Husqvarna TC50

เริ่มต้นการพัฒนา ด้วย TC50 จาก Husqvarna คือ คำจำกัดความล่าสุด Pression starts here ที่มาพร้อมกับ รถโมโตครอสเครื่องยนต์สองจังหวะสำหรับยุวชนโมเดลล่าสุดที่ยังคงส่งออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องทุกปี

แน่นอนว่าสำหรับ Husqqvarna นี่ไม่ใช่แค่ “รถของเล่น” แต่พวกเขาจริงจังกับการพัฒนาด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีในระดับเดียวกับรถโมโตครอสในแบบ full size ด้วยเหตุนี้ TC50 จึงเป็นรถโมโตครอสที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากยุวชนนักบิดสายวิบากทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ จากสมรรถนะในระดับสูง ประสิทธิภาพเทียบชั้นกับรถ โมโตครอสขนาดใหญ่ ที่พร้อมเค้นขีดความสามารถและทักษะพื้นฐานที่ดีให้กับว่าที่ซูเปอร์สตาร์ในอนาคตบนสังเวียนทางฝุ่นองค์ประกอบ มิติ ประสิทธิภาพต่างๆ ถอดแบบให้อยู่ในระดับเดียวกับไลน์อัพรถโมโตครอสระดับ full size เพียงแต่ย่อขนาดของตัวรถและปริมาตรเครื่องยนต์ลงมาให้มีมิติการขับขี่ที่เหมาะสมกับยุวชน โดยรวมแล้วความเหมือนระหว่าง TC50 กับ รถโมโตครอส full size ก็คือคุณสมบัติในมาตรฐานระดับเดียวกัน ซึ่งนั่นมีส่วนทำให้ ภาพลักษณ์รูปโฉมของ TC50 เมื่อมองแล้วจะสัมผัสถึงความรู้สึกของคำว่า premium look

ดังนั้นเมื่อกวาดตามองดูรถโมโตครอสระดับเริ่มต้นในตลาดรถสำหรับนักแข่งยุวชนแล้วอาจจะพบว่า TC50 คือ the most premium 50cc motocross model ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมหรือจัดว่าเป็น superior level of quality ในระดับหัวแถวที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมที่สุดในเชิงการแข่งขัน ที่พร้อมจะนำยุวชนก้าวสู่ความเป็นสุดยอดนักแข่งในอนาคตด้วยศักยภาพอันเต็มเปี่ยม ที่พัฒนามาใน 2021 Husqvarna TC50 เจนเนอร์เรชั่นล่าสุดนี้ด้วยขีดความสามารถอันเต็มเปี่ยมของ TC50 นั้น มีผลต่อเนื่องาจากพื้นฐานการพัฒนาโครงสร้างตัวรถที่ยอดเยี่ยม advanced steel frame ที่ออกแบบมารองรับเครื่องยนต์อันทรงพลังได้อย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันก็ลงตัวกับองค์ประกอบชั้นยอดในส่วนของระบบกันสะเทือน อย่างเช่น WP XACT fork ขนาด 35 มม. ซึ่งเจ้าระบบกันสะเทือนหน้าหรือชุดฟอร์คหน้า WP รุ่น XACT forks มาพร้อมกับ AER technology แบบเดียวที่ใช้ในระบบกันสะเทือนหรือ
ฟอร์คของรถในแบบ full size ที่เปี่ยมประสิทธิภาพและสมรรถนะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทีนี้มาไล่กันคร่าวๆว่า 2021 TC50 นี้ มาปรับเปลี่ยนในแบบไมเนอร์เชนจ์ไปในจุดไหนบ้าง

New high-grip seat cover นอกจากการมิติส่วนของเบาะนั่งให้เพรียว บวกกับใช้ชิ้นส่วนฝาครอบแอร์บ็อกซ์แบบชิ้นเดียวที่ทำให้ การเคลื่อนที่บนเบาะนั่งทำได้คล่องแคล่วแล้วนั้นก็ได้มีการปรับหุ้มเบาะใหม่ที่ออกแบบมาให้ มีการยึดเกาะที่ดีขึ้น แน่นอนว่ามีส่วนสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ที่สามารถยึดเกาะไปกับรถได้อย่างมั่นใจในทุกจังหวะที่สามารถเคลื่อนท่าทางได้คล่องแคล่วควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของลวดลายกราฟฟิคนั้น ก็เช่นเดียวกับ TC85,TC65 ที่มีการปรับ new Graphic ให้มีความทันสมัยและบ่งบอกถึงสไตล์ของรถในแบบออฟโรดมากขึ้น มีการปรับตามแบบของชิ้นส่วนมือเร่งแบบเดียวกับที่ทำในรุ่น TC85 ออกแบบแก้ไขชิ้นส่วนของชุดปะกับคันเร่ง เพื่อพัฒนาให้สามารถมีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว ตอบสนองได้ดี ในทุกจังหวะของการเปิดปิดคันเร่งได้อย่างนุ่มนวล อีกทั้งยังช่วยยืนระยะเวลาในการใช้งาน นอกจากนี้ยังเพิ่มกำลังในการหยุดยั้งความเร็วรวมทั้งเพิ่มความมั่นคงให้กับจังหวะการเบรก โดยมีการรปรับระบบเบรกใหม่ด้วย new Formula brake ซึ่งก็คือการออกแบบปรับปรุงระบบเบรกทั้งชุด ไม่ว่า caliper+clutch+brake ssemblies แบบเดียวกับในรุ่น TC85 ที่ได้รับการอัพเดทใหม่ ก่อนที่จะส่งต่อมายังน้องเล็กอย่าง TC50 และนอกจากนี้ยังได้ทำการปรับเพื่อพัฒนามิติท่วงท่าการขับขี่ และเพื่อเสริมความมั่นคงในทุกจังหวะควบคุมด้วย new NEKEN tapered รวมทั้ง aluminum handlebars แบบเดียวกันทั้งในรุ่น TC65 และ TC50

แม้ว่า TC50 จะถูกแต่งเติมให้มีสมรรถนะมากเพียงใดก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมว่า นี่คือรถแข่งในระดับเริ่มต้นสำหรับยุวชนนักบิดสายวิบาก ดังนั้นหัวใจหรือกุญแจสำคัญสำหรับ TC50 และอาจจะรวมถึงรถรุ่นอื่นๆในสายวิบากจากค่ายต่างๆ นั่นก็คือ คำว่า Autoatic clutch เนื่องจากเป็นบันไดขั้นแรกของการพัฒนาทักษะ จุดประสงค์สำคัญจึงออกแบบมาเพื่อให้รถในพิกัดนี้มีไว้เพื่อให้ยุวชนนักบิดพุ่งเป้าหมายไปที่การเรียนรู้ฝึกฝนกรรมวิธีเพื่อขับขี่ โดยไม่ต้องกังวลกับการจัดการกระบวนการควบคุมรถแข่ง ในส่วนของการใช้คลัทซ์ และเกียร์ด้วยวัตถุประสงค์นี้เอง Husqqvarna จึงพัฒนา Automatic centrifugal clutch ด้วยการออกแบบให้ multi-disc clutch สามารถทำงานได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ มีส่วนให้สามารถส่งผ่านกำลังได้อย่างเหมาะสม เต็มที่ในแต่ละรอบการทำงานของเครื่องยนต์ที่ใช้ และข้อมูลล่าสุดของ 2021 Husqqvarna TC50

