคโนโลยีของเลอโนโวจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของทุกชัยชนะในฤดูกาลอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้

ลูก้า รอสซี่ประธานกลุ่มธุรกิจ Intelligent Devices Group กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีกับแชมป์โลก มาร์ก มาร์เกซ และทีมงานทุกคนกับชัยชนะอันยอดเยี่ยม ซึ่งถือเป็นการปิดฉากฤดูกาลที่น่าจดจำอย่างแท้จริง เป็นอีกครั้งที่ ทีมดูคาติ เลอโนโว ได้คว้าแชมป์ทริปเปิลคราวน์ซึ่งเป็นการคว้าชัยชนะครบทั้งสามประเภท ผลงานอันยอดเยี่ยมของนักแข่งทั้งสอง ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับชาวเลอโนโว และแฟน ๆ ทั่วโลก ทั้งยังเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์ของทั้งเลอโนโว และทีมดูคาติ คอร์เซ่  ความุ่งมั่นอันเต็มเปียมของทีม, นวัตกรรมที่ล้ำสมัย และสมรรถนะของตัวรถช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนนับล้านทั่วโลกได้อย่างแท้จริง        เพราะที่เลอโนโว เราเชื่อว่าเทคโนโลยีจะแสดงศักยภาพสูงสุดได้ก็ต่อเมื่อสามารถช่วยให้ผู้คน และทีมงานบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างสำเร็จ และฤดูกาลโมโตจีพีในปีนี้ก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้ว เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมแชมป์โลกอย่าง ดูคาติ เลอโนโว และยิ่งตื่นเต้นกับสิ่งที่เราจะร่วมกันสร้างต่อไปในอนาคต”

คลาวดิโอ โดเมนิกาลีประธานเจ้าหน้าที่บริหารดูคาติ กล่าวว่า “การคว้าแชมป์ทริปเปิลคราวน์ของ  ดูคาติในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จของนวัตกรรมและเทคโนโลยีในโลกของมอเตอร์สปอร์ต ทั้งยังตอกย้ำความเป็นเลิศในการแข่งขันกีฬาที่เป็นดั่งความภาคภูมิใจของเราทุกคน รวมถึงแฟน ๆ ของดูคาติทั่วโลกซึ่งนักแข่งของเราอย่าง มาร์ก มาร์เกซ สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในปีนี้ ส่วนฟรานเชสโก บาญายา ก็สามารถคว้าแชมป์ประเภททีมและผู้ผลิตมาได้ ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดนี้เกิดจากความทุ่มเทของทีมงานทุกคน และการสนับสนุนจากพันธมิตรของเรา ผมขอขอบคุณ เลอโนโว ที่นำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัย และช่วยยกระดับการแข่งขันให้รวดเร็ว ปลอดภัย และเร้าใจยิ่งขึ้น…เราได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์อันน่าจดจำของดูคาติในศึกโมโตจีพีอีกครั้ง”

หลังจากคว้าแชมป์ทริปเปิลคราวน์ในการแข่งขันโมโตจีพี 2025 ได้สำเร็จ ดูคาติ คอร์เซ่ และ เลอโนโว จะยังคงมุ่งหน้าสู่เป้าหมายต่อไป เพื่อผลักดันสมรรถนะ และความก้าวหน้าให้แก่การแข่งขันโมโตจีพี ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ต่อยอดสู่เทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้คน และธุรกิจทั่วโลก

 

“คาราวานชานกรุง 2025” นำขบวนรถโบราณ ชื่นชมงานศิลป์อยุธยา

สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ร่วมกับ เซ็นทรัลพัฒนา จัดกิจกรรมท่องเที่ยวด้วยรถโบราณ และรถคลาสสิค เยือนถิ่นศิลปวัฒนธรรมไทย บนเส้นทางกรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เผยว่า งาน “คาราวานชานกรุง 2025” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ชมศิลป์แผ่นดิน…เยือนถิ่นพระราม” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีรถโบราณ และรถคลาสสิคทรงคุณค่าเข้าร่วมงานกว่า 30 คัน

