“มอนสเตอร์ ยามาฮ่า” ยอดทีมในศึก โมโตจีพี หวังยกระดับการทำงานกับรถแข่ง M1 ให้ได้ หลังเจองานสุดท้าทายในปี 2023 โดย มัสซิโม เมเรกัลลี ผู้อำนวยการทีมชี้การแข่งขันสนามล่าสุดที่ ซัคเซนริง คือหนึ่งในข้อมูลสำคัญก่อนลุยสนามหน้าที่ แอสเซ่น ตั้งเป้าค้นพบแนวทางเป็นบวกก่อนพักครึ่งฤดูกาลแรกของ โมโตจีพี ในสุดสัปดาห์หน้า
ศึก โมโตจีพี 2023 สนาม 7 รายการ เยอรมัน กรังด์ปรีซ์ ผ่านการดวลความเร็วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ ซัคเซนริง เซอร์กิต ประเทศเยอรมนี นับเป็นสุดสัปดาห์ที่หินอย่างมากสำหรับ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร แชมป์โลก 1 สมัยชาวฝรั่งเศส และทีมเมทชาวอิตาเลียนอย่าง ฟรานโก มอร์บิเดลลี รวมถึงทีมงาน มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี โดยผลการแข่งขันปรากฏว่า มอร์บิเดลลี บิดรถแข่งหมายเลข 21 เข้าป้ายในอันดับ 12 ด้วยเวลารวม 41 นาที 15.398 วินาที ส่วน กวาร์ตาราโร เจ้าของหมายเลข 20 คว้าอันดับ 13 มาครอง ด้วยเวลา 41 นาที 17.566 วินาที
มัสซิโม เมเรกัลลี ผู้อำนวยการทีม มอนสเตอร์ อีเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี กล่าวถึงการแข่งขัน เยอรมัน กรังด์ปรีซ์ ว่า “เราต้องใช้การแข่งขัน 30 รอบในวันนี้ เป็นการเก็บข้อมูลและพยายามทำบางอย่างเพื่อเป็นข้ออ้างอิงสำหรับอนาคต เรายังต้องเสี่ยงดวงกับการเลือกใช้ยาง แต่มันยังไม่ได้ผล ซึ่งแน่นอนว่าเราได้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าว แต่เราไม่สามารถพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้
“มันคือสุดสัปดาห์ที่เราต้องลืม เราจะต้องจัดสรรทุกอย่างใหม่สำหรับสนามหน้าที่ แอสเซ่น นั่นคือสนามสุดท้ายก่อนเข้าสู่ซัมเมอร์เบรก และเราต้องการสร้างทิศทางในแง่บวก ก่อนจบช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล” ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2023 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 มิถุนายนนี้ ที่ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในรายการ ดัตช์ ทีที