สเปคพื้นฐาน ดังนี้

Husqvarna TC50

Engine type Single cylinder, 2-stroke
Displacement 49 cc
Bore/stroke 39,5/40 mm
Starter Kickstarter
Carburetor Dell’Orto PHBG 19 BS
Control –
Lubrication Mixture lubrication 1:60
Transmission Single gear automatic
Gear ratios 14:31
Primary ratio 33:61
Final drive 11:40
Cooling Liquid cooling
Clutch Centrifugal clutch (adjustable)
Ignition Selettra 2p D36

Chassis
Frame Chrome-molybdenum steel central-tube frame
Subframe Steel
Handlebar Tapered Aluminium Ø 28/22/18 mm
Front suspension WP XACT Upside-Down fork, Ø 35 mm
Rear suspension WP XACT PDS monoshock
Suspension travel front/rear 205/185 mm
Front brake Disc brake Ø 160 mm
Rear brake Disc brake Ø 160 mm
Front/rear rims 1.50 x 12”; 1.60 x 10” Alu
Front/rear tires 60/100 x 12”; 2.75 x 10”
Chain 1/2 x 3/16”
Silencer Aluminium
Steering head angle 66°
Triple clamp offset 22 mm
Wheel base 1,032 mm ± 10 mm
Ground clearance 252 mm
Seat height 665 mm
Tank capacity 2,3 Liter
Weight (without fuel)  41.5 kg

All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155 Ride The Next Level ดุดัน…ขั้นสุดแห่งความเร้าใจ

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เดินหน้ารุกตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงไตรมาส 3 แบบเต็มพิกัด ด้วยการเปิดตัว “All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155” ที่มาพร้อมกับ ดีไซน์ใหม่ ดุดันเร้าใจไปอีกขั้น ตั้งแต่หัวจดท้าย ภายใต้คอนเซ็ปต์ R-Series DNA สัมผัสแห่งความแรง พร้อมรูปทรงแอโรไดนามิกเจนใหม่ของ Sport Moped ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ Sport Moped ในเมืองไทยอย่างแท้จริง!!! พร้อมทั้งการันตีคุณภาพสินค้ากล้ารับประกันทั้งคัน 5 ปี หรือ 50,000 กม. เจ้าแรกและเจ้าเดียวที่กล้ารับประกัน

สำหรับ “All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155” ยังคงให้ความสนุกเร้าใจในทุกจังหวะการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ 155 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบเต็มระบบ แรงเต็มขั้นด้วยระบบวาล์วแปรผัน VVA ที่มาพร้อมเกียร์ 6 สปีด และระบบ Assist & Slipper คลัตช์ เพิ่มความปลอดภัยมั่นใจในการขับขี่ทุกโค้ง ให้อารมณ์และความรู้สึกแบบเดียวกับรถสปอร์ต อย่างเต็มพิกัด

All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155 ยังเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบดีไซน์ เฟรมใหม่ เป็นรูปตัว Y ที่มีน้ำหนักเบา เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวดีขึ้น และแข็งแรงขึ้น โดยทำงานสัมพันธ์กับ โช้คหน้า เทเลสโคปิค ปรับระยะยุบใหม่ โดยทำการเพิ่มระยะยุบของโช้คหน้าให้สามารถซับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น มีความนุ่มนวลและเกาะถนนมากขึ้น ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน พร้อมโช้คอัพหลังแบบ MONO SHOCK โฉบเฉี่ยวมั่นใจ ที่ได้รับการออกแบบตามหลัก “คันโนะเฮียวกะ”* พร้อมส่วนป้องกันโช้คอัพที่แผงกันล้อหลัง ผสานการทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม ช่วยลดแรงกระแทก ขับขี่นุ่ม นั่งสบาย ทรงตัวดี ส่งผลให้ทุกจังหวะการขับขี่เต็มไปด้วยความเร้าใจและความมั่นใจมากยิ่งขึ้น*ประเมินสมรรถนะการขับขี่จากมุมมองและความรู้สึกของนักขี่ทดสอบ
นอกจากนี้ All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155 ยังได้รับการปรับโฉมใหม่ให้มีความทันสมัยตั้งแต่หัวจดท้าย ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า LED รูปแบบใหม่ ให้ความส่องสว่างทุกการขับขี่ ด้วยไฟหน้า LED แบบแยกโคมไฟสูงและไฟต่ำ โฉบเฉี่ยวสไตล์ Super Sport พร้อม Day Time Running Light สว่างชัดเจนทุกองศาของการเคลื่อนไหว พร้อมด้วย ไฟท้าย ดีไซน์ใหม่ แบบ LED ให้ความโฉบเฉี่ยวเร้าใจทุกมุมมอง และไฟเลี้ยวแบบแยกชิ้นสไตล์สปอร์ต สว่างปลอดภัย โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่าง Full LCD Meter หน้าจอเรือนไมล์ LCD ดีไซน์สปอร์ต พร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัลเต็มระบบ ทันสมัย แสดงฟังก์ชันการทำงานที่ครบครัน พร้อมตอบสนองทุกการเดินทางไกลด้วย ถังน้ำมัน ความจุมากขึ้น ไปได้ไกลขึ้น ด้วยถังน้ำมันขนาดความจุ 5.4 ลิตร
สำหรับ “All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155” มาพร้อมกับสีสันใหม่สุดเร้าใจด้วยกัน 2 สี 2 สไตล์ คือ สีน้ำเงิน GP BLUE ให้ความรู้สึกเรซซิ่งแบบแฟคทอรี่ทีมอย่างเต็มอารมณ์ และสีดำ RC BLACK เข้ม ดุดัน ทุกมุมมอง โดยยามาฮ่ายังได้เตรียม ACCESSORIES ที่สามารถแต่งให้สปอร์ตเร้าใจสุดๆ กับชุดแต่งและอะไหล่แท้จากยามาฮ่าในราคาพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ชุดมือเบรก-มือคลัตช์สีทอง, ชุดจุกปิดแฮนด์สีทอง, บังโคลนหลังสีดำ, ชุดยึดแผ่นป้ายทะเบียน, บังไมล์สปอร์ตสีควันบุหรี่ และกันลายสีดำ
All New! ยามาฮ่า เอ็กซ์ไซเตอร์ 155…Ride The Next Level ดุดัน…ขั้นสุดแห่งความเร้าใจ พร้อมวางจำหน่ายในราคาเพียง 68,000 บาท ตั้งแต่วันนี้! ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263-9999 และสามารถติดตามความเคลื่อนไหว และข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่
Facebook: Yamaha Society Thailand
Instagram: @yamahasocietythailand
Youtube: Yamaha Society Thailand