ด้านผู้บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เผยว่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา เป็นโครงการมิกซ์ยูสสปอตไลท์ระดับโลก แลนด์มาร์คของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เน้นสถาปัตยกรรมการตกแต่งตามแนวคิด “อัศจรรย์อยุธยา” โดยเฉพาะฟาซาดสีขาว และสีทอง ที่สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัด พร้อมใช้เป็นสถานที่จัดแสดงรถโบราณ และรถคลาสสิค ให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวได้ชื่นชมเสน่ห์ของยานยนต์ที่ทรงคุณค่า

ขบวนคาราวานรถโบราณ เริ่มเดินทางจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ มุ่งหน้าสู่ พิพิธภัณฑ์โขน ภายในศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชมเรื่องราวความเป็นมาของโขน การออกแบบเครื่องแต่งกาย หัวโขน ฉากประกอบการแสดง รวมถึงประติมากรรมขนาดใหญ่ หนุมานอมพลับพลา

หลังจากทานอาหารกลางวันที่พิพิธภัณฑ์แล้ว ช่วงบ่าย เคลื่อนขบวนไปยัง ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อยุธยา อวดโฉมรถโบราณ และรถคลาสสิค ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ก่อนไปเที่ยวชมความงามของ บึงพระราม ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พร้อมถ่ายภาพร่วมกันในบรรยากาศยามเย็น และรับมอบเกียรติบัตรขอบคุณที่เข้าร่วมงานครั้งนี้

ผู้สนใจสามารถติดตามกิจกรรมของสมาคมรถโบราณฯ ได้ที่ vintagecarclub.or.th และ facebook.com/vintagecarclub

 

 

 

 

“กวาร์ตาราโร” ทุบสถิติโมโตจีพีสนามออสเตรเลีย “มิลเลอร์” คว้าท็อปโฟร์ “สปรินต์เรซ”

“เอลดิอาโบล” ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร ยอดนักบิดเฟรนช์จาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า โชว์ความเร็วสุดร้อนแรง ควบรถแข่ง YZR-M1 ทุบสถิติคว้าโพลในศึก โมโตจีพี 2025 สนาม 19 ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ ขณะ แจ็ค มิลเลอร์ เจ้าถิ่นจาก พรีม่า พรามัค ยามาฮ่า บิดคว้าท็อป 4 สปรินต์เรซ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ สนามฟิลลิป ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย

การแข่งขัน โมโตจีพี 2025 สนาม 19 รายการ ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ ผ่านการจับเวลารอบควอลิฟายและสปรินต์เรซ เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นหนึ่งในวันที่รถแข่ง YZR-M1 โชว์ศักยภาพได้อย่างยอดเยี่ยม

โดย ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร นักบิดเฟรนช์หมายเลข 20 จาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี รีดความเร็วผงาดคว้าโพลมาครองด้วยการสร้างสถิติใหม่ในสนามแห่งนี้ ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 26.465 วินาที นอกจากนี้ แจ็ค มิลเลอร์ นักบิดเจ้าถิ่นหมายเลข 43 จาก พรีม่า พรามัค ยามาฮ่า โมโตจีพี ยังได้ออกตัวจากแถวหน้าในกริดที่ 3

เกมในรอบสปรินต์ดวลกันทั้งสิ้น 13 รอบสนาม และถือเป็นการเริ่มเกมที่ท้าทายของ กวาร์ตาราโร เพราะเขารูดลงไปถึงอันดับ 5 หลังออกตัว เช่นเดียวกับ มิลเลอร์ ที่ไล่บี้ในกลุ่มหน้าอย่างสุดมัน

ผลการแข่งขันปรากฏว่า มิลเลอร์ บิดเข้าป้ายในอันดับ 4 ด้วยเวลา 19 นาที 9.347 วินาที ตามหลังผู้ชนะเพียง 5.376 วินาที ส่วน กวาร์ตาราโร จบเรซในอันดับ 7 ตามหลัง 8.706 วินาที สามารถคว้าแต้มได้ทั้งคู่

ด้าน อเล็กซ์ รินส์ นักบิดสแปนิชหมายเลข 42 จาก มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี จบเรซอันดับ 13 ตามหลัง 12.132 วินาที ตามด้วย มิเกล โอลิเวียร่า นักบิดโปรตุกีสหมายเลข 88 จาก พรีม่า พรามัค ยามาฮ่า โมโตจีพี ตามเข้าป้ายในอันดับ 14 ตามหลัง 17.494 วินาที