ยามาฮ่า เปิดตัวรถใหม่ 6 รุ่น ตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์ All New EXCITER 155 VVA

ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ เปิดตัวรถใหม่ 6 รุ่น ตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์ All New EXCITER 155 VVA นำทัพสานต่ออัตราเติบโตครึ่งปีแรกพร้อมตอกย้ำคุณภาพสินค้ากล้า “รับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม.” เชื่อตลาดรถจักรยานยนต์เติบโตต่อเนื่อง ปิดยอดประจำปีที่ 1.53 ล้านคัน
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เดินเกมรุกตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลัง สานต่อความสำเร็จหลังผ่าน 2 ไตรมาสแรก ยามาฮ่ามีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 15.2% พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยรถใหม่ 6 รุ่น นำโดย All New EXCITER 155 ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างเหมาะสม พร้อมตอกย้ำคุณภาพสินค้าด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ยึดมั่นปรัชญา “Kando creating company” พันธกิจ และวิถีอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า คาดตลาดรถจักรยานยนต์ปิดยอดประจำปีที่ 1.53 ล้านคัน ขยับเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 0.7%
มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงสถานการณ์โดยรวมของธุรกิจรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกว่า “จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปีที่ผ่านมานั้น ธุรกิจรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยได้รับผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆในประเทศ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ยังคงมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะการระบาดในระลอกใหม่ ซึ่งจะเห็นได้ว่ารถจักรยานยนต์ยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับการประกอบอาชีพ และการลดต้นทุนในการเดินทางตามสถานการณ์ปัจจุบัน และยามาฮ่ายังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และเหมาะสมกับทุกการใช้งาน”
“ในทางกลับกันกำลังการผลิตในด้านอื่นๆ ไม่สามารถฟื้นตัวได้ทันความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การผลิตชิ้นส่วนวงจรไฟฟ้าและอะไหล่อื่นๆ ต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤตินี้ พร้อมกับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น โรเดียม และอลูมิเนียม ที่จำเป็นต่อการผลิตรถจักรยานยนต์ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยามาฮ่าไม่ได้ผลักภาระต้นทุนดังกล่าวสู่ท้องตลาดและกระทบกับผู้บริโภค โดย ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ยังคงสู้วิกฤติโควิด-19 ด้วยการปรับการผลิตและการขายให้ตอบสนองต่อทุกการเปลี่ยนแปลง “ทั้งนี้ยามาฮ่ายังคงวางแผนระยะยาวด้วยแนวคิด “ART for Human Possibilities” และได้เริ่มต้นเดินหน้าสู่ปี 2030 ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาสินค้ายามาฮ่าด้วยวิทยาการชั้นสูง ผ่านวิถีของ ยามาฮ่า และเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการเดินทาง เพื่อเพิ่มศักยภาพความเป็นไปได้ของผู้คน และทำให้สังคมและการใช้ชีวิตดียิ่งๆขึ้นไป”
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า “สำหรับสภาวการณ์หลังผ่าน 2 ไตรมาสแรกของปี 2564 ภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศมีการเติบโตขึ้นถึง 19.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.) ซึ่งยามาฮ่าเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วถึง 19.5% ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เราทำการเปิดตัวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เช่น All New YAMAHA AEROX และ NMAX Connected ใหม่ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 ยามาฮ่าสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของสินค้าด้วยยอดจำหน่ายใน 2 ไตรมาสแรกมากกว่า 1.32 แสนคัน ส่งผลให้การคาดการณ์ตลาดรวมรถจักรยานยนต์ในประเทศจนถึงปลายปี 2564 จะมียอดจำหน่ายราว 1.53 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 0.7%”
“โดยยามาฮ่าตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 16.5% ด้วยการเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคอย่างทั่วถึง ด้าน 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.) การเปิดตัวสินค้าใหม่ 6 รุ่น ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตในตลาดรถจักรยานยนต์ให้ได้มากยิ่งขึ้น 2.) มุ่งสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกรุ่นที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 400 ซีซี 3.) ยกระดับและพัฒนาศูนย์บริการยามาฮ่าทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยมาตรฐานสูงขึ้น 4.) รุกการตลาดแบบออนไลน์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ใช้การสื่อสารด้านออนไลน์เป็นทางเลือกหลักมากยิ่งขึ้น”ขณะที่ นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด กล่าวถึงภาพรวมและการตลาด 2 ไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ว่า “สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ยามาฮ่ายังคงไม่หยุดที่จะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดรถจักรยานยนต์ และครั้งนี้เราได้เปิดรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ครบทุกเซกเมนต์ถึง 6 รุ่น ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ด้วยกันถึง 2 รุ่น นำโดยกลุ่มรถครอบครัวอย่าง All New YAMAHA EXCITER ที่มาพร้อมกับ ดีไซน์ใหม่ ดุดันเร้าใจพร้อมราคาแนะนำที่ 68,000 บาท และ YAMAHA FINN รุ่นใหม่ “สตาร์ทมือ-ดรัมเบรก” ซึ่งเหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการรถจักรยานยนต์ที่มีราคาย่อมเยาด้วยราคาแนะนำที่ 39,800 บาท สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และเรายังคงเน้นเรื่องการรับประกันทั้งคัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางใน YAMAHA FINN ทุกรุ่นอีกด้วย
ในส่วนของกลุ่มรถสปอร์ต ยามาฮ่าได้ทำการเปิดตัวรถสปอร์ตคลาส Mediumweight เครื่องยนต์ขนาด 321 ซีซี อย่าง YZF-R3 สีใหม่ และ MT-03 สีใหม่ โดยใน 2 รุ่นนี้ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดรถจักรยานยนต์สไตล์สปอร์ตไซซ์กลาง โดย YZF-R3 สีใหม่นี้ นำโดยสี ฟ้า Cyan ที่เป็น Global Trend พร้อมกับสีน้ำเงิน Racing Blue และ สีดำ Matt Black ด้วยราคาแนะนำที่ 198,200 บาท ในส่วนของ Naked Sport อย่าง MT-03 สีใหม่ ที่ได้รับความนิยมและสร้างยอดจำหน่ายได้เป็นอย่างดีตั้งแต่ทำการเปิดตัวด้วยยอดจำหน่ายถึง 200 คันในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนี้เราเปิด 2 สีใหม่ สุดเร้าใจ!!! นั่นคือ “สีเทา – Pastel Dark Grey” ที่ และ “สีน้ำเงิน – เทา Deep Purplish Blue Metallic” ด้วยราคาแนะนำที่ 187,700 บาท และที่ขาดไม่ได้กับกลุ่มรถออโตเมติกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศมาในครั้งนี้ ยามาฮ่าพร้อมเปิดตัวรถ Automatic Style Modern Classic ที่ขายดีที่สุดในประเทศครองใจลูกค้า มานานกว่า 10 ปี ด้วยยอดขายกว่า 500,000 คัน พร้อมกับระบบ Hybrid รุ่นแรกของประเทศไทย New Grand Filano Hybrid 6 สีใหม่ สุดพรีเมี่ยมซึ่งเป็นสีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในยุโรป และกลุ่มสีแฟชั่นเซตในปี 2022 ได้แก่สีชมพู Charming Old Rose สุดทันสมัย และสีน้ำตาล Earth Brown ในรุ่น ABS พร้อมราคาแนะนำที่ 63,100 บาท และ 4 สี ในรุ่น Standard นำโดยสีแดง Energetic Red, สีเทา Luxury Grey, สีน้ำเงิน Fresh Blue และสีดำ Majestic Blackพร้อมราคาแนะนำที่ 58,600 บาท โดยเรายังคงใช้วง Getsunova เป็นพรีเซนเตอร์อย่างต่อเนื่องพร้อมกับการสร้าง Brand GF ให้มีความโดดเด่นต่อไป
สำหรับรุ่นสุดท้ายในวันนี้ยามาฮ่าพร้อมเปิดตัวรถออโตเมติกสไตล์สปอร์ตที่ได้รับความนิยมด้วยยอดขายกว่า 1 แสนคัน จากกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงาน ตอบสนองไลฟ์สไตล์ สปอร์ต และโฉบเฉี่ยว สีจัดจ้าน ด้วยรุ่น GT125 2 สีใหม่ ที่ยังคงความสปอร์ตจัดจ้านอย่างชัดเจน อีกทั้งยังตอบสนองอัตราเร่ง และประหยัดน้ำมันอย่างดีเยี่ยม นำโดยสีแดง Red Force แดงสดใสพร้อมกราฟิกใหม่ เน้นย้ำความเป็น Sport Automatic อย่างชัดเจน และ สีเทา Mystic Gray พร้อมราคาแนะนำที่ 46,900 บาท
โดยไทยยามาฮ่ามอเตอร์ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเพิ่มศักยภาพของแบรนด์ยามาฮ่าในประเทศไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ครบทุกเซกเมนต์ พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่ารถจักรยานยนต์ยามาฮ่านั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ด้วยการรับประกันรถจักรยานยนต์ทั้งคัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ในรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดไม่เกิน 400 ซีซี ทุกรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มรถครอบครัวอย่าง ”ยามาฮ่าฟินน์” ที่ยามาฮ่า กล้าให้การรับประกันทุกชิ้นส่วนยาวนานถึง 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ขอขอบคุณร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท Finance และสื่อมวลชนทุกๆ ท่านที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา โดยบริษัทฯ จะยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและบริการที่ดีรวมทั้งกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั่วประเทศ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านเป็นอย่างดีเหมือนเช่นที่ผ่านมา

CUB House เปิดตัว Monkey Johney Red Edition ร้อนแรงจัดจ้านด้วยสีแดงสุดชิค

CUB House สานต่อโปรเจกต์พิเศษ The Monkey Custom เดินหน้าสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ความสนุกครั้งใหม่ให้กับแฟนคลับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าระดับตำนานอย่าง Monkey

ล่าสุด เสิร์ฟความซุกซนพร้อมการเพิ่มดีกรีความร้อนแรง ด้วยสีแดงสุดชิคที่มาในเวอร์ชัน “Monkey Johney Red Edition” ตัวรถเติมแต่งความสนุกด้วยโลโก้หน้าลิง Super Monkey ที่ด้านข้างถังน้ำมัน พร้อมด้วยลวดลายตัวอักษรบ่งบอกเอกลักษณ์ของมังกี้รุ่นพิเศษที่ตัดกับสี Metallic อย่างลงตัว

นอกจากนี้ยังมาพร้อมดีไซน์กระเป๋าข้างโดดเด่นทุกสายตากับสัญลักษณ์ Z125 ตอกย้ำตำนานสุดวินเทจของรถต้นตระกูล Z ที่ได้รับการยกระดับความเท่ บิดสนุกทุกไลฟ์สไตล์กับขุมพลังจากเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 125 ซีซี เกียร์ 5 สปีด

Monkey Johney Red Edition วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ด้วยราคาแนะนำ 107,900 บาท พบกันที่โชว์รูม CUB House ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3xnP6IU

“ราซกัตลิโอกลู” เบิ้ลแชมป์ โดนิงตั้น รั้งจ่าฝูง เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์

โทปรัค ราซกัตลิโอกลู #54 ดาวบิดเติร์ก สังกัดพาต้า ยามาฮ่า วิท บริกซ์ เวิลด์ เอสบีเค ระเบิดฟอร์มเก่งควบ R1 คว้าดับเบิ้ลแชมป์ ในเกมสนาม 4 ศึกเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ เก็บแต้มขยับขึ้นเป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพ หลังผ่านการชิงชัยที่ โดนิงตั้น เมื่อสุดสัปดาห์ผ่านมา

ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 สนามที่ 4 ของฤดูกาล ดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ โดนิงตั้น พาร์ค สหราชอาณาจักร ระยะทางต่อรอบ 4.023 กิโลเมตร กำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 3 เรซ ในรายการโปรเซคโก้ ดีโอซี ยูเค ราวนด์ โดย โทปรัค ราซกัตลิโอกลู #54 นักบิดตุรกี จาก พาต้า ยามาฮ่า วิท บริกซ์ เวิลด์ เอสบีเค สามารถระเบิดฟอร์มเก่งของตนเอง ภายใต้รถแข่งยามาฮ่า YZF-R1 บิดทะยานจากกริดที่ 13 ผงาดคว้าแชมป์ในเรซแรกไปครอง หลังจากนั้นสามารถรักษาผลงานอันร้อนแรงของตนเองไว้ได้ในเรซที่ 2 ก่อนจะจัดการเบิ้ลแชมป์ที่ โดนิงตั้น พาร์ค ได้อย่างยิ่งใหญ่

ด้าน การ์เรตต์ เกอร์ลอฟฟ์ #31 ดาวบิดอเมริกัน จาก จีอาร์ที ยามาฮ่า เวิลด์เอสบีเค ทีม ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมบิดจบเกมในเรซแรกด้วยอันดับ 7 ก่อนจะผงาดขึ้นโพเดี้ยมได้ในเรซที่ 2 ส่วน อันเดรีย โลคาเทลลี่ #55 จาก พาต้า ยามาฮ่า วิท บริกซ์ เวิลด์ เอสบีเค บิดไม่จบการแข่งขันในเรซแรก ก่อนจะซิ่งเข้าเส้นชัยด้วยอันดับ 11 ในเรซที่ 2 จากผลการแข่งขันดังกล่าวส่งผลให้ โทปรัค ราซกัตลิโอกลู ขยับขึ้นเป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทนักบิด หลังเก็บไปได้ทั้งสิ้น 183 คะแนน เบียดแชมป์โลกอย่าง โจนาธาน เรีย ลงมารั้งอันดับ 2 ขณะที่ ยามาฮ่า ลดช่องว่างระหว่าง คาวาซากิ ที่เป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทค่ายผู้ผลิตเหลือเพียง 4 คะแนน
ศึกซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 สนามถัดไป มีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 23-25 กรกฎาคม นี้ ณ ทีที แอสเซ่น เซอร์กิต ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในรายการโปรเซคโก้ ดีโอซี ดัตช์ ราวนด์