ทั้งนี้ ศึก ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ จะแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคมนี้ เวลา 11.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง SPOTV

—————————–
#RevsYourHeart #ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด #YamahaBeyondTheLimits
#YamahaRacing #YamahaWorldChampion #YamahaNumber1RacingTeam
#YamahaMotoGP25 #TheBlueShift
#YamahaFactoryRacingTeam
#MonsterEnergyYamahaMotoGP #FQ20 #AR42
#PrimaPramacYamaha
#JM43 #MO88

ไทยฮอนด้า มอบหมวกกันน็อกครบรอบ 60 ปี ให้แก่สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย ส่งต่อวัฒนธรรมความปลอดภัยให้สังคมไทย

บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้าส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างต่อเนื่อง ในวาระครบรอบ 60 ปี ด้วยการมอบหมวกกันน็อกมาตรฐาน มอก. จำนวน 60 ใบ รวมมูลค่า 60,000 บาท ให้แก่สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) การมอบหมวกกันน็อกในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมฯ เป็นผู้แทนรับมอบ ร่วมกันผลักดันการสร้างวัฒนธรรมการสวมหมวกกันน็อกให้แพร่หลายมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการแสดงความห่วงใยต่อสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ที่ต้องใช้รถในการปฏิบัติงาน พร้อมถ่ายทอดแนวคิดด้านความปลอดภัยสู่สังคมไทย เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อกทุกครั้งที่เดินทาง

 

ในโอกาสไทยฮอนด้า ครบรอบ 60 ปี ยังคงยึดมั่นในเจตนารมณ์ส่งต่อความปลอดภัยให้คนไทย ผ่านการจัดคาราวานมอบหมวกกันน็อกให้คนไทยทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดความสูญเสียบนท้องถนนและสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยอย่างยั่งยืน

 

#ไทยฮอนด้า60ปี #ThaiHonda60TH #ไทยฮอนด้าเคียงข้างสัมคมไทย

#รถจักรยานยนต์ฮอนด้า #HondaMotorcycleThailand #ไทยฮอนด้า #ThaiHonda

ไทยฮอนด้า เปิดบ้านต้อนรับสื่อมวลชน จัดงาน “Thai Honda Press-Exclusive Factory Tour” ครบรอบ 60 ปี แห่งความสำเร็จ

บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ฮอนด้าในประเทศไทย สร้างประสบการณ์สุดพิเศษแก่สื่อมวลชน ด้วยการจัดงาน “Thai Honda Press-Exclusive Factory Tour” เปิดบ้านพาชมกระบวนการผลิต ณ นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษที่โรงงานไทยฮอนด้าได้เปิดประตูต้อนรับสื่อ เพื่อสะท้อนเส้นทางกว่า 60 ปีแห่งความสำเร็จ พร้อมประกาศวิสัยทัศน์สู่อนาคตที่ยั่งยืน
บรรยากาศงานเริ่มต้นด้วยคำกล่าวต้อนรับจาก มร.ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ที่ย้ำถึงความภาคภูมิใจในเส้นทางที่องค์กรได้เดินเคียงข้างสังคมไทยมาอย่างยาวนาน พร้อมแสดงความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา ไทยฮอนด้าได้พัฒนาจากโรงงานขนาดเล็กสู่หนึ่งในฐานการผลิตที่มีศักยภาพการผลิตอันดับต้นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับรถจักรยานยนต์กำลังการผลิตสูงสุดกว่า 6,600 คันต่อวัน และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ 11,000 หน่วยต่อวัน โดยมียอดการผลิตสะสมกว่า 90 ล้านหน่วย โดยแบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ 40 ล้านคัน และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ 50 ล้านเครื่อง รุ่นที่ครองใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ Honda WAVE110, Honda WAVE125, New Honda Giorno+ รวมถึงกลุ่มบิ๊กไบค์ Honda CB650 CBR500 Honda CB650 และ Honda CBR650 ซึ่งได้รับความนิยมสูงในตลาดต่างประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
ความสำเร็จนี้เกิดจากมาตรฐานการผลิตระดับสากลที่ไทยฮอนด้ายึดถือมาโดยตลอด โรงงานดำเนินการภายใต้มาตรฐาน ISO 9001:2015 และระบบ Quality Management System ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำ อาทิ การเชื่อมโครงสร้างด้วยเลเซอร์ (Laser Welding) การพ่นสีด้วยหุ่นยนต์ความเร็วสูง และการตรวจสอบด้วยเครื่องสแกนสามมิติ (3D Scanner) ควบคู่กับการใช้ทักษะและฝีมือของพนักงานไทยในงานที่ต้องการความละเอียด เช่น การประกอบ การเดินสายไฟ และการตรวจสอบขั้นสุดท้าย ซึ่งสะท้อนแนวคิดการผสมผสานระหว่างคนและเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว
ในด้านสิ่งแวดล้อม ไทยฮอนด้ายังเดินหน้าตามเป้าหมาย โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 46% ภายในปี 2573 (เทียบกับปี 2562) และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 ผ่านการดำเนินโครงการพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ การติดตั้ง Hybrid Generator ที่ช่วยลด CO2 ได้กว่า 1,800 ตันตั้งแต่ปี 2021 และการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา ที่ช่วยลด CO2 ได้กว่า 1,600 ตันต่อปี พร้อมแผนขยายการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในอนาคตเพิ่มอีก
พร้อมกันนี้ ระหว่างการเยี่ยมชมโรงงาน สื่อมวลชนได้สัมผัสกระบวนการผลิตจริงใน 3 สายการผลิตหลัก ได้แก่ 1.) Commuter Line ที่ผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กตั้งแต่รุ่น 110 – 300 ซีซี 2.) Global Line รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่หรือบิ๊กไบค์ตั้งแต่ 300 ซีซีขึ้นไป รวมถึงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และไอคอนิกโมเดลจาก CUB House 3.) Power Product Line ที่ผลิตเครื่องยนต์อเนกประสงค์ โดยมีคณะผู้บริหารและผู้จัดการทั่วไปเป็นผู้นำบรรยาย ให้เห็นถึงมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวด กระบวนการควบคุมคุณภาพหลายชั้น มาตรการด้านความปลอดภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อมสู่การผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการพัฒนาโรงงานไปสู่ Smart Factory
นอกจากนี้ยังมีช่วงถามตอบกับผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ มร.ฮายาโตะ เซกุจิ รองประธานบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด พร้อมด้วย นางสาวิตรี แก้วพวงงาม กรรมการบริหาร, นายวิวัฒน์ เลิศผาติ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานขายและการตลาดนายณัฐชัย ศรีโสวรรณา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานวางแผนองค์กรนายสัมพันธ์ ขวัญใจ ผู้จัดการทั่วไปโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์  และนายเทียนชัย สีตา ผู้จัดการทั่วไปโรงงานผลิตเครื่องยนต์ต้นกำลัง ซึ่งได้อธิบายเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การบริหารจัดการซัพพลายเชน การจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจหลังภาวะวิกฤต และมาตรการยกระดับคุณภาพเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้
งานในครั้งนี้ปิดท้ายด้วยการกล่าวขอบคุณสื่อมวลชนโดย มร.ฮายาโตะ เซกุจิ ที่ย้ำถึงเจตนารมณ์ของไทยฮอนด้าในการยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทย เดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพ และพัฒนานวัตกรรมเพื่ออนาคตอย่างยั่งยืน เป็นการปิดฉาก “Thai Honda Press-Exclusive Factory Tour” อย่างสมบูรณ์แบบ

สรยท. ประกาศรายชื่อรถเข้าเกณฑ์รถยอดเยี่ยมประจำปี 2568

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย หรือ สรยท. ประกาศรายชื่อรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาตามกรอบกติกาใหม่สำหรับทั้ง 3 รางวัลที่จะมอบให้ในปีนี้ออกมาแล้ว หลังจากที่ได้รับการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการคัดเลือกรถประจำปี 2568 ซึ่งประกอบไปด้วยสื่อมวลชนอาวุโสและผู้ทรงคุณวุฒิที่คร่ำหวอดอยุ่ในสายข่าวยานยนต์ร่วมพิจารณาคุณสมบัติรถยนต์แต่ละรุ่นที่จะผ่านเข้ารอบตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างครบถ้วน ก่อนที่จะได้รถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ที่ผ่านเกณฑ์รวมทั้งสิ้น 45 รุ่น ซึ่งประกอบด้วยรางวัล รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2568 (Thailand Car Of The Year 2025), รถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยมประจำปี 2568 (Thailand EV Of The Year 2025) และรถจักรยานยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2568 (Thailand Motorcycle Of The Year 2025)

นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association (TAJA) กล่าวว่า “ในปีนี้ ทางสมาคมฯ และคณะอนุกรรมการคัดเลือกรถยอดเยี่ยมประจำปี 2568 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการแก้ไขกฎระเบียบและ/หรือข้อบังคับที่จะใช้พิจารณารถที่ผ่านเกณฑ์ในรอบแรกใหม่ จากเดิมรถที่จะเข้าผ่านเข้ารอบต้องเป็นรถโฉมใหม่ (Model Change) เท่านั้น ภายใต้ระเบียบฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใหม่นี้ให้รวมไปถึงรถยนต์ที่ปรับโฉม (Minor Change) ด้วย แต่ในปีนี้คณะอนุกรรมการคัดเลือกรถยอดเยี่ยมประจำปี 2568 ได้เพิ่มความเคร่งครัดในการพิจารณาคัดเลือกทั้งในส่วนรถยนต์สันดาป, รถยนต์ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ โดยจะใช้สัดส่วนรถยนต์สันดาป รถยนต์ไฟฟ้า 65% และรถจักรยานยนต์ 55% ตามลำดับ ดังนั้น จึงมีความมั่นใจได้ว่า รถยนต์ที่ผ่านเกณฑ์พิจารณาในรอบแรกนี้ แม้จะเป็นรถยนต์ปรับโฉมแต่ก็เป็นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพิ่มอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายในจำนวนมากพอที่เข้ากฎระเบียบใหม่”

 

 

สำหรับการลงคะแนนรอบแรกจะลงคะแนนโดยสมาชิกสามัญของสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย หรือ สรยท. โดยมีระยะเวลาในการโหวตตั้งแต่วันที่ 7-15 ตุลาคม 2568 หลังจากนั้นจะมีการนับคะแนนในวันที่ 17 ตุลาคม 2568 โดยคณะอนุกรรมการคัดเลือกรถประจำปี 2568 และจะมีการประกาศรายชื่อรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์จักรยานยนต์ที่เข้ารอบสุดท้ายในวันที่ 21 ตุลาคม 2568 นี้ ก่อนที่จะมีการจัดทดสอบเพื่อให้คณะกรรมการที่ได้รับการคัดเลือกได้ลงคะแนนอีกครั้งในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และจะมีพิธีจัดงานมอบรางวัลอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568

 

 

YADEA Thailand ได้รับการรับรอง BOI พร้อมรุก สู่ตำแหน่ง “แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของไทย”

YADEA Thailand แบรนด์ผู้นำรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับโลก ได้รับ ใบรับรองส่งเสริมการลงทุน (Investment Promotion Certificate) จาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อย่างเป็นทางการ โดยมี นายสุทธิเกตติ์ ทัดพิทักษ์กุล รองเลขาธิการ BOI เป็นผู้มอบ นับเป็นก้าวสำคัญด้านกลยุทธ์การลงทุนและขยายฐานการผลิตของ YADEA ในประเทศไทย ที่ไม่เพียงสะท้อนถึง มาตรฐานความปลอดภัยและเทคโนโลยีของโรงงาน YADEA Thailand เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของ YADEA สามารถจดทะเบียนได้ตามกฎหมายในไทย และรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี  พร้อมปักหมุดก้าวสู่แบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของไทย

แบรนด์อันดับหนึ่งของโลก : ทุก 25 วินาที มีรถ YADEA ประกอบแล้วเสร็จ 1 คันในสายการผลิต

YADEA (ออกเสียงว่า ยา-เดีย) เป็น แบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดในโลกติดต่อกัน 8 ปีซ้อน (ตั้งแต่ปี 2017– ปี 2024) มียอดขายสะสมกว่า 120 ล้านคัน และมีโรงงานกว่า 10 แห่งทั่วโลก ทั้งในประเทศจีน ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม เม็กซิโก และบราซิล โดยมีสายการผลิตอัจฉริยะรวมกว่า 100 สาย ผลิตได้สูงสุด 30 ล้านคันต่อปี ด้วยระบบอัตโนมัติประสิทธิภาพสูงและความเร็วในการผลิตที่เหนือชั้นจึงสามารถผลิตรถได้ 1 คันในทุกๆ 25 วินาที และคุณภาพผ่านเกณฑ์การผลิตกว่า 99.9% สะท้อนมาตรฐานการผลิตระดับโลก