ครั้งแรกในไทย! เปิดตัว New CRF450RL เอ็นดูโร่สายพันธุ์แชมป์

ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งแรงเต็มสมรรถนะ พร้อมตอบโจทย์สายลุยแบบไร้ขีดจำกัด ฮอนด้า เปิดตัวสุดยอดรถจักรยานยนต์เอ็นดูโร่ไบค์ New Honda CRF450RL ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรถแข่งสายพันธุ์แชมป์ พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “All Ways Unlimited ให้ทุกทาง…ไร้ขีดจำกัด”

ดีไซน์โดดเด่นให้ความแข็งแกร่งและปราดเปรียวในสไตล์ออฟโร้ด ตัวรถน้ำหนักเบา ควบคุมง่าย ด้วยโครงสร้างเฟรมและสวิงอาร์มแบบอลูมินั่ม ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ 450 ซีซี ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำคู่ รองรับการผจญภัยทุกรูปแบบด้วยระบบช่วงล่าง หน้า-หลัง จากแบรนด์ SHOWA ปรับตั้งค่าตอบสนองแรงสะเทือนได้อย่างละเอียด ลุยได้ทุกอุปสรรค

New Honda CRF450RL สุดยอดรถเอ็นดูโร่ไบค์รุ่นล่าสุดในตระกูล CRF Series คือ รถโปรดักชั่นไบค์ระดับท็อปคลาสที่ใช้พื้นฐานเดียวกับรถแข่งที่คว้าแชมป์โมโตครอสชิงแชมป์โลก MXGP ถึง 2 ปีซ้อน (2019-2020) รวมถึงแชมป์ดาการ์ แรลลี่ 2 ปีซ้อนเช่นกัน (2020-2021) โดยตัวรถได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “All Ways Unlimited ให้ทุกทาง…ไร้ขีดจำกัด” รูปลักษณ์โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ให้ความดุดันในสไตล์ออฟโร้ด ไฟหน้าโฉบเฉี่ยวทันสมัย All LED แบบ Hexagon ส่องสว่างชัดเจน หน้าจอ Digital Meter แสดงฟังก์ชั่นครบถ้วนทุกรายละเอียด

New Honda CRF450RL ให้สมรรถนะความแรงขั้นสุด ด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรถแข่งอย่างเต็มรูปแบบ นำโดยเครื่องยนต์ทรงพลัง ขนาด 450 ซีซี Unicam OHC ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำคู่ พร้อมพัดลมไฟฟ้า อัตรากำลังอัด 12.0 : 1 ปรับย่านกำลังแคมชาร์ฟใหม่ให้เครื่องยนต์สมูทคุมง่ายขึ้น เกียร์ 6 สปีด ที่ปรับอัตราทดให้ขับขี่ใช้งานบนท้องถนนได้อย่างเหมาะสม

ตัวรถน้ำหนักเบา ควบคุมง่าย คล่องตัว ด้วยโครงสร้างเฟรม และสวิงอาร์มแบบอลูมินั่ม ถังน้ำมันไทเทเนียมความจุ 7.6 ลิตร แข็งแรงและน้ำหนักเบา ให้การขับขี่ที่ระยะไกลไร้วกังวล รวมถึงแบตเตอรี่ลิเธียมขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบาเช่นเดียวกัน โดยรวมตัวรถมีน้ำหนักเพียง 131 กก. เท่านั้น

New Honda CRF450RL ให้การขับขี่ควบคุมที่แม่นยำด้วยแฮนด์เดิ้ลบาร์ RENTHAL แบบอลูมินั่ม เกรดเดียวกับรถแข่ง มาพร้อมนวมกันกระแทกและการ์ดแฮนด์ Knuckle Guard ให้ความมั่นคงและแข็งแรง รองรับการผจญภัยทุกรูปแบบ ด้วยระบบช่วงล่าง หน้า-หลัง จากแบรนด์ SHOWA ส่วนของของโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับ ขนาดใหญ่ 49 มม. โดยสามารถปรับตั้งค่าได้อย่างละเอียดทั้ง Pre-Load Compression และ Rebound Damping ทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมลุยได้ทุกอุปสรรคด้วยล้อน้ำหนักเบา ขนาดล้อหน้า 21 นิ้ว และหลัง 18 นิ้ว มาพร้อมการ์ดกันกระแทกใต้เครื่องยนต์ และดิสก์เบรกหน้า 260 มม. ดิสก์หลัง 240 มม. การ์ดดิสก์เบรก ช่วยปกป้องประสิทธิภาพการใช้งานพร้อมลุยทุกสถานการณ์ ทั้งแบบออนโร้ด และออฟโร้ด

New Honda CRF450RL พร้อมทำตลาดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยเอกลักษณ์สีสันสไตล์รถแข่ง สีแดง เอ็กซ์ตรีมเรด ราคาแนะนำ 339,000 บาท เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ที่ศูนย์บริการ ฮอนด้า บิ๊กวิง ทั่วประเทศ

ความคิดเห็นหลังทดสอบขับขี่
จตุรงค์ หมื่นทิพย์ Golf Riding
“…เค้าว่ามันคือยา “แก้มือตึง” ด้วยเกียรติศัพท์ความพยศของ CRF450R แข่งระดับแชมป์โลก ที่ถูกปรับมาให้เป็นรถโปรดักชั่นใช้งานบนท้องถนนทั่วไป และพร้อมลุยไปทุกเส้นทาง โดยใช้รหัสเป็น CRF450RL
ตัวรถที่ดูปราดเปรียว แถมยังมีน้ำหนักที่เบากว่าโมเดล CRF300L ทำให้คนตัวเล็กๆ ควบคุมรถได้ง่าย ไม่กลัวว่าจะล้ม แต่ติดแค่ความสูงของเบาะ 94 ซม. จะสูงไปไหน ผมเองสูง 168 ซม. ต้องใช้ขาข้างเดียวเป็นหลักและอีกข้างพาดไว้ จะออกตัวก็กระโดดคร่อม รถสไตล์วิบากน่าจะเหมาะกับการยืนขี่มากกว่าเพราะเบาะมันเล็กนิดเดียว แฮนด์เดิ้ลบาร์ที่กว้าง จับได้เต็มไม้เต็มมือในส่วนของเครื่องยนต์ถึงแม้มันจะถูกปรับใหม่เพื่อให้ขี่ใช้งานง่าย แต่พละกำลังแรงบิดนี่ยังมหาศาล เปิดคันเร่งเบาก็เอาแทบไม่อยู่ ต้องทำความรู้จักกันก่อน เพราะคันเร่งแบบทดรอบบิดนิดเดียวรอบก็มาแล้ว และต้องใช้รอบสูงตลอดเวลาไม่งั้นเครื่องยนต์จะดับ อัตราทดของเกียร์สั้นรอบจะตึงเร็ว วันนั้นได้ใช้เพียง 3 เกียร์ ก็เอาแทบไม่อยู่ ไม่รู้ว่าถ้าลากกันจนหมดทั้ง 6 เกียร์จะเป็นอย่างไรช่วงล่างจัดเต็มปรับได้แบบฟูลซิเต็ม ตามสไตล์รถวิบากช่วงยุบจะเยอะ โดนเนินล้อลอย ล้อหน้าลงก่อนบ้าง ล้อหลังลงก่อนบ้างแล้วแต่จังหวะ โช้คอัพหน้าทำงานได้นุ่มดี แต่โช้คอัพหลังถ้าขี่แบบธรรมดาหยอดๆ ไปตามเนิน จะรู้สึกกระด้าง แต่ถ้ารูดไปด้วยความเร็วแบบรวดเดียว มันจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ระบบดิสก์เบรกที่ให้มาดีมาก กำเบรกหน้าทีไรล้อแทบสไลด์ เบรกหลังก็ท้ายปัดอาจเป็นเพราะพื้นทรายก็เป็นได้ โดยรวมแล้ว CRF450RL มันคือรถโปรดักชั่นที่มีหัวใจเป็นรถสูตร พละกำลังเหลือเฟือ ลุยทุกสภาพพื้นผิว แต่ถ้าเป็นมือใหม่อาจจะต้องไปเพิ่มทักษะการขับขี่สไตล์วิบาก เพราะรถมันแรง น้ำหนักเบาจะรู้สึกหวิวๆ

โอ้โห โอ้โห… Suzuki ปล่อยโปรโมชั่น สุดปังจนทนไม่ไหว!!!

Suzuki Big Bike ปล่อยโปรโมชั่นสุดปัง ตอนรับการมาของน้องใหม่ป้ายแดงสายปอร์ตอย่าง Suzuki Gixxer SF แบบเต็มสตรีม นอกจากนี้ Suzuki Big Bike รุ่นยอดนิยม 3 รุ่น 3 สไตล์ ก็ตบเท้ามาร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง โดยเริ่มกันที่สายสกู๊ตเตอร์ Suzuki Burgman 400, สายแอดเวนเจอร์ Suzuki V-Strom 650XT, สายสตรีทสปอร์ต Suzuki GSX-S750 ที่ยกโปรโมชั่นกันมาแบบจัดหนักจัดเต็มถึงพริกถึงขิง *ทั้งหมวกกันน๊อค, ฟรี ประกันภัยชั้น 1, ทะเบียน, พรบ. และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง โดยยังมีโปรโมชั่นของรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ อีกมากมายครบทุกรุ่น

โปรโมชั่นพิเศษ ๆแบบนี้ รีบเลยตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคมนี้ หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

สนใจเยี่ยมชมหรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Suzuki Big Bike สามารถติดต่อได้ที่ร้านผู้แทนจำหน่าย ซูซูกิ ทั่วประเทศ หรือติดต่อ บริษัท ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผ่านทาง Facebook : Suzuki Society Thailand ได้เลย

*อุปกรณ์ของแถมเฉพาะรุ่น, รายละเอียดเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด, บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

“ยามาฮ่า” วัน-ทู แอสเซ่น “กวาร์ตาราโร่” ซิวแชมป์ที่ 4 “บีญาเลส” คัมแบ็กโพเดี้ยม

ขุนพลนักบิดทีมโรงงานยามาฮ่า แท็กทีมระเบิดฟอร์มเก่ง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20​ ควบ M1 คว้าแชมป์ที่ 4 ในฤดูกาล จากเรซสุดมันส์ที่ แอสเซ่น ขณะที่ มาเวริค บีญาเลส #12 ทะยานขึ้นโพเดี้ยมอันดับ 2 ดัตช์ กรังด์ปรีซ์
ศึกโมโตจีพี 2021​ สนามที่ 9 ของฤดูกาล​ ดวลความเร็วเมื่อสุดสัปดาห์​ที่ผ่านมา ณ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์​ ระยะทางต่อรอบ 4.542 กิโลเมตร กำหนดชิงชัยทั้งสิ้น 26 รอบสนามในรายการ โมตุล ทีที แอสเซ่น
โดย มาเวริค บีญาเลส #12 ดาวบิดสแปนิช สังกัดมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี คว้าโพลโพซิชั่นแรกในฤดูกาล​ให้กับตนเอง ขนาบข้างด้วย ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20​ เพื่อนร่วมสังกัด ในกริดที่ 2
ส่วน วาเลนติโน่ รอสซี่ #46 และ การ์เรตต์ เกอร์ลอฟฟ์ #31 ที่ลงบิดแทน ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ จาก ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 12 และ 22 ตามลำดับ
เกมในเรซดังกล่าวเป็นผลงานระดับท็อปของดาวบิดค่ายยามาฮ่า ไล่บดกับคู่แข่งในกลุ่มท็อป ก่อนจะแท็กทีมขึ้นครองหัวขบวน และสามารถครองตำแหน่งไว้ได้อย่างเหนียวแน่น จนครบ 26 รอบสนาม
โดยแชมป์ตกเป็นของ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ #20​ ที่ บิดรับธงตาหมากรุกเป็นคันแรก คว้าชัยที่ 4 ในฤดูกาล​ให้กับตนเอง ตามด้วย มาเวริค บีญาเลส #12 ที่ทะยานขึ้นโพเดี้ยมในอันดับ 2
ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงส่งผลให้ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ ครองจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพประเภทนักบิด รวมถึง มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโตจีพี และ ยามาฮ่า ที่รั้งผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพเช่นกัน หลังผ่านครึ่งแรกของฤดูกาล
ศึกโมโตจีพี 2021​ สนามถัดไปจะยกพลไปดวลความเร็ว ที่ เรดบูลล์ริง ประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคม​ นี้

“มาร์เกซ” ควบ Honda RC213V บดคู่แข่ง คว้าท็อป 7 โมโตจีพี สนาม 9

มาร์ค มาร์เกซ ยอดนักบิดสแปนิชจาก เรปโซล ฮอนด้า แสดงศักยภาพแชมป์โลก 8 สมัย ฝ่าขีดจำกัดร่างกายควบรถแข่ง Honda RC213V กอบกู้อันดับสุดโหด ทะยานจากกริดที่ 20 บิดเข้าป้ายในอันดับ 7 ส่งท้ายครึ่งฤดูกาลแรกของศึกโมโตจีพี 2021 ที่ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ศึกโมโตจีพี 2021 สนามที่ 9 ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่ ทีที เซอร์กิต แอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ ชิงชัยทั้งสิ้น 26 รอบสนาม โดยเรซนี้ ฮอนด้า กลับมามีลุ้นโพเดี้ยมอีกครั้งจาก ทาคาอากิ นาคากามิ นักบิดญี่ปุ่นจาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า ที่ได้ออกตัวจากกริดที่ 4 ก่อนจะขยับขึ้นมารั้งอันดับ 2 ได้ในช่วงครึ่งทางการแข่งขัน