โรงงานอัจฉริยะในไทย : ศูนย์กลางการผลิตอาเซียน กำลังการผลิต 500,000 คัน/ปี

โรงงาน YADEA Thailand ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตและเทคโนโลยีของ YADEA ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ระบบการผลิตอัจฉริยะเหมือนกับ “Super Factory” ในจีน  และมีแผนการขยายกำลังการผลิตรวม 600,000 คันภายใน 3 ปี มีสัดส่วนพนักงานไทยมากกว่า 80% และสร้างงานให้คนไทยมากกว่า 500 ตำแหน่ง และในเชิง กลยุทธ์ยังตั้งเป้าให้เป็นศูนย์นวัตกรรมและการผลิตอัจฉริยะสำหรับตลาดอาเซียน

เทคโนโลยี TTFAR: แบตเตอรี่รับประกันนานถึง 2 ปี อึดขึ้น 3 เท่า ทนทุกสภาพอากาศ

เทคโนโลยีหลัก TTFAR (YADEA’s Technology helps you to Travel FAR) ได้รับการพัฒนาจากห้องทดลองขนาด 6,600 ตารางเมตรในประเทศจีน ผ่านการทดสอบกว่า 220 ชิ้นส่วน และการทดสอบทั้งคัน 41 รายการ เพื่อจำลองสภาพแวดล้อมสุดโหดจากทั่วโลก สำหรับประเทศไทยที่มีลักษณะภูมิอากาศร้อน ชื้น ฝนตกบ่อย และสภาพถนนที่ไม่เรียบ YADEA ได้ปรับปรุงเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงในประเทศ โดยเฉพาะแบตเตอรี่กราฟีน TTFAR ที่ทนความร้อนได้สูงถึง 55 องศา มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรดทั่วไป และมาพร้อมการรับประกันนาน 2 ปี นอกจากนี้ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของ YADEA ยังผ่านมาตรฐานกันน้ำ IPX7 สามารถป้องกันน้ำได้ดีในช่วงฤดูฝน ตัวโครงรถผลิตจากเหล็กคาร์บอนความแข็งแรงสูง ผ่านการทดสอบการสั่นสะเทือนกว่า 300,000 ครั้ง และผ่านการทดสอบการป้องกันน้ำเกลือ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความทนทานต่อสนิมและการใช้งานที่ยาวนาน เหมาะสมกับสภาพถนนของประเทศไทยอย่างแท้จริง

ขับขี่มั่นใจทุกคัน : จดทะเบียนได้ตามกฎหมาย

หลังจากได้รับ BOI Certification มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของ YADEA ที่ผลิตในไทยทุกคัน สามารถจดทะเบียนได้ตามกฎหมายและรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี จึงมั่นใจได้ในคุณภาพและบริการ รุ่นเด่น เช่น Velax, VoltGuard, RS20, Ova ตอบโจทย์การเดินทางทั่วไป และในเมือง

ขยายช่องทางจำหน่าย : ครอบคลุมทั่วไทย 100 สาขาภายในปี 2025

ปัจจุบัน YADEA Thailand มีตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 70 สาขา พร้อมโซนทดลองขับ และ ศูนย์บริการครบวงจร  และภายในปี 2025 ตั้งเป้าให้มีสาขาครอบคลุมกว่า 100 แห่งเพื่อให้ผู้บริโภคทั่วประเทศสามารถเข้าถึงร้านค้าและบริการหลังการขายได้อย่างสะดวกและทั่วถึง

“การได้รับ BOI Certification เป็นก้าวสำคัญของ YADEA Thailand เราไม่เพียงแค่สร้างโรงงาน แต่ยังผสานนวัตกรรมระดับโลกกับการวิจัยเชิงลึกเพื่อนำเสนอมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่สร้างสรรค์มาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ”  นายแจ็ค หยาง (Mr.Jack Yang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท YADEA Technology (Thailand) จำกัด สรุปทิ้งท้ายต่อความมุ่งมั่นในนำเสนอทางเลือกการเดินทางที่ปลอดภัย อัจฉริยะ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