ขณะที่ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัย จาก เรปโซล ฮอนด้า เจอปัญหาในรอบควอลิฟาย ได้ออกตัวจากกริดที่ 20 แต่เพียง 3 รอบนักบิดสแปนิชก็ทะยานขึ้นมาถึงอันดับ 10 ก่อนจะสร้างผลงานยอดเยี่ยมบิดเข้าป้ายในอันดับ 7 ตามหลังแชมป์เพียง 10.110 วินาที ส่วน นาคากามิ เจอปัญหายางเล่นงานร่วงลงไปจบเรซในอันดับ 9 ตามด้วย โปล เอสปาร์กาโร จาก เรปโซล ฮอนด้า ในอันดับ 10 และ อเล็กซ์ มาร์เกซ จาก แอลซีอาร์ ฮอนด้า เข้าเส้นชัยในอันดับ 14

ผ่านการแข่งขัน 9 สนามแรกของฤดูกาล มาร์ค มาร์เกซ รั้งอันดับ 10 มี 50 คะแนน ตามด้วย นาคากามิ และ โปล เอสปาร์กาโร ในอันดับ 11 และ 12 มีคนละ 41 คะแนน ขณะที่ อเล็กซ์ มาร์เกซ รั้งอันดับ 15 มีทั้งสิ้น 27 คะแนน
ทั้งนี้ ศึก โมโตจีพี 2021 จะพักครึ่งฤดูกาลแข่งขันในช่วงฤดูร้อน 5 สัปดาห์ ก่อนจะกลับมาดวลความเร็วสนามที่ 10 ในวันที่ 6-8 สิงหาคมนี้ ที่สนาม เรดบูล ริง ประเทศออสเตรีย ในรายการ สตีเรียน กรังด์ปรีซ์ แฟนชาวไทยสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : fb.com/aphondaracingth

Suzuki ขึ้นโพเดียม โจน เมียร์ ระเบิดฟอร์มในการแข่งขัน MotoGP สนามที่ 9

โจน เมียร์ #36 ยอดนักบิดจาก Team Suzuki Ecstar ระเบิดฟอร์มออกสตาร์ทกริดที่ 10 พุ่งจบเรซขึ้นโพเดี้ยมในอันดับที่ 3 และอเล็กซ์ รินส์ #42 จบเรซในอันดับที่ 11 ในการแข่งขัน MotoGP สนามที่ 9 TT Circuit Assen ประเทศ เนเธอร์แลนด์

ในช่วงแรกของการแข่งขันนักบิดทั้งสองออกตัวได้อย่างดีเยี่ยม แต่โชคร้ายของรินส์ที่ถูกเสียบ จนเสียจังหวะ ตกไปรั้งท้ายของกลุ่ม ในขณะที่ เมียร์ยังคงเกาะกลุ่มผู้นำได้อย่างเหนียวแน่น และรักษาอันดับเพื่อรอจังหวะในการแซงตลอดช่วงเวลาของการแข่งขันนัดบิดทั้งสอง พยายามที่จะหาจังหวะขึ้นแซงคู่ต่อสู้ที่อยู่ด้านหน้าอยู่เสมอ แต่ด้วยสนามนี้เป็นสนามที่ค่อนข้างแซงยาก ทำให้นักบิดทั้งสอง ต้องใช้สมาธิ และรอจังหวะ เพื่อหาโอกาสในการขึ้นนำ จนในช่วง 8 รอบสุดท้ายของการแข่งขัน เมียร์ อาศัยจังหวะที่สามารถเปิดคันเร่งขึ้นแซงได้ขยับขึ้นมาจบเรซในอันดับที่ 3 ขึ้นโพเดี้ยมอย่างสวยงาม ในขณะที่ รินส์ สามารถแซงคู่ต่อสู้ได้เรื่อย ๆ และจบเรซในอันดับที่ 11 ของการแข่งขัน

ต้องบอกว่า ในการแข่งขัน MotoGP สนามที่ 9 TT Circuit Assen นี้ สองนักแข่ง Team Suzuki Ecstar โจน เมียร์ #36 และอเล็กซ์ รินส์ #42 ใช้ทักษะ สติ และรอจังหวะที่คู่แข่งผิดพลาดในการขยับขึ้นแซงคู่ต่อสู้ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งในการแข่งขันสนามต่อไป สนามที่ 10 คีมีริงค์ ประเทศฟินแลนด์ ช่วยเป็นกำลังใจให้กับสองนักแข่ง Team Suzuki Ecstar กันด้วยนะครับ

Honda REBEL300

ของใหม่มาแรงได้ลองแล้วติดใจ ครุยเซอร์สปอร์ตยุคใหม่กับชื่อที่ตำนานถูกรีบิ้วท์ใหม่ REBEL ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ขนาด 300 ซีซี โดยใช้พื้นฐานเดียวกับรถสปอร์ต CBR300 แบบสูบเดี่ยวให้อารมณ์ที่เร้าใจขับขี่ง่าย

ต้องบอกว่าแค่ยอดจองก็ส่งรถกันแทบไม่ทันแล้ว ด้วยความสวยมีสไตล์คลาสสิคผสมผสานทำให้ Rebel 300 ได้รับความนิยมและยิ่งได้มีการเสริมเติมแต่งด้วยของแต่งที่สวยงามเพิ่มความโดดเด่นบนท้องถนน ด้วยไอเดียของ พี่อุดม…จัดสรรปั้นแต่งใหม่ ด้วยสีดำด้านเพิ่มลายแอร์บรัชที่ถังน้ำมันรูปหัวกะโหลก ฝาถังน้ำมันแบบสปอร์ตเป็นอลูมินัมใช้มือบิด มีลายกราฟฟิคด้านข้าง และคาดลายด้วยสติ๊กเกอร์สีส้ม เข้ารับกับวงล้อแม็กที่ใช้สีส้มเหมือนกันทั้งหน้าและหลัง ยางลายใบเลื่อย

ช่วงบนแฮนด์เดฟตรงก้านเบรกและคลัทช์ปรับระดับ แท้งค์ดิสก์เบรกครอบด้วยฝาอลูมินัม ปลอกแฮนด์ลาย และกระจกมองหลังติดอยู่ที่ปลายแฮนด์ เรือนไมล์โดดเด่นแบบทรงกลมยังคงความคลาสสิคในยุคใหม่ แกนโช้คอัพหน้าชุบสีรุ้ง เบาะนั่งแบบเดี่ยวหุ้มด้วยหนังลายใหม่ และติดตั้งไฟ LED ที่ด้านท้ายเบาะ แทนไฟเลี้ยวที่ให้มาสามารถใส่ได้เพราะท้ายเปลือยโล่ง โช้คอัพหลังคู่ระบบแก๊สมีซับแทงค์บิ้วท์อิน ดิสก์เบรกหลังของเดิมซึ่งให้สมรรถนะที่ดีอยู่แล้ว

ทางด้านของเครื่องยนต์ขนาด 300 ซีซี สูบเดี่ยว 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่ให้กำลังตอบสนองได้อย่างเร้าใจ อัพเกรดเสริมความจี๊ดจ๊าดด้วยท่อไอเสียปลายคู่อลูมินัมทรงสปอร์ตเสียงแผดดังในสไตล์ของสปอร์ตครุยเซอร์ อันเดอร์เคาริ่งล่าง และปีกข้างหม้อน้ำสร้างขึ้นมาใหม่ให้ดูมีความดุดัน

นี่คือไอเดียใหม่ๆ สำหรับไบค์เกอร์ที่ชื่นชอบความสวยงาม เพียงแค่แต่งเติมสีสันและออพชั่นอีกนิดหน่อยก็ทำให้รถของคุณนั้นโดดเด่น และเป็นที่น่าสนใจในแบบของคุณเอง…

Suzuki V-Strom 1050 XT

แอดเวนเจอร์รุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายคนบ้า Suzuki V-Strom 1050 ที่ปล่อยในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ และเป็นการนำเอาเอกลักษณ์ของรถมอเตอร์ไซค์ที่เคยโด่งดังเป็นอย่างมากในอดีตให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งบนแพลตฟอร์มของเครื่องยนต์สมัยใหม่ ล่าสุดมีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดของตัวรถออกมาเป็นที่เรียบร้อย และเราจะมาลงลึกในรายละเอียดของโมเดล XT ที่จัดว่าเป็นตัวท็อปของรุ่น

2020 Suzuki V-Strom 1050 XT นั้นเป็นรถมอเตอร์ไซค์ในแนวทางของ Adventure เต็มรูปแบบ สามารถใช้งานได้ทั้งทางเรียบและยังสามารถตะลุยในเส้นทางฝุ่นที่เป็น Off-Road โดยจะเน้นที่การผจญภัยไปในเส้นทางต่างๆ มากกว่าการปีนป่าย หรือการกระโดดเนินแบบต่อเนื่อง โดยที่ขุมกำลังเครื่องยนต์ของ Suzuki V-STROM 1050XT ใช้เครื่องยนต์ 2 สูบ 90° V-Twin 4 จังหวะ DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุกระบอกสูบที่ 1,037 ซีซี มอบพละกำลังสูงสุด 107.4 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้มีความโดดเด่นตรงที่ใช้หัวเทียนแบบ Iridium ถึง 2 หัว ต่อ 1 ลูกสูบ ทำให้รถคันนี้มีหัวเทียนทั้งหมด 4 อัน ส่งผลให้ตัวรถมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำเพียง 24.5 กม./ลิตร และมอบพละกำลังที่เหลือเฝือ อีกทั้งทำให้รอบเดินเบานุ่มนวลขึ้น สตาร์ทเครื่องยนต์ก็ติดง่าย แต่ในส่วนของแรงบิดนั้นมีการปรับลดลงมาจากเดิมเล็กน้อย จาก 101 นิวตันเมตร ให้กลายเป็น 100 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที โดยการลดแรงบิดลงมานั้นจะช่วยส่งให้รอบเครื่องยนต์ในย่านความเร็วกลางนั้นสามารถทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม

ในส่วนของโครงสร้างนั้น จะมาในรูปแบบของ Twin-spar aluminium frame โดยที่ชุดแฟริ่งการออกแบบไฟหน้า LED จะเป็นรูปทรงสีเหลี่ยมย้อนยุค โดยอ้างอิงมาจากรถแข่ง Dakar Rally ในช่วงยุค 80 อย่างเจ้า Suzuki DR Big โดยที่ในรุ่น XT นั้นจะมีให้เลือกกันอยู่ 2 ชุดสีประกอบด้วยสีขาว-ส้ม และสีเหลือง โดยที่อุปกรณ์พื้นฐานของเจ้า XT ที่แตกต่างไปจากรุ่นปกติก็คือ มีการติดตั้งแฮนด์การ์ด กันท้องเครื่อง ขาตั้งกลาง และที่เป็นจุดเด่นที่ชัดเจดที่สุดก็คือเรื่องของวงล้ออลูมิเนียมแบบซี่ลวดที่แตกต่างจากวงล้อแม็กแบบธรรมดาในรุ่นปกติ

ในส่วนของอิเล็กทรอนิกส์นั้น Suzuki V-Strom 1050 ทั้งสองรุ่นจะมีการติดตั้งระบบพื้นฐานที่ใกล้เคียงกันไม่ว่าจะเป็นโหมดการขับขี่ 3 โหมด ระบบ Traction Control ระบบเบรก ABS แต่จะมีความแตกต่างกันที่ รุ่น XT นั้้นจะมีการติดตั้งแกน IMU แบบ 6 แกน สำหรับการช่วยเหลือการทำงานของระบบเหล่านี้ รวมไปถึงการเพิ่มศักยภาพให้ระบบ Cruise Control ระบบ Traction Control และระบบ ABS ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่ารุ่นปกติ

อีกหนึ่งส่วนที่มีการปรับปรุงไปจากโมเดลเดิมนั้นก็คือระบบช่วงล่าง โดยเจ้า V-Strom 1050 XT นั้นจะมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ Upside-Down ขนาด 43 มิลลิเมตร แบบปรับระดับได้ fully-adjustable จากแบรนด์ KYB โดยที่ระบบกันสะเทือนหลังจะเป็นแบบ Monoshock แบบปรับค่า Preload-Rebound damping ได้ และระบบกันสะเทือนหน้าหลังนั้นจะมีการปรับปรุงการทำงานใหม่ให้สอดคล้องกับรูปแบบการใช้งานในแต่ล่ะรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนทางเรียบ หรือการปรับค่าสำหรับการขี่ในทางฝุ่น ก็สามารถตอบสนองผู้ขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่ารุ่นเดิม

นอกจากนี้แล้ว 2020 Suzuki V-Strom 1050 XT ยังสามารถปรับแต่งการใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นชิลด์หน้าปรับระดับได้ (แบบแมนนวล) เบาะนั่งปรับระดับได้โดยสามารถปรับให้ต่ำที่สุดได้ 850 มม. และสูงสุดได้ 870 มม. หน้าจอแสดงผลดิจิตอลปรับองศาได้ ถังน้ำมันจุดได้ 20 ลิตร โดยที่น้ำหนักตัวรวมของเหลวแล้วจะมีน้ำหนักที่ 247 กิโลกรัม

แน่นอนว่า 2020 Suzuki V-Strom 1050 ทั้งสองรุ่นนั้นจะเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ BMW R1250 GS, Ducati Multistrafa 1260 หรือแม้แต่รถจากฝั่งญี่ปุ่นด้วยกันเองอย่าง Honda CRF1100 Afeica Twin Yamaha Tanere1200 และ Kawasaki Versys1000 โดยที่จุดเด่นสำคัญของเจ้า V-Strom ที่เหนือกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ ก็คือเรื่องของราคาที่ย่อมเยา ประมาณ 579,000 บาทเท่านั้น และยังมีเวอร์ชั่นที่จัดเต็มในเรื่องของอุปกรณ์เสริมสำหรับสายเดินทางที่วางจำหน่ายในราคา ประมาณ 619,000 บาท