กรุงศรี ออโต้ เผยอินไซต์ “คนเมืองใช้เงินซื้อเวลา” ชี้ กว่า 49% เลือกซื้อมอเตอร์ไซค์เป็นรถคันที่สอง แม้เป็นเจ้าของรถยนต์

กรุงศรี ออโต้ ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เผยผลสำรวจจาก KA the Poll” ชี้ว่า 49% เลือกซื้อรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะคันที่สอง แม้มีรถยนต์ส่วนตัว เพราะมองว่า “เวลา” ทุกวินาทีมีมูลค่า และมอเตอร์ไซค์คือ “ตัวช่วยสำคัญ” ที่จะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ชีวิตประจำวันและลดการเสียเวลาบนท้องถนนของคนเมือง โดยข้อมูลนี้สอดคล้องกับแนวโน้มยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 1.5 – 2.5% ต่อปีในช่วงปี 2568 – 2570

“มอเตอร์ไซค์” เครื่องมือทุ่นเวลาของคนเมืองใหญ่

ผลสำรวจจาก “KA the Poll” แบบสำรวจความคิดเห็นภายในองค์กรที่รวบรวมมุมมองจากพนักงานกรุงศรี ออโต้ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ใช้รถ จำนวนกว่า 1,478 คน พบว่า 62% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่ารถจักรยานยนต์คือเครื่องมือในการ “บริหารจัดการเวลา” เพื่อทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้น ทั้งจากปัญหารถติด หรือแม้กระทั่งปัญหาที่จอดรถ ดังนั้น การตัดสินใจซื้อรถของพวกเขาจึงให้ความสำคัญกับ “การลงทุนเพื่อซื้อเวลา” ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์ยังคงเติบโตด้วยจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนสะสมสูงถึง 22 ล้านคัน อ้างอิงตามรายงานของกรมการขนส่งทางบกในปีที่ผ่านมา

ตลาดยังโต แต่ความท้าทาย คือเรื่อง “ความปลอดภัย”

แม้มอเตอร์ไซค์จะตอบโจทย์เรื่องเวลา แต่ความปลอดภัยยังเป็นปัจจัยสำคัญ ผลสำรวจพบว่า เหตุผลอันดับหนึ่งที่คนส่วนใหญ่กว่า 37% ยังไม่เลือกซื้อรถจักรยานยนต์ เกิดจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยและทักษะการขับขี่ ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนจากข้อมูลครึ่งปีแรกของปี 2568 ที่มีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนสูงถึง 424,206 ราย โดยในจำนวนนี้เกิดจากรถจักรยานยนต์มากถึง 91%

“สินเชื่อที่ยืดหยุ่น” กุญแจเพิ่มการเข้าถึงรถมอเตอร์ไซค์

แบบสำรวจ KA the Poll ยังชี้ว่าปัจจัยสำคัญอันดับสอง ที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อรถจักรยานยนต์มาจากเงื่อนไขทางสินเชื่อ เช่น ข้อเสนอผ่อนอัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือการผ่อนระยะสั้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลการเลือกระยะเวลาสินเชื่อ พบว่า 59% ของผู้ใช้รถเลือกผ่อนชำระระยะยาว 2-3 ปี มากกว่าผ่อนการชำระระยะสั้น (21%) หรือการซื้อเงินสด (19%) สะท้อนว่าความยืดหยุ่นทางการเงินคือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คนเมืองเข้าถึงมอเตอร์ไซค์ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยยังเผชิญความท้าทายจาก ภาระหนี้ครัวเรือนสูงและค่าครองชีพเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างเช่นปัจจุบัน

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้รถทุกกลุ่ม “กรุงศรี ออโต้” จึงได้มุ่งพัฒนาสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ที่เข้าถึงง่ายและครบวงจรที่สุดในตลาด เพื่อสร้างโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของรถได้จริง และช่วยให้ผู้บริโภค “ซื้อเวลา” ผ่านโซลูชันทางการเงินที่ยืดหยุ่นและออกแบบมาเพื่อตอบรับชีวิตคนเมืองอย่างแท้จริง